Jitta Wealth Journal ปีที่ 3 ฉบับที่ 156 ประจำวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566
Goldman Sachs คาดตลาดหุ้นในปีหน้าจะเติบโตเกินความคาดหมาย อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯ ปรับลดลงมากกว่าที่ตลาดคาดการณ์ที่ 3.2% Xi Jinping พบ Joe Biden หารือความสัมพันธ์ จีน-สหรัฐฯ เศรษฐาปิดดีลสำเร็จ จับมือ Microsoft ยกระดับดิจิทัล-AI Fitch Ratings ปรับคาดการณ์การเติบโตเวียดนาม
รับข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้การลงทุนดีๆ จากเราได้ที่ Line ID: @jittawealth
S&P 500 +2.24% DJIA +1.94% NASDAQ +2.37%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับบวกต่อเนื่อง ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ออกมาตํ่ากว่าคาดที่ 3.2% ส่งผลบวกต่อตลาดหุ้นและทำให้นักลงทุนคาดหวังว่า Fed จะปรับลดดอกเบี้ยเร็วสุดในช่วงกลางปีหน้า
CSI 300 -0.51% TOPIX +2.33% VNI -0.04% SET +1.89%
ตลาดหุ้นจีนผันผวนเล็กน้อยท่ามกลางแรงกระตุ้นจากรัฐบาล ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับบวก มีนักท่องเที่ยวต่างชาติเข้ามาราว 2,516,500 คนในเดือนตุลาคม มากที่สุดนับตั้งแต่เกิดวิกฤต Covid-19 ในปี 2562 ตลาดหุ้นเวียดนามปรับลงเล็กน้อย แต่ตัวเลขเศรษฐกิจมีสัญญาณฟื้นตัวดีขึ้น ตลาดหุ้นไทยปรับบวก นักลงทุนผ่อนคลายกับทิศทางอัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 19 พฤศจิกายน 2566
Jitta Money นโยบายใหม่ล่าสุดของ Jitta Wealth ที่จะช่วยคุณบริหารกองทุน Money Market ที่เป็นตราสารหนี้ ประเภทพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ ระยะสั้น การลงทุนความเสี่ยงต่ำ อยากกระจายความเสี่ยงเพิ่มความแข็งแกร่งให้กับพอร์ต หรือมองหาที่พักเงินรอโอกาสในการลงทุน เริ่มต้นเพียง 10,000 บาท
Goldman Sachs คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกจะเติบโต 2.6% ในปี 2567 ซึ่งสูงกว่าการคาดการณ์ที่นักวิเคราะห์ของ Bloomberg เห็นตรงกันที่ 2.1% โดยคาดว่าสหรัฐฯ จะสามารถแซงหน้าตลาดที่พัฒนาแล้วและจะมีอัตราการเติบโตที่ 2.1%
และยังกล่าวถึงการใช้นโยบายทางการเงินและการคลังที่ตึงตัวใกล้ถึงจุดสิ้นสุดจากอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงในกลุ่ม G10 และประเทศตลาดเกิดใหม่ ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ไม่น่าจะปรับลดอัตราดอกเบี้ยก่อนช่วงครึ่งหลังของปี 2567 เว้นแต่การเติบโตทางเศรษฐกิจจะต่ำกว่าประมาณการ เป็นปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของตลาดโลก
นักเศรษฐศาสตร์ของ Goldman Sachs แสดงความเชื่อมั่นว่าสภาวะตลาดในตอนนี้เอื้ออำนวยต่อการเติบโตของรายได้ที่แท้จริง ท่ามกลางอัตราเงินเฟ้อที่ลดลงและตลาดแรงงานที่แข็งแกร่ง และเชื่อว่าผลกระทบของการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยและนโยบายการคลังต่อเศรษฐกิจนั้นใกล้ถึงจุดเปลี่ยนในปีหน้านี้ และรายได้ในโซนยุโรป และสหราชอาณาจักร จะเติบโตมากขึ้นภายในสิ้นปี 2567
โดยรวมแล้ว Goldman Sachs มองว่าความเสี่ยงที่ตลาดโลกจะเข้าสู่สภาวะถดถอยนั้นน้อยลง โดยให้โอกาสการเกิด Recession ในสหรัฐฯ เพียง 15% สำหรับปีหน้า
รีวิวพอร์ต Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ จากคุณวรรณา เจริญวัฒนะ ที่เลือก Jitta Wealth เป็นเพื่อนร่วมเดินทางมาตั้งแต่ปลายปี 2562 จนถึงปัจจุบัน ผ่านร้อนผ่านหนาวจนพอร์ตทำผลตอบแทนรวมไปกว่า +39.59%
ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้น 3.2% เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งปรับลดลงและน้อยกว่าการคาดการณ์ของตลาด 0.1% โดยตลาดคาดการณ์ CPI รวมอยู่ที่ 3.3% ซึ่งตัวเลข CPI ถือเป็นระดับต่ำสุดในรอบ 2 ปี แต่ยังสูงกว่าเป้าหมาย 2%
ค่า CPI ที่คงที่นั้นมาจากราคาพลังงานที่ลดลง 2.5% ซึ่งชดเชยดัชนีอาหารที่เพิ่มขึ้น 0.3% ค่าใช้จ่ายด้านที่พักพิงซึ่งเป็นองค์ประกอบสำคัญ เพิ่มขึ้น 0.3% ขณะที่ค่ายานพาหนะและราคาตั๋วเครื่องบินลดลง
ต้นทุนแรงงานเพิ่มขึ้นแต่ในอัตราที่ชะลอตัวลง และรายได้เฉลี่ยต่อชั่วโมงที่แท้จริงที่ปรับตามอัตราเงินเฟ้อก็เพิ่มขึ้นเพียงเล็กน้อย ในขณะที่ผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ในไตรมาสที่ 3 เพิ่มขึ้นที่อัตรา 4.9% ต่อปี แต่คาดว่าจะชะลอตัวลงจากที่ได้รับผลกระทบของอัตราดอกเบี้ยระดับสูง
อย่างไรก็ตาม ยังคงต้องเฝ้าติดตามถึงสัญญาณของ Fed ที่แสดงความไม่แน่นอนเกี่ยวกับการบรรลุเป้าหมายเงินเฟ้อ 2% และเน้นย้ำถึงความจำเป็นที่อาจจะต้องปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น แม้ว่าตลาดโดยรวมจะตอบรับในเชิงบวก แต่ก็ยังมีความไม่แน่นอนว่า Fed จะคงดอกเบี้ยในระดับสูงไปอีกนานแค่ไหน
ไม่ว่าคุณจะเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องการลงทุนขนาดไหน หรือเป็นมือใหม่ด้านการลงทุน ก็สามารถมีผลตอบแทนที่ชนะตลาดได้จากการลงทุนกับ Jitta Wealth
การประชุมดังกล่าวถือเป็นการสิ้นสุดการระงับความสัมพันธ์ 15 เดือนที่เริ่มโดยจีนหลังจากที่อดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรของสหรัฐฯ Nancy Pelosi เยือนไต้หวัน
ครั้งนี้ Biden เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสื่อสารที่ชัดเจนระหว่างผู้นำทั้งสองประเทศ โดยต้องการให้ผู้นำทั้งสองนั้นสามารถโทรหากันได้โดยตรง ซึ่ง Biden และ Xi รู้จักกันมาเป็นการส่วนตัวถึง 12 ปี แต่ความสัมพันธ์ทวิภาคีระหว่างสองประเทศนั้นยังไม่มีความคืบหน้าแต่อย่างใด
Biden เน้นย้ำถึงความจำเป็นในการป้องกันไม่ให้การแข่งขันของทั้งสองประเทศลุกลามจนกลายเป็นความขัดแย้งกัน ขณะที่ Xi กล่าวว่าจีนและสหรัฐฯ มีความสัมพันธ์ทวิภาคีที่สำคัญที่สุดของโลก ผู้นำทั้งสองเห็นพ้องที่จะจัดตั้งการเจรจาระหว่างรัฐบาลเกี่ยวกับปัญญาประดิษฐ์ คณะทำงานเพื่อความร่วมมือต่อต้านยาเสพติด และกลับมาดำเนินการสื่อสารทางทหารระดับสูงอีกครั้ง รวมถึงจะเพิ่มเที่ยวบินระหว่างสหรัฐฯ และจีนในช่วงต้นปีหน้า
การหารือสะท้อนให้เห็นถึงความท้าทายในการกระชับความสัมพันธ์ท่ามกลางความกังวล และการกีดกันด้านเทคโนโลยี อย่างไรก็ตามการเจรจาในครั้งนี้ย่อมหมายถึงสถานการณ์ที่ดีขึ้นในอนาคตของทั้งสองประเทศ การเพิ่มเที่ยวบินเองก็จะช่วยยกระดับการค้าและการลงทุนให้ดีขึ้นเช่นกัน
เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาเราได้พูดถึง การทำความเข้าใจนิสัยในการใช้จ่ายของคุณและสัดส่วนการใช้จ่ายแบบไหนที่เหมาะสมกับไลฟ์สไตล์ไปแล้ว ในก้าวที่ 9 นี่เราขอนำเสนอ วิธีการเก็บเงินอย่างไรให้ มีกิน มีใช้ มีลงทุน เก็บอย่างไรให้มีความสุข และมูลค่าของเงินไม่สูญหายไปตามกาลเวลา ที่สำคัญมีเงินไปลงทุนได้อย่างเหมาะสมด้วย
การลงนามมุ่งเน้นพัฒนาทักษะในการสื่อสารภาษาที่สอง เข้าใจเทคโนโลยีพื้นฐาน และส่งเสริมนวัตกรรมในอุตสาหกรรมและภาคส่วนต่างๆ อีกทั้งยังมีการจัดทำ Roadmap เพื่อนำเทคโนโลยี AI มาใช้งานจริง และส่งเสริมนวัตกรรม
และมีเป้าหมายทางด้านสิ่งแวดล้อม เช่น การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) และนำพลังงานหมุนเวียนมาใช้เต็ม 100% ในโครงการและแผนการลงทุนในอนาคตอีกด้วย
การร่วมมือนี้จะสร้างเสริมความแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจและศักยภาพเชิงดิจิทัลของประเทศไทย ซึ่งรัฐบาลได้วางเป้าหมายในการนำ AI มาขับเคลื่อนให้เกิดประโยชน์กับทุกภาคส่วน มูลค่ากว่า 48,000 ล้านบาท และคาดว่าจะแล้วเสร็จทุกอย่างภายในปี 2570
เงินเยนอ่อนหนัก เป็นโอกาสที่น่าช้อนหุ้นญี่ปุ่นหรือไม่ ปู่ Warren Buffett มองเห็นอะไร ถึงเข้าลงทุนหุ้นญี่ปุ่นตั้งแต่ต้นปี มาฟังมุมมองการลงทุนของคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth ได้ในรายการ TNN รู้ทันลงทุน
เนื่องจากได้รับการสนับสนุนจากนโยบายลดอัตราดอกเบี้ยต่างๆ เช่นดอกเบี้ยการ Refinance ลงมาที่ระดับ 4.5% และ Discount rate (อัตราดอกเบี้ยการกู้ยืมสำหรับธนาคารกลางและธนาคารพาณิชย์) ลงมาอยู่ที่ 3% และดอกเบี้ยการกู้ยืมระหว่างธนาคารลงมาอยู่ที่ระดับ 5% กระตุ้นให้ภาคธนาคารมีการกู้ยืมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจมากขึ้น
อีกทั้งปัจจัยพื้นฐานระยะกลางของเวียดนามยังคงอยู่ในเกณฑ์ดี เศรษฐกิจขยายตัวอย่างต่อเนื่องและโอกาสทางธุรกิจเชิงบวกสำหรับภาคการธนาคารจากนโยบายการเงินที่ผ่อนคลาย ถึงแม้ว่าการเติบโตของประเทศชะลอตัว 4.3% ในช่วง 9 เดือนแรกจากผลกระทบอุปสงค์ภายนอกที่อ่อนแอและปัญหาที่ยืดเยื้อในภาคอสังหาริมทรัพย์
ไม่เพียงเท่านั้น ธนาคารอื่นๆ อย่างเช่น Standard Chartered ยังคงคาดการณ์การเติบโตของ GDP ในปี 2567 ไว้ที่ 6.7% ส่วน IMF คาดการณ์ไว้ที่ 5.8% ในปี 2567 และ 6.9% ในปี 2568 ซึ่งทั้งหมดนี้จะเห็นได้ว่ามุมมองของนักวิเคราะห์และธนาคาร ต่างมองถึงโอกาสที่เวียดนามยังสามารถเติบโตได้อยู่และยังสามารถปรับนโยบายทางการเงินเพิ่มเติมเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้อีกด้วย
ตลาดสหรัฐฯ ยังคงเป็นสีเขียวสดใส สะท้อนตลาดโลกปรับตัวดีขึ้นเช่นกัน หลายๆ ประเทศเริ่มมีตัวเลขเศรษฐกิจที่ดีทยอยแสดงออกมาตอบแทนความยากลำบากของการใช้นโยบาย ทั้งกระตุ้น และผลักดัน รวมถึงป้องกันเหตุต่างๆ ให้เศรษฐกิจเดินหน้าต่อไปได้อย่างที่ควรจะเป็น
หุ้นหลายตัวที่ราคาตกลงไปบ้างเริ่มแสดงความแข็งแกร่งของธุรกิจให้เห็น และราคาก็กำลังกลับมาสู่จุดที่ควรจะเป็น อีกหลายๆ บริษัทอาจต้องใช้เวลาอยู่บ้าง แต่ก็กำลังดำเนินไปในทิศทางที่ถูกต้อง
แม้ว่าในวงจรของกลไกตลาด จะมีเหตุการณ์เข้ามาทำให้สะดุด กระตุกให้ตกใจ แต่หากเราตั้งสติและวิเคราะห์ให้ดีๆ มันก็ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด
บนเส้นทางของการลงทุนระยะยาว นอกจากความรู้ความเข้าใจแล้ว สติก็กลายเป็นสิ่งที่จำเป็นไม่แพ้กัน ยึดหลักการลงทุนที่ดีไว้ให้มั่น แล้วเดินหน้าไปสู่จุดหมายอย่างมีสติ
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
Jitta Wealth Journal – 3 สัญญาณบอกหุ้นจีนกำลังมา
Jitta Wealth Journal – ญี่ปุ่นพร้อมทวงบัลลังก์ผลิตชิป ตอบรับโลกเทคฯ