Jitta Wealth Journal - ตลาดหมีมาแล้ว! แผนรับมือให้ขาดทุนน้อยลง

18 พฤษภาคม 2565Jitta WealthJitta Wealth Journal

บัญชีเทรดหุ้นเวียดนามทะลุ 5 ล้าน สวนทางตลาดดิ่ง

Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 77 ประจำวันที่ 18 พฤษภาคม 2565 มีประเด็นข่าวสารที่น่าสนใจจากทุกมุมโลก ดังนี้

  • เงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังพุ่งสูง กดดันตลาดหุ้นลงแรง
  • Elon Musk เลื่อนซื้อ Twitter ทำหุ้นร่วง -17%
  • ตลาดหุ้นเวียดนามคึกคัก ยอดเปิดบัญชีเทรดทะลุ 5 ล้าน
  • แบงก์ชาติจีนส่งกำไรเข้าคลังกว่า 800,000 ล้านหยวน
  • Toyota เตรียมสร้างโรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในอินเดีย
  • ยอดขาย EV จีนโต +128.4% สวนทางตลาด
  • Disney+ โตสวนทาง Netflix สมาชิกเพิ่ม 8 ล้านราย
  • Google เปิดตัวสมาร์ตวอตช์รุ่นแรก หลังจบดีล Fitbit

ไปติดตามกันได้เลย


Jitta x Artstory

Jitta ฉลอง 10 ปีด้วยของขวัญคอลเล็กชันพิเศษ Jitta x Artstory 

ความร่วมมือระหว่าง Jitta x Artstory สู่การสร้างสรรค์งานศิลปะลายเส้นของยุวจิตรกรจากมูลนิธิออทิสติกไทย บนของขวัญสุดพิเศษ ฉลอง 10 ปีของสตาร์ตอัปสัญชาติไทย Jitta ที่พร้อมส่งเสริมให้เยาวชนมีความรู้ด้านการเงินการลงทุน เพื่อความมั่นคงเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ 

เข้าร่วมกิจกรรมลงทุนครั้งแรก หรือสะสมเงินลงทุนกับ Jitta Wealth แผนใดก็ได้ ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน ถึง 30 มิถุนายน 2565 รับของขวัญพิเศษนี้ได้เลย

รายละเอียดเข้าร่วมกิจกรรม


Jitta x Artstory

ที่มาของลายเส้น Doodle Art จาก Jitta x Artstory 

ความร่วมมือครั้งสำคัญระหว่าง Jitta x Artstory รังสรรค์งานศิลปะบนของขวัญสุดพิเศษ เพื่อตอกย้ำแนวคิดการลงทุนสร้างความมั่งคั่งระยะยาวตลอด 1 ทศวรรษที่ผ่านมาของสตาร์ตอัป Jitta มาทำความรู้จักลายเส้น Doodle Art จากน้องออกัส มูลนิธิออทิสติกไทย แรงบันดาลใจและแนวคิดคืออะไร

อ่านต่อ


ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา

เงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังพุ่งสูง กดดันตลาดหุ้นลงแรง

สำนักงานสถิติกระทรวงแรงงานประกาศตัวเลขดัชนีราคาผู้บริโภค หรือเงินเฟ้อทั่วไปเดือนเมษายน 2565 อยู่ที่ +8.3% ซึ่งสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ +8.1% ในขณะที่เงินเฟ้อพื้นฐาน (ไม่รวมราคาน้ำมันและอาหารสด) อยู่ที่ +6.2% สูงกว่าที่คาดการณ์ที่ +6.0% 

ตัวเลขเงินเฟ้อเดือนที่ผ่านมาสูงเกินคาด อาจจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) เร่งใช้นโยบายการเงินเร็วขึ้น โดย Jerome Powell ประธาน Fed ได้กล่าวไว้ในการประชุมรอบเดือนพฤษภาคมว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.50% อีก 2-3 ครั้ง

แม้ว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะรับรู้แนวโน้มดอกเบี้ยขาขึ้นจาก Fed และภาวะเงินเฟ้อเร่งตัวมาตลอด 1 ปี แต่ภายหลังได้ปรับตัวลงอย่างมีนัยสำคัญ โดยผลตอบแทน ปี 2565 จนถึงวันที่ 13 พฤษภาคม ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังเป็นขาลง 

  • DJIA -11.54%
  • S&P500 -15.80%
  • NASDAQ -25.01%

เมื่อดัชนี NASDAQ ติดลบมากกว่า -20% ถือว่าเข้าสู่ภาวะ Bear Market หรือตลาดหุ้นซึมตัว ส่วนดัชนี S&P 500 และ DJIA ก็ติดลบมากกว่า -10% ถือว่าตลาดหุ้นกำลังปรับฐาน (Correction) 

สาเหตุ คือ นักลงทุนไม่เชื่อ Fed เพราะ Powell บอกมาตั้งแต่ช่วงแรกๆ ที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ เร่งตัวว่า ภาวะนี้อยู่ไม่นาน Fed ยังควบคุมได้ แต่ก็ผ่านมาแล้ว 1 ปี และ Fed จะไม่ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเกินกว่า 0.25% ในแต่ละครั้ง ซึ่งนับเป็นกระสุน 1 นัด แต่ครั้งล่าสุดก็ปรับขึ้น 0.50% นั่นหมายความว่า Fed กัดฟันยิงกระสุนถึง 2 นัด เพื่อบรรเทาเงินเฟ้อ

Powell บอกหลังจากการขึ้นดอกเบี้ยครั้งล่าสุดว่า ตอนนี้เงินเฟ้อสหรัฐฯ มาถึงจุดสูงสุดแล้ว และ Fed สามารถควบคุมได้ แต่นักลงทุนกลับมองว่า ที่ผ่านมา Fed ก็ควบคุมไม่ได้ และส่งสัญญาณบอกไทม์ไลน์ขึ้นดอกเบี้ยมาตลอด

นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า มีความเป็นไปได้ที่ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยครั้งเดียวถึง 0.75% ในช่วงเวลาใกล้ๆ นี้ แม้ Powell ปฏิเสธว่าจะไม่ทำ แต่ขนาดยิงกระสุน 2 นัด Fed ยังทำมาแล้ว กระสุน 3 นัดใน 1 ครั้ง ทำไม Fed จะเล่นแรงๆ ไม่ได้

นอกจากนี้ Powell บอกว่า ปี 2565 เศรษฐกิจสหรัฐฯ จะขยายตัว +2% แต่นักลงทุนกลับคิดว่า นี่คือสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย (Recession) ที่กำลังคืบคลานเข้ามา จากภาวะ Inverted Yield Curve ที่ผลตอบแทนตราสารหนี้ระยะสั้นสูงกว่าระยะยาว ก็มีให้เห็นอยู่เนืองๆ

สรุปได้ว่า ภาวะตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงระยะเวลาสั้นๆ ยังซึมตัว เป็นตลาดหมี ซึ่งจะส่งผลต่อมูลค่าพอร์ตของคุณที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างแน่นอน ทีมงาน Jitta Wealth ยังคงติดตามภาวะนี้อย่างใกล้ชิด และยอมรับว่า ไม่มีใครหลีกเลี่ยงความเสี่ยงนี้ได้เลย

แต่ภาวะตลาดหุ้นปรับฐาน เป็นการย้ำเตือนหลักการของ Warren Buffett ที่บอกว่า ‘อย่าพยายามจับจังหวะตลาดหุ้น’ และให้ลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพดี กิจการที่สามารถขึ้นราคาสินค้าในช่วงเงินเฟ้อได้ นั่นหมายถึงโอกาสเติบโตที่แข็งแกร่ง

ตอนนี้คุณอาจจะยังมองไม่ออกว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะซึมอีกนานไหม เพราะมันคืออารมณ์ของนักลงทุนส่วนใหญ่ แต่หลักการลงทุนที่ถูกต้อง สินทรัพย์ที่มั่นใจได้ว่ามีโอกาสเติบโต ภาวะตลาดหุ้นแบบนี้ คือ ช่วงเวลาที่สินทรัพย์ดีๆ มีราคาถูกลง มองเป็นโอกาสเพิ่มทุนได้เช่นกัน 


Thematic

7 ธีมใหม่ล่าสุดพร้อมให้จัดพอร์ตได้แล้ววันนี้

หลังจากที่ Jitta Wealth ปล่อย 7 ธีมใหม่ล่าสุด เพิ่มทางเลือกให้คุณจัดพอร์ตเองได้ตามใจชอบผ่านแผน Thematic DIY และถ้าธีมมีโอกาสเติบโต AI จะนำมาจัดพอร์ตให้ผ่านแผน Thematic Optimize โดยที่คุณไม่ต้องเลือกเอง

ทีมงาน Jitta Wealth สร้างสรรค์คอนเทนต์ดีๆ สรุปทุกสิ่งที่คุณควรรู้ ก่อนลงทุนใน 7 ธีมใหม่นี้ หรือหากสนใจอีก 16 ธีมอื่นๆ สามารถตามอ่านได้ในบทความย้อนหลังในเว็บไซต์ ปัจจุบันเรามีให้คุณเลือกลงทุนสูงถึง 23 ธีม มากที่สุดในตลาดกองทุนส่วนบุคคลในไทยเลย


เทคโนโลยีสหรัฐ

Elon Musk เลื่อนซื้อ Twitter ทำหุ้นร่วง -17%

CEO ของ Tesla และบุคคลที่มั่งคั่งที่สุดในโลก Elon Musk เลื่อนดีลการซื้อ Twitter มูลค่า 4,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐออกไปชั่วคราว หลังจากที่เขามองว่า จำนวนบัญชีปลอมหรือสแปมบนแพลตฟอร์มมีมากกว่า 5%

Musk ต้องการมั่นใจว่า มีบัญชีสแปมอยู่ในระบบต่ำกว่า 5% ของบัญชีผู้ใช้ทั้งหมด ซึ่งเป็นสิ่งที่ Twitter ประเมินออกมาว่าต่ำกว่า 5% แต่ทาง Musk ยังไม่ปักใจเชื่อและต้องการดูรายละเอียดการคำนวณบัญชีปลอม ทำให้เขาเลื่อนการซื้อ Twitter ส่งผลให้ราคาหุ้น Twitter ปรับตัวลง -17% ในวันที่ 13 พฤษภาคม 

เป้าหมายหลักของ Musk ในการซื้อ Twitter คือ การกำจัดบัญชีสแปมออกไป ซึ่งเป็นสิ่งที่ Twitter เผชิญมาอย่างยาวนาน และไม่ได้จัดการกับเนื้อหาที่โพสต์โดยบัญชีเหล่านี้

ถ้าการคำนวณมีความโปร่งใสจริง ดีลซื้อ Twitter ของ Musk จะเสร็จสมบูรณ์ได้เร็ว คงต้องติดตามกันต่อไปว่า บทสรุปของดีล Twitter จะจบลงอย่างไร และ Musk จะพลิกโฉมบริษัทได้มากแค่ไหนในอนาคต


ตลาดหุ้นเวียดนาม

ตลาดหุ้นเวียดนามคึกคัก ยอดเปิดบัญชีเทรดทะลุ 5 ล้าน

จำนวนบัญชีนักลงทุนรายย่อยในตลาดหุ้นเวียดนามทะลุ 5 ล้านบัญชี เป็นที่เรียบร้อย โดยเพิ่มขึ้นกว่า 230,000 บัญชีในเดือนเมษายน ซึ่งเป็นการเพิ่มขึ้นที่สูงมาก และจะส่งผลให้ตลาดหุ้นเวียดนามมีสภาพคล่องที่ดี

สำนักสถิติเวียดนามเผยว่า จำนวนบัญชีหุ้นรายย่อยคิดเป็น 5.24% ของประชากรเวียดนาม โดยทะลุเป้าหมายของเวียดนามที่ต้องการให้ประชากร 5% ลงทุนในตลาดหุ้นภายในปี 2568

RongViet Securities คาดว่า นักลงทุนรายย่อยจะเข้าซื้อหุ้นอีกครั้งในเดือนพฤษภาคมนี้ หลังจากหลายๆ บริษัทเริ่มประกาศผลประกอบการ อย่างไรก็ตามตลาดหุ้นเวียดนามมีผลตอบแทน ปี 2564 จนถึงวันที่ 12 พฤษภาคมอยู่ที่ -13.13% เป็นผลมาจากดัชนี VNI ดิ่งลงมากในเดือนเมษายนที่ผ่านมา

แต่แนวโน้มในตลาดหุ้นเวียดนามอาจจะเริ่มกลับมาดีอีกครั้ง รวมไปถึงสกุลเงินดงที่ยังมีเสถียรภาพ เมื่อเทียบกับค่าเงินอื่นๆ ในประเทศกำลังพัฒนา ที่ผันแปรไปตามค่าเงินดอลลาร์สหรัฐ หลังจากข่าวขึ้นดอกเบี้ยของ Fed 

ทั้ง 2 ปัจจัย คือ บัญชีนักลงทุนรายย่อยและเสถียรภาพของเงินดง ทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามยังคงความน่าสนใจ เพราะเป็นปัจจัยพื้นฐานชั้นดี ที่ไม่ว่าจะเผชิญความเสี่ยงมากแค่ไหน ตลาดหุ้นที่แข็งแกร่งมากพอ เศรษฐกิจของประเทศที่ยังเติบโตได้ จะผลักดันให้ภาวะขาลงอยู่ได้ไม่นาน


Passive Way

8 เรื่องเล่าจาก Wall Street ลงทุนไม่พัง ต้องฟังทางนี้ Episode Pilot

องค์ความรู้ Passive Investment ในรูปแบบพอดคาสต์จากเว็บไซต์ Passive Way เปิดตัวกันแบบเบาๆ ใน Episode Pilot แนะนำเรื่องราวของเซียนหุ้นมือฉมังของโลกที่คุณจะได้รับฟังใน Episode 01 ถึง Episode 08 ในทุกๆ วันพฤหัสบดี 

กด Subscribe ช่องทางพอดคาสต์ต่างๆ ได้ที่นี่

รับฟังผ่าน YouTube


เศรษฐกิจจีน

แบงก์ชาติจีนส่งกำไรเข้าคลังกว่า 800,000 ล้านหยวน

ธนาคารกลางจีน (PBOC) ส่งกำไรให้กับรัฐบาลไปแล้วกว่า 800,000 ล้านหยวน เพื่อใช้ในงบประมาณแผ่นดิน โดยในปี 2565 จะส่งกำไรให้มากกว่า 1.1 ล้านล้านหยวน

การส่งกำไรเข้าคลังกว่า 800,000 ล้านหยวน จะช่วยเพิ่มสภาพคล่องให้กับรัฐบาลจีนนำไปกระตุ้นเศรษฐกิจได้ เพื่อให้ตัวเลข GDP ขยายตัวได้ตามเป้าหมาย ซึ่งจะส่งผ่านไปยังงบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยเม็ดเงินกำไรจาก PBOC อยู่ในแผนการของทิศทางการเติบโตปี 2565 ของรัฐบาลจีน 

นอกจากนี้สถานการณ์นำเข้าส่งออกจีน 4 เดือนแรกของปี 2565 ยังเติบโต +7.9% อยู่ที่ 12.58 ล้านล้านหยวน แม้จะกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์อย่างเข้มข้น เนื่องจากรัฐบาลได้ผ่อนคลายให้หลายๆ โรงงานได้ดำเนินการผลิต โดยยังอยู่ภายใต้มาตรการควบคุม ทำให้ยอดส่งออกขยายตัวได้

อย่างไรก็ตามเงินเฟ้อจีนเดือนเมษายนเพิ่มขึ้น +2.1% เพราะมาตรการล็อกดาวน์ส่งผลให้ราคาอาหารพุ่ง ประชาชนแห่กักตุนสินค้า แต่สถานการณ์ด้านอุปทานเริ่มคลี่คลายชะลอแรงกดดันต่อภาวะเงินเฟ้อ 

Orient Capital Research บอกว่า จีนประสบปัญหาทางเศรษฐกิจหลายๆ ด้าน แต่ยังมีมุมมองไม่น่ากังวลมากนัก เนื่องจากปัจจุบันโรงงานอุตสาหกรรมกว่า 70% ในเซี่ยงไฮ้กลับมาดำเนินงานได้ตามปกติแล้ว

สถานการณ์ Covid-19 ในเซี่ยงไฮ้เริ่มดีขึ้น ปริมาณอาหารมีเพียงพอต่อผู้บริโภค ไม่จำเป็นต้องกักตุนอีกต่อไป รัฐบาลพยายามสร้างเสถียรภาพทางเศรษฐกิจพร้อมไปกับการควบคุมโรคระบาด อาจจะต้องจับตาดูสถานการณ์ต่อไปว่า เศรษฐกิจและตลาดหุ้นจีนจะกลับมาคึกคักได้เมื่อไร


Jitta Wealth

ทำไม Buffett ไม่กลัวขาดทุนช่วงเงินเฟ้อ? 

เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ร้อนแรงมากขึ้น และไม่มีทีท่าว่าจะลดลง ทำสถิติสูงสุดในรอบ 40 ปีไปแล้ว แต่ Warren Buffett กลับวางเฉย ทั้งๆ ที่พอร์ตลงทุนของ Berkshire Hathaway ก็อาจจะขาดทุนอยู่ ไอดอลรุ่นเก๋าสาย VI มี Mindset อย่างไร 

อ่านต่อ


รถยนต์ไฟฟ้า

Toyota เตรียมสร้างโรงงานชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้าในอินเดีย

ค่ายรถเบอร์ 1 จากแดนอาทิตย์อุทัย Toyota เตรียมลงทุนในอินเดียเป็นมูลค่า 624 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสร้างโรงงานผลิตชิ้นส่วนรถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพื่อขยายกำลังการผลิตให้ทันกับเป้าหมายลดการปล่อยคาร์บอนให้เป็นศูนย์สุทธิภายในปี 2593 

เป้าหมายเศรษฐกิจสีเขียวของ Toyota สอดคล้องกับเป้าหมายของอินเดียในการเป็นฮับ EV แม้ว่า อินเดียยังมีสัดส่วนการใช้งาน EV ปัจจุบันต่ำกว่าจีนและสหรัฐฯ 

การลงทุนของ Toyota คาดว่า จะสร้างงานได้กว่า 3,500 ตำแหน่ง และสร้างระบบห่วงโซ่อุปทานของอุตสาหกรรม EV ในอินเดียจากผู้ผลิตชิ้นส่วนรายอื่นๆ 

แต่เป็นเป้าหมายที่มีความเป็นไปได้สูง เพราะก่อนหน้านี้รัฐบาลอินเดียกำลังตามจีบ Tesla ให้เข้ามาตั้งโรงงานในประเทศ หากเจรจาสำเร็จจะทำให้อินเดียเข้าสู่เป้าหมายการเป็นฮับ EV มากยิ่งขึ้น

ในปี 2565 คาดว่า อินเดียจะมียอดส่งมอบ EV และมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้ารวม 800,000 คัน แต่มุมมองของ BloombergNEF บอกว่า ยอดขายรถยนต์ใหม่ในอินเดียปี 2583 จะมีสัดส่วนของ EV ได้ถึง 40% 

หากรัฐบาลอินเดียให้การสนับสนุนอุตสาหกรรม EV และมอบสิทธิประโยชน์ต่างๆ เพื่อดึงดูดให้ประชาชนหันมาสนใจ EV มากขึ้น จะทำให้อุตสาหกรรม EV โลกเติบโตได้อีก เพราะอินเดียเป็นตลาดใหญ่ ประชากรมากพอๆ กับจีนเลย

ยอดขาย EV จีนโต +128.4% สวนทางตลาด

สมาคมยานยนต์จีน ประกาศตัวเลขยอดขายรถยนต์ในเดือนมกราคม-เมษายน 2565 ขายได้ทั้งหมด 5.95 ล้านคัน ลดลง -11.9% ในขณะที่ EV มียอดขายที่ 1.35 ล้านคัน เติบโตสวนตลาด +128.4% 

ยอดขายรถยนต์ในเดือนเมษายน ได้รับผลกระทบจากมาตรการล็อกดาวน์อย่างหนัก แต่ยอดขาย EV ในเดือนเมษายนยังเติบโตได้ถึง +78% เช่นเดียวกัน

การเติบโตของอุตสาหกรรม EV ได้ส่งผลดีไปถึงอุตสาหกรรมแบตเตอรี โดยมียอดติดตั้งกว่า 64.55 กิกะวัตต์ต่อชั่วโมง (GWh) เพิ่มขึ้น +104% ในช่วงเดือนมกราคม-เมษายน แต่ชะลอตัวลงในช่วงเดือนเมษายนเช่นเดียวกับยอดขาย EV 

BYD เป็นแบรนด์ที่มียอดขายรวมสูงที่สุด โดยในช่วง 4 เดือนแรกของปี 2565 มียอดส่งมอบสูงถึง 387,456 คัน โดยมีอัตราเติบโต +387% 

นอกจากนี้ Tesla มียอดขายในจีน 109,812 คัน เพิ่มขึ้น +35.7% ส่วนผู้ผลิตรถยนต์พลังงานสะอาด เช่น Xpeng Li Auto และ Nio มียอดขายเพิ่มขึ้นด้วยเช่นเดียวกัน 

สำหรับอุตสาหกรรมแบตเตอรีลิเธียมในจีน CATL ยังเป็นคงมีส่วนแบ่งตลาดแบตเตอรีสูงสุดที่ 38.28% ตามมาด้วย BYD มีส่วนแบ่งตลาด 32.18% 

อย่างไรก็ตามผู้ผลิตแบตเตอรีลิเธียมรายอื่นๆ ได้รับผลกระทบหนักจากราคาวัตถุดิบสูง แต่ไม่สามารถปรับเพิ่มราคาได้ในไตรมาส 1 ปี 2565 ทำให้มีส่วนแบ่งตลาดไม่ถึง 10% ในจีน

ตอนนี้สถานการณ์ล็อกดาวน์ในจีนเริ่มดีขึ้น การเติบโตที่น่าจับตาของอุตสาหกรรม EV และแบตเตอรี จะส่งผลดีต่อธีมพลังงานสะอาด ธีมพลังงานสะอาดจีน และธีมลิเธียมและแบตเตอรีในกองทุนส่วนบุคคล Thematic 


Thematic DIY Money Diaries

เหตุผลที่พอร์ต Thematic DIY ขาดทุน จากมุมมองของ Money Diaries

คุณอะตอม ไดอารี่การเงิน มาอัปเดตพอร์ต Thematic DIY ที่เขาลงทุนอยู่ พร้อมให้เหตุผลว่า ทำไมแต่ละธีมถึงขาดทุน คาดการณ์ความเป็นไปได้และการเติบโตของแต่ละธีมในอนาคต 

สามารถรับชมได้ที่นี่ 


ระบบคลาวด์ 

Disney+ โตสวนทาง Netflix สมาชิกเพิ่ม 8 ล้านราย 

ที่ผ่านมา Netflix ถือเป็นบริการสตรีมมิงที่มีบัญชีสมาชิกลดลงเรื่อยๆ เหมือนกำลังเดินทางมาสู่จุดอิ่มตัว แต่ Disney+ กลับเติบโตเหนือความคาดหมาย บริษัทสามารถเพิ่มยอดสมาชิกได้เกือบ 8 ล้านราย ในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ มากกว่าที่นักวิเคราะห์เคาดการณ์เอาไว้ว่า จะมีสมาชิกเพิ่มขึ้นประมาณ 5.2 ล้านรายเท่านั้น 

CEO ของ Disney มองว่า แพลตฟอร์มสตรีมมิงจะมีอนาคตที่สดใส สามารถเพิ่มยอดผู้ใช้ได้ถึง 230-260 ล้านรายในปี 2567 

ช่วงที่ผ่านมา Disney+ มีกระแสตอบรับที่ดีมาก และจะเปิดตัวในตลาดใหม่ๆ อีก 42 ประเทศทั่วโลก ในยุโรป แอฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง หวังดันยอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นอีก 

ในขณะที่ Netflix สูญเสียฐานสมาชิกไปถึง 2 แสนรายในไตรมาสแรกของปีนี้ ทำให้ Netflix ต้องปรับกลยุทธ์ธุรกิจอีกมาก 

บริการสตรีมมิงเป็นส่วนหนึ่งของระบบคลาวด์ ที่อยู่ในชีวิตประจำวันของผู้คนทั่วโลก ไม่ว่าบริษัทไหนจะมีผลประกอบการที่ลดลงหรือเพิ่มขึ้นอย่างไร ก็เป็นส่วนหนึ่งในการแข่งขันทางธุรกิจ บีบคั้นให้ผู้เล่นแต่ละรายไม่หยุดนิ่ง หาช่องทางเติบโตไปเรื่อยๆ 


เทคโนโลยีสหรัฐอเมริกา 

Google เปิดตัวสมาร์ตวอตช์รุ่นแรก หลังจบดีล Fitbit

ธุรกิจที่กำลังมาแรงมากในหุ้นเฮลท์แคร์สหรัฐฯ คือ ธุรกิจเทคโนโลยีสุขภาพ (HealthTech) และอุปกรณ์ที่บริษัทเทคโนโลยีพัฒนา เพื่อตอบรับกระแสรักสุขภาพ คือ สมาร์ตวอตช์ ล่าสุด Google เปิดตัว Pixel Watch สมาร์ตวอตช์รุ่นแรก ผสมผสานเทคโนโลยีและสุขภาพ 

ถือเป็นก้าวแรกของ Google ในการบุกตลาดสมาร์ตวอตช์ หลังจากที่ Apple และ Samsung โดดเข้าไปเล่นในสมรภูมินี้มานานแล้ว โดย Google ตั้งเป้าว่า Pixel Watch จะเป็นกำลังสำคัญในการสร้างแบรนด์ Pixel ให้ครบวงจรมากขึ้น 

การเปิดตัวสมาร์ตวอตช์พิสูจน์ให้เห็นว่า Google ใช้ประโยชน์จากการซื้อกิจการ Fitbit แบรนด์สมาร์ตวอตช์ เพื่อต่อยอดธุรกิจ แต่เป็นการคงจุดแข็งของทั้งคู่เอาไว้ และแชร์ HealthTech ระหว่างกัน


Jitta Wealth

3 ข้อต้องทำ รับมือตลาดหุ้นขาลง

ทีมงาน Jitta Wealth เข้าใจความรู้สึกคุณดี เข้าสู่เดือนที่ 5 ของปี 2565 แล้ว แต่ภาวะตลาดหุ้นไม่เป็นใจเอาเสียเลย ต่อให้เป็นพอร์ตลงทุนกระจายความเสี่ยงแค่ไหน ก็พ่ายแพ้ให้กับดัชนีขาลงอยู่ดี

อ่านต่อ


นี่คือ 8 ข่าวสารที่ทีมงานสรุปย่อยมาให้คุณได้ติดตามภาวะการลงทุนไปพร้อมๆ กันใน Jitta Wealth Journal 

จะเรียกว่า ตลาดหุ้นปรับฐาน หรือภาวะ Bear Market (ตลาดหมี) คงไม่ผิดเท่าไร หากคุณมีมุมมองต่อการลงทุนระยะยาว ในภาวะขาลงแบบนี้ เป็นเวลาเหมาะสมในการใส่เงินลงทุน 

การเข้าลงทุนที่จุดต่ำสุดจะช่วยสร้างผลตอบแทนได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ แต่คุณไม่มีทางรู้ว่า จุดต่ำสุดอยู่ช่วงไหน หลักการ DCA (Dollar Cost Averaging) จึงเป็นเครื่องมือทรงพลังที่ช่วยเพิ่มผลตอบแทนในช่วงตลาดหุ้นขาลงได้

แต่ถ้าคุณยังไม่พร้อมลงทุนเพิ่ม ไม่แน่ใจในภาวะตลาดหุ้น หรือยังมีความกังวล จะรอให้เห็นสัญญาณขาขึ้นก็ได้ หลักการลงทุนระยะยาว คือ เงินที่นำมาลงทุนต้องเป็นเงินเย็น เพื่อให้คุณลงทุนสร้างความมั่งคั่งได้อีกนาน ตราบเท่าที่คุณไม่มีความจำเป็นต้องใช้เงินก้อนนี้ 

แล้วพบกันสัปดาห์หน้า


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – สาเหตุที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนน้อยลง

Jitta Wealth Journal – ดัชนีหุ้นเวียดนามลดฮวบ เกิดอะไรขึ้น?

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด