Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 93 ประจำวันที่ 6 กันยายน 2565
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลงทุกดัชนี หลังสหรัฐฯ และจีนมีท่าทีขึงขังใส่กันอีกครั้ง ขณะที่จีนใช้มาตรการ Zero-Covid อีกรอบทำให้ตลาดหุ้นเอเชียปรับตังลงตาม แต่ก็ดันให้กำไรบริษัทเฮลท์แคร์จีนเติบโตเด่นสวนกระแส ขณะที่บริษัทญี่ปุ่นยังลงทุนต่างประเทศต่อเนื่อง
ทีมงานย่อยข่าวเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกมาให้คุณแล้ว ไปติดตามกันได้เลย
S&P 500 -3.29% DJIA -2.99% NASDAQ -4.21%
สหรัฐฯ เดินหน้าโจมตีเศรษฐกิจจีนอีกครั้ง ด้วยการห้ามบริษัทผู้ผลิตเซมิคอนดักเตอร์ในประเทศส่งออกชิประดับ High-end ไปจีน ส่งผลกระทบไปถึงตลาดหุ้นทั้ง 3 ดัชนี โดยเฉพาะดัชนี NASDAQ ที่มีหุ้นเทคโนโลยีอยู่เป็นจำนวนมาก
CSI 300 -1.99% TOPIX -2.50% VNI -0.16% SET -1.38%
ตลาดหุ้นจีนได้รับผลกระทบจากมาตรการ Zero Covid และคำสั่งห้ามส่งออกชิประดับ High-end ของสหรัฐฯ ขณะที่ตลาดหุ้นญี่ปุ่นร่วงตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ ส่วนค่าเงินเยนอ่อนค่าขึ้นไปแตะระดับ 140 เยนต่อดอลลาร์สหรัฐแล้ว เช่นเดียวกับตลาดหุ้นไทยที่ได้รับแรงกดดันจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เช่นเดียวกัน
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 4 กันยายน 2565
เมื่อคุณขอมา…Jitta Wealth ก็จัดให้ ฟีเจอร์ใหม่เอาใจนักลงทุนตัวจริง ด้วยการแสดงผลข้อมูลการลงทุนที่ละเอียดขึ้น ให้คุณสามารถเช็คผลตอบแทนได้หลายมิติ ขยายภาพการลงทุนของคุณให้ชัดเจนมากขึ้น ส่วนจะมีฟีเจอร์ใหม่อะไรบ้าง มาดูกัน!
ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่โดดเด่นด้าน Manga การสร้างตัวละคร และตัวการ์ตูนต่างๆ ที่เป็นเสมือน Soft power ของประเทศ และเจ้าหมีดำ ‘คุมะมง’ หน้าตาแสนดึงดูดก็เป็นหนึ่งในนั้น
คุมะมงเปิดตัวตั้งแต่ปี 2553 และสร้างรายได้ไปแล้วกว่า 7,900 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือ 1.1 ล้านล้านเยน ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมาให้กับญี่ปุ่น ซึ่งเจ้าคุมะมงก็ทำหน้าที่ของตัวเองในการดึงดูดนักท่องเที่ยวต่างชาติให้มาเยือนญี่ปุ่นได้ต่อเนื่องจากความน่ารักน่าชังของมัน
นี่คือความสำคัญของ Soft power ที่ช่วยสร้างรายได้ให้ญี่ปุ่น และในตอนนี้ญี่ปุ่นกำลังผ่อนคลายกฎเกณฑ์การเข้าประเทศ และเพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติจาก 20,000 เป็น 50,000 คนต่อวันตั้งแต่วันที่ 7 กันยายนเป็นต้นไป
การท่องเที่ยวช่วยผลักดันเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้เติบโตในช่วงก่อน Covid-19 การที่ญี่ปุ่นเปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวเดินทางเข้าได้สะดวกมากขึ้นจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นแน่นอน
Toshihiro Suzuki ประธานบริษัท Suzuki Motor กล่าวว่า “บริษัทจะสร้างศูนย์วิจัยและพัฒนาระดับโลกในอินเดีย” ที่จะช่วยให้ Suzuki เพิ่มความสามารถทางการแข่งขันด้านผลิตภัณฑ์ได้มากขึ้น
Suzuki วางแผนเจาะตลาดรถยนต์ในอินเดียด้วย 3 โปรเจกต์ใหญ่ดังนี้
การบุกเข้าตลาดอินเดียของ Suzuki จะส่งผลดีต่อทั้งตัวบริษัทและอินเดีย เพราะจะช่วยสร้างงานให้กับชาวอินเดียมากขึ้นและช่วยขยายมูลค่าการส่งออกของอินเดีย ขณะที่บริษัทก็ได้เจาะตลาดรถยนต์ในอินเดีย สร้างรายได้และกำไรได้มากขึ้น
แม้ญี่ปุ่นจะเจอกับปัญหาสังคมสูงวัยในประเทศ แต่บริษัทญี่ปุ่นจำนวนมากได้ไปตั้งฐานการผลิตในต่างประเทศนานมากแล้วและเป็นผู้นำในการใช้หุ่นยนต์ในสายการผลิตด้วย บริษัทญี่ปุ่นจึงยังเติบโตได้ต่อเนื่องแม้ในประเทศจะมีปัญหาเรื่อง Aging Society
สถานการณ์ทั่วโลกคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น การลงทุนมีแนวโน้มสดใสขึ้น หลายคนที่ช้อนหุ้นในช่วงที่ร่วงหนักคงแฮปปี้กันถ้วนหน้า มาดูกันว่า 3 Thematic ETF ที่ฟื้นตัวมากที่สุดมีธีมอะไรบ้าง อาจจะเป็นโอกาสลงทุนของคุณก็ได้
ใครว่าจำนวนประชากรที่มากมายจะไม่สร้างความได้เปรียบทางเศรษฐกิจ เพราะ Bloomberg รายงานว่าอินเดียได้ขึ้นแท่นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลกแล้วหลังการประกาศ GDP ในไตรมาสที่ 1 ปี 2565 แซงหน้าสหราชอาณาจักร และเป็นรองเพียงสหรัฐฯ จีน ญี่ปุ่น และเยอรมนี
นอกจากนี้ Bloomberg ยังคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็วของอินเดียอาจทำให้อินเดียยิ่งทิ้งห่างสหราชอาณาจักรภายในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
แผนการพัฒนาประเทศของนายกรัฐมนตรี Narendra Modi มุ่งหวังให้อินเดียเป็นประเทศพัฒนาแล้วในปี 2590 ซึ่งอินเดียได้พิสูจน์ตัวเองในหลายด้านแล้วด้วยกัน และจำนวนประชากรที่ล้นหลามก็ทำให้การผลิตสินค้าในอินเดียมีข้อได้เปรียบด้านต้นทุนเช่นเดียวกันจีน
การลงทุนจากต่างประเทศจะช่วยดันเศรษฐกิจอินเดียให้โตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง เพราะช่วยเพิ่มการจ้างงาน การบริโภคและการส่งออกให้แก่อินเดีย เป็นไปได้ว่าในอนาคตเศรษฐกิจอินเดียอาจเติบโตจนแซงอีกหลายประเทศก็เป็นได้ ถือเป็นประเทศที่น่าลงทุนมากๆ
Jeremy Grantham นักลงทุนชื่อดังบอกว่า “ตลาดขาขึ้นเป็นเรื่องไร้สาระ” และช่วงตลาดหุ้นฟื้นตัวที่ผ่านมาเป็นเพียง Bear Market Rally ก่อนจะร่วงไปจุดต่ำสุดเท่านั้น
Grantham เห็นวิกฤตที่ผสมหลายปัจจัย ไม่ว่าจะเป็นหุ้น พันธบัตร ที่อยู่อาศัยที่มีราคาสูงเกินไป รวมถึงราคาสินค้าอุปโภคบริโภคที่สูงขึ้น และการใช้นโยบายเข้มงวดของ Fed
เขาแสดงความคิดเห็นไว้ว่า “การพุ่งขึ้นของตลาดเมื่อวันก่อนเป็นเรื่องไร้สาระ ฟองสบู่มีหลายระยะ ตลาดจะปรับตัวลงก่อนในช่วงครึ่งแรก จากนั้นจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้น จนในที่สุดปัจจัยพื้นฐานพังทลายและตลาดจะร่วงไปสู่จุดต่ำสุด”
สิ่งที่ย้อนแย้งกันคือ Grantham เคยทำกำไรจากฟองสบู่หุ้นญี่ปุ่นในปี 2523 และฟองสบู่หุ้นเทคโนโลยีปี 2543 โดยในช่วงต้นปี 2565 เขาเคยคาดการณ์ว่าฟองสบู่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะแตกในปีนี้ แต่ตลาดหุ้นก็ทรงตัวอยู่ได้ก่อนจะค่อยๆ ฟื้นตัวขึ้นมาหลังเงินเฟ้อเริ่มชะลอตัว และบริษัทเทคโนโลยีหลายแห่งก็มีผลประการณ์เติบโตเหมือนเช่นเคย
คุณเคยกังวลเวลาหุ้นตกจนกินไม่ได้ นอนไม่หลับไหม นักลงทุนส่วนหนึ่งต้องเคยผ่านประสบการณ์แบบนี้มาแล้วสักครั้งในชีวิต แต่จริงๆ ‘ข่าวร้าย’ ในตลาดหุ้นก็อาจเป็น ‘ข่าวดี’ สำหรับนักลงทุนสาย VI ก็ได้ เป็นเพราะอะไร ไปดูกัน!
Wind Data รวบรวมกำไรบริษัทเฮลท์แคร์จีนขนาดใหญ่ 100 อันดับแรก ในช่วงครึ่งปีแรกของ 2565 พบว่ามีกำไรรวมกันถึง 146,990 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นถึง 25.78% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนถือเป็นการเติบโตที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์จีน
การเติบโตส่วนหนึ่งได้รับอานิสงส์จากการแพร่ระบาด Covid-19 มาตรการ Zero Covid และระบบประกันสุขภาพจีนที่ได้รับพัฒนา ทำให้บริษัทเฮลท์แคร์จีนหลายแห่งมีกำไรเติบโตอย่างก้าวกระโดด
ไม่น่าแปลกใจที่ ธีมเฮลท์แคร์จีนจะกลายเป็นหนึ่งในธีมที่ฟื้นตัวขึ้นมาแรงมาก และช่วยดันเศรษฐกิจจีนให้เติบโตขึ้นได้ในปีนี้
จีนมีแผนสนับสนุนอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์อย่างชัดเจนผ่านแผนพัฒนาประเทศ 5 ปีฉบับที่ 14 และแผน Heathy China 2030 เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่ช่วยส่งเสริมการเติบโตของหุ้นเฮลท์แคร์จีน ทำให้เป็นตัวเลือกลงทุนที่น่าสนใจมาก
Nvidia ผู้ผลิตชิปประมวลผลระดับโลก บริษัทในอุตสาหกรรมอนาคตอย่างเซมิคอนดักเตอร์ เบื้องหลังอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ตัวจริง หลายวันที่ผ่านมาราคาหุ้น Nvidia ปรับตัวลงแรงกว่า 7% เกิดอะไรขึ้น และจะกระทบกับธีมการลงทุนใดบ้าง
Cai Yingwen ประธานาธิปบดีไต้หวัน กล่าวกับ Doug Ducey ผู้ว่าการรัฐแอริโซนาระหว่างเยือนกรุงไทเปว่า ไต้หวันรอคอยที่จะผลิตชิปประชาธิปไตยร่วมกับสหรัฐฯ
สำนักข่าว Reuters รายงานว่าปัจจุบัน TSMC บริษัทเซมิคอนดักเตอร์ยักษ์ใหญ่ของไต้หวัน ซัพพลายเออร์รายใหญ่ของ Apple และผู้ผลิตชิปแบบสัญญาจ้างรายใหญ่ที่สุดในโลกอยู่ระหว่างการก่อสร้างโรงงานมูลค่ากว่า 1.2 หมื่นล้านดอลลาร์ในรัฐแอริโซนา
Cai Yingwen กล่าวว่า “ไต้หวันมีความประสงค์ที่จะส่งเสริมการร่วมมือกับสหรัฐฯ ในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และเทคโนโลยีชนิดอื่นๆ ซึ่งการผนึกกำลังกันในครั้งนี้จะทำให้ห่วงโซ่อุปทานมั่นคงและยืดหยุ่นมากขึ้น”
เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official
📸 Behind the Scene! เผยภาพมื้อเย็นของ Jitta Wealth ที่ CEO เสิร์ฟเองกับมือ
🇹🇭 เปิดพอร์ต Jitta Ranking หุ้นไทยตอนไหนดีที่สุด ไปดูคำตอบกัน!
⁉️ ลงทุน Thematic ETF อยู่ จะย้ายมาลงแผน Jitta Ranking ดีไหม?
Jitta Wealth ถูกก่อตั้งขึ้นจากความมุ่งมั่นที่จะทำให้ทุกๆ คนสามารถเข้าถึงการลงทุนที่ถูกต้องตามหลักการเพื่อสร้างความมั่งคั่งได้อย่างยั่งยืนในระยะยาว และเราก็ยึดเอาความตั้งใจนี้เป็นแกนหลักในการพัฒนาบริการต่างๆ ให้กับนักลงทุนเสมอมา
ซึ่งในเร็วๆ นี้ ทีมงาน Jitta Wealth ก็มีข่าวดีหลายอย่างที่อยากเซอไพรส์คุณ ส่วนจะเป็นอะไรนั้นเราขออุบไว้ก่อน แต่ไม่ว่าจะเป็นอะไรก็ตาม สิ่งที่เราคิดและทำย่อมคิดถึงผลประโยชน์ของนักลงทุนทุกคนเป็นอันดับแรกเสมอ ขอให้มั่นใจได้
ถ้าอยากรู้ว่าข่าวดีนั้นคืออะไร รอติดตามข่าวในสัปดาห์หน้านะ
แล้วพบกันใหม่วันอังคารหน้า
Jitta Wealth Journal – จีนอัดฉีดเงินก้อนโต ลงทุนเพิ่มดีไหม?
Jitta Wealth Journal – ญี่ปุ่นเร่งลงทุนต่างประเทศ เป็นที่ไหน ไปดูกัน!