Jitta Wealth Journal - 6 ธุรกิจพลิกเกม ปลดล็อกศักยภาพ Alibaba!

4 เมษายน 2566Jitta Wealth Journal

เวียดนามชะลอตัว ไปต่อหรือพอก่อน? 

Jitta Wealth Journal ปีที่ 3 ฉบับที่ 123 ประจำวันที่ 4 เมษายน 2566

Alibaba แตก 6 ธุรกิจดันอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีนให้เติบโต เวียดนามยังคงดึงดูดนักลงทุนต่างชาติต่อเนื่อง แม้เศรษฐกิจจะชะลอการเติบโตลง จีนวางแผนบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจ เปิดประเทศรับนักธุรกิจทุกชาติจน Elon Musk สนใจจะเยือนจีน 

รับข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้การลงทุนดีๆ จากเราได้ที่ Line ID: @jittawealth


ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นรายสัปดาห์

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ

S&P 500 +3.48% DJIA +3.21% NASDAQ +3.37%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวแรงต่อเนื่อง นักลงทุนคาด Fed ใกล้ขึ้นดอกเบี้ยถึงจุดสูงสุด หุ้นตัวใหญ่ช่วยดันให้บรรยากาศในตลาดไปในทิศทางที่ดีขึ้น ความกังวลภาคธนาคารดูเหมือนจะหมดไปแล้ว หากสหรัฐฯ ยังรักษาแนวโน้มนี้ต่อไปได้ นักลงทุนทั่วโลกก็กลับมาได้ไม่ยาก 

ดัชนีตลาดหุ้นเอเชีย

CSI 300 +0.59% TOPIX +2.46% VNI +1.71% SET +1.09%

แนวโน้มตลาดฝั่งเอเชียสดใสโดยเฉพาะญี่ปุ่นที่เงินเยนอ่อนค่า ส่งผลดีต่อภาคการส่งออก ตลาดหุ้นจีนก็ไม่น้อยหน้า ยังคงได้รับอานิสงส์จากการเปิดประเทศ ตอกย้ำว่า ความเฉียบขาดจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจ ภาคอสังหาฯ เวียดนามเริ่มคลี่คลายนักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาอีกครั้ง ตลาดหุ้นไทยบวกตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ 

ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 2 เมษายน 2566


กดแจ้งเตือน Jitta Wealth Exclusive Q&A with CEO วันนี้

กลับมาแล้วกับ Live ถามตอบกันแบบสดๆ กับคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth ในวันที่ 4 เมษายน 2566 ตั้งแต่เวลา 6 โมงเย็นเป็นต้นไป ลงทุนสวนวิกฤติดีไหม? ตลาดหุ้นผันผวนยัง DCA ได้อยู่หรือไม่? พอร์ตติดลบหนักทำยังไง? เราเตรียมคำตอบเอาไว้ให้คุณแล้ว 

กด ‘Going’ หรือ ‘Interested’ เพื่อรับการแจ้งเตือนเมื่อถึงเวลา Live


เทคโนโลยีจีน

Alibaba แตก 6 ธุรกิจ ส่งผลดีต่อหุ้นอย่างชัดเจน

เมื่อวันอังคารที่ 28 มีนาคม 2566 Alibaba ประกาศเตรียมแยกธุรกิจย่อยออกเป็น 6 บริษัท พร้อมดึงศักยภาพที่แท้จริงของธุรกิจออกมาผ่านการบริหารงานที่เป็นอิสระมากยิ่งขึ้น การประกาศครั้งนี้ส่งผลให้หุ้น Alibaba ปรับตัวพุ่งขึ้นกว่า 17% ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา

แบ่งเป็นธุรกิจอะไรบ้าง ทีมงานได้สรุปมาให้คุณแล้วดังนี้

  1. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในต่างประเทศ ธุรกิจหลักของ Alibaba ซึ่งประกอบไปด้วย AliExpress Lazada และ Trendyol
  2. ธุรกิจคลาวด์ อีกหนึ่งธุรกิจที่ Alibaba เชี่ยวชาญ Alibaba Cloud  มีส่วนแบ่งการตลาดในจีนมากถึง 36% และกระจายธุรกิจไปยังผู้ใช้ระดับองค์กรใน 200 ประเทศทั่วโลก
  3. ธุรกิจอีคอมเมิร์ซในจีน ประกอบไปด้วย Taobao (淘宝) แพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซในจีนที่ได้รับความนิยมสูงสุดตลอดกาล เน้นการขายสินค้าของผู้ขายรายย่อยและธุรกิจขนาดเล็ก นอกจากนี้ยังมี ‘Tmall’ สำหรับสินค้าพรีเมียม ‘Idle Fish’ ตลาดสำหรับให้ผู้ซื้อส่งต่อสินค้ากันเอง และ ‘Freshippo’ ตลาดสดออนไลน์
  4. บริษัทขนส่ง Cainiao บริษัทลูกของ Alibaba ที่ดูแลเรื่องการขนส่งและโลจิสติกส์สินค้าทั้งหมดของกลุ่มบริษัท 
  5. ธุรกิจอื่นๆ ในประเทศ กับ Ele.me ที่มีความหมายว่า ‘หิวหรือยัง’ บริษัทคู่แข่งรายสำคัญของ Meituan นอกจากนี้ยังมี Amap บริษัทแผนที่ในประเทศ Fliggy แพลตฟอร์มการท่องเที่ยว
  6. ธุรกิจดิจิทัลมีเดียและความบันเทิง ประกอบไปด้วย Youku แพลตฟอร์มด้านวิดีโอคล้ายๆ  Youtube ที่มีผู้ใช้งานกว่า 600 ล้านคน นอกจากนี้ยังมี Lingxi Games หน่วยธุรกิจพัฒนาเกม Alibaba Picture เว็บรวบรวมรูปภาพสำหรับแลกเปลี่ยนซื้อขาย

ข้อดีของการแตกธุรกิจในครั้งนี้คือ การแยกการบริหารให้อิสระภายใต้บริษัทแม่อย่าง Alibaba ผู้บริหารแต่ละบริษัทสามารถแสดงศักยภาพของธุรกิจออกมาได้เต็มที่ ไร้ข้อจำกัดทำให้การแข่งขันเกิดขึ้นและจะช่วยให้ Alibaba เติบโตอย่างก้าวกระโดด

ถึงแม้ว่าในตอนนี้จะยังไม่มีรายละเอียดว่าใครจะก้าวขึ้นมาเป็นหัวเรือใหญ่ในทั้ง 6 ธุรกิจ แต่นักลงทุนมีความเชื่อมั่นว่าการแตกธุรกิจครั้งนี้จะช่วยเพิ่มมูลค่าให้กับบริษัทแม่อย่าง Alibaba ไปแล้วจากราคาหุ้นที่ปรับตัวเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อธีมเมกะเทรนด์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดหุ้นจีน หรือ อีคอมเมิร์ซ และยังส่งผลดีโดยรวมไปถึงหุ้นในกลุ่มเทคโนโลยีจีนอย่างชัดเจนด้วย 


Jitta ฉลองครบรอบ 11 ปี แจกของขวัญสุดพิเศษ 

คุณใช่นักลงทุนที่ร่วมเดินทางมากับ Jitta Wealth หรือเปล่า? ถ้าใช่ เรามีของขวัญสุดพิเศษพร้อมเสริฟให้คุณ กับหนังสือจัดทำพิเศษ ที่ไม่มีวางขายที่ไหน ‘Jitta Wisdom: รวมเรื่องสั้นเพื่อการลงทุนระยะยาว’ เพียงเพิ่มทุน หรือเพิ่มพอร์ตภายในวันที่ 30 มี.ค. – 30 เม.ย. 2566 นี้

รายละเอียดเพิ่มเติม


3 หนังสือการลงทุนแนะนำจาก CEO Jitta

หนังสือ 3 เล่มที่เหมาะสำหรับทุกคนที่กำลังลงทุน และอยากเข้าใจความหมายของการลงทุนแบบเน้นคุณค่า โดย คุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ 

อ่านต่อ


เศรษฐกิจเวียดนาม

เวียดนามการลงทุนสะพัด แม้เศรษฐกิจชะลอตัว

สำนักงานสถิติเวียดนามประกาศ GDP ไตรมาส 1 ปี 2566 อยู่ที่ 3.32% ต่ำกว่าปีก่อนที่ขยายตัว 5.05% แต่สูงกว่าช่วงเกิดการระบาด Covid-19 สาเหตุหลักเกิดจากการชะลอตัวของภาคอุตสาหกรรมและการค้าระหว่างประเทศ

ถึงแม้ว่าตัวเลขการเติบโตจะลดลงแต่โดยรวม เวียดนามยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง การบริโภคสินค้าและบริการที่ขยายตัวถึง 13.90% เป็นตัวช่วยพยุงการเติบโตนี้ รวมไปถึงการท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เข้าประเทศอย่างต่อเนื่อง

มูลค่าการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศลดลง 2.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน ถือว่าไม่มากนักเมื่อนึกถึงการปรับตัวลงในช่วงปีที่ผ่านมา ส่งผลให้ยังมีนักลงทุนต่างชาติที่ยังเชื่อมั่นในศักยภาพการเติบโตของเวียดนามอยู่อย่างชัดเจน โดยผลตอบแทนตั้งแต่ต้นปี 2566 ของดัชนี VNI ปรับตัวขึ้นมาเกือบ 6% แม้จะมีปัญหาภาคอสังหาฯ เข้ามา 

แม้ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะขยายตัวไม่ได้ตามเป้า เพราะเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว ที่ถือว่าเป็นความท้าทายอย่างมาก แต่หากสถานการณ์เศรษฐกิจจากฝั่งสหรัฐฯ และยุโรปคลายตัว ตลาดหุ้นเวียดนามก็เตรียมรับอานิสงส์และกลับมาเติบโตได้อีกครั้ง

เวียดนามยังคงเป็นของหวานชั้นเลิศของนักลงทุนจากอุตสาหกรรมการผลิตที่แข็งแกร่งและแรงงานวัยหนุ่มสาว

แบงก์เวียดนามลดดอกเบี้ย ส่งผลดีต่อภาคอสังหาฯ

ธนาคารกลางเวียดนามปรับลดอัตราดอกเบี้ยช่วงกลางเดือนมีนาคม เหตุจากสถานการณ์ภาคอสังหาริมทรัพย์ของเวียดนาม ธนาคารพาณิชย์เวียดนามอื่นพร้อมลดดอกเบี้ยเช่นกัน 

ธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่เช่น ‘VPBank’ ‘VIB’ ‘Sacombank’ ‘SHB’ ‘HDBank’ และ ‘Viet Capital Bank’ ตอบรับนโยบายปรับอัตราดอกเบี้ยตามทันที โดยธนาคารบางแห่งมีอัตราดอกเบี้ยเงินฝากต่ำกว่า 8%

การปรับลดอัตราดอกเบี้ยในครั้งนี้เป็นการช่วยเหลือ No Va Land ส่งผลให้ภาคธุรกิจผ่อนคลายแรงกดดันด้านต้นทุน โดยเฉพาะภาคอสังหาฯ หลายแห่งที่มีปัญหาเรื่องหนี้และมีแนวโน้มที่จะผิดนัดชำระ มาตรการดังกล่าวเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่ช่วยพยุงเศรษฐกิจเวียดนามให้เติบโตได้อย่างมั่นคง

ต้องชื่นชมศักยภาพการแก้ไขปัญหาและคลี่คลายแรงกดดันในภาคอสังหาฯ ของรัฐบาลเวียดนาม ที่ทำได้อย่างรวดเร็วและทันท่วงที ส่งผลดีต่อทั้งเศรษฐกิจและตลาดหุ้นอย่างชัดเจน หากเวียดนามยังรักษาแนวโน้มแบบนี้ต่อไป การบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจก็ไม่ไกลเกินเอื้อม 


Talk of the Town 

เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official

😍 ข้อดีข้อเสียลงทุนกับ Jitta Wealth จากผู้ลงทุนจริง

🤑 เหตุการณ์อะไรที่ทำให้คุณตระหนักว่า ‘ต้องลงทุนแล้ว’

🇺🇲 ตลาดหุ้นสหรัฐฯ VS ตลาดหุ้นเทคฯ สหรัฐฯ เลือกอะไรดี   

มาร่วมพูดคุยกับเรา  

(ตอบคำถามให้ครบ 3 ข้อ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มนะ 🤗)


เศรษฐกิจจีน

จีนเปิดประเทศต้อนรับนักธุรกิจทุกชาติ 

ข่าวดีจากจีนกลับมาอีกครั้ง นายกรัฐมนตรีและประธานในที่ประชุมแถลงในการประชุม  Bo’ao Asia Economic Forum ว่า “ประเทศจีนพร้อมแล้วที่จะเปิดรับนักธุรกิจจากทั่วโลกมายังประเทศจีน”

การประชุมครั้งนี้มีผู้บริหารบริษัทระดับโลกกว่า 70 รายเข้าร่วมการประชุม เช่น ‘Tim Cook’ จาก ‘Apple’ ‘Ray Dalio’ จาก ‘Bridgewater’ และ ‘Sharon Thorne’ จาก ‘Deloitte’ ซึ่งถือว่าเป็นทริปแรกสำหรับพวกเขาที่มาเยือนจีนหลังจากประเทศจีนปิดตัวเองไปกว่า 3 ปี

การเปิดรับนักธุรกิจจากทุกชาติในครั้งนี้ จะส่งผลดีต่อการเติบโตของเศรษฐกิจจีนอย่างมีนัยสำคัญ แม้ว่าสถานการณ์เศรษฐกิจในจีนยังคงผันผวน แต่รัฐบาลกำลังทำงานอย่างหนักเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจของประเทศด้วยการกระตุ้นการบริโภคและการลงทุน

ต้องรอดูแผนการต่อไปว่าจีนจะเปิดรับนักธุรกิจอย่างเต็มที่เมื่อไร ซึ่งจีนยังคงดึงดูดต่างชาติให้เข้ามาลงทุนอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2566 นี้น่าจะได้เห็นแผนการพัฒนาเศรษฐกิจจีนที่มากขึ้น เพื่อบรรลุเป้าหมายการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ประมาณ 5% นั่นเอง

ทั่วโลกจับตา Elon Musk เตรียมเยือนจีน!

เมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 ที่ผ่านมา สำนักข่าว Reuters รายงานว่า Elon Musk ประธาน Tesla จะเดินทางไปเยือนจีนภายในเดือนเมษายนนี้  ซึ่งยังไม่มีการระบุวันและเวลาที่แน่นอน

จีนถือเป็นตลาดที่ใหญ่เป็นอันดับ 2 ของ Tesla รองลงมาจากสหรัฐฯ อีกทั้งโรงงานในเซี่ยงไฮ้ก็เป็นศูนย์กลางการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่ใหญ่ที่สุด ครั้งนี้จะเป็นการมาเยือนจีนครั้งแรกของ Musk นับตั้งแต่เกิดการระบาดของ Covid-19 จะเป็นการพบกันครั้งแรกในฐานะนายกรัฐมนตรีของ Li Qiang 

ซึ่งก่อนหน้านี้การที่ Tesla ตั้งโรงงานในจีนได้สำเร็จในปี 2562 ก็เป็นผลงานของ Li ในขณะที่เขาดำรงตำแหน่งเลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์จีนประจำนครเซี่ยงไฮ้ด้วยเช่นกัน 

การพบกันในครั้งนี้เกิดขึ้น หลังจากที่จีนพยายามแสวงหาการลงทุนจากต่างประเทศมากขึ้น และ Tesla ที่เผชิญกับปัญหาความล่าช้าในแผนเพิ่มกำลังการผลิต น่าสนใจมากทีเดียวว่า การพบกันครั้งนี้จะช่วยผลักดันศักยภาพของ Tesla และส่งผลดีต่อทั้งจีนและสหรัฐฯ ได้มากน้อยแค่ไหน  

Tesla มีสัดส่วนอยู่ในธีมเมกะเทรนด์มากมาย และเป็นหุ้นที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงที่สุดในโลกทำให้หากจีนและ Tesla บรรลุข้อตกลงได้จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นอย่างมีนัยสำคัญอย่างชัดเจน


Bernie Madoff กับคำโกหกเขย่าโลกการเงิน 

1 เมษายนของทุกปีกับวัน April’s Fool Day วันโกหกที่ห้ามโกรธกันนะ แต่ไม่ใช่ว่าเรื่องโกหกทุกเรื่องจะน่าสนุกและเรียกอารมณ์ขันได้เสมอไป โดยเฉพาะเรื่องการเงินที่ไม่มีใครขำออกแน่ๆ วันนี้ Jitta Wealth ของนำเสนอเรื่องโกหกครั้งประวัติศาสตร์แห่งโลกการเงิน

อ่านต่อ 


เซมิคอนดักเตอร์ 

ประธาน Huawei เชื่อ ชิปจีนโตจากการคว่ำบาตร 

Eric Xu ประธานบริษัท Huawei ประกาศสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีน หลังจากรัฐบาลสหรัฐฯ เพิ่มข้อจำกัดด้านการส่งออกเทคโนโลยี โดยเครื่องมือหรือชิปบางอย่างที่ผลิตขึ้นโดยใช้เทคโนโลยีของสหรัฐฯ จะไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งออกไปยังประเทศจีน

Xu เชื่อว่าอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนจะถือกำเนิดใหม่ภายใต้การคว่ำบาตรดังกล่าว และสามารถแข็งแกร่งได้ด้วยตนเอง

ทั้งนี้ปัจจุบันอุตสาหกรรมชิปในจีนพึ่งพาเทคโนโลยี จากต่างประเทศค่อนข้างมาก และยังขาดบริษัทที่มีความสามารถเทียบเคียงกับบริษัทต่างชาติได้ 

นี่จะเป็นบทพิสูจน์เพื่อก้าวเป็นผู้นำโลกในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ หากสามารถพัฒนาและยืนอยู่ในอุตสาหกรรมนี้ได้ด้วยตนเอง จะเป็นก้าวสำคัญที่ผลักดันจีนและอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์โลกได้ในอนาคต


ต้อนรับทุกท่านเข้าสู่ไตรมาสที่ 2 ของปี 2566

สัปดาห์นี้มีแต่ข่าวที่ทำให้ชื่นใจขึ้น ต้อนรับเดือนร้อนๆ แบบนี้ได้ดีเลย

เริ่มด้วยตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีมีแนวโน้มฟื้นตัวแรงอย่างต่อเนื่อง Fed เองก็เหมือนจะขึ้นดอกเบี้ยใกล้แตะจุดสูงสุดแล้ว ข่าวร้ายๆ เกี่ยวกับธนาคารต่างๆ ก็เริ่มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีเกินคาด 

ทางฝั่งของตลาดหุ้นเอเชียเองโดดเด่นมาด้วยหุ้นจีน และบริษัทจากจีนที่เหมือนจะเร่งฝีเท้า วิ่งกันอย่างเต็มที่หลังจากที่พักร้อนในประเทศของตัวเองมานาน แม้ในบางประเทศอย่างเวียดนามจะมีตัวเลขการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ชะลอตัวลง แต่ก็ยังเนื้อหอม นักลงทุนตางชาติยังแห่มาลงทุนไม่ขาดสาย 

อะไรก็เกิดขึ้นได้ในตลาดหุ้น เพราะการลงทุนมีทั้งพื้นที่ที่เราควบคุมได้ และควบคุมไม่ได้ ขอแค่คุณลงทุนอย่างมีสติ ในหลักการที่ถูกต้อง 

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – Fed ขึ้นดอกเบี้ยอีก อนาคตจะเป็นยังไง?

Jitta Wealth Journal – Credit Suisse ส่งผลต่อโลกยังไง?

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด