Jitta Wealth Journal - เมื่อเศรษฐกิจแดนมังกรฟื้นตัว ตลาดหุ้นจึงฟื้นตาม

21 มิถุนายน 2565Jitta Wealth Journal

รัฐ-เอกชนจีนประสานพลัง พร้อมขึ้นแท่นผู้นำเศรษฐกิจโลก

Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 82 ประจำวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ทีมงานย่อยข่าวเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกมาให้คุณแล้ว ดังนี้

  • การคลังจีนเก็บรายได้เข้าคลังเพิ่ม เสริมความแกร่งเศรษฐกิจ 
  • ภาคเอกชนจีนแกร่ง รายได้รวมพุ่งเกือบ 235 ล้านล้านหยวน 
  • ดัชนี S&P500 เข้าสู่ภาวะตลาดหมีอย่างเป็นทางการ 
  • ธนาคารโลกชี้เศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวแข็งแกร่ง 
  • ท่องเที่ยวโลกคึกคัก ค่าห้องพักพุ่งกลับสู่จุดเดิม 
  • Sony จับมือ Honda ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า 

ไปติดตามกันได้เลย


ภาวะตลาดหุ้นทั่วโลก

สหรัฐอเมริกา

ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงหนัก สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนว่า Fed จะไม่สามารถรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงได้ หลัง Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็นการปรับใช้ยาแรง เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูง นอกจากนี้ ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกยังปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างพร้อมเพรียงกัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอย่างหนัก

  • S&P500 1 สัปดาห์ (-5.79%) MTD (-11.07%) 3 เดือน (-17.66%) และ YTD (-22.90%)
  • DJIA 1 สัปดาห์ (-4.80%) MTD (-9.42%) 3 เดือน (-14.01%) และ YTD (-17.76%)
  • NASDAQ 1 สัปดาห์ (-4.78%) MTD (-10.62%) 3 เดือน (-22.28%) และ YTD (-30.98%)

ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 19 มิถุนายน 2565

เอเชีย

สถานการณ์ตลาดหุ้นจีนเริ่มพลิกปรับตัวขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น แต่จีนยังคงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง

สำหรับตลาดหุ้นอื่นในเอเชียได้รับผลกระทบจากความผันผวนที่เกิดขึ้น จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในสหรัฐฯ รวมไปถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคการนำเข้าอย่างมีนัยสำคัญ 

  • CSI300 1 สัปดาห์ (+1.65%) MTD (+5.32%) 3 เดือน (+1.01%) และ YTD (-12.78%)
  • SET 1 สัปดาห์ (-4.49%) MTD (-6.25%) 3 เดือน (-7.10%) และ YTD (-5.93%)
  • VNI 1 สัปดาห์ (-5.20%) MTD (-5.83%) 3 เดือน (-17.14%) และ YTD (-18.75%)

ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 19 มิถุนายน 2565


Time-weighted Return

ทำไม Jitta Wealth เลือกใช้ Time-weighted Return

คุณคงเคยพยายามนั่งหาว่าผลตอบแทนตลอด 1 ปีของพอร์ตหรือ ETF ที่ลงทุนอยู่ทำผลตอบแทนชนะดัชนีอ้างอิงได้หรือไม่ แต่พอเอาตัวเลขไปใส่ใน Excel ก็ได้ตัวเลขไม่ตรงกับผลตอบแทนที่ทาง Jitta Wealth แสดงสักที เพราะจริงๆ แล้ว

Jitta Wealth ใช้วิธี Time-weighted Return ในการวัดผลตอบแทน 

จะคำนวณผลตอบแทนแบบนี้ได้ยังไง แล้วทำไมไม่ใช้วิธีปกติในการคำนวณ?

อ่านต่อ


เศรษฐกิจจีน

การคลังจีนเก็บรายได้เข้าคลังเพิ่ม เสริมความแกร่งเศรษฐกิจ

กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยรายได้รวม 5 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 8.6 ล้านล้านหยวนหลังหักภาษีที่จ่ายคืน คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 2.9% จาก 5 เดือนแรกของปีที่แล้ว การเติบโตของภาษีที่เก็บได้เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนแต่ละภาคส่วนอย่างมีนัยสำคัญ

สัดส่วนการเก็บภาษีของกระทรวงการคลังจีน แยกเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้

  • ภาษีเงินได้นิติบุคคล 2.31 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 4% จากปีก่อน
  • ภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา 655,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 8.3% จากปีก่อน
  • อากรแสตมป์ 216,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้น 13.7% จากปีก่อน

ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2565 รัฐบาลจีนล็อกดาวน์มณฑลเซี่ยงไฮ้อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ภาษีมูลค่าเพิ่มชะลอตัวที่ -0.6% จากปีที่แล้ว แต่ก็ยังเก็บรายได้เข้าคลังได้เพิ่มขึ้นจากปี 2564 

สำหรับรายจ่ายของภาครัฐในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 9.9 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นรายจ่ายด้านประกันสังคมและแรงงานมากที่สุดอยู่ที่ 1.61 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3.1% ที่น่าสนใจคือรายจ่ายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ที่ 307,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นกว่า 15%

รายจ่ายด้านประกันสังคมแสดงให้เห็นถึงการสร้างความมั่นคงให้ประชาชนและตลาดแรงงาน ส่วนรายจ่ายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนภาคเทคโนโลยีอย่างเต็มที่

เศรษฐกิจจีนในตอนนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น และยังมีโอกาสอีกมากสำหรับการลงทุนระยะยาวในธุรกิจที่มีคุณภาพ ในขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังผันผวนหนักแต่ตลาดหุ้นจีนเริ่มพลิกกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง น่าลงทุนมากทีเดียว

ภาคเอกชนจีนแกร่ง รายได้รวมพุ่งเกือบ 235 ล้านล้านหยวน

บริษัทเอกชน 500 อันดับแรกมีรายได้รวม 235 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นเกือบ 33 ล้านล้านหยวนจากปี 2563 หรือเพิ่มขึ้น 16.32% ขณะที่บริษัทที่มีสินทรัพย์มากกว่า 100,000 ล้านหยวนมีจำนวนเพิ่มขึ้น 18 บริษัทจากปี 2563

Xi Jinping กล่าวกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในมณฑลเสฉวนว่า ‘ประเทศจีนเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมการผลิต ดังนั้น การยกระดับอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมจะช่วยให้จีนเป็นประเทศผู้นำอย่างแท้จริง’

การกล่าวของ Xi ส่งผลดีต่อธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอนนี้เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่นโยบายควบคุมบริษัทเทคโนโลยีจากรัฐบาลจีนก็เริ่มผ่อนคลายลง ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นจีนด้วยเช่นกัน

อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 บริษัทเอกชนจีนต้องเผชิญกับผลกระทบจากโรค Covid-19 แตกต่างกันไป ทำให้รัฐบาลจีนต้องออกมาตรการสนับสนุนให้บริษัทเอกชนเหล่านี้สามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ ซึ่งมีมาตรการหลักดังนี้

  • คืนภาษีและลดค่าใช้จ่าย รัฐบาลตั้งเป้าเพิ่มงบในการคืนภาษีกว่า 1.64 ล้านล้านหยวน
  • ช่วยเหลือด้านการเงิน กระตุ้นสถาบันการเงินเร่งอนุมัติวงเงินกู้ พร้อมยกเว้นค่าธรรมเนียม เพื่อช่วยเหลือบริษัทที่ต้องหยุดดำเนินธุรกิจชั่วคราว
  • เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของภาครัฐ ลดขั้นตอนที่ไม่จำเป็น เพิ่มประสิทธิภาพ ประหยัดเวลาภาคเอกชน

ใน 10 ปีที่ผ่านมา ภาคเอกชนจีนเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากกฎระเบียบที่เป็นมิตรต่อการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดยจำนวนบริษัทเอกชนเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวจาก 10.85 ล้านบริษัทในปี 2555 มาเป็น 44.57 ล้านบริษัทใน 2564

ทำให้จีนเปลี่ยนจากประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยภาครัฐสู่การขับเคลื่อนด้วยภาคเอกชน จากตัวเลขจะเห็นได้ว่าภาคเอกชนจีนมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เพราะรัฐบาลปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศมากขึ้นด้วย

จีนในตอนนี้ได้กลายเป็นประเทศที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในทุกภาคส่วน การจะขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจของจีนไม่ใช่เพียงแค่เป้าหมายลอยๆ เท่านั้น แต่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างเร่งพัฒนากันอย่างเต็มที่ และนั่นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของจีนได้อย่างชัดเจน


3 เรื่องต้องรู้ เงินเฟ้อพุ่ง หุ้นไทยจะไปทางไหน?

3 เรื่องต้องรู้ เงินเฟ้อพุ่ง หุ้นไทยจะไปทางไหน?

แนวโน้มเงินเฟ้อยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุดหย่อน ทั้งในต่างประเทศ และในไทย แบบนี้ทิศทางของหุ้นไทยจะเป็นยังไง

และอะไรคือตัวการสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อไทยพุ่งแรงเหมือนจรวดขนาดนี้

อ่านต่อ


ตลาดหุ้นสหรัฐฯ

ดัชนี S&P500 เข้าสู่ภาวะตลาดหมีอย่างเป็นทางการ

จากปัญหาเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้น รวมไปถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 0.75% ในการประชุมรอบล่าสุด ซึ่งเป็นการปรับดอกเบี้ยขึ้นในครั้งเดียวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 ยิ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักกว่าเดิมจนเข้าสู่ภาวะตลาดหมี

ตั้งแต่ต้นปี 2565 ดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงถึง -22.90%YTD ทำให้เข้าสู่ภาวะตลาดหมีอย่างเป็นทางการ การเข้าสู่ภาวะตลาดหมีของ S&P500 นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก จากข้อมูลในอดีตช่วงที่เกิดผลกระทบหนักมีดังนี้

  • 11 มกราคม 2516 – 3 ตุลาคม 2517 ‘วิกฤตน้ำมันโลก’ ดัชนีลดลง -48% กินระยะเวลา 21 เดือน ใช้เวลาฟื้นตัว 69 เดือน ซึ่งเป็นระยะเวลาฟื้นตัวที่ยาวนานที่สุดของ S&P500
  • 24 มีนาคม 2543 – 9 ตุลาคม 2545 ‘วิกฤตฟองสบู่ดอทคอม’ ดัชนีลดลง -49% กินระยะเวลา 31 เดือน ใช้เวลาฟื้นตัว 56 เดือน
  • ช่วง 9 ตุลาคม 2550 – 9 มีนาคม 2552 ‘วิกฤตซับไพรม์’ ดัชนีลดลง -57% กินระยะเวลา 17 เดือน ใช้เวลาฟื้นตัว 49 เดือน

จากการทดสอบทางสถิติพบว่าการ ‘ซื้อและถือ’ (Buy and Hold) ให้ผ่านช่วงตลาดหุ้นขาลงหรือตลาดหมีไป เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าการพยายามจับจังหวะซื้อหุ้นในช่วงตลาดที่หุ้นเริ่มฟื้นตัว เพราะคุณจะมีโอกาสพลาดวันที่ตลาดหุ้นพลิกเป็นขาขึ้นได้ง่ายๆ

รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบ Dollar-cost averaging (DCA) จะทำให้คุณสร้างผลตอบแทนที่ดีมากยิ่งขึ้นให้กับพอร์ตลงทุนของคุณด้วยเช่นกัน การปรับมุมมองการลงทุนในช่วงนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีหุ้นคุณภาพดีหลายตัวที่ราคาต่ำมากเมื่อเทียบกับพื้นฐานธุรกิจ

แน่นอนว่าอารมณ์การลงทุนอาจจะเกิดความขัดแย้งได้ แต่ในช่วงนี้นักลงทุนระดับโลกหลายคนกำลังซื้อหุ้นเข้าพอร์ตลงทุนกันอย่างสนุกมือ รวมไปถึง Warren Buffett ที่กำลังชอปปิงหุ้นเข้าพอร์ต Berkshire Hathaway อย่างเมามัน


Jitta Wealth Journal

รวมพลคนสู้หมี โชว์พอร์ตลงทุน Jitta Wealth

การได้มีเพื่อนร่วมทางบนถนนการลงทุนอันผันผวนที่แสนยาวไกลน่าจะทำให้คุณมีกำลังใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น Jitta Wealth ได้รวบรวมรีวิวพอร์ตจากนักลงทุนขวัญใจมหาชนในปี 2565 ที่ผ่านมาไว้ที่นี่แล้ว เพื่อเติมกำลังใจให้กับคุณ

อ่านต่อ


เศรษฐกิจเวียดนาม

ธนาคารโลกชี้เศรษฐกิจเวียดนามฟื้นตัวแข็งแกร่ง

ธนาคารโลกได้ออกรายงาน Vietnam Macro Monitoring ประจำเดือนมิถุนายน 2565 ชี้ว่าเศรษฐกิจเวียดนามกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก

ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นกว่า 10.4% จากปี 2564 ขณะที่มูลค่าค้าปลีกขยายตัว 22.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แสดงถึงการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนในเวียดนาม

ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 173,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 70% จากเดือนเมษายน เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโรค Covid-19 อยู่ราว 16%

มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) ของเวียดนามก็เติบโตต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน โดยตัวเลขในเดือนพฤษภาคมขยายตัวกว่า 8.5% จากปี 2564

อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.9% ในเดือนพฤษภาคม จากตัวเลขในเดือนเมษายนที่ 2.6% โดยมีสาเหตุหลักจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่สูงนักหากเทียบกับอัตราเงินเฟ้อของประเทศอื่นทั่วโลก รวมถึงในไทยด้วยเช่นกัน

นอกจากนี้ ธนาคารโลกได้แนะนำให้เวียดนามลงทุนในพลังงานทางเลือกที่จะช่วยให้เวียดนามลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศได้ ซึ่งเวียดนามมีแผนจะลงทุนมากกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด

โดยเวียดนามต้องการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทุนและการสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่ ซึ่งจีนและสหรัฐฯ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดเวียดนามด้วย

การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และการขยายธุรกิจไปในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดทำให้เวียดนามมีเส้นทางการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน การลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่พอร์ตของคุณจะเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจของประเทศ


Creative Talk 2022

มาพบกับ Jitta และ Jitta Wealth ที่งาน Creative Talk 2022!

  • เรียนรู้ 3 สเต็ป จัดการเงิน ผ่านกิจกรรมสุดสนุกจากทีมงาน Jitta
  • เรียนรู้ภาวะผู้นำและการบริหาร โดย คุณอ้อ – พรทิพย์ กองชุน
  • พูดคุยสอบถามเรื่องลงทุนจัดเต็มแบบไม่กั๊ก ตลอด 2 วันเต็ม

ซื้อบัตรเข้างาน Creative Talk


Jitta Wealth Journal

รีวิวการลงทุนแบบแม่ๆ กับ Jitta Wealth โดย ลงทุนมัม 

ลงทุนมัม รีวิวพอร์ต Global ETF ของ Jitta Wealth การลงทุนระยะยาวที่เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาติดตาม และอยากปล่อยให้เทคโนโลยีมาช่วยจัดการ มาดูกันว่าตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา พอร์ตเติบโตอย่างไรบ้าง 

อ่านต่อ 


เทคโนโลยีท่องเที่ยว

ท่องเที่ยวโลกคึกคัก ราคาโรงแรมพุ่งกลับสู่จุดเดิม

จากสถานการณ์โรค Covid-19 ที่เริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ถูกกระทบอย่างหนักช่วงก่อนหน้านี้ก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทำให้ค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมพุ่งสูงขึ้นจากปี 2564 กว่า 33% ขณะที่ค่าบริการด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ ก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน

สำนักข่าว Bloomberg ได้มอบหมายในนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลจาก Google เจาะลึกแหล่งพักผ่อนระดับ High-end 7 แห่ง และเปรียบเทียบราคาโรงแรมระดับ 4-5 ดาวในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 เทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรค Covid-19

จากการสำรวจ พบว่าค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมแต่ละแหล่งเป็นดังนี้

  • โรงแรมในหมู่เกาะของประเทศกรีซ
    • ค่าห้องพักเฉลี่ยปี 2562 อยู่ที่ US$270.57 ต่อคืน
    • ค่าห้องพักเฉลี่ยปี 2565 อยู่ที่ US$318.94 ต่อคืน
    • เพิ่มขึ้น +17.88%
  • โรงแรมบริเวณชายฝั่งเมือง Amalfi ประเทศอิตาลี
    • ค่าห้องพักเฉลี่ยปี 2562 อยู่ที่ US$514.17 ต่อคืน
    • ค่าห้องพักเฉลี่ยปี 2565 อยู่ที่ US$618.38 ต่อคืน
    • เพิ่มขึ้น +20.27%
  • โรงแรมในเมือง Bodrum ประเทศตุรกี
    • ค่าห้องพักเฉลี่ยปี 2562 อยู่ที่ US$164.92 ต่อคืน
    • ค่าห้องพักเฉลี่ยปี 2565 อยู่ที่ US$218.15 ต่อคืน
    • เพิ่มขึ้น +32.28%

จากการสำรวจพบว่าค่าห้องพักเฉลี่ยในหลายพื้นที่มีราคาสูงกว่าในช่วงปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 แล้ว ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา

อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว ดังนั้น ธีมเทคโนโลยีท่องเที่ยวจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทในธีมมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น เมื่อทุกอย่างกลับสู่ปกติ เทคโนโลยีการท่องเที่ยวจะกลับมาพัฒนาอีกครั้งอย่างแน่นอน


Passive Way Story

Mr. Market คือใคร? เป็นอะไรกับ Benjamin Graham – Episode 05

Passive Way Story 8 เรื่องเล่าจาก Wall Street ลงทุนไม่พัง ต้องฟังทางนี้ Episode 05 – Mr. Market คือใคร? เป็นอะไรกับ Benjamin Graham เราจะพาคุณเข้าคลาสเรียนกับปรมาจารย์ด้านการลงทุนเพื่อไปทำความรู้จักกับ ‘นายตลาด’

กด Subscribe พอดคาสต์ช่องทางต่างๆ 

ฟังพอดคาสต์จาก YouTube 


รถยนต์ไฟฟ้า 

Sony จับมือ Honda ผลิตรถยนต์ไฟฟ้า

บริษัทด้านสื่อและอุปกรณ์ความบันเทิงระดับโลกสัญชาติญี่ปุ่น Sony เพิ่มกลุ่มธุรกิจใหม่ รวมไปถึงรถยนต์พลังงานไฟฟ้า (EV) โดยจับมือกับค่ายรถยนต์ดังของญี่ปุ่นอย่าง Honda

Sony ตั้งเป้าหมายในการผลิตรถ EV ที่แตกต่างออกไป โดยเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์การใช้งานด้านเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงภายในรถ เช่น ระบบเซนเซอร์ กล้อง เครื่องเสียง ระบบสั่งการด้วยเสียง รวมไปถึงเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Autonomous Driving) 

การจับมือกันของ Sony และ Honda เป็นการนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความบันเทิงและประสบการณ์การผลิตรถยนต์มาประกอบกันเพื่อนำไปสู่การพัฒนายานพาหนะที่ล้ำสมัย


รีวิวพอร์ต Jitta Global ETF รอบ 9 เดือน โดย Stock Vitamins – วิตามินหุ้น 

Jitta Global ETF เป็นการกระจายการลงทุนทั่วโลก ด้วยสถานการณ์โลกในปีนี้ที่มีทั้งสงคราม เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น วิกฤติด้านพลังงาน เรียกได้ว่าปัจจัยลบรุมเร้ารอบด้าน ผ่านมาแล้ว 9 เดือน พอร์ต Global ETF เป็นอย่างไรบ้าง มาดูกัน 

อ่านต่อ 


นี่คือ 6 ข่าวสารที่น่าสนใจจากทั่วโลก ที่เรารวบรวมมาให้ใน Jitta Wealth Journal 

ความผันผวนอยู่คู่กับการลงทุนมานาน

ยิ่งช่วงนี้วัฏจักรเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการมีสภาพคล่องล้นโลกมานาน 13-14 ปีตั้งแต่หลังวิกฤติซับไพรม์ มาเป็นการดูดสภาพคล่องกลับอย่างรวดเร็วโดยธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ การลงทุนในช่วงนี้จึงผันผวนมากกว่าปกติ

ถ้าคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุนมาได้ไม่กี่ปี ช่วงนี้ถือเป็นช่วงทดสอบความนิ่งของอารมณ์และความแน่วแน่ในหลักการลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายคนล้วนเคยผ่านช่วงเศรษฐกิจตกต่ำกันมาหลายรอบจนมีทักษะช่ำชองและมีประสบการณ์มากมาย 

ช่วงเวลานี้จึงเป็นเหมือนการบ่มเพาะและขัดเกลาตัวคุณให้เป็นนักลงทุนที่ดียิ่งขึ้น เก่งยิ่งขึ้นในอนาคต

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า 


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – เปิดโผหุ้น Defensive พร้อมชนเงินเฟ้อ

Jitta Wealth Journal – เงินเฟ้อพุ่งสูงแบบไม่ต้องลุ้น เศรษฐกิจถดถอยหรือยัง?

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด