‘เวียดนาม’ ปี 2564 น่าลงทุนตรงไหน?

3 กุมภาพันธ์ 2564ThematicVietnam

ในรอบ 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ประเด็นที่ถูกพูดถึงกันมาก คือ ดัชนี VNI ดิ่งลง...อย่างที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน

วันที่ 15 ม.ค. ปิดที่ 1194.20 จุด เกือบจะเท่าจุดสูงสุดที่เคยทำไว้เมื่อ 2 เม.ย. 2561 ที่ 1196.61 จุด หลังจากนั้น กลายเป็นว่าดัชนี VNI วิ่งลง ปิดที่ 1023.94 จุด เมื่อวันที่ 28 ม.ค. 

แค่ในรอบ 14 วัน ดัชนี VNI ลดลง 14.26% เลยทีเดียว 

หลายคนคงมีคำถามว่า...เกิดอะไรขึ้น

กูรูหุ้นเวียดนาม พูดคล้ายกันว่า หุ้นเวียดนามเคยดิ่งสุดที่ 659.21 จุด วันที่ 24 มี.ค. 2563 ช่วงเวลาเดียวกับที่ตลาดหุ้นทั่วโลกพร้อมใจกันตกฮวบฮาบ หลังจากที่ Covid-19 แพร่ระบาดไปทั่วโลก 

แต่หลังจากนั้น ตลาดหุ้นเวียดนามมีทิศทางที่สดใส ทะยานขึ้นในช่วงเม.ย. 2563 ถึงกลางเดือนม.ค. 2564

ดัชนีลดลงในช่วงที่ผ่านมา เกิดจากแรงเทขายอย่างหนักจากนักลงทุนที่ตุนหุ้นมาก่อนหน้านี้ เพื่อทำกำไรออกมา นอกจากนี้ยังมีภาวะ Panic Sell (การตกใจขายหุ้นของนักลงทุนรายย่อย) และนักลงทุนบัญชีมาร์จิ้น ที่จำเป็นต้องหุ้นขายทิ้ง เมื่อเงินที่วางประกันไว้ไม่สามารถรองรับราคาหุ้นที่ตกอย่างรวดเร็วได้

อย่างไรก็ตามกูรูมองว่า เป็นโอกาสที่ดีที่หุ้นเวียดนามได้ปรับฐาน สะท้อนราคาที่เหมาะสม หลังจากที่ดัชนีพุ่งขึ้นตลอดกว่า 8 เดือนที่ผ่านมา [1]

พวกเขาบอกอีกว่า มูลค่าหุ้นของเวียดนาม วัดจากอัตราส่วนราคาต่อกำไร (P/E Ratio) ที่ 16.9 เท่า ยังต่ำกว่าประเทศอื่นๆ ในอาเซียน เช่น มาเลเซีย 21.9 เท่า สิงคโปร์ 25.5 เท่า ไทย 26 เท่า ฟิลิปปินส์ 26.3 เท่า และอินโดนีเซีย 27.4 เท่า

สะท้อนภาพว่า หุ้นเวียดนามยังถูก ดัชนีลดลงเป็นเพียงแค่ปรับฐานระยะสั้น มีโอกาสเกิดขึ้นได้ทุกตลาดหุ้นทั่วโลก

อยู่ที่คุณจะตัดสินใจว่า จะรอดูสถานการณ์ตลาด หรือ ใช้โอกาสนี้...เข้าลงทุน

เศรษฐกิจเวียดนาม...ดันเม็ดเงินลงทุน

ปฏิเสธไม่ได้ว่า...เวียดนามกำลังเป็น Rising Star ทั้งด้านเศรษฐกิจและการลงทุน

เริ่มที่เศรษฐกิจกันก่อน กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) รายงานว่า ปี 2563 จีดีพีเวียดนามโต 2.4% ท่ามกลางพิษ Covid-19 ที่กำลังสั่นคลอนเศรษฐกิจโลก

อาจจะดูว่า ตัวเลขเศรษฐกิจเวียดนามโตได้เล็กน้อย แต่ถ้ามองย้อนหลังไปอีกสัก 5 ปีที่ผ่านมา Real GDP ของเวียดนามโตประมาณ 6.7-7.1% 

ลองมาดูไทยบ้าง วิกฤต Covid-19 ที่ผ่านมา จีดีพีเราหดตัวถึง 7.1% ปี 2563 และในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา Real GDP ของไทยโตได้เพียง 2.4-4.2% [2]

คำถามต่อมาคือ อะไรที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนามบ้าง?

เวียดนามมีแรงส่งจากเครื่องยนต์เศรษฐกิจหลายตัว ได้แก่ การบริโภคภาคประชาชน การลงทุนโครงการใหญ่จากภาครัฐและเอกชน การผลิตภายในประเทศ และการส่งออกสินค้า

ที่สำคัญคือ วิกฤต Covid-19 ก็ทำอะไรประเทศเวียดนามไม่ได้ เพราะรัฐบาลตั้งรับกับปัญหาและควบคุมการแพร่ระบาดได้ดี เป็นอันดับต้นๆ ของโลก

และตัวเลขที่สะท้อนสุขภาพเศรษฐกิจที่แข็งแรงของเวียดนามคือ เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment - FDI) โดย General Statistics Office (GSO) รายงานว่า ยอด FDI ของเวียดนามในปี 2563 อยู่ที่ 28,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 25% จากปีก่อน จากผลกระทบ Covid-19 [3]

แต่ในปี 2562 ยอด FDI ของเวียดนามทำสถิติสูงสุดในรอบ 10 ปี อยู่ 38,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น 7.2% [4]

และนี่คือ ตัวเลขพื้นฐานเศรษฐกิจของประเทศเวียดนาม เพื่อให้เห็นถึงศักยภาพการเติบโตประเทศได้ในระยะ 10-20 ปีข้างหน้า

graph-02 (1).png

จากตารางเปรียบเทียบข้างบน เวียดนามมีประชากรมาก อัตราการเกิดสูง และสัดส่วนผู้สูงวัยต่ำ ปัจจัยเหล่านี้ ในสายตาของคนทำธุรกิจ จะเห็นภาพตลาดผู้บริโภคและตลาดแรงงานขนาดใหญ่ ที่สำคัญคือ ค่าจ้างแรงงานยังไม่สูง อยู่ที่ 132-190 ดอลลาร์สหรัฐต่อเดือน [5]

มูลค่าเศรษฐกิจและรายได้ต่อหัวต่อปี แม้ว่าเวียดนามจะยังตามหลังไทย แต่ถ้าเวียดนามยังรักษาอัตราการเติบโตของจีดีพีที่ 6-7% ต่อปีได้อีกสักระยะ ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่า เวียดนามกำลังตามหลังไทยมาแบบ...หายใจรดต้นคอแล้ว

นั่นหมายความว่า ประชากรเวียดนาม...มีกำลังซื้อสูงขึ้นทุกๆ ปี และกำลังเป็นตลาดใหญ่ให้สินค้าอุปโภคและบริโภค รวมไปถึงสินค้าฟุ่มเฟือย ให้เข้ามาเจาะตลาดคนเวียดนามในอนาคต

ยิ่งไปดูตัวเลขการส่งออกในปีที่ผ่านมา เวียดนามมีมูลค่าการส่งออกมากกว่าไทยแล้วในปี 2563 ซึ่งเป็นผลพวงมาจากตัวเลข FDI ที่บริษัทต่างชาติทั่วโลก รวมทั้งบริษัทใหญ่ๆ ของไทยเข้าไปทุ่มเงินลงทุนทำธุรกิจและสร้างโรงงานในเวียดนาม ทำให้สามารถส่งออกสินค้าได้มากขึ้น

สาเหตุที่บริษัทต่างชาติเข้าไปลงทุนในเวียดนาม คือ กระจายฐานการผลิตเพื่อหนีสงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกาและจีน ยิ่งไปกว่านั้นเวียดนามยังเป็นประเทศที่ไม่ถูกตัดสิทธิ์จีเอสพี (Generalized System of Preference หรือระบบสิทธิพิเศษทั่วไปทางภาษี) ที่ประเทศพัฒนาแล้วอย่างยุโรป ญี่ปุ่น ออสเตรเลีย และสหรัฐฯ ยกเว้นภาษีนำเข้าสินค้าให้ประเทศกำลังพัฒนาและด้อยพัฒนา 

นี่คือ ปัจจัยพื้นฐานของประเทศเวียดนาม ที่สะท้อนศักยภาพทางเศรษฐกิจว่า ดินแดนชายฝั่งทะเลจีนใต้แห่งนี้กำลังเป็นโอกาสทองให้นักลงทุนต่างชาติในระยะยาว 

ทิศทางตลาดหุ้นเวียดนามในช่วงหลายปีที่ผ่านมา...ล้วนสะท้อนมาจากตัวเลขทางเศรษฐกิจเหล่านี้ด้วย

ส่องกราฟหุ้นเวียดนาม...ก่อนลงทุน

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมานั้น ดัชนี VNI มีทิศทางขาขึ้นมาโดยตลอด โดยเฉพาะช่วงปี 2561 ดัชนีทะยานไปทำจุดสูงสุด ก่อนจะย่อลงมา และดิ่งตามตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงที่ Covid-19 แพร่ระบาด

ด้วยปัจจัยบวกทางเศรษฐกิจของเวียดนาม สามารถดันตลาดหุ้นให้รีบาวด์ได้ในช่วง 9 เดือนของปี 2563 ก่อนที่ดัชนี VNI ดิ่งลงในช่วง 2 สัปดาห์ที่ผ่านมา

graph-01.png

ดูจากกราฟดัชนี VNI ย้อนหลัง จะเห็นภาพชัดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อดัชนีทะยานขึ้นไปทำจุดสูงสุด ย่อมมีโอกาสที่ดัชนีจะย่อลงมา จากแรงเทขายหุ้นทำกำไร

ความเคลื่อนไหวของดัชนี VNI เป็นแค่ส่วนหนึ่งของตลาดหุ้นเวียดนามเท่านั้น ยังมีบริษัทจดทะเบียนที่จะบอกว่า คุณภาพของหุ้นแต่ละบริษัทเป็นอย่างไร ซึ่งจะสะท้อนมาจากงบการเงินและผลประกอบการของแต่ละบริษัทนั่นเอง

ยิ่งเศรษฐกิจภาพใหญ่ของเวียดนามยังไปได้ดี จะทำให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนดีตามไปด้วย ทั้ง 2 ปัจจัยนี้ ก็มีส่วนช่วยดันดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามขึ้นต่อไปได้อีก

Petri Deryng ผู้ก่อตั้ง PYN Elite Fund ชาวฟินแลนด์ มองว่า ดัชนีของตลาดหุ้นเวียดนามจะเติบโตมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ทั้งจากการเติบโตของกำไรของบริษัทจดทะเบียน การประเมินมูลค่าหุ้น (ค่า P/E) และนักลงทุนต่างชาติที่จะกลับเข้ามาในตลาดหุ้นเวียดนามอีกครั้ง

นักวิเคราะห์ในประเทศคาดการณ์ว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนจะเติบโตในปี 2564 รวมทั้งเศรษฐกิจเวียดนามอาจจะเติบโตได้ถึง 8%

กองทุน PYN คาดการณ์ว่า กำไรบริษัทจดทะเบียนในเวียดนามจะเป็นไปในเชิงบวก และดัชนี VNI จะไปถึง 1,800 จุดในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า โดยอิงจากการเติบโตของรายได้ แนวโน้มเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง และการพัฒนาของตลาดหุ้นเวียดนามในอนาคต [6]

หากคุณจะลงทุนหุ้นเวียดนาม พิจารณาทิศทางดัชนีตลาดหุ้นอย่างเดียวคงไม่พอ ควรพิจารณาถึงความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ โอกาสในการเติบโตในอนาคต ผลประกอบการบริษัทจดทะเบียน มูลค่าหุ้นแต่ละบริษัท

เพราะปัจจัยเหล่านี้ จะบอกคุณเองว่า เวียดนามเป็น Rising Star ในสายตาคุณหรือไม่

อ้างอิง
  1. World Economic Outlook (October 2020) https://www.imf.org/external/datamapper/datasets/WEO
  2. ไทยมองตาปริบปี “โควิด” FDI แห่ลงเวียดนาม 8.8 แสนล้าน https://www.thansettakij.com/content/world/462432
  3. Vietnam’s Competitive Minimum Wages: How Does it Fare with its Regional Peers? https://www.vietnam-briefing.com/news/vietnams-competitive-minimum-wages-how-fares-with-regional-peers.html/
  4. ดัชนีหุ้นเวียดนาม จะเติบโตเกินกว่าที่นักวิเคราะห์ในประเทศคาด https://www.facebook.com/vvinvestor/posts/2795240620700788
บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด