Jitta Wealth Journal - สาเหตุที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนน้อยลง

10 พฤษภาคม 2565Jitta WealthJitta Wealth Journal

หุ้นจีนรายได้และกำไรโตกระฉูดเกือบ +20%

Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 76 ประจำวันที่ 10 พฤษภาคม 2565 ทีมงานได้รวบรวมสถานการณ์การลงทุนทั่วโลกมาสรุปให้คุณ ดังนี้

  • Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ตามคาด
  • หุ้นจีน A-Share รายได้พุ่ง 65 ล้านล้านหยวน
  • ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์พุ่งกระฉูด +23%
  • ดัชนี PMI เวียดนามยืนเหนือ 50 เดือนเมษายน
  • Nissan เลิกผลิต Datsun โฟกัสพัฒนา EV
  • Tesla เนื้อหอม อินเดียตามจีบตั้งโรงงาน

ไปติดตามกันได้เลย


Jitta x Artstory

Jitta ฉลอง 10 ปีด้วยของขวัญคอลเล็กชันพิเศษ Jitta x Artstory 

ความร่วมมือระหว่าง Jitta x Artstory สู่การสร้างสรรค์งานศิลปะลายเส้นของยุวจิตรกรจากมูลนิธิออทิสติกไทย บนของขวัญสุดพิเศษ ฉลอง 10 ปีของสตาร์ตอัปสัญชาติไทย Jitta ที่พร้อมส่งเสริมให้เยาวชนมีความรู้ด้านการเงินการลงทุน เพื่อความมั่นคงเมื่อเติบโตเป็นผู้ใหญ่ 

เข้าร่วมกิจกรรมลงทุนครั้งแรก หรือสะสมเงินลงทุนกับ Jitta Wealth แผนใดก็ได้ ตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2565 ถึง 30 มิถุนายน 2565 รับของขวัญพิเศษนี้ได้เลย

รายละเอียดเข้าร่วมกิจกรรม


เศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา

Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ตามคาด

ไม่ผิดไปจากที่คาด คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ (FOMC) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.5% เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ทำให้อัตราดอกเบี้ยปัจจุบันอยู่ที่ 0.75-1.00% เป็นมาตรการเพื่อรับมือภาวะเงินเฟ้อพุ่งสูงในสหรัฐฯ

Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) บอกว่า ขณะนี้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ สูงเกินไป โดยเป้าหมายของ Fed คือ การดึงอัตราเงินเฟ้อให้อยู่ในภาวะปกติ และฟื้นฟูเสถียรภาพของราคาสินค้าและบริการในตลาด 

นอกจากนี้ Powell บอกว่า Fed จะพิจารณาปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในการประชุม FOMC แต่ละครั้งสูงสุดที่ 0.5% โดยยังไม่พิจารณาการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.75% ซึ่งเป็นยาแรง

FedWatch Tool แสดงความน่าจะเป็นในการปรับขึ้นดอกเบี้ยอีก 0.75% ในการประชุมเดือนมิถุนายนว่า มีโอกาสสูงถึง 95.4% แต่จากที่ Powell มีแถลงการณ์ออกมา ความน่าจะเป็นลดลงเหลือ 0% ทันที

อย่างไรก็ตาม Fed มีความกังวลต่อสถานการณ์ในจีนว่า มาตรการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด อาจเร่งปัญหาการขาดแคลนอุปทานสินค้าในตลาด และส่งผลให้เงินเฟ้อยิ่งพุ่งสูง ตอนนี้จีนยังไม่มีการผ่อนคลายมาตรการลงแต่อย่างใด

ขณะนี้อัตราเงินเฟ้อใกล้จะถึงจุดสูงสุดแล้ว และมีแนวโน้มจะลดลงในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 Fed จึงไม่มีความจำเป็นในการเร่งดำเนินนโยบายการเงินที่เข้มงวด และคาดว่า ในเดือนมิถุนายน Fed จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 0.5% 

ด้านการปรับลดวงเงินในมาตรการ QE (Quantitative Easing) นั้น Fed จะลดการถือครองพันธบัตร โดยเริ่มเดือนมิถุนายนประมาณ 47,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน และหลังจากนั้น 3 เดือน จะลดรวมเป็น 95,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน

แม้จะเป็นไปตามที่คาดการณ์ไว้ แต่ความผันผวนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังคงมีอยู่ จนกว่าภาวะเงินเฟ้อในสหรัฐฯ พุ่งสูงจะบรรเทาลงในช่วงครึ่งปีหลัง และ Fed ไม่มีความจำเป็นต้องใช้นโยบายการเงินเข้มงวด

นี่เป็นความเสี่ยงที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ มูลค่าพอร์ตลงทุนที่เกี่ยวข้องกับตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงนี้ จะเคลื่อนไหวขึ้นๆ ลงๆ สอดคล้องไปกับภาวะตลาดหุ้น ทีมงาน Jitta Wealth เข้าใจความรู้สึกของคุณดี

หากคุณมั่นใจในโอกาสเติบโตของตลาดหุ้น ช่วงเวลานี้คงต้องรอดูสถานการณ์และอดทนต่อความผันผวนต่างๆ พร้อมก็เพิ่มทุนเพื่อเฉลี่ยราคาได้ ถ้าไม่พร้อมและยังไม่ต้องการรับรู้ผลขาดทุนจริง รอสักระยะ ให้ความไม่แน่นอนทุเลาลงก่อนได้


Jitta Ranking - U.S. Healthcare

ใหม่! Jitta Ranking – U.S. Healthcare ลงทุนได้แล้ววันนี้

โอกาสสร้างความมั่งคั่งกับธุรกิจเมกะเทรนด์ที่ไม่มีวันตายอยู่ในมือคุณแล้ว กับหุ้นสุขภาพชั้นนำจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ พร้อมหลักการลงทุนแบบ VI ตามสไตล์ Warren Buffett 

  • เลือกหุ้นดี มีโอกาสเติบโตด้วย AI 
  • จัดพอร์ต 5-30 บริษัท 
  • ปรับพอร์ตทุก 3 เดือน 
  • เงินลงทุนเริ่มต้น 1 ล้านบาท 

รายละเอียด Jitta Ranking – U.S. Healthcare

ตัวอย่างหุ้นสุขภาพสหรัฐฯ 30 บริษัท


Jitta Wealth หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ

ปั้นพอร์ตเมกะเทรนด์ ‘หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’ กับ Jitta Ranking

เทรนด์การดูแลสุขภาพ ปัจจัยสำคัญที่ผลักดันหุ้นเฮลท์แคร์ให้เติบโต พอเจอวิกฤต Covid-19 หลายๆ บริษัทรายได้ยิ่งโตกระฉูด ส่วนใหญ่เป็นบริษัทสัญชาติอเมริกันทั้งนั้น มาปั้นพอร์ตกับเบอร์ 1 ในตลาดเฮลท์แคร์กับ ‘หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’

อ่านต่อ


Jitta Wealth หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ

ชี้เป้า 10 หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ ที่น่าลงทุนใน Jitta Ranking

มาทำความรู้จัก 10 หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ ที่น่าลงทุนใน Jitta Ranking ที่ AI วิเคราะห์ให้ มีรายได้โตกระฉูด มีกำไรไม่ธรรมดา ผลตอบแทนย้อนหลัง +22% ต่อปี และบริษัทเหล่านี้กำลังจะพลิกโฉมวงการสาธารณสุขทั่วโลก

อ่านต่อ


ตลาดหุ้นจีน

หุ้นจีน A-Share รายได้พุ่ง 65 ล้านล้านหยวน

สมาคมบริษัทจดทะเบียนจีน รายงานตัวเลขสถิติและผลประกอบการหุ้น A-Share ทั้งหมด โดยมีมาร์เก็ตแคปรวม 96.53 ล้านล้านหยวน หุ้น A-share มีรายได้รวมทั้งหมด 64.97 ล้านล้านหยวนในปี 2564 คิดเป็น 56.81% ของ GDP จีน เติบโต +19.81% สูงกว่าการเติบโตของ GDP

ส่วนของกำไรหุ้น A-Share อยู่ที่ 5.3 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 19.56% ในปี 2564 และมากกว่า 80% ของหุ้น A-share มีกระแสเงินสดจากการดำเนินงานเป็นบวก แสดงถึงศัภยภาพการทำกำไรของบริษัท 

ปี 2564 เป็นปีทองของหุ้น A-Share ซึ่งหลายๆ บริษัทมีรายได้เติบโตเป็นเลขสองหลักติดต่อกัน 4 ปี แม้จะผ่านช่วงวิกฤต Covid-19 แสดงถึงแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่อง 

จากงบการเงินของหุ้น A-Share แสดงให้เห็นศักยภาพของตลาดหุ้นจีนที่ยังคงแข็งแกร่ง และยังมีโอกาสเติบโตสูงในอนาคต การลงทุนระยะยาวยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ แม้ว่าตลาดหุ้นจีนยังมีความผันผวนระยะสั้นอยู่บ้าง จากมาตรการ Zero Covid และการกำกับดูแลตลาดหุ้นจากรัฐบาลจีน

หากคุณยังเชื่อมั่นในศักยภาพของตลาดหุ้นจีน มั่นใจในหุ้น A-share ทั้งหมด 4,700 บริษัท และต้องการเติบโตไปพร้อมเศรษฐกิจจีน ตอนนี้ราคาหุ้นจีนหลายๆ บริษัทราคาถูกลงมากเลย


Passive Way

พบกับพอดคาสต์เล่าเรื่องลงทุนใหม่! จาก Passive Way เร็วๆ นี้

องค์ความรู้ Passive Investment ในรูปแบบพอดคาสต์จากเว็บไซต์ Passive Way ประเดิมซีรีส์แรกด้วย 8 เรื่องเล่าจาก Wall Street ลงทุนไม่พัง ต้องฟังทางนี้ ส่องมุมมองของนักลงทุนที่สร้างตำนานระดับโลก ไม่ว่าจะเป็น 

  • Warren Buffett
  • Joel Greenblatt
  • Peter Lynch 
  • John C. Bogle
  • Benjamin Graham

เริ่ม 12 พฤษภาคม

ทางช่อง Passive Way Story

กด Subscribe ช่องทางพอดคาสต์ต่างๆ ได้ที่นี่ 


เซมิคอนดักเตอร์

ยอดขายเซมิคอนดักเตอร์พุ่งกระฉูด +23%

สมาคมอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ (SIA) ประกาศยอดขายทั่วโลกในไตรมาส 1 ปี 2565 อยู่ที่ 151,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น +23% จากไตรมาส 1 ปี 2564

SIA (Semiconductor Industry Association) รายงานว่า ความต้องการเซมิคอนดักเตอร์ทั่วโลกในปี 2565 ยังคงเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ยอดขายเติบโตแบบก้าวกระโดด

สังเกตได้จากยอดขายของผู้ผลิตชิปรายใหญ่ของโลกอย่าง AMD ประกาศผลประกอบการไตรมาส 1 ปี 2565 สูงกว่าคาดการณ์ โดยมีรายได้เกือบ 5,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากที่คาดการณ์ไว้ที่ 5,520 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นแนวโน้มการเติบโตที่น่าประทับใจ

AMD มีอัตราการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ผู้ผลิตสินค้าอิเล็กทรอนิกส์มีความต้องการชิปสูง และปัญหาการขาดแคลนชิปยิ่งส่งผลให้ AMD มีความจำเป็นในการเร่งการผลิตชิปให้มากขึ้นกว่าเดิม ส่งผลดีต่องบการเงินของบริษัทอย่างมีนัยสำคัญ

CEO ของ AMD บอกว่า แม้ตลาดคอมพิวเตอร์ส่วนบุคคลจะชะลอตัว แต่ธุรกิจของ AMD ตีตลาดคอมพิวเตอร์ระดับพรีเมียม ซึ่งเป็นตลาดที่ยังมีการเติบโตแข็งแกร่ง และจะช่วยเพิ่มสัดส่วนรายได้ให้กับบริษัทในธุรกิจนี้

คุณจะเห็นว่า ตราบใดที่ทั่วโลกยังใช้อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์และเทคโนโลยี ชิปประมวลผลยังมีความต้องการมหาศาลอยู่ และชิปไม่ได้อยู่ในคอมพิวเตอร์เท่านั้น สมาร์ตโฟน แท็บเล็ต สมาร์ตทีวี และอุปกรณ์ไฮเทคอื่นๆ ก็ต้องการชิปคุณภาพสูงเช่นเดียวกัน 

ดังนั้นโอกาสเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ จะมีความเกี่ยวข้องกับหลายๆ ธีมธุรกิจ เช่น เซมิคอนดักเตอร์ เมตาเวิร์ส หุ่นยนต์และ AI เทคโนโลยี คลาวด์ เกมและอีสปอร์ต รวมไปถึงธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ แหล่งรวมหุ้นผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์รายใหญ่ของโลก

หากคุณมั่นใจว่า ธีมธุรกิจเหล่านี้ จะสร้างความมั่งคั่งให้พอร์ตลงทุน Thematic ETF ในระยะยาว เริ่มต้นลงทุนหรือเพิ่มทุนในช่วงตลาดหุ้นขาลงกับกองทุนส่วนบุคคล Thematic ได้ 


เศรษฐกิจเวียดนาม

ดัชนี PMI เวียดนามยืนเหนือ 50 เดือนเมษายน

ภาคอุตสาหกรรมและภาคการผลิตในเวียดนามฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 ติดต่อกัน ดูได้จากดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (Purchasing Manager Index – PMI) ที่แตะระดับ 51.7 ในเดือนเมษายน เป็นดัชนีวัดแนวโน้มของกิจกรรมทางเศรษฐกิจในอนาคต 

ดัชนี PMI ที่มีค่ามากกว่า 50 มีความหมายว่า ภาคอุตสาหกรรมอยู่ในสภาวะขยายตัวจากเดือนก่อน ในขณะที่ตัวเลขที่ต่ำกว่า 50 หมายถึง สภาวะชะลอตัวทางเศรษฐกิจ

S&P Global มองว่า จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่ลดลงอย่างรวดเร็วในเวียดนาม ช่วยเร่งผลผลิตของภาคอุตสาหกรรมและการจ้างงาน เพื่อนำธุรกิจเข้าสู่สภาวะปกติโดยเร็ว

นอกจากนี้เวียดนามยังกลายเป็นประเทศยุทธศาสตร์สำคัญของจีนและประเทศอื่นๆ  ทั่วโลก ซึ่งเวียดนามเป็นประเทศนำเข้าสินค้าและวัตถุดิบการผลิต รวมไปถึงประเทศส่งออกสินค้าที่น่าจับตามองมากที่สุด 

มีรายงานว่า ปริมาณการขนส่งสินค้าทางอากาศของเวียดนามจะสูงถึง 1.52 ล้านตันในปี 2565 เพิ่มขึ้น +17% จากปี 2564 ทำให้ผู้ให้บริการขนส่งทางอากาศขยายการลงทุนรองรับปริมาณที่คาดว่าจะเติบโตสูง เป็นผลมาจากการขยายตัวของภาคอุตสาหกรรมการผลิตในประเทศ 

ตัวเลขเหล่านี้ คือ ปัจจัยบวกที่ส่งผลดีต่อเศรษฐกิจเวียดนามให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งและยั่งยืนในระยะยาว ดังนั้นหุ้นเวียดนามจะยังมีศักยภาพเติบโตตามตัวเลขเศรษฐกิจ ทั้งการลงทุนจากรัฐบาล การลงทุนจากเอกชน การลงทุนจากต่างประเทศ และมูลค่าการนำเข้าส่งออก


Jitta Wealth

ใครทุบหุ้นเวียดนาม ดิ่งรอบนี้น่ากลัวไหม?

เซียนหุ้นส่วนใหญ่มั่นใจในการเติบโตของตลาดหุ้นเวียดนาม แต่วันดีคืนดี ‘หุ้นเวียดนาม’ ก็ดิ่งไปมากกว่า 200 จุดในรอบ 22 วัน คุณอาจจะเกิดความสงสัยและไม่มั่นใจ ว่าเกิดอะไรขึ้น และยังน่าลงทุนอยู่หรือไม่ 

อ่านต่อ


รถยนต์ไฟฟ้า 

Nissan เลิกผลิต Datsun โฟกัสพัฒนา EV

ค่ายรถญี่ปุ่น Nissan เตรียมยกเลิกผลิตรถแบรนด์ Datsun เตรียมทุ่มเงินพัฒนารถยนต์ไฟฟ้า (EV) ปัจจุบัน Nissan มี Leaf เป็น EV ที่ได้รับความนิยมไปทั่วโลก รวมทั้งยังมี Ariya และ Sylphy ในรูปแบบ EV วางขายอีกด้วย

สำหรับ Datsun เป็นรถขนาดเล็กที่ยังใช้เครื่องยนต์สันดาปภายใน หรือใช้น้ำมันเบนซินเป็นเชื้อเพลิงหลัก เคยถูกเลิกการผลิตมาแล้วเมื่อ 30 ปีก่อน แต่กลับมาอีกครั้งภายใต้การดูแลของ Nissan ตั้งแต่ปี 2556 เป็นต้นมา และผลิตขายในตลาดเกิดใหม่อย่าง อินเดีย อินโดนีเซีย และรัสเซีย 

รายงานจาก MarkLines บริษัทวิจัยอุตสาหกรรมยานยนต์ ระบุว่า Datsun สามารถทำยอดขายใน 10 ประเทศทั่วโลกได้ถึง 87,300 คันในปี 2559 แต่ในปี 2564 กลับทำยอดขายได้เพียง 6,400 คัน ลดลง -90%

Tesla เนื้อหอม อินเดียตามจีบตั้งโรงงาน 

กระทรวงคมนาคมของอินเดีย โน้มน้าว Elon Musk อีกครั้ง ให้สร้างฐานการผลิตรถยนต์ Tesla ในอินเดีย พร้อมข้อเสนอสิทธิพิเศษด้านภาษี หากบริษัทสั่งซื้อชิ้นส่วนรถยนต์ในประเทศมูลค่า 500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มคำสั่งซื้อชิ้นส่วนในประเทศประมาณ 10-15% ของรถทั้งคัน

อินเดียเป็นตลาดรถยนต์อันดับ 4 ของโลก พยายามดึงดูดให้ Tesla สร้างฐานการผลิตในอินเดีย แต่ในมุมของ Tesla กลับต้องการทดลองตลาด EV ในอินเดียก่อนลงทุนสร้างโรงงานผลิต เพื่อดูการตอบรับของผู้ใช้รถและขนาดตลาด 

ด้วยขนาดประชากร ทำให้ค่ายรถยักษ์ใหญ่หลายๆ ค่าย วางแผนเข้าไปทำตลาดในอินเดียมากขึ้น เช่น Kia Hyundai และ Toyota โดยมีเจ้าตลาดอย่าง Suzuki และ Honda เข้าไปก่อนแล้ว เพียงแต่ยังเป็นรถยนต์ใช้น้ำมัน

ในอนาคต ถ้ายอดขาย EV ในอินเดียเริ่มมีมากขึ้น รัฐบาลให้เงินสนับสนุนผู้ซื้อ เหมือนกับจีนที่สร้างยอดขาย EV เติบโตสูงในช่วงหลายๆ ปีที่ผ่านมา เป็นไปได้ว่า Tesla จะสร้างโรงงานผลิตในอินเดียเช่นเดียวกับในจีน

อินเดียได้รับอานิสงส์การลงทุนจากต่างประเทศในหลายๆ อุตสาหกรรม มีปริมาณการนำเข้าและส่งออกสูง ภาคการบริโภคในประเทศก็เติบโตจากขนาดประชากร และตลาดหุ้นอินเดียยังมีโอกาสเติบโตสูงเช่นเดียวกัน

หุ้นกลุ่มการเงินใน WisdomTree India Earnings Fund (EPI) ตัวแทนของธีมตลาดหุ้นอินเดีย ในกองทุนส่วนบุคคล Thematic มีสัดส่วนประมาณ 22% ซึ่งจะได้รับอานิสงส์จากการลงทุนใหม่ๆ ในประเทศ เพราะต้องให้สินเชื่อโครงการต่างๆ

ส่วน Tesla มีสัดส่วนใน Global X Lithium & Battery Tech ETF (LIT) ตัวแทนของธีมลิเธียมและแบตเตอรีประมาณ 6% และสัดส่วนใน Schwab US Large-Cap ETF (SCHX) ตัวแทนของธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ประมาณ 2%

หากมองในภาพใหญ่ๆ โอกาสลงทุนในธีมธุรกิจและธีมตลาดหุ้นต่างๆ มีอยู่ตลอดเวลา แม้ว่าตอนนี้ทั่วโลกจะเผชิญกับความไม่แน่นอนและความเสี่ยงมากมาย แต่อยู่ที่ตัวคุณด้วยว่า เชื่อมั่นในสินทรัพย์ที่ต้องการลงทุนหรือกำลังลงทุนอยู่มากน้อยแค่ไหน ถ้ายังมั่นใจในพอร์ตลงทุนปัจจุบัน ก็ถือครองต่อได้ ไม่ต้องขายออก


นี่คือ 6 ข่าวเด่นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ภาวะเงินเฟ้อทั่วโลก สถานการณ์ล็อกดาวน์ในจีน และสงครามรัสเซียและยูเครนที่ยังคุกรุ่นอยู่ ยังเป็นประเด็นสำคัญที่ทำให้ตลาดการเงินการลงทุนผันผวน

ภาพรวมตลาดหุ้นส่วนใหญ่เป็นขาลง จนทำให้นักลงทุนส่วนใหญ่เกิดความกังวล รวมไปถึงการตั้งคำถามมากมายว่า จะรับมืออย่างไร ซื้อเพิ่มหรือขายออกก่อนดี เรียกได้ว่าความรู้สึกเหล่านี้บีบคั้นหัวใจอยู่พอสมควร

สิ่งที่ Jitta Wealth สื่อสารมาตลอด การลงทุนที่ดี คือการลงทุนด้วยเหตุและผล ขจัดอคติทางอารมณ์ พิจารณาจากพื้นฐานของสินทรัพย์นั้นๆ เข้าใจเหตุและผลของภาวะตลาดหุ้นในปัจจุบัน ก่อนตัดสินใจเสมอ

คุณคงไม่อยากเห็นพอร์ตขาดทุนตัวแดง ขณะเดียวกันก็คงไม่อยากขายหมู…ใช่ไหม

แล้วพบกันสัปดาห์หน้า


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – ดัชนีหุ้นเวียดนามลดฮวบ เกิดอะไรขึ้น?

Jitta Wealth Journal – Fed จ่อขึ้นดอกเบี้ยแรง กดดันตลาดหุ้นผันผวน

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด