Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 82 ประจำวันที่ 21 มิถุนายน 2565 ทีมงานย่อยข่าวเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกมาให้คุณแล้ว ดังนี้
ไปติดตามกันได้เลย
ภาพรวมตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับตัวลงหนัก สะท้อนถึงความกังวลของนักลงทุนว่า Fed จะไม่สามารถรับมือกับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงได้ หลัง Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% เป็นการปรับใช้ยาแรง เพื่อรับมือกับเงินเฟ้อที่พุ่งสูง นอกจากนี้ ธนาคารกลางหลายแห่งทั่วโลกยังปรับขึ้นดอกเบี้ยอย่างพร้อมเพรียงกัน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกผันผวนอย่างหนัก
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 19 มิถุนายน 2565
สถานการณ์ตลาดหุ้นจีนเริ่มพลิกปรับตัวขึ้นอีกครั้ง ในขณะที่ธนาคารกลางทั่วโลกปรับอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น แต่จีนยังคงดอกเบี้ยไว้เท่าเดิมพร้อมกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง
สำหรับตลาดหุ้นอื่นในเอเชียได้รับผลกระทบจากความผันผวนที่เกิดขึ้น จากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ในสหรัฐฯ รวมไปถึงค่าเงินดอลลาร์สหรัฐที่แข็งค่าขึ้น ส่งผลกระทบต่อภาคการนำเข้าอย่างมีนัยสำคัญ
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 19 มิถุนายน 2565
คุณคงเคยพยายามนั่งหาว่าผลตอบแทนตลอด 1 ปีของพอร์ตหรือ ETF ที่ลงทุนอยู่ทำผลตอบแทนชนะดัชนีอ้างอิงได้หรือไม่ แต่พอเอาตัวเลขไปใส่ใน Excel ก็ได้ตัวเลขไม่ตรงกับผลตอบแทนที่ทาง Jitta Wealth แสดงสักที เพราะจริงๆ แล้ว
Jitta Wealth ใช้วิธี Time-weighted Return ในการวัดผลตอบแทน
จะคำนวณผลตอบแทนแบบนี้ได้ยังไง แล้วทำไมไม่ใช้วิธีปกติในการคำนวณ?
กระทรวงการคลังจีนเปิดเผยรายได้รวม 5 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 8.6 ล้านล้านหยวนหลังหักภาษีที่จ่ายคืน คิดเป็นอัตราการเติบโตถึง 2.9% จาก 5 เดือนแรกของปีที่แล้ว การเติบโตของภาษีที่เก็บได้เพิ่มขึ้นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจจีนแต่ละภาคส่วนอย่างมีนัยสำคัญ
สัดส่วนการเก็บภาษีของกระทรวงการคลังจีน แยกเป็นหมวดหมู่ได้ดังนี้
ในเดือนเมษายนและพฤษภาคม 2565 รัฐบาลจีนล็อกดาวน์มณฑลเซี่ยงไฮ้อย่างเข้มงวด ส่งผลให้ภาษีมูลค่าเพิ่มชะลอตัวที่ -0.6% จากปีที่แล้ว แต่ก็ยังเก็บรายได้เข้าคลังได้เพิ่มขึ้นจากปี 2564
สำหรับรายจ่ายของภาครัฐในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 อยู่ที่ 9.9 ล้านล้านหยวน ซึ่งเป็นรายจ่ายด้านประกันสังคมและแรงงานมากที่สุดอยู่ที่ 1.61 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้น 3.1% ที่น่าสนใจคือรายจ่ายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีอยู่ที่ 307,000 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นกว่า 15%
รายจ่ายด้านประกันสังคมแสดงให้เห็นถึงการสร้างความมั่นคงให้ประชาชนและตลาดแรงงาน ส่วนรายจ่ายด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีก็แสดงให้เห็นถึงการสนับสนุนภาคเทคโนโลยีอย่างเต็มที่
เศรษฐกิจจีนในตอนนี้มีทิศทางที่ดีขึ้น และยังมีโอกาสอีกมากสำหรับการลงทุนระยะยาวในธุรกิจที่มีคุณภาพ ในขณะที่ตลาดหุ้นทั่วโลกกำลังผันผวนหนักแต่ตลาดหุ้นจีนเริ่มพลิกกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง น่าลงทุนมากทีเดียว
บริษัทเอกชน 500 อันดับแรกมีรายได้รวม 235 ล้านล้านหยวน เพิ่มขึ้นเกือบ 33 ล้านล้านหยวนจากปี 2563 หรือเพิ่มขึ้น 16.32% ขณะที่บริษัทที่มีสินทรัพย์มากกว่า 100,000 ล้านหยวนมีจำนวนเพิ่มขึ้น 18 บริษัทจากปี 2563
Xi Jinping กล่าวกับบริษัทเอกชนแห่งหนึ่งในมณฑลเสฉวนว่า ‘ประเทศจีนเป็นผู้นำด้านอุตสาหกรรมการผลิต ดังนั้น การยกระดับอุตสาหกรรมด้วยนวัตกรรมจะช่วยให้จีนเป็นประเทศผู้นำอย่างแท้จริง’
การกล่าวของ Xi ส่งผลดีต่อธุรกิจด้านเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่ตอนนี้เริ่มมีแนวโน้มดีขึ้น ขณะที่นโยบายควบคุมบริษัทเทคโนโลยีจากรัฐบาลจีนก็เริ่มผ่อนคลายลง ส่งผลดีต่อตลาดหุ้นจีนด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม ในปี 2565 บริษัทเอกชนจีนต้องเผชิญกับผลกระทบจากโรค Covid-19 แตกต่างกันไป ทำให้รัฐบาลจีนต้องออกมาตรการสนับสนุนให้บริษัทเอกชนเหล่านี้สามารถผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ ซึ่งมีมาตรการหลักดังนี้
ใน 10 ปีที่ผ่านมา ภาคเอกชนจีนเติบโตอย่างแข็งแกร่งจากกฎระเบียบที่เป็นมิตรต่อการทำธุรกิจมากยิ่งขึ้น โดยจำนวนบริษัทเอกชนเพิ่มขึ้นกว่า 4 เท่าตัวจาก 10.85 ล้านบริษัทในปี 2555 มาเป็น 44.57 ล้านบริษัทใน 2564
ทำให้จีนเปลี่ยนจากประเทศที่ขับเคลื่อนด้วยภาครัฐสู่การขับเคลื่อนด้วยภาคเอกชน จากตัวเลขจะเห็นได้ว่าภาคเอกชนจีนมีบทบาทสำคัญมากขึ้น เพราะรัฐบาลปรับปรุงกฎเกณฑ์ให้ภาคเอกชนมีส่วนร่วมในการพัฒนาประเทศมากขึ้นด้วย
จีนในตอนนี้ได้กลายเป็นประเทศที่น่าจับตามองเป็นอย่างมากในทุกภาคส่วน การจะขึ้นเป็นผู้นำเศรษฐกิจของจีนไม่ใช่เพียงแค่เป้าหมายลอยๆ เท่านั้น แต่ทั้งภาครัฐและภาคเอกชนต่างเร่งพัฒนากันอย่างเต็มที่ และนั่นแสดงให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของจีนได้อย่างชัดเจน
แนวโน้มเงินเฟ้อยังปรับตัวขึ้นอย่างต่อเนื่องแบบไม่หยุดหย่อน ทั้งในต่างประเทศ และในไทย แบบนี้ทิศทางของหุ้นไทยจะเป็นยังไง
และอะไรคือตัวการสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อไทยพุ่งแรงเหมือนจรวดขนาดนี้
จากปัญหาเงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่พุ่งสูงขึ้น รวมไปถึงท่าทีของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ที่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยสูงถึง 0.75% ในการประชุมรอบล่าสุด ซึ่งเป็นการปรับดอกเบี้ยขึ้นในครั้งเดียวที่สูงที่สุดนับตั้งแต่ปี 2537 ยิ่งส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ร่วงหนักกว่าเดิมจนเข้าสู่ภาวะตลาดหมี
ตั้งแต่ต้นปี 2565 ดัชนี S&P500 ปรับตัวลดลงถึง -22.90%YTD ทำให้เข้าสู่ภาวะตลาดหมีอย่างเป็นทางการ การเข้าสู่ภาวะตลาดหมีของ S&P500 นั้นเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นไม่บ่อยนัก จากข้อมูลในอดีตช่วงที่เกิดผลกระทบหนักมีดังนี้
จากการทดสอบทางสถิติพบว่าการ ‘ซื้อและถือ’ (Buy and Hold) ให้ผ่านช่วงตลาดหุ้นขาลงหรือตลาดหมีไป เป็นกลยุทธ์การลงทุนที่สร้างผลตอบแทนได้สูงกว่าการพยายามจับจังหวะซื้อหุ้นในช่วงตลาดที่หุ้นเริ่มฟื้นตัว เพราะคุณจะมีโอกาสพลาดวันที่ตลาดหุ้นพลิกเป็นขาขึ้นได้ง่ายๆ
รวมไปถึงการใช้กลยุทธ์ลงทุนแบบ Dollar-cost averaging (DCA) จะทำให้คุณสร้างผลตอบแทนที่ดีมากยิ่งขึ้นให้กับพอร์ตลงทุนของคุณด้วยเช่นกัน การปรับมุมมองการลงทุนในช่วงนี้เป็นสิ่งสำคัญ เพราะมีหุ้นคุณภาพดีหลายตัวที่ราคาต่ำมากเมื่อเทียบกับพื้นฐานธุรกิจ
แน่นอนว่าอารมณ์การลงทุนอาจจะเกิดความขัดแย้งได้ แต่ในช่วงนี้นักลงทุนระดับโลกหลายคนกำลังซื้อหุ้นเข้าพอร์ตลงทุนกันอย่างสนุกมือ รวมไปถึง Warren Buffett ที่กำลังชอปปิงหุ้นเข้าพอร์ต Berkshire Hathaway อย่างเมามัน
การได้มีเพื่อนร่วมทางบนถนนการลงทุนอันผันผวนที่แสนยาวไกลน่าจะทำให้คุณมีกำลังใจในการลงทุนมากยิ่งขึ้น Jitta Wealth ได้รวบรวมรีวิวพอร์ตจากนักลงทุนขวัญใจมหาชนในปี 2565 ที่ผ่านมาไว้ที่นี่แล้ว เพื่อเติมกำลังใจให้กับคุณ
ธนาคารโลกได้ออกรายงาน Vietnam Macro Monitoring ประจำเดือนมิถุนายน 2565 ชี้ว่าเศรษฐกิจเวียดนามกำลังฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่ง ท่ามกลางความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลก
ผลผลิตภาคอุตสาหกรรมพุ่งขึ้นกว่า 10.4% จากปี 2564 ขณะที่มูลค่าค้าปลีกขยายตัว 22.6% จากช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว แสดงถึงการฟื้นตัวของการบริโภคภาคเอกชนในเวียดนาม
ตัวเลขนักท่องเที่ยวต่างชาติเดือนพฤษภาคมอยู่ที่ 173,000 คน เพิ่มขึ้นกว่า 70% จากเดือนเมษายน เป็นตัวเลขที่สูงที่สุดนับตั้งแต่เดือนเมษายน 2564 แต่ก็ยังต่ำกว่าช่วงก่อนการระบาดของโรค Covid-19 อยู่ราว 16%
มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (Foreign Direct Investment หรือ FDI) ของเวียดนามก็เติบโตต่อเนื่อง 6 เดือนติดต่อกัน โดยตัวเลขในเดือนพฤษภาคมขยายตัวกว่า 8.5% จากปี 2564
อัตราเงินเฟ้อเพิ่มขึ้นเล็กน้อยเป็น 2.9% ในเดือนพฤษภาคม จากตัวเลขในเดือนเมษายนที่ 2.6% โดยมีสาเหตุหลักจากราคาน้ำมันที่ปรับเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นตัวเลขที่ไม่สูงนักหากเทียบกับอัตราเงินเฟ้อของประเทศอื่นทั่วโลก รวมถึงในไทยด้วยเช่นกัน
นอกจากนี้ ธนาคารโลกได้แนะนำให้เวียดนามลงทุนในพลังงานทางเลือกที่จะช่วยให้เวียดนามลดการพึ่งพาการนำเข้าน้ำมันดิบจากต่างประเทศได้ ซึ่งเวียดนามมีแผนจะลงทุนมากกว่า 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐเพื่อลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด
โดยเวียดนามต้องการบรรลุเป้าหมายการปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ภายในปี 2593 ซึ่งจำเป็นต้องมีการลงทุนและการสนับสนุนทางการเงินอย่างเต็มที่ ซึ่งจีนและสหรัฐฯ ได้เล็งเห็นถึงโอกาสลงทุนในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดเวียดนามด้วย
การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ นโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย และการขยายธุรกิจไปในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดทำให้เวียดนามมีเส้นทางการเติบโตที่แข็งแกร่งอย่างชัดเจน การลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามช่วงนี้จึงถือเป็นโอกาสดีที่พอร์ตของคุณจะเติบโตไปพร้อมกับเศรษฐกิจของประเทศ
ลงทุนมัม รีวิวพอร์ต Global ETF ของ Jitta Wealth การลงทุนระยะยาวที่เหมาะกับคุณพ่อคุณแม่ที่ไม่ค่อยมีเวลาติดตาม และอยากปล่อยให้เทคโนโลยีมาช่วยจัดการ มาดูกันว่าตลอด 6 เดือนที่ผ่านมา พอร์ตเติบโตอย่างไรบ้าง
จากสถานการณ์โรค Covid-19 ที่เริ่มดีขึ้น อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ถูกกระทบอย่างหนักช่วงก่อนหน้านี้ก็เริ่มกลับมาคึกคักอีกครั้ง ทำให้ค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมพุ่งสูงขึ้นจากปี 2564 กว่า 33% ขณะที่ค่าบริการด้านการท่องเที่ยวอื่นๆ ก็สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
สำนักข่าว Bloomberg ได้มอบหมายในนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลจาก Google เจาะลึกแหล่งพักผ่อนระดับ High-end 7 แห่ง และเปรียบเทียบราคาโรงแรมระดับ 4-5 ดาวในช่วง 5 เดือนแรกของปี 2565 เทียบกับปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนเกิดการแพร่ระบาดของโรค Covid-19
จากการสำรวจ พบว่าค่าห้องพักเฉลี่ยของโรงแรมแต่ละแหล่งเป็นดังนี้
จากการสำรวจพบว่าค่าห้องพักเฉลี่ยในหลายพื้นที่มีราคาสูงกว่าในช่วงปี 2562 ซึ่งเป็นช่วงก่อนการแพร่ระบาดของโรค Covid-19 แล้ว ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมการท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบหนักในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา
อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวกำลังฟื้นตัว ดังนั้น ธีมเทคโนโลยีท่องเที่ยวจะได้รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวของอุตสาหกรรม ส่งผลให้บริษัทในธีมมีรายได้และกำไรเพิ่มขึ้น เมื่อทุกอย่างกลับสู่ปกติ เทคโนโลยีการท่องเที่ยวจะกลับมาพัฒนาอีกครั้งอย่างแน่นอน
Passive Way Story 8 เรื่องเล่าจาก Wall Street ลงทุนไม่พัง ต้องฟังทางนี้ Episode 05 – Mr. Market คือใคร? เป็นอะไรกับ Benjamin Graham เราจะพาคุณเข้าคลาสเรียนกับปรมาจารย์ด้านการลงทุนเพื่อไปทำความรู้จักกับ ‘นายตลาด’
กด Subscribe พอดคาสต์ช่องทางต่างๆ
Sony ตั้งเป้าหมายในการผลิตรถ EV ที่แตกต่างออกไป โดยเน้นไปที่การสร้างประสบการณ์การใช้งานด้านเทคโนโลยีเพื่อความบันเทิงภายในรถ เช่น ระบบเซนเซอร์ กล้อง เครื่องเสียง ระบบสั่งการด้วยเสียง รวมไปถึงเทคโนโลยีการขับเคลื่อนด้วยตัวเอง (Autonomous Driving)
การจับมือกันของ Sony และ Honda เป็นการนำความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีความบันเทิงและประสบการณ์การผลิตรถยนต์มาประกอบกันเพื่อนำไปสู่การพัฒนายานพาหนะที่ล้ำสมัย
Jitta Global ETF เป็นการกระจายการลงทุนทั่วโลก ด้วยสถานการณ์โลกในปีนี้ที่มีทั้งสงคราม เงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยที่สูงขึ้น วิกฤติด้านพลังงาน เรียกได้ว่าปัจจัยลบรุมเร้ารอบด้าน ผ่านมาแล้ว 9 เดือน พอร์ต Global ETF เป็นอย่างไรบ้าง มาดูกัน
นี่คือ 6 ข่าวสารที่น่าสนใจจากทั่วโลก ที่เรารวบรวมมาให้ใน Jitta Wealth Journal
ความผันผวนอยู่คู่กับการลงทุนมานาน
ยิ่งช่วงนี้วัฏจักรเศรษฐกิจทั่วโลกกำลังเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ จากการมีสภาพคล่องล้นโลกมานาน 13-14 ปีตั้งแต่หลังวิกฤติซับไพรม์ มาเป็นการดูดสภาพคล่องกลับอย่างรวดเร็วโดยธนาคารกลางทั่วโลกเพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อ การลงทุนในช่วงนี้จึงผันผวนมากกว่าปกติ
ถ้าคุณเป็นนักลงทุนมือใหม่ที่เพิ่งเริ่มลงทุนมาได้ไม่กี่ปี ช่วงนี้ถือเป็นช่วงทดสอบความนิ่งของอารมณ์และความแน่วแน่ในหลักการลงทุนได้เป็นอย่างดี เพราะนักลงทุนที่ประสบความสำเร็จหลายคนล้วนเคยผ่านช่วงเศรษฐกิจตกต่ำกันมาหลายรอบจนมีทักษะช่ำชองและมีประสบการณ์มากมาย
ช่วงเวลานี้จึงเป็นเหมือนการบ่มเพาะและขัดเกลาตัวคุณให้เป็นนักลงทุนที่ดียิ่งขึ้น เก่งยิ่งขึ้นในอนาคต
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
Jitta Wealth Journal – เปิดโผหุ้น Defensive พร้อมชนเงินเฟ้อ
Jitta Wealth Journal – เงินเฟ้อพุ่งสูงแบบไม่ต้องลุ้น เศรษฐกิจถดถอยหรือยัง?