คงจะเป็นเรื่องดีหากคุณรู้อนาคตจนสามารถหาจังหวะซื้อหุ้นที่จุดต่ำสุด และขายหุ้นที่จุดสูงสุดได้เสมอ ซึ่งเป็นสิ่งที่นักลงทุนส่วนใหญ่พยายามทำ โดยการสังเกตการเคลื่อนไหวของราคาหุ้น สัญญาณทางเทคนิค รวมถึงข่าวสารต่างๆ กลยุทธ์นี้ถูกเรียกกันทั่วไปในหมู่นักลงทุนว่าการ ‘จับจังหวะตลาด’ หรือ Market Timing
แต่การจับจังหวะตลาดไม่ใช่สิ่งที่ทำได้ง่ายๆ นักลงทุนที่มีฝีมือระดับโลกหลายคนยังไม่สนับสนุนให้จับจังหวะตลาด และมองว่าเป็นกลยุทธ์ที่ไม่ได้สร้างผลตอบแทนได้คุ้มค่ากับเวลาที่ต้องเสียไป ยิ่งกว่านั้น การจับจังหวะตลาดอาจทำให้คุณเสียโอกาสลงทุนที่สามารถพลิกชีวิตไปเลยก็ได้
ในโลกความจริง การพิสูจน์ผลลัพธ์จากการจับจังหวะตลาดทำได้ยาก ในบทความนี้ เราจึงยกตัวอย่างนักลงทุนระยะยาว 5 คนที่ใช้กลยุทธ์การลงทุน 5 แบบที่แตกต่างกันตลอด 20 ปี เพื่อหาคำตอบว่าผลตอบแทนจากการ ‘จับจังหวะตลาด’ นั้นสูงกว่ากลยุทธ์อื่นๆ มากแค่ไหน
เรากำหนดให้นักลงทุนทั้ง 5 คนนี้ได้รับเงิน 10,000 บาทหรือในสกุลเงินของประเทศนั้นๆ ทุกต้นปี ตั้งแต่ปี 2545 – 2564 และลงทุนหุ้นตามดัชนีอ้างอิง เพื่อจะหาคำตอบว่าสุดท้ายแล้วกลยุทธ์ลงทุนของทั้ง 5 คนนี้ สามารถทำให้เงินลงทุนเติบโตขึ้นเป็นเท่าไรในระยะเวลา 20 ปี
การทดสอบนี้จะช่วยให้แนวทางกับคุณได้ว่า คุณควรจะใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบจับจังหวะตลาดหรือไม่ หรือควรใช้กลยุทธ์ลงทุนที่เรียบง่ายแต่สามารถทำพอร์ตของคุณเติบโตขึ้นได้เช่นเดียวกัน
หลังจากที่นักลงทุนทั้ง 5 คน ใช้กลยุทธ์การลงทุนแบบเดิมติดต่อกันเป็นเวลา 20 ปี คุณคงจะเดาผู้ชนะได้ไม่ยากว่าใครสามารถทำผลตอบแทนได้ดีที่สุดจากการลงทุนระยะยาวครั้งนี้
แน่นอนว่าผู้ที่ทำผลตอบแทนได้มากที่สุดจากกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 5 กลยุทธ์นี้ก็คือ นายสมบูรณ์แบบ ที่สามารถจับจังหวะตลาดได้อย่างเพอร์เฟกต์ แต่สิ่งที่น่าสนใจกว่าคือ ผลตอบแทนที่นายสมบูรณ์แบบทำได้จากการจับจังหวะอย่างแม่นยำ สูงกว่าที่นักลงทุนคนอื่นทำได้อยู่มากแค่ไหน?
เราจะพาคุณไปเริ่มดูผลตอบแทนจากพอร์ตลงทุนทั้ง 5 จากการลงทุนหุ้นตามดัชนีอ้างอิงของตลาดหุ้นประเทศต่างๆ (ยกเว้นพอร์ตของนายเฝ้ารอ ที่ ‘รอ’ จับจังหวะจนไม่ได้เริ่มลงทุนหุ้นสักที เงินทั้งหมดจึงถูกนำไปลงทุนในตั๋วเงินคลังของประเทศนั้นๆ แทน)
ตลอดระยะเวลา 20 ปี ตั้งแต่ปี 2545 – 2564 มูลค่าพอร์ตลงทุนของทั้ง 5 คน จากการลงทุนในหุ้นตามดัชนี SET TRI จะออกมาดังนี้
นักลงทุน | มูลค่าเงินลงทุน (บาท) |
นายสมบูรณ์แบบ | 746,024.93 |
นายเรียบง่าย | 666,713.12 |
นายสม่ำเสมอ | 606,118.04 |
นายอับโชค | 492,684.38 |
นายเฝ้ารอ | 236,909.61 |
คุณจะเห็นว่าจากการลงทุนระยะยาว 20 ปี ทำให้เงินลงทุนจาก 200,000 บาทเติบโตขึ้นได้อย่างชัดเจน แต่สิ่งเราอยากให้คุณโฟกัสคือ ผลตอบแทนจากพอร์ตลงทุนทั้ง 5 นี้ แตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
อย่างที่เราได้บอกไปว่านายสมบูรณ์แบบทำผลตอบแทนได้สูงสุดจากการจับจังหวะตลาดได้อย่างเพอร์เฟกต์ แต่ในความเป็นจริง การจับจังหวะตลาดได้แม่นยำติดต่อกัน 20 ปีเหมือนกลยุทธ์ลงทุนของนายสมบูรณ์แบบเป็นเรื่องที่แทบจะเป็นไปไม่ได้ เพราะไม่มีใครจับจังหวะได้อย่างแม่นยำและถูกต้องทุกครั้ง
หากคุณสังเกตมูลค่าพอร์ตของนายเรียบง่ายและนายสม่ำเสมอ จากกลยุทธ์การลงทุนที่ทำได้ง่ายอย่างการ ลงทุนในวันทำการแรกของปี หรือ กลยุทธ์ DCA ที่ถัวเฉลี่ยลงทุนหุ้นทุกเดือน จะเห็นว่าผลตอบแทนที่ได้ก็อยู่ในระดับน่าพอใจโดยไม่ต้องใช้ความพยายามมาก เพียงแค่รักษาวินัยการลงทุนของตัวเองให้ได้เท่านั้น
หรือต่อให้คุณลงทุนที่จุดสูงสุดของทุกปี ผลตอบแทนที่ทำได้ก็ยังดีกว่าการไม่ลงทุนเลย โดยหากเปรียบเทียบผลตอบแทนระหว่าง นายอับโชค และ นายเฝ้ารอ คุณจะเห็นว่าการรอจับจังหวะตลาดในช่วงที่ดีที่สุดที่ไม่เคยมาถึง จะทำให้คุณเสียโอกาสการทำผลตอบแทนไปอย่างมากมายมหาศาล
แต่การทดสอบกลยุทธ์การลงทุนกับดัชนีตลาดหุ้นเดียวอาจยังพิสูจน์เรื่องนี้ไม่ได้เต็มที่ ทีมงานจึงได้ทดสอบกลยุทธ์การลงทุนทั้ง 5 แบบกับดัชนีตลาดหุ้นอื่น นอกเหนือจากดัชนี SET TRI ด้วย
รอบนี้ ทีมงานจะพาคุณไปดูผลลัพธ์จากการลงทุนในดัชนี S&P 500 TRI ของสหรัฐฯ ที่เป็นตลาดหุ้นยอดนิยมของนักลงทุนทั่วโลกกันบ้าง โดยนักลงทุนทั้ง 5 คนจะได้รับเงิน 10,000 ดอลลาร์สหรัฐทุกต้นปี
นักลงทุน | มูลค่าเงินลงทุน (ดอลลาร์สหรัฐ) |
นายสมบูรณ์แบบ | 960,084.44 |
นายเรียบง่าย | 822,310.16 |
นายสม่ำเสมอ | 811,476.10 |
นายอับโชค | 721,531.89 |
นายเฝ้ารอ | 218,097.85 |
ในโลกแห่งการลงทุน คุณอาจจะสงสัยว่า…หากสามารถจับจังหวะตลาดและซื้อหุ้นในจุดที่ต่ำสุดได้ในทุกปี คงทำให้ผลตอบแทนของคุณแตกต่างไปจากเดิมมาก ซึ่งจะเป็นแบบนั้นหรือไม่ คุณสามารถดูได้จากพอร์ตลงทุนของนายสมบูรณ์แบบ
จริงอยู่ที่การจับจังหวะตลาดได้แม่นยำสามารถสร้างผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้ แต่มันไม่ใช่จำนวนเงินที่มากมายสักเท่าไรนัก เมื่อเทียบกับผลตอบแทนของนักลงทุนคนอื่น แม้แต่พอร์ตลงทุนของนายอับโชคที่ลงทุนตรงจุดสูงสุดของตลาดหุ้นทุกครั้ง ก็สามารถทำผลตอบแทนได้อย่างน่าพอใจเช่นกัน
ในบางครั้ง กลยุทธ์การลงทุนที่เรียบง่ายอาจเป็นทางเลือกที่เหมาะสมกับคุณ เพราะนอกจากคุณจะทำตามได้ง่ายแล้ว ยังทำให้คุณไม่จำเป็นต้องติดตามข่าวสารตลาดหุ้นทุกวันจนไม่มีเวลาไปทำอย่างอื่น
และเพื่อพิสูจน์ว่ากลยุทธ์ ‘จับจังหวะตลาด’ อาจไม่ได้ทำให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นมากกว่ากลยุทธ์ลงทุนที่เรียบง่าย เราจึงได้ทดสอบเพิ่มเติมอีก 3 ดัชนีตลาดหุ้น และได้ผลลัพธ์ออกมาดังนี้
นักลงทุน | มูลค่าเงินลงทุน (หยวน) |
นายสมบูรณ์แบบ | 699,278.91 |
นายเรียบง่าย | 600,419.61 |
นายสม่ำเสมอ | 570,517.82 |
นายอับโชค | 459,591.45 |
นายเฝ้ารอ | 251,142.97 |
การทดสอบโดยลงทุนหุ้นอ้างอินกับดัชนี CSI 300 TRI ของตลาดหุ้นจีน พบว่านายสมบูรณ์แบบทำผลตอบแทนเพิ่มขึ้นได้เล็กน้อยจากการจับจังหวะตลาด ซึ่งความแตกต่างของผลตอบแทนจะคล้ายคลึงกับการลงทุนในดัชนี SET TRI
นักลงทุน | มูลค่าเงินลงทุน (ดอง) |
นายสมบูรณ์แบบ | 1,243,544.33 |
นายเรียบง่าย | 1,041,961.77 |
นายสม่ำเสมอ | 990,570.15 |
นายอับโชค | 794,927.43 |
นายเฝ้ารอ | 439,196.26 |
การลงทุนในดัชนี VN Index TRI ของตลาดหุ้นเวียดนามที่มีสถานะเป็นตลาดเกิดใหม่ (Emerging Market) จะผันผวนมากกว่าตลาดอื่น แต่ก็แลกมาด้วยศักยภาพการเติบโตของตลาดหุ้นที่สูงกว่าตลาดหุ้นของประเทศพัฒนาแล้วเช่นกัน
การจับจังหวะของนายสมบูรณ์แบบทำผลตอบแทนได้เพิ่มขึ้นมากในตลาดหุ้นเวียดนาม แต่การ ‘จับจังหวะ’ ตลาดหุ้นที่ผันผวนสูงและเหวี่ยงขึ้นลงเร็วก็ยากขึ้นเป็นทวีคูณเหมือนกัน ซึ่งอาจทำให้คุณเสียโอกาสการลงทุนในตลาดหุ้นไปได้ในที่สุดเหมือนอย่างนายเฝ้ารอ
นักลงทุน | มูลค่าเงินลงทุน (เยน) |
นายสมบูรณ์แบบ | 494,695.21 |
นายเรียบง่าย | 423,712.38 |
นายสม่ำเสมอ | 419,881.72 |
นายอับโชค | 363,910.96 |
นายเฝ้ารอ | 208,262.28 |
สุดท้ายคือการลงทุนในดัชนี TOPIX TRI ของตลาดหุ้นญี่ปุ่น คุณจะเห็นว่านายสมบูรณ์แบบทำผลตอบแทนได้เพิ่มขึ้นเล็กน้อยจากการจับจังหวะตลาด แต่กลยุทธ์ลงทุนอื่นๆ ก็สามารถทำผลตอบแทนได้ดีเช่นกัน และยังทำจริงได้ง่ายจนแม้แต่ผู้ที่ไม่เคยลงทุนมาก่อนก็ยังสามารถทำตามได้
ข้อสังเกตเพิ่มเติมจากตัวเลขการเติบโตของทั้ง 5 พอร์ตในทุกดัชนี พอร์ตของนายเฝ้ารอ ที่รอจับจังหวะตลาด จนไม่ได้ลงทุนสักทีและแช่เงินไว้ที่ตั๋วเงินคลังเฉยๆ ทำผลตอบแทนได้น้อยที่สุดจากการลงทุน
นั่นเป็นเหตุผลที่บอกได้ว่าเพราะอะไรคุณถึงไม่ควรเฝ้ารอ เพราะในระยะยาว การลงทุนในตลาดหุ้นจะทำให้เงินลงทุนเติบโตได้อย่างชัดเจน และถึงแม้ว่าคุณจะลงทุนที่จุดสูงสุดของตลาดหุ้นในทุกปี ก็ยังทำให้เงินของคุณเติบโตได้มากกว่าการไม่ลงทุนเลย
ผลลัพธ์จากการทดสอบทั้งหมดทำให้คุณเห็นว่า นายสมบูรณ์แบบสามารถสร้างผลตอบแทนจากการลงทุนได้สูงที่สุด แต่มันเกิดขึ้นจากการจับจังหวะตลาดได้อย่างแม่นยำไร้ที่ติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ทำได้ยากหากคุณไม่ได้เป็นนักลงทุนมืออาชีพที่มีทั้งความรู้ ประสบการณ์ และเครื่องมือพร้อมสรรพ
นักลงทุนหลายคนรอจับจังหวะเพื่อหาโอกาสการลงทุนที่ดีที่สุด แต่เมื่อโอกาสมาถึงกลับคิดว่าจะมีโอกาสที่ดียิ่งกว่ามาให้ลงทุนอีก จนสุดท้ายอาจจะไม่ได้เริ่มลงทุนสักทีเหมือนนายเฝ้ารอ จนเสียโอกาสลงทุนในตลาดหุ้นไปอย่างน่าเสียดาย
แม้แต่ผู้จัดการกองทุนในตำนานอย่าง Peter Lynch ที่สามารถทำผลตอบแทนได้สูงถึง 29.2% ติดต่อกัน 13 ปี ยังไม่แนะนำให้จับจังหวะตลาด โดย Lynch เคยพูดถึงการจับจังหวะตลาดของนักลงทุนส่วนใหญ่เอาไว้ว่า
หมายความว่า ยิ่งคุณเฝ้ารอหรือพยายามมองหาจังหวะการลงทุนตามที่คิด คุณก็ยิ่งเสียโอกาสการลงทุนไปเรื่อยๆ จนสุดท้าย เงินลงทุนที่มีโอกาสเติบโตของคุณกลับถูกทิ้งแช่เอาไว้จนไม่ได้ลงทุนไปซะอย่างนั้น
กลับกันหากคุณมีวินัยและลองมองหากลยุทธ์ลงทุนที่ทำตามได้ง่าย เหมือนอย่าง นายเรียบง่ายที่ลงทุนทันทีในวันซื้อขายแรกของปี หรือ นายสม่ำเสมอที่แบ่งเงินและลงทุนแบบ DCA ทุกเดือนอย่างสม่ำเสมอ ก็สามารถทำให้เงินลงทุนเติบโตได้อย่างน่าประทับใจเช่นกันในระยะยาว
ทั้งหมดนี้คือบทพิสูจน์ว่ากลยุทธ์การ ‘จับจังหวะตลาด’ ช่วยให้ผลตอบแทนจากการลงทุนดีขึ้นมากน้อยแค่ไหน หลังจากอ่านบทความนี้จบคุณอาจมีกลยุทธ์การลงทุนที่เหมาะกับชีวิตของคุณและนำมาใช้จริงได้
หากคุณมีเป้าหมายว่าจะลงทุนระยะยาว เพียงแค่คุณลงทุนตามหลักการที่ถูกต้องและมีวินัยการลงทุนที่ดี คุณก็จะได้ผลลัพธ์จากการลงทุนที่ยอดเยี่ยมอย่างแน่นอน
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น WealthTech แห่งแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01
ผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานในอดีตที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ไม่การันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงอื่นๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน
เจาะลึก! ‘ลงทุน Global ETF’ ตามสูตร Ben Graham
Jitta Wealth เปลี่ยน ETF ใหม่ในนโยบาย Global ETF และ Thematic