วันพฤหัสบดีที่ 18 ก.พ. ที่ผ่านมา Jitta Wealth ได้ Live ธีมการลงทุนล่าสุดที่เพิ่งเปิดตัวไป นั่นก็คือ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ เป็นธีมที่ 13 ของบริการกองทุนส่วนบุคคล Thematic
การลงทุนใน ‘หุ้นเวียดนาม’ ได้รับความสนใจจากนักลงทุนไทยเป็นอย่างมาก Jitta Wealth ได้รับเสียงเรียกร้องมาจากลูกค้าหลายท่าน ถึงความน่าสนใจและผลตอบแทนที่ดีของตลาดหุ้นเวียดนาม
Live ในหัวข้อ 'เวียดนาม' ลงทุนอย่างไรให้ปัง ได้รับเกียรติจาก 'ดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร' มาเล่าประสบการณ์การเข้าไปลงทุนในหุ้นเวียดนาม ตั้งแต่ก่อนที่ตลาดหุ้นที่นั่นยังไม่บูม และมีกูรูตลาดหุ้นเวียดนามอย่าง คุณเต๋า 'สติมา เมี้ยนละม้าย' แห่งเพจ Vietnam Value Investor หุ้นเวียดนาม ที่ผ่านโลกการลงทุนหุ้นเวียดนามมาอย่างยาวนาน
และที่ขาดไม่ได้ คือ คุณเผ่า 'ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์' CEO แห่ง Jitta Wealth ที่จะมาเล่าว่า ธีมตลาดหุ้นเวียดนามมีที่มาที่ไปอย่างไร มีความน่าสนใจอย่างไรบ้าง ที่สำคัญคือ จะจัดพอร์ม ‘ธีมตลาดหุ้นเวียดนาม’ กับธีมการลงทุนอื่นๆ ของ Jitta Wealth Thematic อะไรได้บ้าง
“ตอนนี้...เวลานี้ เวียดนามพร้อมแล้ว” นี่คือ คำพูดแรกของดร.นิเวศน์ ที่ย้ำถึงความมั่นใจในหุ้นเวียดนาม
เขาเล่าว่า เริ่มเข้าไปลงทุนเมื่อ 5 ปีก่อน แต่ก็ผิดหวัง ส่วนหนึ่งเพราะเลือกหุ้นตัวเล็ก แล้วคิดว่าน่าจะโตตามหลักการลงทุนเน้นคุณค่า (Value Investment) แต่ก็ไม่เป็นไปตามนั้น เพราะดัชนี VNI ขึ้นมาตลอด 5 ปีที่ผ่านมา แต่หุ้นที่ขึ้นก็เป็นหุ้นตัวใหญ่ และหุ้นโตหลายเด้ง เพราะมีเม็ดเงินจากต่างชาติเข้ามาซื้อ
หุ้นเวียดนามปัจจุบัน มีเงื่อนไขเรื่อง Foreign Ownership Limit ในแต่ละตัว คือ กำหนดสัดส่วนการถือครองของนักลงทุนต่างชาติอยู่ ถ้าถึง Foreign Ownership Limit ก็ไม่สามารถซื้อได้ ต้องไปซื้อนอกตลาดหุ้นในราคาที่สูงขึ้น หรือมีพรีเมียมนั้นเอง
ดร.นิเวศน์ บอกว่า ที่เลือกเข้าไปลงทุนใน ‘หุ้นเวียดนาม’ เพราะหุ้นไทยไม่ไปไหนในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ขึ้นๆ ลงๆ ผลตอบแทนไม่สูง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะสถานการณ์ในประเทศที่มีความไม่แน่นอน ม็อบการเมือง น้ำท่วมใหญ่ จนมาถึง Covid-19
ปัจจัยหลักๆ ที่ทำให้ตลาดหุ้นไทยไม่ไปไหน คือ เศรษฐกิจของประเทศ หรือจีดีพี ซึ่งเป็นปัจจัยพื้นฐานสำคัญ ที่ไทยเติบโตไม่สูงมากเท่าประเทศอื่นๆ ส่งผลให้ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียนไม่ไปไหนด้วยเช่นเดียวกัน
สำหรับเวียดนาม...ที่เชื่อมั่นว่า ประเทศกำลังไปได้ดี อย่างแรกคือ เศรษฐกิจของเวียดนามเอง ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี นี่คือปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง เวียดนามกำลังเปลี่ยนประเทศการเกษตรเป็นอุตสาหกรรม มีการลงทุนฐานการผลิตจากต่างประเทศมากมาย ตัวเลข Foreign Direct Investment (FDI) แซงหน้าไทยไปหลายเท่า เมื่อมีภาคการผลิตโต ก็ขายสินค้าในประเทศได้ และส่งออกไปได้ด้วย
ประเด็นที่สอง อัตราดอกเบี้ยนโยบายขาลง เมื่อก่อนยังสูงมาก 6-7% ต่อปี ไม่เอื้อต่อการลงทุนในภาคธุรกิจ แต่ปัจจุบันเหลือ 4% ต่อปี ดังนั้นเทรนด์ดอกเบี้ยเป็นขาลง ต้นทุนการเงินการทำธุรกิจก็น้อยลงด้วย
ประเด็นที่สาม คือ การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียนของเวียดนามมีทิศทางที่ดี เพราะเศรษฐกิจที่โต การบริโภคภาคประชาชนดีขึ้น และกระจายความเจริญสู่ท้องถิ่นก็ดีขึ้นด้วยเช่นกัน
ประเด็นที่สี่ คือ ค่า Price to Earnings Ratio (P/E) ของหุ้นเวียดนามยังอยู่ในระดับที่ไม่สูงมาก เปรียบเทียบในอาเซียนคือต่ำที่สุด
ประเด็นที่ห้า คือ สถานการณ์การเมืองนิ่ง ด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ แต่มีการขับเคลื่อนนโยบายไปในทิศทางเดียวกัน ไม่หยุดชะงัก รัฐบาลมีทิศทางในการอัปเกรดประเทศ แต่ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ เป็นถูกจัดอันดับว่าเป็นตลาดหุ้นชายขอบ (Frontier Market) ถ้าทิศทางของเวียดนามยังเป็นขาขึ้น โอกาสที่จะเลื่อนขึ้นเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) เท่าไทย มีความเป็นไปได้สูงมาก
ดร.นิเวศน์ บอกว่า ในช่วงปี 2563 ที่ผ่านมา เวียดนามสามารถคุมการแพร่ระบาด Covid-19 ได้เป็นอย่างดี เศรษฐกิจก็ฟื้นกลับมาได้เร็ว และยังสามารถโตได้ ตลาดหุ้นเวียดนามในรอบปีที่ผ่านมา ก็มีรายย่อยสมัครเปิดบัญชีซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ดันดัชนี VNI และ HNX ได้
มุมมองหลังจากนี้ เขามองว่า หุ้นเวียดนามจากที่เห็นภาพ Growth Stock จะเริ่มมี Super Stock หุ้นรายอุตสาหกรรมอย่างอสังหาริมทรัพย์ ค้าปลีก ธนาคาร และก่อสร้าง จะเริ่มมีทิศทางที่ดี ซึ่งมีความคล้ายคลึงกับตลาดหุ้นไทยในอดีต ที่เคยผ่านจุดนั้นมาแล้ว
สอดคล้องกับคุณเต๋า ที่ได้พูดถึงดัชนี VNI ว่า ช่วง Covid-19 ก็กดดันดัชนีให้ตกลงไปช่วงเดือนมี.ค.ที่ประมาณ 660 จุด ซึ่งเป็นจุดต่ำสุดของปี แต่ผ่านมาได้ 11 เดือนแล้ว ดัชนี VNI ขึ้นมา 80% หวิดจะทำนิวไฮทะลุ 1,200 จุด ก่อนจะมีแรงเทขายออกมาช่วงเดือนม.ค. ที่ผ่านมา
‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ ก็ยังมีเสน่ห์ให้ลงทุน ดัชนี VNI ยังไงต้องทำนิวไฮอีก ไม่ช้าก็เร็ว คุณเต๋า บอกว่า ถึงดัชนีจะขึ้นแรง ก็ยังเป็นจังหวะลงทุน ไม่ตกขบวนรถ เพราะตลาดหุ้นเวียดนามเกือบจะทำนิวไฮ 1,200 จุดได้ 3 ครั้ง ครั้งแรกปี 2550 ตอนนั้นค่า P/E 45 เท่า ขณะที่อัตราเงินเฟ้อ และดอกเบี้ยนโยบายดอกเบี้ยยังสูงอยู่ ต่อมาช่วงปี 2561 ดัชนี VNI ได้ทำนิวไฮเฉียด 1,200 จุกเป็นครั้งที่ 2 แต่ค่า P/E ถูกลงมา 23 เท่า
ผ่านมาจนถึง 2564 ดัชนีหวิดจะทะลุ 1,200 จุดครั้งที่ 3 แต่ค่า P/E ปัจจุบันอยู่ที่ 18 เท่า
คุณเต๋า เชื่อว่า เวียดนามมีศักยภาพโตได้ เพราะเศรษฐกิจและประชากร เห็นด้วยกับดร.นิเวศน์ที่บอกว่า เวียดนามจะเป็น The Next Thailand and Beyond เพราะการเติบโตของจีดีพีปี 2020 เวียดนามโตสูงสุดในอาเซียนแซงจีน อีกทั้งปีนี้นักวิเคราะห์หลายสำนักต่างให้มุมมองว่าจีดีพีเวียดนามมีโอกาสโตได้อีก 6-10%
อย่างปี 2563 ที่เกิด Covid-19 กำไรบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม VN30 ETF โตเฉลี่ยประมาณ 7% ขณะที่บริษัทไทยใน SET50 ETF น่าจะติดลบประมาณ 30% พอดูตัวเลขย้อนหลังไป 5 ปี ETF (Exchange Traded Fund) หุ้น VN30 โต 116% ส่วน SET50 โต 8%
ทั้งดร.นิเวศน์และคุณเต๋า เลือกไปลงทุนในหุ้นรายตัว และกระจายความเสี่ยงลงใน ETF ที่อยู่ในตลาดหุ้นเวียดนามด้วย ล่าสุดที่ตลาดหุ้น HOSE ออกกองทุน Diamond ETF ซึ่งอิงกับดัชนี VN-Allshare หุ้น 14 ตัวในดัชนีนี้ คือ หุ้นที่มี Foreign Ownership Limit และค่า P/E ต่ำ
Diamond ETF เปิดโอกาสให้นักลงทุนต่างชาติได้มีโอกาสลงทุนในหุ้นที่ไม่สามารถลงทุนโดยตรงได้ ดร.นิเวศน์มองว่า ETF ตัวนี้ตอบโจทย์ เพราะจะได้ลงทุนในหุ้นเวียดนามที่เป็น Super Stock
“ยิ่งถ้าไม่มั่นใจว่า จะลงทุนหุ้นตัวไหน การลงทุนผ่าน ETF เป็นอีกทางเลือกที่ความเสี่ยงน้อยลง” ดร.นิวเวศน์กล่าว “ยิ่งตอนนี้ โอกาสดี ลงทุน ETF หุ้นเวียดนาม มีแนวโน้มโตเฉลี่ย 10-15% 5 ปีมีความเป็นไปได้โตเท่าตัว”
แต่การลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ว่าจะที่ไหนก็ตาม ล้วนมีความเสี่ยง แรงเหวี่ยงมีโอกาสบวกลบสูงเช่นเดียวกัน นี่คือความเสี่ยงที่เกิดขึ้นได้ ดร.นิเวศน์มองว่า อย่างเวียดนาม บางปีก็มีโอกาสเหวี่ยงไปได้ถึงบวกลบ 30% เช่นเดียวกัน แต่ในระยะยาว 5-10 ปี เป้าหมายผลตอบแทนเฉลี่ย 10% ถือว่า ยอดเยี่ยม คุ้มค่าที่จะลงทุน
คุณเผ่า บอกว่า ก่อนหน้านี้ Jitta Wealth มีบริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking เวียดนาม ที่ให้ไปลงทุนในหุ้นเวียดนามคุณภาพดี ราคาไม่แพง ตามหลักการของ Warren Buffett โดยใช้แพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้น Jitta จัดอันดับ ‘หุ้นดี ราคาถูก’ น่าลงทุน 20 อันดับแรก จากผลประกอบการย้อนหลัง 10 ปี นำมาจัดพอร์ตให้ลูกค้า และปรับพอร์ตให้ทุก 3 เดือนแบบอัตโนมัติ
หุ้นที่ Jitta คัดกรองมาให้มักเป็นหุ้นที่กองทุนไม่สนใจ เป็นหุ้นขนาดกลาง แต่ปี 2563 ช่วง Covid-19 หุ้นเวียดนามหลายตัววิ่งได้แรง ราคาหุ้นพุ่งไปถึง 100% ขณะที่รายได้โต 30% ทำให้ผลตอบแทน Jitta Ranking เวียดนามในพอร์ตลงทุนของลูกค้าหลายคนน่าประทับใจมาก กำไรประมาณ 50-70%
คุณเผ่า บอกว่า หลังจากที่ Jitta Wealth เปิดกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking เวียดนาม มาได้ 3 ปี สิ่งที่เห็นได้ชัดคือ รายได้บริษัทจดทะเบียนในเวียดนามโต แต่ของไทยลดลง ขณะที่ราคาหุ้นและดัชนี VNI เป็นบวกเฉลี่ยสูงกว่า 10% ต่อปี ซึ่งเป็นแต้มต่อที่ดี
อย่างไรก็ตาม Jitta Ranking เวียดนามนั้น ต้องใช้เงินลงทุนเริ่มต้น 3 ล้านบาท เพิ่มทุนขั้นต่ำ 300,000 บาท ซึ่งเป็นข้อจำกัดอยู่ ดังนั้น ETF หุ้นเวียดนามของ Jitta Wealth Thematic จึงเป็นอีกทางเลือกหนึ่ง สำหรับคนที่สนใจลงทุนในหุ้นเวียดนาม ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้นที่ 100,000 บาท เพิ่มทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท
Jitta Wealth เลือก VanEck Vectors Vietnam ETF (VNM) ซึ่งเป็น ETF เดียวในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ โดยลงทุนให้ผลตอบแทนอิงกับ MVIS Vietnam Index ที่คัดเลือกหุ้นในตลาดหุ้นเวียดนามที่มีมาร์เก็ตแคปขนาดใหญ่ และหุ้นบริษัทต่างชาติที่มีการลงทุนในเวียดนามและมีรายได้หรือสินทรัพย์จากเวียดนามมากกว่า 50%
หุ้นตัวใหญ่ของเวียดนามอย่าง Vietnam Dairy Products (VNM) Vingroup (VIC) หรือ Bank for Foreign Trade of Vietnam อยู่ในพอร์ตลงทุนของ VNM รวมทั้งหุ้นบริษัท Mcnex จากเกาหลีใต้ ที่มีสัดส่วนการลงทุนในเวียดนามสูง รายได้ 70-80% มาจากเวียดนาม เพราะผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ให้ Samsung ฐานการผลิตอยู่ในเวียดนามเช่นเดียวกัน
นอกจากนี้ VNM เป็น ETF กองทุนเดียวในสกุลเงินดอลลาร์สหรัฐ ที่ลงทุนในเวียดนามมายาวนาน ตั้งแต่พ.ย. 2552 จึงมีความมั่นคงพอสมควร
ระหว่าง Jitta Ranking กับ Thematic หุ้นที่เลือกลงทุนก็ไม่เหมือนกัน อย่าง Jitta Ranking จะเป็นหุ้นขนาดกลาง แต่มีพื้นฐานดี ส่วน Thematic ที่เลือก VNM นั้น กองทุนยังเน้นลงทุนในหุ้นขนาดใหญ่มากกว่า
คุณเผ่าบอกว่า Thematic ให้เลือกจัดพอร์ตลงทุนได้ตั้งแต่ 1-5 ธีม พอร์ตที่แนะนำคือ Broad Market - ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา จีน อินเดีย และเวียดนาม ซึ่งจะครอบคลุมทุกประเภทตลาดหุ้นไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้นพัฒนาแล้ว (สหรัฐฯ) ตลาดหุ้นเกิดใหม่ (จีนและอินเดีย) ตลาดหุ้นชายขอบ (เวียดนาม) ซึ่งจะเป็นพอร์ตลงทุน Thematic กระจายความเสี่ยงได้ดี
นอกจากนี้ยังสามารถจัดพอร์ตลงทุน ‘ธีมตลาดหุ้นเวียดนาม’ ผสมกับธีมการลงทุนอื่นๆ ที่กำลังมาแรง และมีโอกาสเติบโตในอนาคตอย่าง ‘ธีมกัญชา’ ได้เหมือนกัน แล้วให้ระบบปรับพอร์ตลงทุนอัตโนมัติของ Jitta Wealth จัดสัดส่วนการลงทุนแต่ละธีมให้เท่าๆ กันตลอดเวลา เพื่อรักษาวินัยการลงทุน
แต่คุณเผ่าไม่แนะนำให้ลงทุนธีมใดธีมหนึ่งในพอร์ตลงทุนเดียว เพราะมีความเสี่ยงที่ราคา ETF จะผันผวนระยะสั้น รวมทั้งจากอารมณ์ของนักลงทุน ภาวะตลาดหุ้น และปัจจัยอื่นๆ เช่น เศรษฐกิจ การเมือง อุทกภัย หรือโรคระบาด ก็มีผลต่อราคาหุ้นใน ETF นั้นได้
คุณเผ่าทิ้งท้ายว่า เวียดนามกำลังเป็นดาวรุ่งในโลกการลงทุน และมีโอกาสโตได้ในระยะยาว แต่สิ่งสำคัญคือ การศึกษาหาความรู้และข้อมูลเพิ่มเติมก่อนลงทุน ถ้ายังไม่มั่นใจ เริ่มต้นด้วย ETF กระจายความเสี่ยงในหุ้นหลายๆ ตัว ใช้เงินลงทุนน้อยๆ ก่อน ถ้ามั่นใจมากขึ้น และรับความเสี่ยงได้ ค่อยลงทุนหุ้นรายตัว ก็ยังไม่สาย
หากคุณสนใจลงทุน อ่านข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่
Thematic https://jittawealth.com/thematic
Jitta Ranking https://jittawealth.com/jitta-ranking
‘เวียดนาม’ ปี 2564 น่าลงทุนตรงไหน?