Update: 6 กุมภาพันธ์ 2567
การลงทุนกำลังได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยเทคโนโลยีที่ทำให้ความรู้เกี่ยวกับการลงทุนเข้าถึงได้ง่ายและสะดวกสบายขึ้น ให้คุณลงทุนได้เพียงแค่ปลายนิ้วสัมผัส
แต่โดยหลักการแล้วหากไม่มีผู้ช่วย การลงทุนเป็นกิจกรรมที่อาศัยความรู้เชิงลึกเกี่ยวกับสินทรัพย์ที่คุณสนใจ รวมถึงภาพรวมของอุตสาหกรรมนั้นๆ หรือแม้กระทั่งเศรษฐกิจของประเทศต่างๆ ด้วย
และหลายๆ ครั้ง ตลาดหุ้นก็ชอบเล่นตลกกับจิตใจคุณ หุ้นที่คุณมั่นใจว่ากำไรแต่พอซื้อไปแล้วติดดอยทันทีก็มี ความผันผวนในตลาดหุ้นทำให้จิตใจหวั่นไหวได้ทุกวัน ถ้าคุณเผลอคุมอารมณ์ไม่อยู่ สนามเทรดหุ้นก็อาจกลายเป็นสนามอารมณ์ ที่ถึงจะไม่เจ็บตัว แต่ก็เจ็บใจไม่ใช่เล่น
นอกจากนี้ การลงทุนยังมีกลยุทธ์มากมายที่ถ้าคุณรู้ไว้ ก็จะช่วยเพิ่มโอกาสทำผลตอบแทนให้ดีและตอบโจทย์ชีวิตได้มากขึ้น พอร์ตของคุณจะได้รับการบริหารจัดการด้วยเหตุและผล ด้วยหลักการที่ถูกต้อง
หากคุณลงทุนมาพอสมควร คุณคงเคยได้ยินคำว่า DCA หรือชื่อเต็มๆ คือ Dollar-cost Averaging ซึ่งเป็นกลยุทธ์การลงทุนที่ไม่ต้องจับจังหวะการซื้อขาย ไม่ต้องดูกราฟ เพียงแค่อาศัยความมีวินัย ความสม่ำเสมอของนักลงทุนก็เพียงพอแล้ว ถือเป็นอีกกลยุทธ์การลงทุนที่หลายคนเลือกใช้และเป็นที่นิยมในระยะหลัง
แล้ว DCA คืออะไร มีข้อดีอย่างไร จะเหมาะกับสไตล์การลงทุนของคุณหรือไม่ แล้วคุณสามารถ DCA กับ Jitta Wealth ได้อย่างไร?
ทีมงาน Jitta Wealth รวบรวมมาให้แล้ว มาหาคำตอบไปด้วยกัน
DCA หรือ Dollar-cost Averaging คือกลยุทธ์การลงทุนแบบถัวเฉลี่ย โดยแบ่งการลงทุนออกเป็นงวดๆ อย่างสม่ำเสมอด้วยจำนวนเงินเท่าๆ กันในระยะเวลาที่คุณเป็นคนกำหนดเอง
ยกตัวอย่างเช่น คุณวางแผนเอาไว้ว่าทุกๆ วันที่ 30 ของทุกเดือน คุณจะแบ่งเงินเดือนมาลงทุนจำนวน 10,000 บาท โดยไม่สนใจว่าราคาหุ้น ณ ตอนนั้นจะถูกหรือแพงอย่างไร
เป้าหมายของการ DCA จริงๆ ไม่ใช่การจับจังหวะหุ้นหรือหวังจะร่ำรวยอย่างรวดเร็ว แต่เป็นกลยุทธ์ที่จะช่วยให้คุณทยอยสะสมเงินลงทุนอย่างต่อเนื่อง ถัวเฉลี่ยราคาสินทรัพย์ และสร้างวินัยในการลงทุน ซึ่งทั้งหมดนี้จะช่วยสร้างความมั่งคั่งให้คุณได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว
สมมติว่าคุณวางแผนจะลงทุนแบบ DCA ด้วยเงิน 10,000 บาท ทุกๆ วันที่ 30 ของเดือน คุณจะต้องทำตามแผนที่วางไว้ ดังนี้
เดือนที่ 1: วันที่ 30 มกราคม คุณซื้อหุ้น A ที่ราคา 5 บาทต่อหุ้น ด้วยเงิน 10,000 บาท คุณจะซื้อหุ้นได้ทั้งหมด 2,000 หุ้น (สมมติว่าไม่มีค่าธรรมเนียม เพื่อให้เข้าใจง่าย)
เดือนที่ 2: วันที่ 30 กุมภาพันธ์ คุณซื้อหุ้น A ที่ราคา 10 บาทต่อหุ้น ด้วยเงิน 10,000 บาท ได้หุ้นเข้าพอร์ตมาอีก 1,000 หุ้น
เดือนที่ 3: วันที่ 30 มีนาคม คุณซื้อหุ้น A ที่ราคา 2.5 บาทต่อหน่วย ด้วยเงิน 10,000 บาทเท่าเดิม ได้หุ้นเพิ่มขึ้นมาอีก 4,000 หุ้น
จากการใช้กลยุทธ์ DCA มา 3 เดือน คุณอาจได้ซื้อหุ้นที่ราคาสูงบ้าง ต่ำบ้าง แต่เมื่อถัวเฉลี่ยแล้ว ใน 3 เดือนนี้คุณได้หุ้นมาอยู่ในพอร์ต 7,000 หุ้น จากเงินลงทุนทั้งหมด 30,000 บาท คิดเป็นต้นทุนถัวเฉลี่ยที่ 4.29 บาทต่อหุ้น แน่นอนว่าอาจจะไม่ใช่ราคาหุ้นที่ต่ำที่สุด แต่ก็ช่วยให้คุณสะสมหุ้นเข้าพอร์ตได้ด้วยต้นทุนที่กลางๆ ไม่สูงเกินไปเช่นกัน
ถึงแม้ว่าเมื่อสิ้นเดือนที่ 3 พอร์ตของคุณจะมีผลขาดทุนอยู่ 12,530 บาท [(4.29 – 2.5 บาท) X 7,000 หุ้น] แต่หากคุณใช้กลยุทธ์ DCA กับสินทรัพย์คุณภาพดี หรือหุ้นของบริษัทที่ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง ในระยะยาวราคาหุ้นจะเคลื่อนไหวตามผลประกอบการของบริษัท สุดท้ายราคาหุ้นก็จะฟื้นตัวกลับขึ้นมาได้อีกครั้ง เพียงแต่ในระยะสั้นราคาหุ้นอาจผันผวนตามอารมณ์ของตลาด ซึ่งหากคุณใช้กลยุทธ์ DCA ก็จะเป็นโอกาสให้ลดต้นทุนเฉลี่ยของหุ้นลงและสะสมหุ้นเข้าพอร์ตได้มากขึ้นด้วยเงินจำนวนเท่าเดิมนั่นเอง
เพราะการลงทุนไม่ได้อาศัยแค่ความรู้ แต่เรื่องวินัยก็สำคัญ กลยุทธ์ DCA เปรียบเสมือนเป็นโรงเรียนดัดนิสัยสำหรับการลงทุนดีๆ นี่เอง เพราะกลยุทธ์ DCA จะตัดปัจจัยที่คุณควบคุมไม่ได้ออกไปทั้งหมดและบังคับให้คุณลงทุนเป็นประจำทุกเดือน ซึ่งจะช่วยสร้างวินัยการลงทุน เหมือนกับคุณได้ทำสัญญาใจกับตัวเองไว้ให้ลงทุนอย่างสม่ำเสมอตามเป้าหมาย ไม่ใช่ปล่อยให้อารมณ์มาทำใ้ห้เสียแผนการ
อีกข้อดีที่กลยุทธ์ DCA จะสอนคุณคือเรื่องทัศนคติต่อตลาดหุ้น คุณจะมองตลาดหุ้นเปลี่ยนไป เพราะทุกครั้งที่ราคาหุ้นปรับตัวลงมา จากเดิมที่คุณมีแต่คำว่า ‘ขาดทุน’ ลอยอยู่เต็มหัว แต่พอใช้กลยุทธ์ DCA คุณจะเห็นว่า ‘นี่คือโอกาสที่คุณจะได้ซื้อหุ้นที่ราคาต่ำลง’ และเป็นโอกาสดีที่คุณจะซื้อหุ้นนั้นได้จำนวนมากขึ้น เห็นไหมครับ แค่คุณ DCA …โลกก็เปลี่ยน
และข้อดีสุดท้ายคือกลยุทธ์ DCA ช่วยป้องกันคุณจากการจับจังหวะตลาด เพราะคุณไม่ต้องคำนึงถึงการจับจังหวะราคา ช่วยตัดอารมณ์และความรู้สึกออกไปจากเกมการลงทุน แล้วหันไปเน้นที่ความสม่ำเสมอเป็นหลัก ทยอยลงทุนไปเรื่อยๆ ทั้งในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นขึ้นและลง
คุณเข้าใจแล้วว่า DCA คืออะไรและดีอย่างไร แต่แน่นอนว่าทุกกลยุทธ์ไม่ได้เหมาะกับทุกคน แล้ว DCA เหมาะกับใคร จะเข้ากับจริตและสไตล์การลงทุนของคุณหรือเปล่า? ไปดูกัน
สิ่งสำคัญของการ DCA คือคุณต้องลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ถ้าเป็นหุ้นก็จะหมายถึงหุ้นของบริษัทที่มีสถานะทางการเงินดี ผลประกอบการเติบโตต่อเนื่อง แต่ถ้าคุณไม่อยากไปเสาะหาหุ้นเหล่านี้ด้วยตัวเอง Jitta Wealth ก็ยินดีช่วยคุณ โดยเริ่มต้นได้ง่ายๆ ดังนี้
ถึงแม้ว่ากลยุทธ์ DCA จะช่วยให้คุณเก็บออมเงินและสร้างความมั่งคั่งในระยะยาวให้คุณได้ แต่ก็มีสิ่งที่คุณควรรู้ก่อนที่จะเริ่มลงทุนแบบ DCA เช่นกัน
หากไม่อยากเสียใจ หรือน้ำตาตกในภายหลัง ทีมงานอยากให้คุณลองอ่านดูก่อน
แม้ว่ากลยุทธ์ DCA จะเป็นวิธีการลดความเสี่ยงจากการจับจังหวะลงทุน แต่ไม่ได้ช่วยลดความผันผวนของพอร์ต คุณควรใช้กลยุทธ์กระจายความเสี่ยงอื่นๆ ประกอบกับการ DCA ด้วย เช่น การลงทุนในหุ้นหลายตัว หลายอุตสาหกรรม หรือแม้กระทั่งลงทุนหุ้นต่างประเทศหลายๆ แห่งเพื่อลดความเสี่ยง
อ่านมาถึงตรงนี้ ทีมงานหวังว่าคุณจะเข้าใจเรื่อง DCA อย่างทะลุปรุโปร่ง และตอบได้ว่า DCA เหมาะกับไลฟ์สไตล์และแผนการลงทุนของคุณมากแค่ไหน
ปัจจุบัน Jitta Wealth อยากช่วยให้คุณลงทุนแบบ DCA ได้ง่ายขึ้น ทีมงานจึงลดเงินเพิ่มทุนขั้นต่ำสำหรับทุกนโยบาย นโยบาย Jitta Ranking ที่ลดเงินเพิ่มทุนขั้นต่ำให้เหลือเพียง 50,000 บาท จากเดิมที่ 100,000 บาท นโยบาย Global ETF Thematic และ Jitta Money เพิ่มทุนขั้นต่ำเพียง 1,000 บาท
ที่สำคัญคุณยังสามารถตั้งค่าฝากเงินอัตโนมัติบนแอปพลิเคชัน Jitta Wealth เพื่อสร้างวินัยในการลงทุนได้แล้ววันนี้ เพียงไม่กี่ขั้นตอนเท่านั้น เริ่มเลย!
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น WealthTech แห่งแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01
ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน