Jitta Wealth Journal ปีที่ 3 ฉบับที่ 158 ประจำวันที่ 5 ธันวาคม 2566
ดัชนี S&P 500 ปิดแตะจุดสูงสุดในรอบปี นักลงทุนเชื่อ Fed ลดดอกเบี้ยเร็วสุดมีนาคมปีหน้า Powell ชี้ยังเร็วเกินไป รัฐบาลจีนต้องกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่ม หลังอุปสงค์ยังคงไม่เพียงพอ สรุปผลการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงินธนาคารแห่งประเทศไทย เปิดแล้ว! ห้างใหม่ ค้าปลีกไทยกลับมาคึกคัก เวียดนามสั่งตรวจสอบธนาคารกลาง หวังเพิ่มการปล่อยสินเชื่อได้มากขึ้น
รับข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้การลงทุนดีๆ จากเราได้ที่ Line ID: @jittawealth
S&P 500 +0.77% DJIA +2.42% NASDAQ +0.38%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ บวกต่อเนื่อง นักลงทุนเฝ้ารอการประกาศตัวเลข Non-farm Payroll ในสัปดาห์หน้าหวังตัวเลขตํ่ากว่าคาดการณ์หนุน Fed ปรับลดดอกเบี้ย นักวิเคราะห์ต่างปรับคาดการณ์ Fed อาจลดดอกเบี้ยเร็วสุด มีนาคม 2567 จากเดิมที่มองไว้ภายใน พฤษภาคม 2567
CSI 300 -1.56% TOPIX -0.35% VNI +0.60% SET -1.23%
ตลาดหุ้นจีนยังผันผวนจากวิกฤตอสังหาริมทรัพย์และนโยบายกระตุ้นที่ไม่เพียงพอ ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับลด นักลงทุนเทขายหุ้นกลุ่มส่งออกหลังจากเงินเยนแข็งค่าขึ้น ตลาดหุ้นเวียดนามบวกเล็กน้อย ภาคการผลิตได้รับคำสั่งซื้อมากขึ้นเพื่อรองรับเทศกาลส่งท้ายปี ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง รับแรงเทขายหุ้นขนาดใหญ่ โดยเฉพาะกลุ่มโรงไฟฟ้า
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 3 ธันวาคม 2566
ประเด็นร้อนที่เกี่ยวกับการลงทุนของนักลงทุนไทยในปีนี้ คงหนีไม่พ้น กฎเกณฑ์การเรียกเก็บภาษีเงินได้จากต่างประเทศ เกณฑ์ใหม่ที่จะเริ่มใช้กันตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2567 เป็นต้นไปจะเป็นอย่างไร ควรเปลี่ยนแปลงวิธีการลงทุนหรือไม่ มาวางแผนลงทุนระยะยาว กับเกณฑ์ภาษีใหม่นี้ไปด้วยกัน
ดัชนีอ้างอิง S&P 500 ปิดที่ระดับสูงสุดของปีในวันศุกร์ที่ผ่านมา ท่ามกลางความคาดหวังของนักลงทุนว่าธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ได้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยจนถึงจุดสูงสุดแล้ว และอาจเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในปีหน้าเมื่ออัตราเงินเฟ้อค่อยๆ ปรับตัวลดลง
หุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มขึ้นในเดือนพฤศจิกายนหลังจากรายได้ที่ลดลงของบริษัทต่างๆ มากกว่าที่นักลงทุนคาดเป็นเวลา 3 เดือนติดต่อกันซึ่งเป็นตัวชี้วัดที่แสดงให้เห็นว่าอัตราเงินเฟ้อค่อยๆ ผ่อนคลายลง ทำให้นักลงทุนเพิ่มความคาดหวัง Fed จะมีการปรับลดดอกเบี้ยที่เร็วขึ้นในปีหน้า
และดัชนี S&P 500 ได้แรงหนุนอีกครั้งในวันศุกร์ ที่ผ่านมาเมื่อ Jerome Powell ประธาน Fed ยืนยันที่จะดำเนินการอย่างระมัดระวังเกี่ยวกับอัตราดอกเบี้ย โดยระบุว่าในขณะนี้ความเสี่ยงของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปนั้น อยู่ในระดับที่พอ ๆ กับความเสี่ยงในการไม่ควบคุมเงินเฟ้อ ทั้งนี้หาก Fed ปรับลดอัตราดอกเบี้ยก็จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ดังนี้
1.เพิ่มการกู้ยืมและการลงทุน เมื่ออัตราดอกเบี้ยลดลง ธุรกิจสามารถกู้ยืมเงินได้ในราคาถูกมากขึ้น กระตุ้นให้บริษัทต่างๆ สามารถลงทุนในอุปกรณ์ใหม่ ขยายการดำเนินงาน และจ้างพนักงานเพิ่มขึ้น
2.กระตุ้นการใช้จ่ายของผู้บริโภค อัตราดอกเบี้ยที่ลดลงยังทำให้ผู้บริโภคกู้ยืมเงินถูกลง เช่น สินเชื่อรถยนต์ หนี้บัตรเครดิต และการจำนองต่างๆ นำไปสู่การใช้จ่ายของผู้บริโภคที่เพิ่มขึ้น และกระตุ้นการเติบโตทางเศรษฐกิจต่อไป
Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ชี้ว่า ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่ Fed จะออกมาประกาศชัยชนะเหนือเงินเฟ้อ เรียกได้ว่าอาจะดับความหวังของตลาดในการปรับลดดอกเบี้ยในปีหน้า
“มันเร็วเกินไปที่จะสรุปความเชื่อมั่นว่าเราได้บรรลุจุดยืนในการใช้นโยบายที่มีความเข้มงวดเพียงพอ หรือคาดเดาว่าจะผ่อนนโยบายการเงินลง และเรายังเตรียมพร้อมที่จะใช้นโยบายที่เข้มงวดต่อไป หากเป็นสิ่งที่เหมาะสมที่จะทำ จนกว่าจะมั่นใจ” Powell กล่าว
นอกจากนี้ Powell ยังระบุว่า Fed จะไม่มีการกำหนดทิศทางนโยบายไว้ล่วงหน้า และการตัดสินใจในการประชุมแต่ละครั้งขึ้นอยู่กับข้อมูลจริงๆ ที่มี
อย่างไรก็ตาม นักลงทุนกลับมองสวนทางยังเชื่อมั่นว่า Fed จะปรับอัตราดอกเบี้ยอย่างเร็วที่สุดในเดือนมีนาคม 2567
FedWatch Tool ของ CME Group ชี้ว่า นักลงทุนคาดว่า Fed จะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมเดือนธันวา 2566 และมกราคม 2567 และน้ำหนัก 53.7% ที่ Fed จะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมเดือนมีนาคม 2567
เรียกว่าเป็นข่าวที่เราลุ้นความเคลื่อนไหวกันมาตลอด และยังคงต้องลุ้นต่อไปว่า Fed จะทำอย่างไรกันแน่
ข่าวการจากไปของนักลงทุนในตำนาน Charlie Munger สร้างความสั่นสะเทือนให้กับโลกลงทุนไม่ใช่น้อย ชายผู้อยู่เคียงข้าง Warren Buffett ตลอดมา แล้วรู้หรือไม่ว่า จริงๆ แล้วเขาคือผู้ยิ่งใหญ่ที่จูงมือพา Buffett มาถึงกลยุทธ์การลงทุนในตำนาน
สำนักงานสถิติแห่งชาติจีน (NBS) รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตหดตัวลงติดต่อกันเป็นเดือนที่ 2 ในเดือนพฤศจิกายน ซึ่งเป็นการส่งสัญญาณว่าเศรษฐกิจจีนยังไม่พ้นวิกฤตและอาจทำให้รัฐบาลจีนต้องใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ผู้ผลิตมากกว่า 60% รายงานว่ามีอุปสงค์ไม่เพียงพอ และอุปสงค์ทั้งในประเทศและภายนอกยังคงอ่อนแอ
เศรษฐกิจของจีนชะลอตัวตั้งแต่ช่วงมีนาคม แม้ว่ารัฐบาลจะออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ และแนวโน้มความต้องการที่น้อยลงกำลังส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ โดยมียอดค้าปลีกที่ชะลอตัวและความไม่สบายใจในกลุ่มนักลงทุนเกี่ยวกับเศรษฐกิจของจีนในอนาคต
ถึงแม้ว่ากิจกรรมภาคการก่อสร้างขยายตัวเนื่องจากโครงการก่อสร้างสาธารณะ แต่การฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างยั่งยืนจำเป็นต้องได้รับการปรับปรุงในภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนต่อไป
ทั้งนี้ดัชนี PMI ภาคการผลิตเดือนพฤศจิกายนของจีนปรับตัวลงสู่ระดับ 49.4 จากระดับ 49.5 ในเดือนตุลาคม ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์ในโพลสำรวจของสำนักข่าว Reuters คาดการณ์ว่าอาจอยู่ที่ 49.7 โดยดัชนีที่อยู่ต่ำกว่าระดับ 50 บ่งชี้ว่าภาคการผลิตยังอยู่ในภาวะหดตัว
แม้ว่านักวิเคราะห์ต่างมองตลาดจีนว่าจะสามารถกลับมาเติบโตได้ในปี 2567 แต่ตัวเลขเศรษฐกิจในบางภาคส่วนยังต้องติดตามกันต่อไปว่ารัฐบาลจะออกนโยบายอะไรมากระตุ้นอีกหรือไม่
ในสัปดาห์นี้เราจะพาคุณไปรู้จักกับคำที่คุ้นเคยอย่าง ‘ค่าธรรมเนียม’ มันคืออะไร เจอได้ที่ไหนบ้าง และมีผลกับการลงทุนมากแค่ไหน ทำไมถึงสำคัญจนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบ ไปหาคำตอบได้เลยที่นี่
เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official
🌍 Global ETF ท็อปฟอร์มอีกแล้ว YTD โดดเด่นถึง +14.31%
😘 รีวิวพอร์ตขาขึ้น แชร์พอร์ต แชร์มุมมอง
(อย่าลืมกดยอมรับเงื่อนไข เพื่อเข้าร่วมกลุ่ม 🤗)
ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่าคณะกรรมการมีมติเอกฉันท์คงอัตราดอกเบี้ยนโยบายอยู่ที่ 2.50% ต่อปี เป็นครั้งแรกที่คงอัตราดอกเบี้ยนับตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2565 และปรับคาดการณ์ GDP ปี 2566 อยู่ที่ 2.4% จาก 2.8% และในปี 2567 อยู่ที่ 3.2% จาก 4.4%
โดยคณะกรรมการนโยบายการเงินได้ทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยรวมแล้ว 2% (ตั้งแต่มิถุนายน 2565 จนถึง พฤศจิกายน 2566) ซึ่งยังถือว่าต่ำกว่าประเทศที่พัฒนาแล้ว และอีกหลายประเทศในแถบเอเชีย
อีกทั้งการส่งผ่านอัตราดอกเบี้ยของธนาคารพาณิชย์ก็ไม่ได้สูงมาก และอยู่ในเงื่อนไขที่กลับสู่ปกติ ซึ่งเป็นเหตุผลให้ คณะกรรมการนโยบายคงอัตราดอกเบี้ยในรอบนี้ และมองว่าอัตราดอกเบี้ยในระดับปัจจุบัน มีความเหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจที่จะมีเสถียรภาพในระยะยาว
เศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวร้อยละ 2.4 และ 3.2 ในปี 2566 และ 2567 ตามลำดับ หากรวมผลของโครงการกระเป๋าเงินดิจิทัล อัตราการขยายตัวในปี 2567 คาดว่าจะอยู่ที่ร้อยละ 3.8 ลดลงจาก 4.4% ที่ประเมินไว้ในการประชุมครั้งก่อน
ในภาพรวมเศรษฐกิจไทยยังอยู่ในทิศทางฟื้นตัว โดยได้รับแรงส่งจากการบริโภคภาคเอกชนที่ขยายตัวดีตามการใช้จ่ายในหมวดบริการ
ระบบการเงินโดยรวมมีเสถียรภาพ ธนาคารพาณิชย์มีระดับเงินกองทุนและเงินสำรองที่เข้มแข็ง แต่ต้องติดตามพัฒนาการของคุณภาพสินเชื่อที่อาจได้รับแรงกดดันจากความสามารถในการชำระหนี้ของผู้ประกอบการ SMEs และครัวเรือนบางส่วนที่ยังเปราะบางจากภาระหนี้ที่สูงขึ้นและรายได้ที่ยังฟื้นตัวช้าโดยจะต้องมีมาตรการช่วยเหลืออย่างต่อเนื่อง
วันที่ 1 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา The Mall Group ได้เปิดห้างใหม่ Emsphere น้องคนสุดท้องตระกูล Em ให้ผู้คนได้เข้ามาใช้บริการเป็นวันแรก
โดย Emsphere นั้น ตั้งอยู่ใจกลางเมืองกรุงเทพมหานคร บนถนนสุขุมวิท ใกล้รถไฟฟ้า BTS สถานีพร้อมพงษ์ มีพื้นที่กว่า 200,000 ตารางเมตร ทั้งร้านค้า ร้านอาหาร มุมถ่ายรูป ทำกิจกรรมต่างๆ มากมาย คาดจะเป็นแลนด์มาร์คใหม่ของประเทศไทยอย่างแน่นอน
การเปิดตัวศูนย์การค้าแห่งใหม่นี้ เป็นการสร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ให้วงการค้าปลีกของไทย มีเป้าหมายที่จะทำให้ถนนสุขุมวิทเป็นย่านการค้า การท่องเที่ยว ที่สำคัญ อีกทั้งเพื่อเตรียมความพร้อมสู่การเป็น Global Destination ในอนาคต
มารอดูไปพร้อมกันว่าศูนย์การค้าใหม่ใจกลางกรุงแห่งนี้ จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจและการท่องเที่ยวไทยได้มากน้อยแค่ไหน แต่ที่แน่ๆ มีธุรกิจใหม่ๆ เตรียมให้คุณได้อุดหนุนอีกมากมายแน่นอน
คุณ Than Money Trick วางแผนปูอนาคตการเงินให้น้องพิ้งค์ลูกสาวคนแรกวัย 5 เดือน เพื่อสร้างความมั่งคั่งในอนาคตของลูกน้อยด้วย Global ETF แผนเติบโต เพราะอะไรคุณธัญถึงเลือก Global ETF ไปหาคำตอบได้ที่นี่
รัฐบาลเตรียมตรวจสอบธนาคารกลางเวียดนาม (SVB) หลังจากที่ได้ร้องเรียกว่าการปล่อยสินเชื่อเติบโตช้าเกินไป โดยรองนายกรัฐมนตรี Le Minh Khai ได้ขอให้เริ่มปฏิบัติการตรวจสอบในแถลงการจากกระทรวงอุตสาหกรรมและการค้าในวันที่ 2 ธันวาคม 2566 ที่ผ่านมา
การเติบโตของเศรษฐกิจเวียดนามส่วนใหญ่ขึ้นอยู่กับการเติบโตของสินเชื่อที่ได้รับจากการจัดการของธนาคารกลาง ซึ่งกำหนดเป้าหมายเป็นรายปีให้กับธนาคาร เพื่อควบคุมการให้สินเชื่อและการเจริญเติบโต
ปีนี้ ธนาคารกลางเวียดนาม ตั้งเป้าการเติบโตของการปล่อยสินเชื่อที่ 14% แต่การปล่อยสินเชื่อเพิ่มขึ้นเพียง 8.21% จากปลายปีที่แล้ว และการเติบโตของสินเชื่อในกลุ่มธนาคารไม่เท่ากัน โดย Le Minh Khai ประกาศว่าการเติบโตของสินเชื่อต่ำเกินไป และสั่งให้ธนาคารกลางเวียดนาม ตรวจทานการให้สินเชื่อของธนาคารพาณิชย์แต่ละที่
ซึ่งทางธนาคารกลางเวียดนามได้ออกมาให้เหตุผลของการเติบโตด้านการปล่อยสินเชื่อที่ต่ำว่า เศรษฐกิจยังคงเผชิญกับปัญหาในการฟื้นตัวช้า และความต้องการสินเชื่อยังต่ำมากอีกทั้งเจ้าหน้าที่ธนาคารกลางเองก็ยังเผชิญกับข้อกล่าวหาทางการเงินที่ซับซ้อน ซึ่งอาจเป็นอีกปัจจัยที่ทำให้การเติบโตของการปล่อยสินเชื่อมีอัตราที่ต่ำลง
ทั้งนี้ รัฐบาลเวียดนามจะทำการสอบสวนการจัดการการเจริญเติบโตของการปล่อยสินเชื่อของธนาคารกลางหลังจากที่รัฐบาลได้ร้องเรียนถึงปัญหานี้ เพื่อให้การปล่อยสินเชื่อมีอัตราเพิ่มขึ้นอย่างมีประสิทธิภาพและช่วยผลักดันเศรษฐกิจในประเทศต่อไป
คุณวรรณา เจริญวัฒนะ เจ้าของกิจการก่อสร้าง กับพอร์ตลงทุน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ที่สร้างผลตอบแทนชนะตลาด แตะ +32.49% เมื่อเทียบกับ S&P 500 Index เส้นทางการลงทุนของคุณวรรณาเป็นอย่างไร มาหาคำตอบไปด้วยกัน
เป็นอีกสัปดาห์ที่ตลาดแม่อย่างสหรัฐฯ ทำผลงานได้ดี เรียกได้ว่าดีอย่างต่อเนื่องเลยทีเดียว สะท้อนให้เห็นว่าสถานการณ์ต่างๆ ในปีหน้าอาจสดใสกว่าที่คิด
แม้ความเชื่อจะไม่อาจเปลี่ยนแปลงความจริง ตลาดหุ้นในหลายๆ ประเทศยังต้องเค้นแรงกายแรงใจผลักดันนโยบายต่างๆ เพื่อพัฒนาเศรษฐกิจ แต่อย่างน้อยก็พอจะเห็นแสดงสว่างของท้องฟ้าที่ลอดผ่านเมฆฝนสีดำมาบ้างแล้ว
ในตลาดหุ้นที่ราคาไม่ได้ขึ้นอยู่กับคุณภาพทั้งหมด แต่ยังมีอารมณ์และความเชื่อของนักลงทุนเข้ามาเกี่ยวข้องด้วยในระยะสั้น ดังนั้นสิ่งที่ควรทำให้มากกว่าก็คือการถือครองสติให้มั่นคง วิเคราะห์ถึงคุณภาพและปัจจัยในระยะยาว เป็นไปได้ว่าความเชื่อ อาจเป็นความจริงเข้าในสักวัน
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
Jitta Wealth Journal – ช้อนก่อนได้เปรียบ Goldman Sachs คาดปีหน้าหุ้นพุ่งแรง!
Jitta Wealth Journal – สหรัฐฯ กลับมารุ่ง Black Friday ขายพุ่งเป็นประวัติการณ์