Jitta Wealth Journal ปีที่ 3 ฉบับที่ 127 ประจำวันที่ 3 พฤษภาคม 2566
ญี่ปุ่นนักท่องเที่ยวล้นประเทศ เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว ค่าเงินเยนอ่อนค่าต่อเนื่องแต่หุ้นปรับตัวเพิ่มจากการชูนโยบาย Ultra-Easy ฝั่งแบงก์สหรัฐฯ JPMorgan ชนะประมูลซื้อกิจการ First Republic ช่วยหยุดวิกฤตภาคธนาคาร เงินหยวนจีนขึ้นแท่นเงินสำรองอันดับ 3 ของโลก เวียดนามมองหาโอกาสโต ส่องผู้นำเข้าก๊าซธรรมชาติ LNG
รับข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้การลงทุนดีๆ จากเราได้ที่ Line ID: @jittawealth
S&P 500 +0.87% DJIA +0.86% NASDAQ +1.28%
หุ้นสหรัฐฯ ประกาศงบการเงินผลออกมาดีเกินคาด ตลาดหุ้นสหรัฐฯ กลับมาสดใสดึงดูดให้นักลงทุนกลับเข้าไปลงทุนในตลาดมากขึ้น ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวเพิ่มสวนทางกับตัวเลข GDP ที่ตํ่ากว่าที่ตลาดคาด แต่ในส่วนนี้อาจจะเป็นข้อดีที่ทำให้ FED ตัดสินใจชะลอการขึ้นดอกเบี้ย
CSI 300 -0.09% TOPIX +1.10% VNI +0.60% SET -1.88%
ตัวเลขเศรษฐกิจจีนยังน่าจับตามอง ตลาดหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นจากหุ้นหลายบริษัทมีงบการเงินที่ดีเกินคาด ตลาดหุ้นเวียดนามได้รับแรงหนุนจากต่างชาติที่เข้าซื้ออย่างต่อเนื่อง DELTA กดดันตลาดหุ้นไทยราคาลดลงตามมูลค่าที่แท้จริง ส่งผลให้ตลาดหุ้นไทยปิดตัวที่ 1,529 จุด
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 30 เมษายน 2566
หลายคนเมื่อถึงอายุประมาณนึงจะมีมุมมองว่า
มันสายเกินไปแล้วที่จะ ‘ลงทุนระยะยาว’ เป็นแบบนั้นจริงหรือ?
เจาะเหตุผลสำคัญที่ทำให้การลงทุนระยะยาวเหมาะกับมนุษย์ทุกวัย
นักท่องเที่ยวล้มตลาดญี่ปุ่น ยังไม่รวมจีนที่กำลังจะเข้าญี่ปุ่นในไม่ช้า การเดินทางในประเทศญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นเป็น 70% ของระดับก่อนเกิด Covid-19 ทำให้แนวโน้มเศรษฐกิจญี่ปุ่นเป็นไปในทิศทางบวก และแสดงให้เห็นว่าผู้คนไม่กลัว Covid-19 อีกต่อไป
รัฐบาลญี่ปุ่นไม่รอช้าที่จะมองหาการใช้ประโยชน์จากแนวโน้มนี้เพิ่มเติมโดยการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยวและขยายธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว
รัฐบาลหวังว่าการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจะช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจและช่วยให้ประเทศฟื้นตัวจากผลกระทบของ Covid-19 การกระตุ้นการท่องเที่ยวจะนำไปสู่การใช้จ่ายที่สูงขึ้นในภาคส่วนต่างๆ ซึ่งจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจญี่ปุ่นอย่างชัดเจน
ญี่ปุ่นในตอนนี้เป็นประเทศที่นักลงทุนทั่วโลกให้ความสนใจ ต้องขอบคุณทั้งปู่ Warren Buffett ที่เข้ามาลงทุนเพิ่ม รวมไปถึงกระแสการเปิดประเทศที่ทำให้นักท่องเที่ยวหลั่งไหลเข้าไม่หยุดหย่อน ญี่ปุ่นกำลังฟื้นตัวและมีหุ้นน่าสนใจอยู่อีกเยอะมาก เป็นโอกาสที่ดีที่จะเข้าลงทุน
เงินเยนอ่อนค่าและหุ้นญี่ปุ่นปรับตัวขึ้นหลังจากที่ ธนาคารแห่งประเทศญี่ปุ่น (BOJ) ประกาศว่าจะคงนโยบายการเงินแบบผ่อนปรนเป็นพิเศษ (Ultra-easy monetary policy) เพื่อช่วยให้เศรษฐกิจเติบโตโดยทำให้การกู้ยืมเงินมีราคาถูกลง และกระตุ้นให้ผู้คนและธุรกิจใช้จ่ายและลงทุนมากขึ้น
Haruhiko Kuroda ผู้ว่าการ BOJ ให้ความมั่นใจกับตลาดว่า ‘ธนาคารกลางจะยังคงสนับสนุนเศรษฐกิจผ่านนโยบายการเงินปัจจุบัน เพื่อรักษาสภาพคล่องและอัตราดอกเบี้ยในระดับต่ำให้เศรษฐกิจญี่ปุ่นฟื้นตัวจากผลกระทบของการระบาดใหญ่ของ Covid-19’
ตลาดหุ้นญี่ปุ่นตอบรับในทิศทางบวกเนื่องจากเป็นการสนับสนุนการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่นอย่างต่อเนื่อง และจะทำให้ธุรกิจญี่ปุ่นต่างๆ ได้กลับมาฟื้นตัวอีกครั้งได้อย่างชัดเจน
สำหรับค่าเงินเยนที่อ่อนลงนั้น ทีมงานเคยได้เขียนบทความเกี่ยวกับ ‘ค่าเงิน’ ปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อการลงทุนต่างประเทศ เอาไว้แล้ว โดยสรุปได้ว่าค่าเงินที่อ่อนของญี่ปุ่นจะส่งผลดีที่ทำให้นักลงทุนแลกเงินไปลงทุนหุ้นญี่ปุ่นได้มากขึ้นนั่นเอง
เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official
📈 เงินเดือนออกทำไมถึงยัง DCA ต่อ อ่านแนวคิดดีๆ ได้ที่นี่
🌍 อยากหาเพื่อนที่ลงทุน Global ETF มีบ้างไหมไปดูกัน
🥊 ศึก DIY vs. Optimize ตอนที่ 6 มาแล้วโดย Fun Manager
(ตอบคำถามให้ครบ 3 ข้อ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มนะ 🤗)
JPMorgan กลายเป็นผู้ชนะการประมูลเพื่อเข้าซื้อ First Republic Bank (FRB) เมื่อช่วงสุดสัปดาห์ที่ผ่านมา ภายใต้ปัญหาวิกฤตภาคธนาคาร ที่อาจจะต้องแลกมาด้วยการขยายกิจการของกลุ่มธนาคารที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ
ถ้าเป็นสถานการณ์ปกติ จะมีข้อจำกัดในด้านกฎระเบียบของธนาคารขนาดใหญ่ และสัดส่วนการถือครองเงินฝากทั้งหมดในสหรัฐฯ แต่จากวิกฤตธนาคารที่เกิดขึ้น ทำให้ JPMorgan สามารถถือครองสัดส่วนเงินฝากที่มากขึ้น และเข้าถึงฐานลูกค้าเดิมของ FRB ซึ่งเป็นกลุ่มลูกค้าที่ร่ำรวยได้
แต่ก็มีนักวิเคราะห์และผู้บริหารในภาคธนาคารสหรัฐฯ บางกลุ่มเกิดความกังวลว่า ธนาคารขนาดเล็กจะดำเนินธุรกิจได้ยากขึ้นในอนาคต ซึ่งคงต้องติดตามกันต่อไปว่าวิกฤตธนาคารสหรัฐฯ ในครั้งนี้จะจบลงอย่างไร
หากคุณลงทุน ณ จุดยอดดอยของดัชนี NASDAQ ปี 2000
เงินของคุณจะกลายเป็นเท่าไรเมื่อถึงสิ้นปี 2022
ร่วมย้อนเวลาพิสูจน์ ‘การลงทุนระยะยาว’ ว่ายังใช้ได้ดีจริงหรือไม่
เงินหยวนจีนกำลังได้รับความนิยมในหมู่ธนาคารกลางทั่วโลก เนื่องด้วยการกระจายทุนสำรองเงินตราต่างประเทศสะท้อนให้เห็นถึงอุปสงค์ที่เพิ่มขึ้นของเงินหยวนในระบบการเงินโลก ประเทศต่างๆ ให้ความสนใจจะถือครองเงินหยวนเพื่อวัตถุประสงค์ทางการค้าและการลงทุนมากขึ้น
จากข้อมูลล่าสุดของกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ได้เผยว่า ‘ส่วนแบ่งของเงินหยวนในทุนสำรองของธนาคารกลางทั่วโลกพุ่งขึ้นสู่จุดสูงสุด และเป็นสกุลเงินสำรองที่ได้รับความนิยมมากเป็นอันดับ 3 ของโลกรองจาก ดอลลาร์สหรัฐ และ ยูโร’
การเพิ่มขึ้นของเงินหยวนในฐานะสกุลเงินสำรองเป็นพัฒนาการเชิงบวกสำหรับจีน เพราะอาจทำให้จีนลดค่าใช้จ่ายในการกู้ยืมของรัฐบาลและบริษัทต่างๆ และเสริมความแข็งแกร่งให้กับฐานะการเงินโลกของจีน ที่สำคัญเลยคือทำให้จีนมีบทบาทที่โดดเด่นขึ้นในเศรษฐกิจโลก
แนวโน้มของเงินหยวนนอกจากจะส่งผลกระทบไปถึงจีนในด้านดีแล้ว เป็นไปได้ว่าจะส่งผลกระทบไปทางฝั่งคู่แข่งอย่างสหรัฐฯ เช่นกัน หากเงินดอลลาร์สหรัฐยังแข็งค่าขึ้นไม่หยุดหย่อน ต่อไปสัดส่วนการใช้เงินหยวนเป็นเงินทุนสำรองในอนาคตอาจจะเพิ่มมากขึ้นกว่านี้ก็เป็นได้
หน่วยงานกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีนได้ตัดสินใจเพิกถอนบริษัท 2 แห่ง ออกจากตลาดหุ้น STAR (Science and Technology Innovation Board) ที่เป็นตลาดที่รวบรวมหุ้นเทคโนโลยีของตลาดหุ้นเซี่ยงไฮ้เอาไว้ เพื่อเป็นเหมือนการทำความสะอาดตลาดและให้นักลงทุนมั่นใจ
บริษัทที่จะถูกเพิกถอนประกอบไปด้วย Zhejiang HangKe Technology และ Beijing Worldia Diamond Tools ที่ถูกพบว่าปลอมแปลงงบการเงินของบริษัทให้สูงเกินจริงในส่วนของกำไร
คณะกรรมการกำกับดูแลหลักทรัพย์ของจีน ได้ปราบปรามบริษัทที่มีส่วนร่วมในการฉ้อโกงทางการเงินเพื่อปกป้องนักลงทุนและรักษาความสมบูรณ์ของตลาด
การเพิกถอนบริษัททั้งสองนี้เป็นการส่งสัญญาณที่ชัดเจนว่า รัฐบาลจริงจังกับการปราบปรามการฉ้อโกงและรับประกันความโปร่งใสในตลาด แน่นอนว่าในอนาคตอาจจะมีบริษัทที่ถูกถอดถอนออกจากตลาดหุ้นจีนมากขึ้นอีก
ความพยายามของรัฐบาลในการปรับปรุงความโปร่งใสของตลาดและการปราบปรามการฉ้อโกงคาดว่าจะสร้างสภาพแวดล้อมการลงทุนที่ดียิ่งขึ้น แต่ก็อาจนำไปสู่ความผันผวนในระยะสั้นด้วยเช่นกัน ต้องชื่นชมทางการจีนที่จัดการปัญหานี้ได้อย่างรวดเร็วและทำให้ภาพลักษณ์ตลาดดีขึ้น
Wallpaper ที่คัดสรรเหตุการณ์สำคัญทั้งหมดที่เกิดขึ้นใน 23 ปี
ผสมกับการเล่าเรื่องผ่านเส้นเรียบๆ 3 เส้น
ที่จะกลายเป็น ‘เครื่องเตือนใจ’ เวลาที่คุณพบเจอกับวิกฤต
ไปดาวน์โหลด Wallpaper แบบ Full HD มาใช้งานกันได้ที่นี่
28 เมษายน 2566 ที่ผ่านมา บริษัท PetroVietnam Gas ซึ่งถือหุ้นส่วนใหญ่โดยรัฐบาลเวียดนาม ได้ออกประกวดราคาซื้อก๊าซธรรมชาติเหลว (LNG) โดยการนำเข้าทางเรือครั้งแรก นับเป็นก้าวสำคัญสำหรับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่จะมีโอกาสเป็นคู่ค้าหลักของเวียดนาม
ที่เวียดนามโรงไฟฟ้าส่วนใหญ่ยังผลิตไฟฟ้าจากถ่านหิน ซึ่งแผนพลังงานใหม่มีเป้าหมายเพิ่มกำลังการผลิตไฟฟ้าที่ใช้ Liquefied Natural Gas (LNG) ที่ติดตั้งแล้วให้สูงถึง 24.5 กิกะวัตต์ภายในปี 2573
โดย LNG จำนวน 50,000 ถึง 70,000 ตัน มีกำหนดส่งมอบยังท่าเรือปลายทางระหว่างวันที่ 1 มิถุนายน – 31 กรกฎาคม ซึ่งการประกวดราคาจะปิดในวันที่ 11 พฤษภาคม 2566 PetroVietnam Gas คาดว่าจะจัดหา LNG จำนวน 680,000-850,000 ตันในแต่ละปี ในช่วงปี 2566 ถึง 2570
การเปิดโอกาสนำเข้า LNG ในครั้งนี้จะส่งผลดีต่อเวียดนามในหลายภาคส่วน จะเห็นได้ว่าเวียดนามเป็นประเทศที่มองหาโอกาสโตอยู่เสมอ นี่คือสาเหตุที่ทำให้นักลงทุนทั่วโลกสนใจ
มันยากที่จะเชื่อว่า ‘ญี่ปุ่น’ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยถูกมองว่า ‘หมดโอกาสเติบโตในอนาคต’ กลับสามารถฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็วทั้งในด้านการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจ กลายเป็นหนึ่งในประเทศมาแรงที่สุดในปีนี้
นักลงทุนหลายคนมักจะกังวลเมื่อได้ยินคำว่า ‘วิกฤตเศรษฐกิจ’ แต่เกือบทุกประเทศก็เคยประสบกับวิกฤตดังกล่าวก็ยังฟื้นตัวได้ และมีการเติบโตที่น่าประทับใจด้วย
แม้ว่าตลาดหุ้นในประเทศต่างๆ อาจมีรายละเอียดที่แตกต่างกัน แต่ด้วย ‘หลักการลงทุนที่ถูกต้อง’ และ ‘มุมมองระยะยาว’ สามารถนำไปสู่ความสำเร็จได้อย่างไม่ต้องสงสัย
ไม่ว่าคุณจะพบความท้าทายหรือโอกาสใดในเส้นทางการลงทุน Jitta Wealth พร้อมอยู่เคียงข้างและสนับสนุนคุณในทุกย่างก้าวเสมอ
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
Jitta Wealth Journal – จีนมาแรง GDP ไตรมาสแรกโตเกินคาด!
Jitta Wealth Journal – หุ้นญี่ปุ่นมาแรง Buffet ยังต้องซื้อเพิ่ม