วิกฤตโรคระบาดครั้งใหญ่ Covid-19 เปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณอย่างไรบ้าง
เมื่อ Covid-19 กำลังคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น มีอะไรใหม่ๆ เกิดขึ้นกับชีวิตคุณบ้าง
การประชุม TDRI Annual Public Virtual Conference 2021 เมื่อปลายปีที่ผ่านมา มีการถกประเด็นในหัวข้อ ‘ความท้าทายและจินตนาการแห่งโลกใหม่ : โมเดลการพัฒนาประเทศหลัง Covid-19’ โดยมีหัวข้อที่น่าสนใจ คือ ‘โลกใหม่หลัง Covid-19’
โลกใบใหม่โลกหนึ่งที่ถูกพูดถึงมีชื่อว่า Care Economy หรือเศรษฐกิจแบบใส่ใจ ที่ผู้คนเริ่มตระหนักและให้ความสำคัญกับสุขภาพกายและใจมากขึ้น
การดูแลสุขภาพย่อมเป็นสิ่งที่มนุษย์ให้ความสำคัญเป็นอันดับแรกๆ อยู่แล้ว เมื่อคุณเจ็บป่วย คุณก็ย่อมต้องการให้ร่างกายกลับมาแข็งแรงโดยเร็วที่สุด เพราะการไม่มีโรค…เป็นลาภอันประเสริฐ
เทรนด์การดูแลสุขภาพ เริ่มเข้ามามีบทบาทมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้คนเริ่มเรียนรู้ที่จะออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ กาลเวลาผ่านไปจากการดูแลแค่สุขภาพกายเพียงอย่างเดียว ผู้คนก็เริ่มหันมาใส่ใจการดูแลสุขภาพใจด้วยเช่นกัน
จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ทั่วโลกมีการพัฒนาอยู่เสมอ เติบโตไปพร้อมๆ กับความต้องการที่ไม่หยุดยั้งของผู้คนทั่วโลกในการดูแลสุขภาพกายและใจให้ดีที่สุด
ส่งผลให้หุ้นสุขภาพ หรือหุ้นเฮลท์แคร์ มีความน่าสนใจและดึงดูดนักลงทุนทั่วโลกมาโดยตลอด เพราะเป็นเมกะเทรนด์ที่ไม่ว่าเวลาผ่านไปนานเท่าไร มนุษย์ก็ขาดยารักษาโรคและระบบการแพทย์ที่มีคุณภาพไม่ได้ มันคือ 1 ในปัจจัยที่ 4 สำคัญพอๆ กับอาหาร เครื่องนุ่งห่ม และที่อยู่อาศัย
สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่มีอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 1 ของโลก มีมูลค่าตลาดอยู่ที่ 4.12 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2563 และคาดว่า จะเติบโตแตะ 6.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2571
หากคุณจะเลือกลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์ ก็คงนึกถึง ‘หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’ เป็นประเทศแรก
ก่อนที่คุณจะเลือกลงทุนในสินทรัพย์การเงินต่างๆ ภารกิจแรกที่คุณควรทำ คือ ทำความเข้าใจในสินทรัพย์นั้นให้รอบด้านมากที่สุด เพราะนอกจากภาพในปัจจุบันจะสะท้อนประสิทธิภาพของธุรกิจได้ดีแล้ว ยังทำให้คุณสามารถประเมินโอกาสเติบโตได้ ว่าสินทรัพย์นั้นจะไปได้ไกลแค่ไหน
โดยปัจจัยที่ทำให้ ‘หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’ มีศักยภาพและโอกาสเติบโตในอนาคต มีดังต่อไปนี้
ด้วยปัจจัยเหล่านี้ ต่างผลักดันให้ธุรกิจเฮลท์แคร์ของสหรัฐฯ เติบโตสูง เฉลี่ยที่ +5.4% ต่อปีในช่วงปี 2563-2571 นอกจากนี้อุตสาหกรรมสุขภาพจะไม่ใช่แค่เรื่องของโรงพยาบาล ยา วัคซีน และการรักษาโรคเท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงธุรกิจอื่นๆ ที่จะมาพัฒนาให้การดูแลสุขภาพนั้นเป็นเรื่องที่ง่ายและเข้าถึงผู้คนทั่วโลกมากขึ้น
จุดเด่นของหุ้นสุขภาพ คือ เป็นธุรกิจที่ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ยังไปต่อได้เสมอ เพราะเป็นอุตสาหกรรมที่มีอำนาจในการต่อรองกับผู้บริโภคสูงมาก ในเมื่ออยู่บนพื้นฐานของปัจจัยที่ 4 จึงเป็นธุรกิจที่มีความยั่งยืน
แน่นอนว่า ผู้คนทั่วโลกตื่นตัวในการดูแลสุขภาพหลังวิกฤต Covid-19 ยิ่งผลักดันให้อุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ที่มีความน่าสนใจมากขึ้นไปอีก หุ้นสุขภาพจึงเป็นสินทรัพย์อันดับต้นๆ ที่นักลงทุนทั่วโลกเก็บไว้เป็น Wishlist
สำหรับ ‘หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’ มีมาร์เก็ตแคปในดัชนี S&P500 คิดเป็นสัดส่วนประมาณ 14% ของมาร์เก็ตแคปรวม แต่กำไรของกลุ่มกลับมีสัดส่วนที่สูงถึง 18% ของดัชนี ขณะที่ภาพรวมกำไรของหุ้นสุขภาพสหรัฐฯ ในดัชนี S&P500 มีการเติบโตอย่างสม่ำเสมอเฉลี่ย 7% ต่อปี ในช่วง 2554-2563
‘หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’ ยังเปิดกว้างมาก มีธุรกิจที่หลากหลายและไม่หยุดอยู่กับที่ เช่น กลุ่มผลิตยา กลุ่มวิจัยและพัฒนายา กลุ่มเครื่องมือการแพทย์ กลุ่มค้าปลีก กลุ่มประกันสุขภาพ และกลุ่มเทคโนโลยีการแพทย์
แต่กว่า 1,000 บริษัทเฮลท์แคร์ที่อยู่ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ คุณจะสามารถคัดเลือกบริษัทที่พื้นฐาน น่าลงทุน มาจัดพอร์ตได้อย่างไร
พอร์ตลงทุนใหม่จาก Jitta Wealth เปิดโอกาสให้คุณลงทุนใน ‘หุ้นดีมีโอกาสเติบโต’ กับ Jitta Ranking หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ เป็นอีกทางเลือกในการสร้างความมั่งคั่งเกาะไปกับความยั่งยืนของอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ของสหรัฐฯ สังคมผู้สูงวัย เทรนด์การดูแลสุขภาพกายและใจที่มาจากความต้องการขั้นพื้นฐานของมนุษย์ เป็นเมกะเทรนด์ที่ไม่มีวันตาย
Jitta Wealth คัดเลือกหุ้นสุขภาพที่น่าสนใจในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ใช้ AI วิเคราะห์เลือก หุ้นสุขภาพที่พื้นฐานงบการเงินแข็งแกร่ง มุลค่ามีโอกาสเติบโตในเติบโต หลังจากนั้นจะจัดเรียง 30 บริษัท เป็นหุ้นที่น่าลงทุนที่สุด ครอบคลุม ‘หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’ ไม่ว่าจะเป็น บริษัทยา บริษัทไบโอเทค โรงพยาบาล ผู้ผลิตอุปกรณ์การแพทย์ บริษัทประกันชีวิตและสุขภาพ บริการด้านสาธารณสุข และบริษัทพัฒนา HealthTech
โดยนำมาจัดพอร์ตลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ กระจายความเสี่ยง 5-30 บริษัท ในสัดส่วนที่เท่าๆ กัน พร้อมปรับพอร์ตลงทุนอัตโนมัติทุก 3 เดือน
ราคา ‘หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’ เปลี่ยนแปลงได้ทุกวัน ตามภาวะตลาดหุ้นและงบการเงินรายไตรมาส ดังนั้น AI ใน Jitta Ranking จึงทำงานทุกวันเช่นเดียวกัน หากหุ้น 30 อันดับแรก มีพื้นฐานเปลี่ยนแปลงไป เทคโนโลยีอัตโนมัติ (Automated Investing) ของ Jitta Wealth จะขายหุ้นนั้นออก และซื้อหุ้นดีมีโอกาสเติบโตเข้าพอร์ต ดังนั้นคุณจะได้ลงทุนใน ‘หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’ ที่พื้นฐานงบการเงินดี มูลค่าเติบโตอยู่เสมอ
ผลตอบแทนย้อนหลังจากการทำ Backtest ปี 2555-2564
หากคุณต้องการดูรายชื่อ ‘หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ’ 30 บริษัทที่คุณอาจจะได้ลงทุน สามารถเข้าไปได้ที่ https://jittawealth.com/jitta-ranking/ushealthcare/stocks หรือเข้าไปดูข้อมูลเกี่ยวกับ Jitta Ranking หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ ได้ที่ https://jittawealth.com/jitta-ranking/ushealthcare
หากคุณสนใจลงทุนในธุรกิจเฮลท์แคร์กลุ่มอื่นๆ ใน ETF ของกองทุนส่วนบุคคล Thematic เปรียบเทียบจุดเด่นกับ Jitta Ranking หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ ศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ https://jittawealth.com/invest-healthcare
เปิดบัญชี Jitta Ranking หุ้นสุขภาพสหรัฐฯ เริ่มต้นลงทุนได้เลย [เปิดบัญชี]
หากคุณต้องการรู้จัก Jitta Wealth รวมไปถึงกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking มากขึ้น สามารถเข้าไปที่เว็บไซต์ https://jittawealth.com/jitta-ranking หรือสอบถามเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ที่ Line ID: @JittaWealth
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ผู้บุกเบิกสตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01
ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
สรุป Live: ปั้นพอร์ตสุขภาพดี ด้วย ‘หุ้นเฮลท์แคร์’
รู้จัก Thematic ETF ‘หุ้นเฮลท์แคร์จีน’ กับ KURE
หุ้น Covid-19 ตัวไหนปัง พร้อมชี้เป้า ETF ลงทุนรับดีมานด์ทั่วโลก