Jitta Wealth Journal - ปิดดีล! ค่ายรถญี่ปุ่นร่วมกันทุ่มเงินลงทุนในไทยกว่า 150,000 ล้านบาท

26 ธันวาคม 2566Jitta Wealth Journal

จับมือครั้งสำคัญ Samsung เตรียมตั้งศูนย์วิจัยบรรจุภัณฑ์ชิปในญี่ปุ่น

Jitta Wealth Journal ปีที่ 3 ฉบับที่ 161 ประจำวันที่ 26 ธันวาคม 2566

ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายสะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับลดแน่นอน จับมือครั้งสำคัญ! Samsung เตรียมตั้งศูนย์วิจัยบรรจุภัณฑ์ชิปในญี่ปุ่น ค่ายรถญี่ปุ่นร่วมกันทุ่มเงินลงทุนในไทยกว่า 150,000 ล้านบาท Fitch Ratings ยกอินเดียเศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในโลก ร้อนแรงต่อเนื่อง OpenAI เปิดระดมทุนอีกกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รับข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้การลงทุนดีๆ จากเราได้ที่ Line ID: @jittawealth


ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นรายสัปดาห์

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ

S&P 500 +0.75% DJIA +0.21% NASDAQ +1.21%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ แม้ความร้อนแรงจะลดลงมา แต่ยังคงปิดอยู่ในแดนบวกติดต่อกันเป็นสัปดาห์ที่ 8 โดยดัชนี S&P 500 ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปลายปี 2560 ขณะที่ดัชนี Dow Jones และดัชนี Nasdaq ปรับตัวขึ้นรายสัปดาห์ต่อเนื่องนานที่สุดนับตั้งแต่ต้นปี 2562 

ดัชนีตลาดหุ้นเอเชีย

CSI 300 -0.13% TOPIX +0.18% VNI +0.07% SET +1.01%

ตลาดหุ้นจีนปิดลบ หุ้นบริษัทผลิตเกมยักษ์ใหญ่ต่างพากันปรับลด หลังเกมออนไลน์อาจถูกควบคุมมากขึ้น ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปิดบวก บริษัทยักษ์ใหญ่เริ่มซื้อบริษัทจากต่างชาติเพื่อเพิ่มยอดขายและกระจายความเสี่ยง ตลาดหุ้นเวียดนามปิดบวกเล็กน้อย เม็ดเงินไหลเข้ามาจากประชากรที่ออกไปทำงานต่างประเทศเพิ่มขึ้น 35% ในปีนี้ ตลาดหุ้นไทยปิดบวก

ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 24 ธันวาคม 2566


คริสต์มาสนี้ฉันขอมี Passive Income 

คริสต์มาสปีนี้คุณได้อะไรเป็นของขวัญบ้าง จะเป็นของเล็กๆ น้อยๆ หรือของชิ้นใหญ่  กระดาษโน้ตสักแผ่นที่จดโพยรางวัลที่ 1 ไว้ พอร์ตลงทุนที่หุ้นพุ่งกระฉูด หรือแค่ Passive Income ดีๆ อย่างเจ้าของเพลงฮิตประจำเทศกาล All I Want for Christmas is You อย่าง Mariah Carey เราจะพาคุณไปดูว่าเพลงนี้ทรงพลังยังไง ทำไมถึงกลายเป็นรายได้เข้ากระเป๋าคุณแม่ Mariah Carey ได้ทุกๆ ปี และที่สำคัญ ทำอย่างไรคุณถึงจะมี Passive Income ดีๆ แบบนี้บ้าง

อ่านต่อ 


เศรษฐกิจสหรัฐฯ

ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายสะท้อนเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับลดแน่นอน

มาตรการวัดอัตราเงินเฟ้อที่ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ให้ความสำคัญออกมาต่ำกว่าคาดการณ์ทุกตัวในเดือนพฤศจิกายนโดยดัชนีราคาค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ขยายตัว 2.6% เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 2.8% ขณะที่เมื่อเทียบเป็นรายเดือน PCE หดตัว -0.1%

ดัชนีราคาค่าใช้จ่ายการบริโภคส่วนบุคคลพื้นฐาน (Core PCE) ซึ่งไม่รวมราคาอาหารและพลังงานขยายตัว 3.2% เมื่อเทียบเป็นรายปี ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 3.3% 

ขณะที่เมื่อเทียบเป็นรายเดือน Core PCE ขยายตัว 0.1% ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 0.2% ส่วนการใช้จ่ายของผู้บริโภคที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อปรับตัวเพิ่มขึ้น 0.3% เท่ากับที่คาดการณ์

ตัวเลข PCE ออกมาต่ำกว่าคาดทุกตัว โดยเฉพาะตัวเลข PCE รายเดือนที่เข้าสู่โซนติดลบ สะท้อนว่าเงินเฟ้อนั้นอยู่ในแน้วโน้มขาลง 

ขณะที่ตัวเลข Core PCE รายเดือนก็ขยายตัวเพียง 0.1% เท่านั้น นอกจากนี้ตัวเลขการใช้จ่ายของผู้บริโภคยังขยายตัวได้ดี

หากเป็นไปตามที่คาดไว้ Fed ควรที่จะสามารถนำเศรษฐกิจ Soft Landing ได้

ตลาดคาดว่า Fed จะลดดอกเบี้ย 5-6 ครั้งในปี 2567 และการลดดอกเบี้ยครั้งแรกอาจเริ่มต้นตั้งแต่เดือนมีนาคม มากกว่าที่ Fed ส่งสัญญาณใน Dot Plot เดือนธันวาคมว่าจะลดดอกเบี้ยแค่ 3 ครั้งเท่านั้น


ก้าวที่ 14 ลงทุนทั้งที ต้องมี ‘เป้าหมาย’

เดินทางมาถึงก้าวที่ 14 ของ 16 ก้าว สู่การเป็นมือโปร ใกล้จะได้เวลาออกสู่สนามจริงของการลงทุนแล้วใช่ไหม ก้าวนี้เราจะพาคุณกลับมาสำรวจหัวใจ และกำหนดเป้าหมายให้ตัวเองก่อนจะเริ่มลงทุน ให้คุณได้รู้ว่าจะต้องเตรียมตัวยังไง วางกลยุทธ์แบบไหนเพื่อพิชิตเป้าหมาย

อ่านต่อ  


เศรษฐกิจญี่ปุ่น

จับมือครั้งสำคัญ! Samsung เตรียมตั้งศูนย์วิจัยบรรจุภัณฑ์ชิปในญี่ปุ่น

บริษัท Samsung Electronics ของเกาหลีใต้เตรียมลงทุน 4 หมื่นล้านเยน หรือราวๆ 280 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 5 ปีในโรงงานเพื่อการวิจัยเกี่ยวกับบรรจุภัณฑ์ชิปขั้นสูงที่จะจัดตั้งขึ้นในญี่ปุ่น 

Samsung กำลังพิจารณาที่จะจัดตั้งโรงงานบรรจุภัณฑ์ใน Kanagawa ซึ่งมีศูนย์การวิจัยและพัฒนาอยู่แล้วเพื่อกระชับความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้นกับผู้ผลิตอุปกรณ์และวัสดุการผลิตชิปของญี่ปุ่น

กระทรวงอุตสาหกรรมของญี่ปุ่นกล่าวว่าจะให้เงินอุดหนุนแก่ Samsung มูลค่าสูงถึง 2 หมื่นล้านเยน เพื่อสนับสนุนการฟื้นฟูการผลิตชิปในประเทศ

การจับมือกันครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาแห่งความตึงเครียดระหว่างเกาหลีใต้และญี่ปุ่น ในขณะที่สหรัฐฯ พยายามผลักดันให้เกิดการทำงานร่วมกันเพื่อต่อต้านความสามารถทางเทคโนโลยีที่เพิ่มขึ้นของจีน

อย่างไรก็ตามคาดว่าญี่ปุ่นจะได้ประโยชน์ทั้งในแง่ของเทคโนโลยี และเศรษฐกิจภายในประเทศที่เป็นผลพลอยได้จากการเข้ามาลงทุนของ Samsung ในครั้งนี้


รีวิว Jitta Wealth เริ่มต้นชีวิตคู่ พร้อมเปิดประตูการลงทุนหุ้นต่างประเทศ

อ่านเรื่องราวของคุณอัครวัฒน์ ศรีใบเกลี้ยง ผู้ที่ตัดสินใจนำเงินเก็บมาลงทุนในต่างประเทศเป็นครั้งแรกหลังการแต่งงาน โดยเลือกประเดิมที่ Jitta Ranking เวียดนาม ตั้งแต่ 4 ปีที่แล้ว จนปัจจุบันผลตอบแทนอยู่ที่ +78.83% อะไรทำให้คุณอัครวัฒน์มั่นใจที่จะนำเงินเก็บสำหรับชีวิตคู่มาลงทุนกับ Jitta Wealth แนวคิดและการลงทุนระยะยาวของเขาเป็นอย่างไร

อ่านต่อ


เศรษฐกิจไทย

ค่ายรถญี่ปุ่นร่วมกันทุ่มเงินลงทุนในไทยกว่า 150,000 ล้านบาท

ผู้ผลิตรถยนต์รายใหญ่ของญี่ปุ่นเตรียมลงทุน 1.5 แสนล้านบาท (4,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) ในไทยในช่วง 5 ปีข้างหน้า เพื่อสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านของประเทศสู่ฐานการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้

Toyota และ Honda จะลงทุนกันค่ายละประมาณ 50,000 ล้านบาท ขณะที่ Isuzu จะลงทุน 30,000 ล้านบาท และ Mitsubishi 20,000 ล้านบาท 

การลงทุนของผู้ผลิตรถยนต์สัญชาติญี่ปุ่นจะสนับสนุนนโยบายของรัฐบาลในการเปลี่ยนจากรถยนต์เครื่องยนต์สันดาปไปสู่รถยนต์ไฟฟ้า 

ไทยตั้งเป้าที่จะเปลี่ยน 1 ใน 3 ของการผลิตรถยนต์ 2.5 ล้านคันต่อปีให้เป็นรถยนต์ไฟฟ้าภายในปี 2573 และกำลังเตรียมสิ่งจูงใจเพื่อส่งเสริมการลงทุนและการเปลี่ยนไปสู่การผลิตรถยนต์ไฟฟ้ามากขึ้น

การลดภาษีและการอุดหนุนจากรัฐบาลไทยได้ดึงดูดผู้ผลิตรถยนต์จากประเทศจีนจำนวนมาก รวมถึง BYD และ Great Wall Motor ซึ่งมุ่งมั่นที่จะลงทุน 1,440 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโรงงานผลิตใหม่ในประเทศ

นอกจากนี้นายกรัฐมนตรียังได้ตั้งเป้านำเสนอผู้บริหารจาก Tesla ผู้ผลิต EV ของสหรัฐฯ ในประเทศไทยสำหรับการลงทุนที่มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น

เรียกได้ว่าผลงานเริ่มเป็นรูปเป็นร่างให้เห็นชัดเจนเรื่อยๆ สำหรับรัฐบาลใหม่ภายใต้การนำของนายเศรษฐา ทวีสิน 

ซึ่งก็ต้องติดตามกันต่อไปว่าเม็ดเงินลงทุนที่ไหลเข้าประเทศจะช่วยผลักดันเศรษฐกิจและตลาดหุ้นไทยได้มากน้อยแค่ไหน


DCA กลยุทธ์ลงทุนที่ง่าย ใช้ได้ตลอดกาล

มาเจาะลึกแนวคิด กลยุทธ์การลงทุนว่าทำไมใครๆ ก็แนะนำให้ DCA นอกจากจะช่วยถัวเฉลี่ยต้นทุนให้คุณไม่พลาดโอกาสในทุกสถานการณ์แล้ว การ DCA ยังมีประโยชน์อะไรอีกบ้าง อะไรคือสิ่งที่คุณไม่ควรพลาดถ้าอยากให้พอร์ตเติบโต 

รับชม


เศรษฐกิจอินเดีย

Fitch Ratings ยกอินเดียเศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในโลก

Fitch Ratings ประเมินอินเดียเป็นหนึ่งในประเทศที่เศรษฐกิจขยายตัวเร็วที่สุดในโลกในปี 2567-2568 โดยคาดว่า GDP จะเติบโตถึง 6.5% ถึงแม้จะมีการลดลงเล็กน้อยจากการเติบโตของ GDP ในปี 2566-2567 ที่ระดับ 6.9% 

ซึ่งปัจจัยหลักที่สนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจมาจากภาคอุตสาหกรรมปูนซีเมนต์ ไฟฟ้า และปิโตรเลียม รวมถึงการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานและยอดขายรถยนต์ที่เพิ่มขึ้น

อย่างไรก็ตาม ภาคอุตสาหกรรมไอทีของอินเดียอาจชะลอตัวเนื่องจากยอดขายในตลาดสหรัฐฯ และยูโรโซนที่ลดลง

อินเดียเป็นตัวแทนของการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่รวดเร็วในปีนี้ 

โดยมีการลงทุนจากทั้งในและต่างประเทศ และยังมีคาดการณ์ว่าจะเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 2 ในภูมิภาคเอเชีย-แปซิฟิกในปี 2573 โดยตอนนี้อินเดียมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่เป็นอันดับ 5 ของโลก แม้ภาคไอทีจะชะลอตัว

รายงานยังชี้ว่าโดยรวมเศรษฐกิจของอินเดียนั้นมีศักยภาพ และเป็นแรงผลักดันที่สำคัญในภูมิภาค แต่ทั้งนี้ยังต้องระมัดระวังการชะลอตัวของภาคไอที รวมถึงการสนับสนุนโครงสร้างและยอดขายรถยนต์ที่จะเป็นปัจจัยสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจของอินเดียในอนาคต


ส่องทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในรายการ TNN รู้ทันลงทุน

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาคึกคักดัชนีปรับตัวต่อเนื่อง แล้วภาพรวมการลงทุนในปี 2567 จะเป็นอย่างไร ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะมีโอกาสให้ลงทุนได้อีกหรือไม่ มาฟังมุมมองการลงทุน คว้าหุ้นสหรัฐฯ หลัง Fed จ่อหั่นดอกเบี้ย กับคุณเผ่า ตราวุทธิ์ CEO Jitta Wealth ได้ที่นี่ 

รับชม


เทคโนโลยีและ AI

ร้อนแรงต่อเนื่อง OpenAI เปิดระดมทุนอีกกว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

CBInsights รายงานว่า OpenAI กำลังอยู่ในกระบวนการสนทนาแรกเพื่อเพิ่มทุนรอบใหม่มูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ซึ่งการเจรจานี้จะทำให้ OpenAI กลายเป็นหนึ่งในสตาร์ตอัปที่มีมูลค่าสูงที่สุดในโลก รองจาก Space Exploration ของ Elon Musk 

นอกจากนี้ทางบริษัทยังเตรียมดำเนินการให้พนักงานขายหุ้นให้กับกองทุนที่สนใจได้ในมูลค่า 86,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีกองทุนหลักที่ทำการสั่งซื้อคือ Thrive Capital ตามข้อมูลจาก Bloomberg

มูลค่าที่ขึ้นอย่างรวดเร็วของ OpenAI สะท้อนความสนใจที่เพิ่มขึ้นเกี่ยวกับการพัฒนา AI หลังจากปล่อย ChatGPT ไปเมื่อปีที่แล้ว ส่งผลให้บริษัทกลายเป็นสตาร์ตอัปที่มาแรงที่สุดใน Silicon Valley ซึ่งสามารถระดมทุนได้ 13,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐจนถึงตอนนี้จาก Microsoft 

ทางด้านบริษัท Amazon.com และ Alphabet Inc. ก็ได้ลงทุนหลายพันล้านให้กับทาง OpenAI ส่วน Anthropic Salesforce Inc. ได้ลงทุนใน Hugging Face ซึ่งมีมูลค่า 4,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Nvidia ก็ได้ทุ่มเงินลงทุนให้บริษัท AI ในปีนี้ด้วยเงินจำนวนมากกว่าสองเท่า

นอกจากนี้ OpenAI กำลังระดมทุนสำหรับโครงการผลิตชิปตัวใหม่ที่ใช้ชื่อว่า Tigris กับกองทุน G24 ของสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ด้วย โดยจำนวนเงินที่อยู่ในการสนทนาอยู่ที่ประมาณ 8,000 -10,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งมีจุดมุ่งหมายที่จะผลิตชิปแข่งขันกับ Nvidia ที่ครอบครองตลาดชิปอยู่ ณ ปัจจุบัน

ทั้งนี้ อนาคตของ OpenAI ดูเหมือนจะยังไม่คงที่ หลังจากการปลด Sam Altman จากรายชื่อคณะกรรมการเมื่อเดือนที่แล้วอย่างกะทันหัน แต่หลังจากนั้นเพียง 5 วัน Altman ก็ได้กลับมาอยู่ในรายชื่อคณะกรรมการใหม่อีกครั้ง พร้อมกับมีการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ คงต้องติดตามกันต่อไปว่าทาง OpenAI จะมีแผนการดำเนินการอย่างไรต่อไป 


ใกล้ปีใหม่เข้าไปทุกทีแล้ว ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ก็ยังคงร้อนแรงต่อเนื่อง ปิดบวกเป็นสัปดาห์ที่ 8 ติดต่อกัน พร้อมทั้งตัวเลขดัชนีราคาค่าใช้จ่ายที่เพิ่งประกาศออกมาก็สะท้อนว่าเงินเฟ้อกำลังจะจบลง และ Fed จะลดดอกเบี้ยเร็วกว่าที่คาดการณ์ไว้

เรียกได้ว่าเหมือนจะเห็นแสงสว่างของตลาดหุ้นในปีหน้าอยู่รำไร ตลาดเอเชียเองก็เริ่มทรงตัว ตลาดหุ้นไทยก็มีบวกติดๆ กันให้เห็นบ้างแล้ว 

การทำงานของรัฐบาลชุดใหม่เริ่มแสดงให้เห็น ด้วยการระดมทุนจากต่างประเทศ ที่หลายฝ่ายต่างคาดหวังว่าจะช่วยพัฒนาเศรษฐกิจได้ไม่มากก็น้อย

วันคริสต์มาสเพิ่งผ่านไปโดยมีวันปีใหม่รอรับอยู่ข้างหน้า สัปดาห์นี้คงเป็นสัปดาห์ที่มีแต่รอยยิ้มไม่น้อยเลย ให้การลงทุนในปีที่ผ่านมาเป็นประสบการณ์ เพื่อก้าวสู่การลงทุนระยะยาวที่ดีกว่าในปีถัดไป 

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – ยังทัน! หุ้นสหรัฐฯ ลุ้น New High ปี 2567

Jitta Wealth Journal – ชิป AI แข่งขันเดือด Intel ลงสังเวียนท้าสู้ Nvidia

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด