Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 80 ประจำวันที่ 7 มิถุนายน 2565 ทีมงานสรุปสถานการณ์การลงทุนทั่วโลก พร้อมเสิร์ฟให้คุณ ดังนี้
ไปติดตามกันได้เลย
ภาพรวม 3 ดัชนียังเป็นขาลง ทั้งความเคลื่อนไหวใน 1 สัปดาห์ MTD (Month to Date) 3 เดือน และ YTD (Year to Date) จับตาการประกาศภาวะเงินเฟ้อรายเดือนและผลประกอบบริษัทจดทะเบียน
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 3 มิถุนายน 2565
ตลาดหุ้นฝั่งเอเชีย กลับมาเขียวในรอบ 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา จากการคลายล็อกดาวน์ในจีน ขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ มีพื้นฐานจากเศรษฐกิจในประเทศ
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ และ Investing ณ 6 มิถุนายน 2565
ปัญหาเงินเฟ้อยังเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยบรรดานักลงทุนต่างจับตารอดูตัวเลขดัชนี Consumer Price Index (CPI) รายเดือนของสำนักงานสถิติแรงงานสหรัฐฯ เพื่อดูแนวโน้มของเงินเฟ้อว่า ชะลอตัวลงหรือยังขึ้นต่อไป
นักวิเคราะห์มองว่า หากดัชนี CPI ยังคงมีแนวโน้มเป็นขาขึ้น หลายๆ ฝ่ายเกรงว่าสถานการณ์ที่เกิดขึ้นจะกดดันให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ใช้ยาแรง เร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก กระทบต่อการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโดยรวม
Allianz Investment Management มองว่า รายงานการจ้างงานยังตอกย้ำความแข็งแกร่งของเศรษฐกิจในภาพรวม แต่ก็มีปัจจัยบ่งชี้ว่า Fed ยังต้องปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% ในเดือนกันยายน-พฤศจิกายน ปีนี้
คาดว่า ดัชนี CPI จะขยับเพิ่มขึ้นเป็น +8.3% ในเดือนพฤษภาคม แต่ยังอยู่ในระดับทรงตัวเทียบกับ +8.1% ในเดือนเมษายน อย่างไรก็ตามดัชนี CPI ที่ไม่รวมราคาอาหารและพลังงาน มีแนวโน้มชะลอตัวลงเหลือ +0.5% ในเดือนพฤษภาคม
แนวโน้มเงินเฟ้อเร่งตัวส่งผลให้ Goldman Sachs ออกมาเตือนว่า ให้ระวังถึงผลกระทบทางเศรษฐกิจที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และการเผชิญกับช่วงที่ยากลำบากในอนาคต
คำเตือนของ Goldman Sachs สอดคล้องกับ JPMorgan ที่ได้ออกมาเตือนก่อนหน้านี้ว่า พายุเฮอริเคนลูกใหญ่กำลังมา นักลงทุนทุกคนควรเตรียมพร้อมตั้งรับให้ดี
ในช่วงเวลานี้อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ยังคงคาดเดาไม่ได้ว่าถึงจุดสูงสุดหรือยัง และยังเป็นแรงกดดันต่อตลาดหุ้นอยู่ ส่งผลให้ราคาหุ้นและดัชนีปรับตัวลดลงมาอย่างต่อเนื่อง
แต่เป็นข้อดี เพราะหุ้นพื้นฐานดีและ ETF ที่มีโอกาสเติบโตมีราคาถูกลงเยอะมาก หากคุณยังต้องการลงทุนระยะยาว การเพิ่มทุนเพื่อเฉลี่ยราคาสินทรัพย์เป็นอีกทางเลือก
เพื่อขจัดความผันผวนระยะสั้นออกไป ให้เวลาอดทนรอภาวะตลาดหุ้นกลับมาเป็นขาขึ้น ซึ่งสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตได้แน่นอน
ช่วงตลาดหุ้นขาลง ราคาหุ้นของแต่ละบริษัทเริ่มโดนเทขาย ตลาดหุ้นย่ำแย่ พอร์ตติดลบกันไปตามๆ กัน นักลงทุนทั่วโลกเริ่มวิตกกังวล แต่ Warrent Buffett กลับมองเห็นโอกาส และทุ่มเงินนับหมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ ชอปปิงหุ้นดีในช่วงขาลง
สถานการณ์ Covid-19 ในจีนเริ่มดีขึ้น โดยเฉพาะในเซี่ยงไฮ้มีผู้ติดเชื้อรายวันเหลือเพียง 30 ราย รัฐบาลประกาศคลายล็อกดาวน์ เริ่มตั้งแต่ 1 มิถุนายนเป็นต้นไป
ก่อนหน้านี้โรงงานอุตสาหกรรมบางแห่ง ได้เปิดดำเนินการแล้วภายใต้มาตรการของรัฐ ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิต ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน ซึ่งเป็นสัญญาณที่ดีต่อภาคอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจจีนในช่วงครึ่งปีหลัง 2565
ดัชนี PMI เดือนพฤษภาคมเพิ่มขึ้นเป็น 49.6 จาก 47.4 ในเดือนเมษายน รวมไปถึงดัชนี PMI นอกภาคการผลิต ในเดือนเดียวกัน เพิ่มขึ้นมาที่ 47.8 จาก 41.9 เช่นกัน
อย่างไรก็ตาม Pinpoint Asset Management กล่าวว่า ตัวเลขดัชนีที่ต่ำกว่า 50 ยังถือว่าอยู่ในสภาวะหดตัว และคาดว่าเศรษฐกิจจีนจะได้รับอานิสงส์จากการเปิดเมืองเซี่ยงไฮ้ และดัชนี PMI อาจแตะระดับ 50 ได้ในเร็วๆ นี้
เมื่อ 31 พฤษภาคมที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ด้วยการอัดฉีดเงิน 60,000 ล้านหยวน เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนซื้อรถยนต์ กระตุ้นการบริโภคและช่วยเหลืออุตสาหกรรมยานยนต์ในประเทศ
มาตรการลดภาษีซื้อรถยนต์อยู่ใน 33 ข้อของนโยบายรัฐบาล เพื่อสร้างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งนักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ยอดขายรถยนต์ในจีนจะเพิ่มขึ้นมากถึง 2 ล้านคัน และกระตุ้นยอดขายได้ถึง 21 ล้านคันในปี 2565
สาเหตุที่รัฐบาลจีนต้องการกระตุ้นยอดขายรถยนต์เนื่องจาก 4 เดือนแรกของปี 2565 ยอดขายรถยนต์หดตัว -11.9% สาเหตุเกิดจากการล็อกดาวน์ที่เข้มงวด จากมาตรการ Zero Covid ซึ่งมาตรการกระตุ้นอุตสาหกรรมยานยนต์ผ่านการอัดฉีดเม็ดเงิน คาดว่าจะดึงยอดขายรถให้กลับมาเป็นบวกได้
กิจกรรมทางเศรษฐกิจจีนตอนนี้ขึ้นอยู่กับมาตรการ Zero Covid ดังนั้นต้องติดตามกันว่า จะมีการระบาดใหญ่ที่กระทบกับเศรษฐกิจจีนอีกหรือไม่ เพราะจีนมีเป้าหมาย GDP ขยายตัวปีนี้ที่ +5.5% เรียกได้ว่า ต้องใช้ยากระตุ้นกันขนานใหญ่เลย
Passive Way Story 8 เรื่องเล่าจาก Wall Street ลงทุนไม่พัง ต้องฟังทางนี้ Episode 03 จะพาคุณไปทำความรู้จักวิธีการเข้าลงทุนในตลาดหุ้นผ่านวิธีคิดในงานค็อกเทล ที่ Peter Lynch บอกว่า ช่วงไหนดี ช่วงไหนอันตราย
ttb analytics คาดการณ์ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้า (EV) ของไทยปี 2565 พุ่งแตะ 63.000 คัน เติบโต +48% จากมาตรการส่งเสริมการผลิตในประเทศของรัฐบาล สวนทางกับรถยนต์ที่ใช้น้ำมันเป็นเชื้อเพลิงที่หดตัวลง -8.8%
บทวิเคราะห์ระบุว่า โรดโมปยกเลิกการใช้รถยนต์ที่เป็นเครื่องยนต์สันดาปภายในจากหลายๆ ประเทศ และการพัฒนาเทคโนโลยี EV ที่ทำให้ความจุของแบตเตอรีดีกว่าเดิม ส่งผลให้รถ EV มีราคาจับต้องได้มากขึ้น
ผลกระทบจากราคาน้ำมันเชื้อเพลิงที่สูงขึ้น ผู้ที่ต้องการซื้อรถใหม่จึงให้ความสนใจกับ EV มากขึ้น ทำให้ปี 2564 ยอดขาย EV เติบโตอย่างก้าวกระโดด
นอกจากอุตสาหกรรม EV จะเติบโตอย่างมากแล้ว คาดการณ์ว่าธุรกิจอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอย่างแบตเตอรี ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ สถานีชาร์จไฟฟ้า แผงโซลาร์เซลล์ ก็มีแนวโน้มสดใสไปด้วย
สื่อจีนรายงานว่า BYD ใกล้บรรลุข้อตกลงในการเข้าซื้อเหมืองลิเธียมในแอฟริกา 6 แห่ง โดย 1 ใน 6 เหมืองนี้มีแหล่งแร่ลิเธียมออกไซด์ 25 ล้านตันที่สามารถสกัดออกมาเป็นลิเธียมคาร์บอเนตได้ 1 ล้านตัน
ดีลนี้คาดว่า จะส่งผลต่อต้นทุนลิเธียมที่เหมาะสมในการผลิตแบตเตอรี โดยจะต่ำกว่า 200,000 หยวนต่อตัน ปัจจุบันลิเธียมเกรดแบตเตอรีมีราคาอยู่ที่ 450,000 หยวนต่อตัน
สำหรับเหมืองแร่ที่มีลิเธียมคาร์บอเนตสำรองมากกว่า 1 ล้านตัน สามารถนำมาผลิตแบตเตอรีสำหรับ EV ที่มีขนาดแบตเตอรี 60 KWh ได้ถึง 27 ล้านคัน ซึ่งจะทำให้ปัญหาในการขาดแคลนแร่ลิเธียมลดลงอย่างมีนัยสำคัญ
BYD มีเป้าหมายขาย EV ภายในปี 2565 ที่ 1.5 ล้านคัน ดังนั้นดีลซื้อเหมืองลิเธียมครั้งนี้จะช่วยให้ BYD สร้างความมั่นคงด้านวัตถุดิบได้นานกว่า 10 ปี ซึ่งจะส่งผลดีต่อธีมพลังงานสะอาดกับธีมลิเธียมและแบตเตอรี
ปลายปี 2563 ราคาลิเธียมอยู่ที่ 50,000 หยวนต่อตัน แต่ในปี 2564 ราคาลิเธียมพุ่งสูงขึ้นกว่า 10 เท่าเป็น 500,000 หยวนต่อตัน ส่งผลกระทบต่อต้นทุนการผลิต EV ด้วยเช่นกัน
ราคาวัตถุดิบที่เพิ่มสูงขึ้นส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ผลิตแบตเตอรีและ EV พวกเขาจะส่งภาระต้นทุนไปยังผู้บริโภคที่ต้องซื้อ EV ในราคาที่สูงขึ้น จริงๆ แล้วแร่ลิเธียมมีอย่างเพียงพอบนโลก แต่ด้วยการผลิตไม่เพียงพอต่อความต้องการ รวมไปถึงการเก็งกำไร ทำให้ราคาพุ่งขึ้นอย่างมาก
แต่ด้วยเทคโนโลยีจะช่วยให้ผู้ผลิตสร้างสรรค์แบตเตอรีที่ใช้วัตถุดิบน้อยลงในกำลังเท่าเดิม รวมไปถึงการรีไซเคิลแบตเตอรีเก่า ทำให้ความต้องการลิเธียมในอนาคตอาจจะลดน้อยลง
สถานการณ์นี้สอดคล้องกับการวิเคราะห์ของ Goldman Sachs บอกว่าราคาวัตถุดิบในการผลิตแบตเตอรีถึงจุดสูงสุดแล้ว ดังนั้นการเติบโตของอุตสาหกรรมเหมืองลิเธียม แบตเตอรี และ EV จะเป็นไปอย่างมั่นคงและยั่งยืน ตอนนี้เป็นโอกาสที่ดีที่คุณจะเข้าลงทุนเพื่ออนาคต
บริษัทวิจัย Argus Media ของอังกฤษเปิดเผยว่า ราคาลิเธียม ซึ่งเป็นโลหะหายากที่ใช้ในการผลิตแบตเตอรีแบบชาร์จไฟ เพิ่มขึ้นกว่า 5 เท่า ตั้งแต่เดือนเมษายนปี 2564 เนื่องจากความต้องการจากผู้ผลิต EV มากขึ้น
นอกจากความต้องการลิเธียมที่เพิ่มขึ้นแล้ว สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครนก็เป็นปัจจัยที่ทำให้ซัปพลายเชนของลิเธียมหยุดชะงักลง ความต้องการแร่ลิเธียมที่เพิ่มสูงขึ้น ส่งผลให้ราคา EV เพิ่มสูงขึ้นไปด้วย
Tesla ได้ประกาศขึ้นราคา EV ทั้งหมดในช่วงต้นปีที่ผ่านมา ผู้ผลิตรถยนต์รายอื่นๆ กำลังเร่งปรับตัวในการผลิต EV เช่นกัน ทำให้มีแนวโน้มว่า ราคาอาจจะเพิ่มขึ้นอีก
SMBC Nikko Securities มองว่า หากราคาโลหะหายากและวัตถุดิบอื่นๆ ที่ใช้ในการผลิต EV มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ผู้ผลิตจำเป็นต้องขึ้นราคา EV อีกประมาณ +30% หรือมากกว่านั้น จนกว่าราคาลิเธียมจะปรับตัวลดลง
ตลาดหุ้นผันผวนนานหลายเดือน คนที่เริ่มลงทุนช่วงนี้อาจจะรู้สึกโชคร้าย คนที่ลงทุนมานานอาจจะรู้สึกเหนื่อยใจ แต่เซียนหุ้นมือฉมังก็ทำผิดพลาดกันมาเยอะ อยากรู้หรือไม่ว่า เขากลับมาปั้นพอร์ตลงทุนเป็นหมื่นล้านแสนล้านได้อย่างไร
สำนักงานสถิติเวียดนามรายงานว่า มูลค่าการค้าระหว่างประเทศ 5 เดือนแรก ปี 2565 อยู่ที่ 305,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขยายตัว +15.6% มูลค่าส่งออกในช่วงเดียวกันอยู่ที่ 152,810 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต +16.3%
ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์และคอมพิวเตอร์มีมูลค่าส่งออกมากที่สุด มูลค่ารวม 36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เติบโต +28.6% ในขณะที่มูลค่านำเข้าอยู่ที่ 152,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้น +15% จากช่วงเดียวกันของปี 2564
นักวิเคราะห์คาดว่า มูลค่าการค้าเวียดนามปี 2565 จะถึง 750,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดุลการค้าเวียดนาม 5 เดือนแรกยังเป็นบวก เกินดุลเล็กน้อยที่ 516 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
หากคุณมองในมุมการส่งออก สินค้าหลายประเภทของเวียดนามยังมีการเติบโตสูง การส่งออกยังคงเป็นเครื่องยนต์เคลื่อนเศรษฐกิจเวียดนาม เกิดจากการเป็นฐานการผลิตให้บริษัทจากทั่วโลก
นอกจากนี้มีรายงานข่าวว่า Apple เตรียมตั้งฐานการผลิต iPad ใหม่นอกจีน โดยคาดว่า Apple มีเป้าหมายที่เวียดนาม หลังจากมาตรการ Zero Covid ในจีนส่งผลกระทบต่อระบบการผลิต
อย่างไรก็ตาม Apple ได้หารือร่วมกับซัปพลายเออร์จีนในการหาฐานการผลิตชิ้นส่วน iPad นอกจีน เพื่อเป็นการลดความเสี่ยงจากการขาดแคลนสินค้าในระบบการผลิต
ก่อนหน้านี้ Apple ได้พิจารณาเตรียมย้ายการผลิตบางส่วนออกจากจีนไปยังเวียดนาม แต่ด้วยสถานการณ์ Covid-19 ในเวียดนามต้นปี 2565 ทำให้แผนต้องเลื่อนออกไป
การย้ายฐานการผลิตครั้งนี้ ได้รับการสนับสนุนเต็มที่จากรัฐบาลเวียดนาม เพราะเมื่อกลางเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีเวียดนามได้เข้าพบ Tim Cook เพื่อหารือเพิ่มการลงทุนในเวียดนาม
การพบกันระหว่างนายกรัฐมนตรีเวียดนามและผู้บริหาร Apple จะช่วยสร้างความเชื่อมั่นและความมั่นใจในการลงทุนในเวียดนามมากขึ้น ดังนั้นเวียดนามจึงกลายเป็นจุดหมายสำคัญในการตั้งฐานการผลิต
หาก Apple ตั้งโรงงานในเวียดนามเพิ่มมากขึ้น จะยิ่งส่งผลให้เศรษฐกิจเวียดนามแข็งแกร่งขึ้น ในอนาคต Apple อาจพิจารณาตั้งฐานการผลิตสินค้าสำคัญอย่าง iPhone และสินค้าประเภทอื่นๆ ในเวียดนามก็เป็นได้
เมื่อเศรษฐกิจของเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตดี จะส่งผลให้ตลาดหุ้นเวียดนามเช่นเดียวกัน นอกจากขับเคลื่อนจากนักลงทุนในประเทศแล้ว นักลงทุนต่างประเทศจะเพิ่มมากขึ้นตามศักยภาพการเติบโต ซึ่งเป็นผลดีในระยะยาว
ถ้าอยากลงทุนในธุรกิจเมกะเทรนด์แห่งอนาคต มีโอกาสเติบโตสูงในระยะยาว โดยมีการกระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม ETF กำลังเป็นคำตอบให้คุณ โดย Than Money Trick มาแนะนำการลงทุนแบบง่ายๆ ใน Thematic ETF กับ Jitta Wealth
แพลตฟอร์มซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซีรายใหญ่ของโลก Coinbase ประกาศเบรกแผนจ้างงานพนักงานใหม่อย่างไม่มีกำหนด รวมไปถึงการยกเลิกสัญญาผู้สมัครงานบางส่วน หลังรายได้ลดลง -27%
มูลค่า Coinbase ปรับลดลงถึง -70% นับตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา หลังกระแสความนิยมลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีเริ่มลดลง จำนวนฐานลูกค้าและรายได้ของ Coinbase ก็ลดลงด้วย ซึ่งบริษัทเทคโนโลยีหลายๆ บริษัท เช่น Uber Technologies และ Meta Platforms ก็เผชิญชะตากรรมเดียวกัน
อย่างไรก็ตาม ทิศทางดอกเบี้ยทั่วโลกที่กลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง ส่งผลให้นักลงทุนจำนวนมากเริ่มหันกลับมาสนใจลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความปลอดภัยมากกว่าคริปโทเคอร์เรนซีที่มีความเสี่ยงสูงกว่า
แต่ Coinbase มองว่า ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีมีความผันผวน ถือเป็นบททดสอบใหม่ขององค์กร ถ้าบริษัทปรับตัว เพื่อสร้างเป้าหมายระยะยาว จะสามารถกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่งได้อีกครั้ง
นี่คือ 7 ข่าวสารที่น่าสนใจจากทั่วโลก ที่เรารวบรวมมาให้ใน Jitta Wealth Journal
เดือนมิถุนายนเป็นเดือนสุดท้ายของไตรมาสที่ 2 และครึ่งแรกของปี 2565 ท่ามกลางภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกที่ไม่เป็นใจเอาเสียเลย จนมาถึงตอนนี้ก็ไม่มีทีท่าว่าจะพลิกกลับเป็นขาขึ้น
ไม่มีใครคาดการณ์ได้ถูกต้อง 100% ว่า ตลาดหุ้นจะลงอีกนานแค่ไหนหรือเป็นขาขึ้นอีกเมื่อไร สำคัญที่คุณภาพสินทรัพย์ที่คุณลงทุนอยู่ว่า จะมีโอกาสเติบโตท่ามกลางความไม่แน่นอนเหล่านี้หรือไม่
ราคาหุ้น และ ETF เวลาลงก็ลงเหมือนกันหมด แต่เมื่อฟื้นตัวแล้ว ราคาเป็นขาขึ้นไม่เท่ากัน หุ้นและ ETF คุณภาพดีย่อมกลับมาสร้างมูลค่าได้ดีกว่า สินทรัพย์อื่นๆ ที่คุณภาพดีน้อยกว่า
กำไรจากการลงทุนในตลาดหุ้น ไม่ได้อยู่ที่ว่า คุณซื้อขายบ่อยแค่ไหน แต่อยู่ที่ความอดทน ลงทุนสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโต จนสร้างผลตอบแทนทบต้นได้ในระยะยาวต่างหาก
แล้วพบกันสัปดาห์หน้า
Jitta Wealth Journal – จีนเวอร์ชัน Zero Covid ดันหุ้นจีนได้อย่างไร
Jitta Wealth Journal – เมื่อตลาดหุ้นเป็นหมีเซื่องซึม จะเพิ่มทุนดีหรือไม่