Jitta Wealth Journal - หุ้นไทยจะเป็นยังไง?! หลังยังไม่ได้ข้อสรุปนายก

18 กรกฎาคม 2566Jitta Wealth Journal

นักลงทุนเฮ! เงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำสุดในรอบ 2 ปี

Jitta Wealth Journal ปีที่ 3 ฉบับที่ 138 ประจำวันที่ 18 กรกฎาคม 2566

นักลงทุนเฮ! สหรัฐฯ เผยตัวเลขเงินเฟ้อต่ำสุดในรอบ 2 ปี Apple เปิดร้านค้าหลักใหม่เพิ่มโอกาสเติบโตในอนาคต นักวิเคราะห์งงเวียดนามโตแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง ส่อง 3 แนวโน้มตลาดหุ้นไทย หลังยังไม่ได้ข้อสรุปนายก สุดปัง! ไทยเงินเฟ้อต่ำสุดอันดับ 4 ของโลก

รับข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้การลงทุนดีๆ จากเราได้ที่ Line ID: @jittawealth


ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นรายสัปดาห์

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ

S&P 500 +2.42% DJIA +2.30% NASDAQ +3.32%

ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ที่เผยถึงตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ออกมาต่ำเกินคาด ส่งผลให้ตลาดปรับตัวขึ้นแรงในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา นักวิเคราะห์คาดการณ์มีโอกาสที่ Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียงแค่หนึ่งครั้ง และจะหยุดขึ้นดอกเบี้ยแล้วในปีนี้ 

ดัชนีตลาดหุ้นเอเชีย

CSI 300 +1.92% TOPIX -0.70% VNI +2.67% SET +1.84%

จีนเพิ่มมาตรการกระตุ้นการคลังส่งผลให้ตลาดเริ่มมีความเชื่อมั่นและปรับบวก ตลาดหุ้นเวียดนามได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนทั้งในประเทศและนักลงทุนต่างชาติจากการผ่อนคลายนโยบายการเงินและการคลัง ตลาดหุ้นไทยปรับขึ้นตามสถานการณ์ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่บวกแรงจากอัตราเงินเฟ้อที่ดีขึ้น ข้อมูลจาก

S&P Capital IQ ณ 16 กรกฎาคม 2566


เศรษฐกิจสหรัฐฯ

นักลงทุนเฮ! สหรัฐฯ เผยตัวเลขเงินเฟ้อต่ำสุดรอบ 2 ปี

อัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ยังอยู่ในระดับสูงแต่มีแนวโน้มลดลง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) มาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภคประจำเดือนมิถุนายนปรับตัวขึ้น 3.0% เมื่อเทียบรายปี ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบกว่า 2 ปี และต่ำกว่าการคาดการณ์ที่ระดับ 3.1%

ดัชนี CPI พื้นฐาน ที่ไม่นับหมวดอาหารและพลังงานที่อาจส่งผลให้ตัวเลขผันผวนปรับขึ้น 4.8% ในเดือนมิถุนายนเมื่อเทียบกับปี 2564 โดยต่ำกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 5.0% จากระดับ 5.3% ในเดือนพฤษภาคม

โดยรวมแล้ว อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าเป้าหมายของ Fed ที่ 2% โดยตลาดแรงงานยังคงอยู่ในภาวะตึงตัว แม้ว่าอัตราการจ้างงานจะลดน้อยลงในรอบ 2 ปีครึ่งในเดือนมิถุนายน แต่อัตราว่างงานก็ลดลงใกล้เคียงระดับต่ำสุดในอดีต รวมถึงการเพิ่มขึ้นของค่าจ้างก็แข็งแกร่งยิ่งขึ้น

คาดการณ์ว่าอัตราเงินเฟ้อพื้นฐาน (Core Inflation) ยังคงมีแนวโน้มลดลงต่อไปในอนาคตเนื่องจากตลาดแรงงานที่ผ่อนคลายลงและแนวโน้มค่าเช่าอาศัยลดลง นอกจากนี้ อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงยังถือว่าเป็นความหวังที่เศรษฐกิจของสหรัฐฯ จะหลีกเลี่ยงภาวะถดถอยจากที่คาดการณ์ไว้ก่อนหน้านี้ได้

สถานการณ์เงินเฟ้อของสหรัฐฯ ตอนนี้ดูเหมือนกำลังจะคลี่คลายลงซึ่งเป็นเรื่องดีต่อนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ครับ เพราะเป็นไปได้ว่า Fed อาจพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยอีกเพียงแค่ครั้งเดียว ก่อนจะหยุดขึ้นดอกเบี้ย ซึ่งจะทำให้ตลาดกลับมาเติบโตในภาวะปกติอีกครั้งนึง 


Jitta Wealth Journal

Talk of the Town 

เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official

🤔 สมาชิกกลุ่มเสียเงินกับอะไรมากที่สุดในแต่ละเดือนกันบ้าง?

🤓 เติมความรู้การลงทุนด้วย Black Swan Forum กันแบบฟรีๆ

มาร่วมพูดคุยกับเรา  

(ตอบคำถามให้ครบ 3 ข้อ เพื่อเข้าร่วมกลุ่ม 🤗)


เทคโนโลยีสหรัฐฯ

Apple เปิดร้านค้าหลักใหม่เพิ่มโอกาสเติบโตในอนาคต

หลังจากที่ CEO จาก Apple Tim Cook ได้เดินทางไปเยี่ยมชมเมืองนิวเดลีและมุมไบ ประเทศอินเดีย เพื่อเปิดร้านค้าหลักสองแห่ง ในแต่ละเมือง นักวิเคราะห์ระดับสูงจาก CFRA Research กล่าวว่า ‘Tim มองเห็นโอกาสอันยิ่งใหญ่เปิดร้านค้าหลักของ Apple ในสองเมืองนี้’ 

ซึ่งปัจจัยที่ Apple ตัดสินใจขยายร้านค้าหลักในประเทศอื่นๆ มีต้นตอมาจากผลกระทบจากนโยบาย Zero-COVID ในจีน ดังนั้นแล้ว Apple จึงเห็นชอบที่จะต้องขยายร้านค้า รวมไปถึงมองหาโอกาสในพื้นที่ใหม่

การขยายร้านค้ารวมไปถึงมองหาโอกาสเปลี่ยนฐานการผลิตของ Apple จากจีนมายังอินเดียอาจดูดี แต่ความเป็นจริงแล้วเป็นเรื่องที่มีความท้าทายพอสมควร เกี่ยวกับ ทรัพยากรบุคคล การสร้างพื้นที่ และการกำหนดเส้นทางนโยบาย

แต่ด้วยทรัพยากรที่มากพอของ Apple ทำให้เป็นไปได้ว่าจะทำให้ภารกิจนี้ มีโอกาสทำได้สำเร็จ และอาจเป็นลู่ทางให้บริษัทเทคโนโลยีสหรัฐฯ อื่นมองเห็นโอกาสสู่ประเทศอื่นๆ นอกจากจีนด้วยเช่นกัน คงต้องติดตามกันต่อไปครับว่าแผนการเดินในครั้งนี้ของ Apple จะดีมากแค่ไหน 


Jitta Wealth Journal

เจาะลึก! ‘ลงทุน Global ETF’ ตามสูตร Ben Graham

Benjamin Graham ครูของ Buffett เคยให้คำแนะนำแก่นักลงทุนเชิงรับทั่วโลกให้แบ่งสัดส่วนลงทุนในหุ้นและตราสารหนี้ตามความเสี่ยงที่รับได้โดยสัดส่วนที่ Graham แนะนำให้ลงทุนมีดังนี้

อ่านต่อ


เศรษฐกิจเวียดนาม

โลกงง?! เวียดนามโตแกร่งขนาดนี้ได้ยังไง

ตัวเลขทางสถิติได้แสดงออกมาว่า GDP เวียดนามไตรมาสล่าสุดเติบโตสูงถึง +4.14% ซึ่งออกมาสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์มาก ทำให้นักวิเคราะห์หลายสำนักเกิดข้อสงสัยขึ้นว่า ทำไมเวียดนามถึงเติบโตได้มากขนาดนี้

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง Standard Chartered ที่คาดการณ์ว่า GDP เวียดนามในไตรมาสล่าสุดจะเติบโตเพียงแค่ +1.5% รวมไปถึงการสำรวจในประเทศพบว่า บริษัทผู้ผลิตประมาณ 30% เท่านั้นที่รู้สึกว่าแนวโน้มธุรกิจดีขึ้นจากไตรมาสก่อนหน้า

แต่หากเจาะลึกไปที่ตัวเลขสถิติอย่างเป็นทางการก็พบว่าตัวเลขหลายๆ อย่างดีขึ้นจริง แสดงให้เห็นถึงการผ่อนคลายนโยบายการเงินของรัฐบาลเวียดนามว่ามีประสิทธิภาพ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจเวียดนามได้จริง 

หากดูจากการตอบสนองของตลาดหุ้นเวียดนาม จะพบว่าตัวเลขการเติบโตนี้ช่วยดึงดูดให้นักลงทุนทั้งในและต่างประเทศกลับมาลงทุนในเวียดนามมากขึ้น หากแนวโน้มตัวเลข GDP ในครั้งต่อไปยังอยู่ในระดับเดียวกับไตรมาสนี้ จะทำให้หลายประเทศเริ่มเชื่อมั่นในแนวโน้มการเติบโตนี้มากขึ้นครับ 


‘จับจังหวะตลาด’ ดีจริงไหม…คุ้มค่าแค่ไหน?

เทียบกลยุทธ์ลงทุนแบบเห็นชัดตั้งแต่ ซื้อจุดต่ำสุด ซื้อจุดสูงสุดซื้อทุกต้นปี หรือ เติมทุกเดือน ที่จะทำให้คุณได้คำตอบว่ามันคุ้มค่าไหมที่จะรอจับจังหวะตลาดก่อนลงทุน

อ่านต่อ


เศรษฐกิจไทย

ส่อง 3 แนวโน้มตลาดหุ้น หลังยังไม่ได้ข้อสรุปนายกรัฐมนตรี

การเมืองไทยในช่วงเวลานี้เป็นเรื่องที่ค่อนข้างร้อนระอุ และเป็นที่จับตาของนักลงทุนในไทยและต่างประเทศ หลังจากการโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 13 กรกฎาคม 2566 ที่ผ่านมายังไม่ได้ข้อสรุป และต้องติดตามกันต่อไปว่าจะออกมาในทิศทางใด

นักวิเคราะห์ บล.กรุงศรี ได้แบ่งข้อสรุปการเมืองไทย พร้อมประเมินผลกระทบที่ส่งผลต่อ SET ดังนี้

  • กรณีที่ 1 พิธาได้เป็นนายกรัฐมนตรี ทำให้ตลาดได้รับความชัดเจนขึ้น และช่วยหนุน SET ให้ปรับตัวขึ้นได้ แต่ยังมีความกังวลเกี่ยวกับนโยบายบางอย่างที่อาจกระทบต่อหุ้นในบางอุตสาหกรรม
  • กรณีที่ 2 เพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล มีโอกาสช่วยหนุน SET ให้ปรับตัวขึ้นเช่นกัน มีโอกาสช่วยคลายความกังวลด้านนโยบายที่กระทบต่อหุ้นบางอุตสาหกรรมลง ทำให้ตลาดได้รับความชัดเจนขึ้น
  • กรณีที่ 3 เกิดการจัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย ตลาดจะเกิดแรงกดดันจากการขับเคลื่อนนโยบายที่ขาดเสถียรภาพ และอาจเกิดการชุมนุมที่สร้างแรงเสียดทานให้กับตลาดหุ้นอย่างรุนแรง ทำให้ฉุด SET ลงไปในจุดที่ต่ำกว่าเดิม 

จากสถานการณ์ช่วงนี้ทำให้เห็นว่าประเทศไทยใกล้จะได้ข้อสรุปเต็มที แต่ก็ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อไป สำหรับตัวเลขทางเศรษฐกิจอื่นๆ ของไทยทำออกมาได้ในทิศทางที่ดี ซึ่งบ่งบอกว่าโอกาสลงทุนในหุ้นไทยยังคงมีอยู่เสมอ

สุดปัง! ไทยเงินเฟ้อต่ำสุดอันดับ 4 ของโลก

จุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ของไทย เผยระดับเงินเฟ้อไทยในเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาเพิ่มขึ้น 0.23% และยังชะลอตัวต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน อยู่ในระดับต่ำสุดในรอบ 22 เดือน หลังราคาสินค้าบางประเภทชะลอตัวลงอย่างต่อเนื่อง

ระดับเงินเฟ้อดังกล่าวถือว่าอยู่ในระดับต่ำสุดเป็นอันดับ 4 ของโลก และอยู่ในระดับต่ำที่สุดในภูมิภาคอาเซียน ทำให้การคาดการณ์เงินเฟ้อทั้งปี 2566 เปลี่ยนแปลงจากก่อนหน้าที่ 2.2% เหลือเพียง 1.5% ซึ่งถือว่าอยู่ในระดับที่ต่ำมากเมื่อเทียบกับหลายประเทศทั่วโลก

สาเหตุสำคัญที่ทำให้อัตราการเงินเฟ้อลดต่ำในไทย เนื่องจากราคาสินค้าในหมวดอาหารชะลอตัวอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ราคาสินค้าที่จำเป็นต่อการอุปโภคบริโภคอยู่ในระดับที่ลดลงอย่างต่อเนื่องเช่นกัน อีกทั้งราคาปุ๋ยที่ลดลงอย่างมาก และราคาพืชผลการเกษตรส่วนใหญ่มีแนวโน้มสูงขึ้นในปีนี้

สะท้อนถึงมาตรการของกระทรวงพาณิชย์ส่งผลให้ผลไม้มีราคาดีทั้งในและต่างประเทศและความพยายามของรัฐบาลในการควบคุมอัตราเงินเฟ้อส่งผลให้ราคาสินค้าลดลง สร้างประโยชน์ให้กับผู้บริโภคและกลุ่มเกษตรกรในการขายผลผลิตทางการเกษตรเงินเฟ้อยังคงเป็นปัญหาที่เกิดขึ้นทั่วโลกและส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในไทย

เงินเฟ้อยังคงอยู่ในระดับที่ต่ำเมื่อเทียบกับหลายประเทศ แต่ก็ยังเป็นสิ่งที่ควรจับตาดูและวิเคราะห์ต่อไป เนื่องจากยังคงปัจจัยต่างๆ ที่อาจส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของเงินเฟ้อได้ตลอดเวลาครับ


ตลาดหุ้นรายสัปดาห์ปรับตัวเพิ่มขึ้นกันถ้วนหน้าเลยทีเดียวครับ พอทุกอย่างเริ่มชัดเจนมากขึ้นก็เป็นประโยชน์ต่อตลาดแบบเห็นได้ชัด 

สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยเอง ที่แม้จะยังไม่มีความชัดเจนด้านการเมือง แต่ปัจจัยอื่นๆ ก็ดันให้ตลาดปรับตัวเพิ่มขึ้นได้อยู่ เหตุผลส่วนหนึ่งเป็นเพราะเหตุการณ์และแนวโน้มที่เกิดขึ้นยังอยู่ในการคาดการณ์ของนักลงทุนส่วนใหญ่ ตลาดจึงไม่ผันผวนมากนักครับ 

ในช่วงที่ตลาดเป็นสีเขียวถ้วนหน้าแบบนี้ อาจกังวลว่าเดี๋ยวตลาดคงย่อตัวลงมา แต่หากมัวแต่รีรอก็อาจทำให้ราคาหุ้นปรับตัวไปไกลจนตกรถได้ครับ 

นี่คือเหตุผลที่เราแนะนำให้ใช้กลยุทธ์ DCA ถัวเฉลี่ยอย่างสม่ำเสมอ เพื่อที่คุณจะได้ไม่พลาดโอกาสในทุกช่วงเวลาครับ 

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – เงินหยวนอ่อนค่า ลงทุนจีนดีไหม

Jitta Wealth Journal – GDP เวียดนามพุ่ง +4.14% ลุ้นทะลุเป้า

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด