Jitta Wealth Journal - จีนสัญญาณชัด! เปิดประเทศปี 66

14 ธันวาคม 2565Jitta WealthJitta Wealth Journal

นักวิเคราะห์ชี้ไทย Top 3 รับผลดีจีนเปิดประเทศ

Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 107 ประจำวันที่ 14 ธันวาคม 2565 

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตก นักลงทุนเทขายก่อนการประชุม Fed 13-14 ธ.ค. นี้ สวนทางตลาดหุ้นจีนและญี่ปุ่นฟื้นตัวต่อจากข่าวจีนเปิดประเทศที่ Goldman Sachs มองว่าดีต่อเศรษฐกิจเอเชีย เงินเฟ้อไทยเดือน พ.ย. ลดลงแล้ว แบงก์พาณิชย์เวียดนามรับเงินกู้จาก IFC ยอดส่งมอบรถ EV จีนเดือน พ.ย. พุ่งกว่า 70% จากปีก่อน และ TSMC เพิ่มงบลงทุนในสหรัฐฯ กว่า 2.3 เท่า

ทีมงานย่อยข่าวเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกมาให้คุณแล้ว ไปติดตามกันได้เลย

รับข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้การลงทุนดีๆ จากเราได้ที่ Line ID: @jittawealth


ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นรายสัปดาห์

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ

S&P 500 -3.37% DJIA -2.77% NASDAQ -3.99%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนต่อเนื่อง นักลงทุนยังกังวลกับเรื่องเศรษฐกิจถดถอย เสียงนักลงทุนแตกออกเป็นสองฝ่ายว่า Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงต่อไปหรือจะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ยกันแน่ 

ดัชนีตลาดหุ้นเอเชีย

CSI 300 +2.17% TOPIX +0.39% VNI -2.61% SET -1.13%

ตลาดหุ้นจีนขึ้นต่อเนื่องจากความคาดหวังของนักลงทุนในการผ่อนคลายมาตรการของรัฐบาล กิจกรรมทางเศรษฐกิจฟื้นตัวมากขึ้น ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลดลงจากหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ที่ได้รับผลกระทบจากมาตรการปล่อยสินเชื่อ ตลาดหุ้นไทยได้รับผลกระทบจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ 

ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 12 ธันวาคม 2565


ดวงการเงินดีรับปีใหม่ แค่ลงทุนกับ Jitta Wealth 

ฤกษ์ที่ดีคือ ‘เลิกรอ’ มาลงทุนเสริมดวงการเงินรับปีใหม่กับ Jitta Wealth แค่ลงทุนหรือเพิ่มทุนนโยบายใดก็ได้ทุกๆ 10,000 บาท รับเครดิตค่าธรรมเนียม 100 บาท สูงสุด 100,000 บาท ภายใน 13-27 ธ.ค. 65

เงื่อนไขการเข้าร่วมกิจกรรม 


เศรษฐกิจไทย

เงินเฟ้อไทยเดือน พ.ย. มาอยู่ที่ 5.5% ลดลงจากเดือนก่อนหน้า

สำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) ประกาศอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนพฤศจิกายนขยายตัว 5.50%yoy ลดลงมาจาก 5.98%yoy ในเดือนก่อนหน้า เป็นการลดลงต่อเนื่องจากจุดสูงสุดในเดือนสิงหาคม 2565 ซึ่งน่าจะเป็นจุดสูงสุดของปีไปแล้ว

อัตราเงินเฟ้อที่ลดลงต่อเนื่องเป็นอีกปัจจัยในการพิจารณาปรับขึ้นดอกเบี้ยของคณะกรรมการนโยบายการเงิน แต่การขึ้นดอกเบี้ยของแบงก์ชาติดูมีท่าทีแบบค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากหลายธุรกิจในไทยยังฟื้นตัวได้ไม่เต็มที่ ทำให้การปรับขึ้นดอกเบี้ยแรงในตอนนี้จะเป็นการซ้ำเติมภาคธุรกิจ

เงินเฟ้อที่ลดลงจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจไทยในปีหน้า ประกอบกับการเปิดประเทศของจีนที่จะส่งผลดีต่อการลงทุนภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวของไทยในปีหน้าด้วยเช่นกัน

Goldman Sachs มอง จีนเปิดประเทศดัน GDP ไทย 2.9% 

Goldman Sachs ออกรายงานผลกระทบเชิงบวกต่อประเทศต่างๆ ในเอเชียจากการเปิดประเทศของจีน ซึ่งเป็นปัจจัยบวกที่สำคัญของเศรษฐกิจทั่วเอเชีย ซึ่งไทย ฮ่องกง และสิงคโปร์เป็น 3 เศรษฐกิจที่จะได้รับประโยชน์มากที่สุด โดย Goldman Sachs คาดว่า GDP ของไทยจะเพิ่มขึ้นอีก 2.9% GDP ของเขตปกครองพิเศษฮ่องกงจะเพิ่มขึ้น 7.6% ขณะที่ของสิงคโปร์เพิ่มขึ้นอีก 1.2% 

ในรายงานยังระบุว่าความต้องการสินค้าและบริการในจีนจะเพิ่มขึ้นอีกราว 5% และจะมีการเดินทางท่องเที่ยวไปยังต่างประเทศมากขึ้น

การเปิดประเทศของจีน นอกจากการจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจฝั่งเอเชียแล้ว ยังช่วยสร้างสมดุลของห่วงโซ่อุปทานให้กับโลกด้วย การผลิตและขนส่งสินค้าต่างๆ จากจีนจะเริ่มกลับสู่ภาวะปกติ ซึ่งอาจส่งผลดีต่ออัตราเงินเฟ้อด้วย


Talk of the Town 

เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official

📝 ลงทุนหลายกองทุน หลายสินทรัพย์ ติดตามผลกันยังไง? มาแชร์กัน

 📈 ตลาดหุ้นฟื้นแบบนี้ สาย DCA ใจชื้นขึ้นกันบ้างไหมครับ?

🙏 ทีมนักพัฒนาของ Jitta Wealth น้อมรับคำติชมและข้อเสนอแนะของทุกคนครับ

(ตอบคำถามให้ครบ 3 ข้อ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มนะ 🤗)


เศรษฐกิจจีน

แทบจะฟันธง! จีนส่งสัญญาณเปิดประเทศปี 2566 อีกครั้ง

เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา คณะกรรมการสุขภาพแห่งชาติจีนตั้งโต๊ะแถลงข่าวและตอบคำถามสื่อมวลชน เกี่ยวกับมาตรการควบคุมการแพร่ระบาด Covid-19 ซึ่งก็อาจจะดูเหมือนการแถลงข่าวตามปกติ แต่การตอบคำถามในครั้งนี้ส่งสัญญาณการเปิดประเทศของจีนออกมาอย่างชัดเจน โดย Jitta Wealth ได้สรุปประเด็นที่สำคัญมาให้คุณแล้วดังนี้ 

  • คณะกรรมการฯ เร่งให้แต่ละท้องถิ่นปฏิบัติตามกฎ 10 ข้อที่รัฐบาลกลางประกาศ
  • ผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ ไม่จำเป็นต้องเข้ารับการรักษา สามารถกักตัวที่บ้านได้
  • อาคารหรือชุมชนที่มีผู้ติดเชื้อต่ำ ไม่จำเป็นต้องปิด แต่ให้ปฏิบัติตามข้อกำหนดเพื่อกักตัว
  • สถานพยาบาลปรับปรุงแผนกตรวจให้มีพื้นที่มากขึ้น เพื่อเตรียมความพร้อมรับจำนวนผู้ติดเชื้อที่อาจเพิ่มขึ้นหลังผ่อนคลายมาตรการ
  • ให้ผู้สูงอายุตรวจ ATK 2 วันต่อสัปดาห์ โดยรับชุดตรวจได้ฟรีที่สถานพยาบาลของรัฐ
  • โรงเรียนอนุบาลหรือสถานดูแลผู้สูงอายุ ยังต้องแสดงผลตรวจเป็นลบถึงเข้าใช้บริการได้
  • ขอความร่วมมือผู้สูงอายุเข้ารับวัคซีน เนื่องจากมีกลุ่มที่ไม่ยอมฉีดวัคซีน โดยสถิติบอกว่ากลุ่มผู้สูงอายุ 80 ปีขึ้นไปที่รับวัคซีน 3 เข็ม ลดความเสี่ยงในการเสียชีวิตลงได้ถึง 9.3 เท่า

ในช่วง 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา เห็นได้ชัดว่ารัฐบาลจีนผ่อนคลายมาตรการ Zero Covid อย่างต่อเนื่อง เป็นสัญญาณชัดเจนว่าจีนกำลังเดินหน้าเปิดประเทศแน่นอน โดยนักวิเคราะห์หลายสำนักคาดการณ์ว่าน่าจะเป็นช่วงไตรมาส 1-2 ของปี 2566

หากจีนเปิดประเทศจะทำให้โลกมีอุปสงค์จากจีนเพิ่มขึ้น ช่วยให้เศรษฐกิจโลกเติบโต โดยส่วนที่ได้รับอานิสงส์มากที่สุดคือภาคการท่องเที่ยวและอุตสาหกรรมที่ต้องพึ่งพาการผลิตจากจีนเป็นหลัก ที่จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง Jitta Wealth จะเฝ้าติดตามความเคลื่อนไหวของจีนอย่างใกล้ชิดเพื่อนำมารายงานให้คุณวางแผนได้ทันท่วงที


2 ทางเลือก ‘ลงทุนหุ้นเวียดนาม’ คว้าโอกาสช่วงหุ้นถูก 

หุ้นเวียดนามเจอกับขวากหนามมากมายในปีนี้แต่ก็กำลังค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมา เพราะในความเป็นจริงแล้วพื้นฐานของหุ้นเวียดนามยังดีอยู่ ถึงเวลาลงทุนแล้วหรือยัง แล้วถ้าคุณอยากคว้าโอกาสนี้ไว้ มีทางเลือกอะไรบ้าง? หาคำตอบได้แล้วที่นี่ 

คว้าโอกาสลงทุนเวียดนาม 


เศรษฐกิจเวียดนาม

IFC ลงทุนในแบงก์เวียดนาม 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

International Finance Corporation หรือ IFC สถาบันการเงินที่ให้ความช่วยเหลือด้านการลงทุน ให้คำปรึกษา และจัดการทรัพย์สินให้ประเทศกำลังพัฒนา เห็นโอกาสการเติบโตทางเศรษฐกิจ จึงปล่อยกู้ให้ 3 ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เวียดนาม ได้แก่ ธนาคาร Saigon-Hanoi Commercial Joint Stock Bank (SHB) ธนาคาร Vietnam International Commercial Joint Stock Bank (VIB) และธนาคาร Oriental Commercial Joint Stock Bank (OCB) เป็นมูลค่ารวมกันกว่า 320 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

โดยแบ่งออกการปล่อยกู้ธนาคาร SHB เพื่อสนับสนุนธุรกิจ SME เป็นจำนวน 120 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และปล่อยกู้ให้ธนาคาร VIB และ OCB ธนาคารละ 100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสนับสนุนการเติบโตในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 

IFC อาจเห็นว่าภาคเอกชนในเวียดนามมีศักยภาพการเติบโตในอนาคต และสามารถพัฒนารูปแบบการทำธุรกิจให้ลดการพึ่งพาจากภาครัฐ ช่วยสร้างความแข็งแกร่งของภาคเอกชนให้สามารถแข่งขันกับธุรกิจจากนานาชาติได้


Passive Way Story ซีรีส์ 2 Episode 2 ‘เซียนหุ้นที่ว่าแน่ ก็ลงทุนแพ้เด็ก ม.1’ 

มาพบกับ 8 นิทานสอนการลงทุนที่กาลครั้งหนึ่งเคยเกิดขึ้น แต่ไม่เคยมีใครพูดถึงมาก่อน ใน Episode ที่ 2 นี้จะพาคุณไปฟังเรื่องราวของกลุ่มเด็ก ม.1 ที่ทำผลตอบแทนชนะกองทุนรวมหุ้นกว่า 99% ใน Wall Street พวกเด็กๆ ทำได้อย่างไร ไปหาคำตอบได้ที่นี่

รับฟัง Passive Way Story ซีรีส์ 2 Episode 2


ลิเธียมและแบตเตอรี

ยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าจีนเดือน พ.ย. ทะลุ 700,000 คัน

China Passenger Car Association (CPCA) ประกาศยอดส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าจีนในเดือนพฤศจิกายน 2565 อยู่ที่ประมาณ 728,000 คัน เพิ่มขึ้น 70.2%yoy นำโดยค่ายรถยนต์ดังจากทั้งจีนและสหรัฐฯ โดย BYD มียอดส่งมอบรถยนต์อยู่ที่ 229,942 คัน ส่วน Tesla มียอดส่งมอบอยู่ที่ 100,291 คัน

ปี 2566 ถือเป็นปีที่ท้าทายของค่ายรถยนต์ไฟฟ้าในจีน เนื่องจากการสิ้นสุดมาตรการช่วยเหลือด้านการเงิน เศรษฐกิจทั่วโลกที่ชะลอตัว และราคาน้ำมันที่มีแนวโน้มลดลง หากอุตสาหกรรมรถยนต์ไฟฟ้าในจีนยังเติบโตก้าวกระโดดต่อไปได้จะแสดงให้เห็นว่าอุปสงค์ของรถยนต์ไฟฟ้าในจีนแข็งแกร่งพอสมควรแล้ว

ยอดการส่งมอบรถยนต์ไฟฟ้าที่เพิ่มขึ้นจะส่งผลดีให้ธีมลิเธียมและแบตเตอรี ธีมพลังงานสะอาด และธีมพลังงานสะอาดจีนชัดเจน เป็นธีมเมกะเทรนด์ที่มีแนวโน้มเติบโตโดดเด่นมาก


เซมิคอนดักเตอร์

TSMC เพิ่มงบลงทุนในสหรัฐฯ เป็น 40,000 ล้านเหรียญ

ในวันที่ 6 ธันวาคมที่ผ่านมา ประธานาธิบดี Joe Biden เดินทางเข้าพบกับผู้ก่อตั้งของ TSMC ในงานเปิดตัวโรงงานผลิตชิปแห่งใหม่ในมลรัฐแอริโซนา โดยตอนนี้ TSMC ปรับแผนลงทุนจากเดิม 12,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเพิ่มขึ้นกว่า 2.3 เท่า

งบลงทุนที่เพิ่มขึ้นจะถูกนำไปพัฒนาและสร้างสายพานการผลิตชิประดับสูงมากขึ้น โดยการลงทุน 40,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐของ TSMC เป็นหนึ่งในการลงทุนที่ใหญ่ที่สุดของมลรัฐแอริโซนา

TSMC จะได้รับสิทธิประโยชน์จากกฎหมาย CHIP Act ของสหรัฐฯ ที่ให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีและเงินสนับสนุนกว่า 52,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐแก่บริษัทที่มีการลงทุนในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ในสหรัฐฯ

ในขณะที่ฝั่งจีนเองก็มีเม็ดเงินสนับสนุนวิจัยและพัฒนาจากรัฐบาล ซึ่งอาจทำให้ภาคเอกชนของจีนสามารถพัฒนาและผลิตชิปที่มีมาตรฐานทัดเทียมกับสหรัฐฯ ได้ในอนาคต

ต้องติดตามดูกันว่าสถานการณ์และความตึงเครียดด้านเทคโนโลยีระหว่างสหรัฐฯ และจีนจะมีความเคลื่อนไหวอย่างไร หรือ TSMC จะเป็นกุญแจสำคัญในการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งในเรื่องนี้ แต่แนวโน้มความต้องการเซมิคอนดักเตอร์จะสูงขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคตที่โลกต้องพึ่งพาเทคโนโลยีมากขึ้น


ในทุกปี Jitta Wealth จะพัฒนาอัลกอริทึมของนโยบายลงทุนต่างๆ ให้ดียิ่งขึ้นอยู่ตลอด เพื่อให้คุณมั่นใจว่าเงินของคุณจะถูกนำไปลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี มีคุณภาพอยู่เสมอ ให้สมกับที่คุณไว้วางใจให้เราดูแลพอร์ตของคุณ ขอให้คุณติดตามช่องทางการสื่อสารจากเราเป็นประจำ

การลงทุนปีนี้ผันผวนมาก ตลาดหุ้นอ่อนไหวและพร้อมจะขึ้นลงตามข้อมูลที่ออกมาอยู่ทุกวัน Jitta Wealth อยากให้คุณโฟกัสไปที่หลักการลงทุนที่ถูกต้อง ซึ่งจะช่วยให้คุณทำผลตอบแทนระยะยาวได้ดีต่อเนื่อง มากกว่าการหาวิธีทำผลตอบแทนให้ดีตลอดเวลาในระยะสั้นๆ ซึ่งเป็นไปได้ยาก

ใกล้ช่วงสิ้นปีแล้ว Jitta Wealth ขอให้คุณเดินทางท่องเที่ยวอย่างปลอดภัย ยิ่งถ้าคุณเป็นคอบอล อดนอนดูฟุตบอลโลกช่วงนี้ที่ใกล้จะถึงรอบชิงชนะเลิศขึ้นทุกที อาจจะต้องนอนพักฟื้นให้เต็มอิ่มเพื่อให้สุขภาพฟื้นตัวกลับมานะ

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า


กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ผู้บุกเบิกสตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01

ผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานในอดีตที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ไม่การันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงอื่นๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน 


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – หุ้นเวียดนามฟื้นแรง ภาครัฐเร่งแก้ปัญหา

Jitta Wealth Journal – Warren Buffett ย่องเก็บหุ้นญี่ปุ่นเพิ่ม

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด