Jitta Wealth Journal - Fed ขึ้นดอกเบี้ยอีก อนาคตจะเป็นยังไง?

28 มีนาคม 2566Jitta Wealth Journal

Tencent กำไรพุ่ง รับจีนผ่อนกฏ

Jitta Wealth Journal ปีที่ 3 ฉบับที่ 122 ประจำวันที่ 28 มีนาคม 2566

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัวต่อ นักลงทุนคาด Fed อาจหยุดขึ้นดอกเบี้ยไวเพื่อช่วยภาคธนาคาร หุ้นจีนกลับมาโตอีกครั้งหลังต่างชาติกลับมาลงทุน หุ้นไทยบวกแรงจากการผ่อนคลายปัญหาภาคธนาคาร Tencent กำไรโตสนั่นหลังจีนผ่อนกฏ ค่ายรถจีนรุกแย่งแชร์จากญี่ปุ่น Hindenburg เจ้าเก่ากล่าวหา Block ว่าเปิดช่องให้ผู้ใช้ขอรับสวัสดิการว่างงานเกินจำนวน Apple เตรียมเปิดตัว Mixed Reality Headset ปลุกกระแสเมตาเวิร์ส

รับข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้การลงทุนดีๆ จากเราได้ที่ Line ID: @jittawealth


ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นรายสัปดาห์

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ

S&P 500 +1.39% DJIA +1.19% NASDAQ +1.66%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นตามอารมณ์ผ่อนคลายนักลงทุนและคำประกาศจากประธาน Fed เกี่ยวกับการขึ้นดอกเบี้ย แม้ว่าประธาน Fed ยืนยันว่าจะขึ้นดอกเบี้ยต่อไป แต่ตลาดกลับสวนกระแสและคาดว่า Fed จะขึ้นดอกเบี้ยได้อีกไม่มากเพื่อรักษาเสถียรภาพของภาคธนาคาร

ดัชนีตลาดหุ้นเอเชีย

CSI 300 +1.72% TOPIX -0.21% VNI +0.16% SET +1.80%

กลุ่มเทคฯ จีนหนุนตลาดหุ้นพุ่งแรง ต่างชาติเริ่มกลับมาลงทุนหลังขายทำกำไรไปบางส่วน ตลาดหุ้นไทยขึ้นตามภูมิภาคและเริ่มดึงนักลงทุนต่างชาติเข้ามามากยิ่งขึ้น ในขณะที่นักลงทุนตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังกังวลเกี่ยวกับการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed

ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 26 มีนาคม 2566


Jitta ครบรอบ 11 ปี มอบของขวัญสุดพิเศษให้นักลงทุน 

Jitta ร่วมกับสำนักพิมพ์ investing.in.th แหล่งรวมหนังสือการลงทุนที่ดีที่สุดในประเทศไทย มอบโค้ดส่วนลด 100 บาทเมื่อซื้อหนังสือครบ 800 บาท มายึดมั่นในการลงทุนบนหลักการและความรู้ไปด้วยกัน 

เงื่อนไขเพิ่มเติม


เศรษฐกิจสหรัฐฯ

Fed ขึ้นดอกเบี้ย 0.25% บอกแนวโน้มอนาคต

จากการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (FOMC) ในครั้งนี้มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.25% ตามที่ตลาดคาดการณ์ แต่ที่นักลงทุนทั่วโลกสนใจคือ คำแถลงจากปากประธาน Fed ที่ว่า “Fed จะไม่ปรับลดดอกเบี้ยปีนี้”

คำแถลงดังกล่าวส่งผลให้ตลาดหุ้นปรับลงเล็กน้อย แต่ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มที่ดีขึ้นและปรับตัวเป็นบวก เป็นไปได้ว่านักลงทุนเริ่มคลายกังวลเรื่องปัญหาในภาคธนาคารและมองว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทำได้น้อยลง

จากประมาณการณ์ล่าสุด Fed มองว่าอัตราเงินเฟ้อที่คำนวณจาก Personal Consumption Expenditures (PCE) โดยเฉลี่ยของปี 2566 จะแตะ 3.3% หมายความว่าในสายตา Fed อัตราเงินเฟ้อปัจจุบันยังสูงอยู่ และจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในระยะยาวหากไม่ปรับลง

อัตราเงินเฟ้อที่คำนวณจาก Consumer Price Index ล่าสุดปรับลงมาอยู่ที่ 6.0% ลดลงอย่างต่อเนื่อง แต่อัตราเงินเฟ้อ PCE กลับพุ่งไปที่ 5.4% ต้องมาลุ้นกันว่าตัวเลข PCE ที่จะประกาศวันที่ 31 มีนาคมนี้จะออกมาเป็นอย่างไร

หากคุณติดตามตลาดหุ้นสหรัฐฯ อย่างต่อเนื่อง จะเห็นว่าปัญหาในธนาคารหลายแห่งเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ มีปัญหาซุกอยู่ใต้พรม ถือเป็นอีกหน้าที่ของ Fed ที่ต้องยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ ต้องรอดูท่าทีของ Fed กันต่อไปว่าจะจัดการกับเงินเฟ้อและปัญหาในภาคธนาคารอย่างไร


เศรษฐกิจเวียดนาม

3 บริษัทยักษ์ใหญ่สหรัฐฯ เข้าลงทุนในเวียดนาม

การลงทุนครั้งประวัติศาสตร์ได้เกิดขึ้นแล้ว หลังบริษัทชั้นนำสหรัฐฯ อย่าง ‘SpaceX’ ‘Netflix’ และ ‘Boeing’ เข้าลงทุนในประเทศเวียดนาม เพื่อมองหาโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ และกระชับความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจระหว่าง 2 ประเทศให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น

โดยทั้ง 3 บริษัทมีรายละเอียดการลงทุนในเวียดนามดังนี้ 

  • SpaceX จะหารือเกี่ยวกับการเปิดตัวดาวเทียมและศูนย์ข้อมูล
  • Boeing มีเป้าหมายขยายภาคการบิน
  • Netflix วางแผนที่จะร่วมมือกับผู้สร้างภาพยนตร์ในเวียดนาม

ปัจจุบันสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในคู่ค้าชั้นนำของเวียดนาม มูลค่าการค้าระหว่างกันอยู่ที่ประมาณ 111,000 ล้านดอลลาร์ในปี 2564 โดยเวียดนามเป็นจุดหมายปลายทางที่น่าสนใจสำหรับสหรัฐฯ ในด้านยุทธศาสตร์ แรงงานต้นทุนต่ำ และการเติบโตทางเศรษฐกิจที่แข็งแกร่ง

การเข้าลงทุนในครั้งนี้คาดว่าจะช่วยเพิ่มโอกาสให้กับบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ และมีส่วนสนับสนุนการเติบโตและการพัฒนาทางเศรษฐกิจของเวียดนามด้วย ยังไงซะเวียดนามก็กำลังเนื้อหอมสำหรับการลงทุนอยู่


3 หนังสือการลงทุนขึ้นหิ้ง ที่นักลงทุนสาย VI ไม่ควรพลาด 

อยากอ่านหนังสือการลงทุน แต่ไม่รู้ว่าจะเริ่มจากอะไร วันนี้เรามีแผนที่หนังสือ VI ให้คุณตามอ่านกันทีละเล่ม เราจะป้ายยาอะไรคุณบ้าง ไปดูกันได้เลย ที่สำคัญใช้โค้ดส่วนลด JITTA11TH เมื่อซื้อหนังสือผ่าน investing.in.th ได้ด้วยนะ

อ่านต่อ


เทคโนโลยีจีน

Tencent กำไรโตสนั่นหลังจีนผ่อนคลายกฏ 

Tencent ประกาศผลประกอบไตรมาส 4 ปี 2565 มีกำไรสุทธิประมาณ 106,300 พันล้านหยวน เพิ่มขึ้นจากงวดเดียวกันของปีที่แล้วกว่า 12% และมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาด ผลจากการจัดการต้นทุนที่ดีขึ้น

Tencent เจอกับความท้าทายในช่วง 2 – 3 ปีที่ผ่านมา หลังรัฐบาลจีนเข้าควบคุมบริษัทเทคฯ อย่างเข้มงวด โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเกมที่โดนแช่แข็งใบอนุญาตเกมใหม่และจำกัดการเล่นเกมของเยาวชน

แต่ในปี 2566 ทุกอย่างกลับมาดูดีอีกครั้ง รัฐบาลเริ่มอนุมัติเกมใหม่อย่างต่อเนื่อง รวมไปถึงอนุญาตให้จัดอีเวนต์การแข่งขันอีสปอร์ตเป็นครั้งแรกหลัง Covid-19 เป็นสัญญาณเชิงบวกต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีน

ถึงแม้ว่าคุณอาจจะได้ยินข่าวเกี่ยวกับการลดต้นทุนโดยปลดพนักงานออกจากหลายบริษัทเทคโนโลยีทั่วโลกที่ดูส่งผลเชิงลบต่อบริษัท แต่เมื่อเวลาผ่านมาคุณจะเห็นว่าการลดคนส่งผลให้บริษัทมีกำไรเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งรวมไปถึงบริษัทเทคฯ จีนด้วยเช่นกัน

แนวโน้มบริษัทเทคโนโลยีจีนในปี 2566 นี้กำลังไปได้สวยและได้รับประโยชน์จากการเปิดเมือง จึงมีโอกาสสูงที่บริษัทเทคโนโลยีจีนต่างๆ จะมีผลประกอบการที่ขึ้นกว่าปี 2565 อย่างมีนัยสำคัญ 

Tencent มีสัดส่วนในธีมตลาดหุ้นจีนและธีมเทคโนโลยีจีนสูงถึง 13.39% และ 10.43% ตามลำดับ และยังเป็นหุ้นที่มีมูลค่ามาร์เก็ตแคปสูงที่สุดของจีนอีกบริษัทนึง การเติบโตของ Tencent จะส่งผลดีมากมายต่อการลงทุนในตลาดหุ้นจีน


Talk of the Town 

เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official

✍️ แจกไฟล์ Excel ประเมินมูลค่าหุ้นจากหนังสือ ‘เริ่มต้นอย่าง VI’

😗 ดอกเบี้ยทบต้นคืออะไร ทำให้คนรวยได้ยังไง คลิปนี้มีคำตอบ

📺 โอกาสสุดพิเศษสำหรับสมาชิกกลุ่ม Jitta Wealth Official!   

มาร่วมพูดคุยกับเรา  

(ตอบคำถามให้ครบ 3 ข้อ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มนะ 🤗)


พลังงานสะอาด

จีนท้าทายญี่ปุ่น ชิงส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าโลก

คุณคงรู้ว่า Toyota Honda และ Nissan เป็นบริษัทรถยนต์ญี่ปุ่นที่มียอดขายสูงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก แต่ในตอนนี้กำลังถูกท้าทายจากผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจากจีน รวมไปถึง Tesla จากฝั่งสหรัฐฯ ด้วยเช่นกัน 

สำหรับตลาดรถยนต์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอย่างจีนที่มียอดขาย 1 ใน 4 เป็นรถยนต์ไฟฟ้า และคาดว่าในปี 2566 จะมียอดขายเพิ่มขึ้นเป็น 9 ล้านคันหรือ 35% ของยอดขายรถยนต์ทั่วโลก ขณะที่ยอดขายรถยนต์แบรนด์ญี่ปุ่นกำลังหดตัวอย่างต่อเนื่อง แม้แต่ Toyota ก็มียอดขายหดตัวเป็นครั้งแรกในรอบ 10 ปี 

ยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าล้วนในปี 2565 นำมาโดย ‘Tesla’ ‘BYD’ และ ‘Volkswagen’ แต่กลับไม่มีค่ายรถยนต์จากญี่ปุ่นที่ติดอันดับ Top 20 เลย สร้างคำถามให้กับตลาดรถยนต์ว่าญี่ปุ่นควรให้ความสำคัญกับการพัฒนารถยนต์ไฟฟ้ามากแค่ไหน และจะตามค่ายรถยนต์ต่างชาติทันหรือไม่ 

Yang Jing นักวิจัยจาก Fitch Rating กล่าวเอาไว้ว่า “ถึงแม้ญี่ปุ่นจะประกาศแผนพัฒนารถยนต์ไฟฟ้าในอนาคต แต่ก็อาจจะไม่ทันกับตลาดที่เติบโตเร็วอย่างจีนได้”

แน่นอนว่ารถยนต์สันดาปภายในจะไม่หายไปจากโลก แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าสัดส่วนยอดขายกำลังโดนกัดกินไปเรื่อยๆ จนยอดขายรถยนต์ไฟฟ้าอาจจะแซงรถยนต์สันดาปภายในได้ในอีกไม่กี่ปีข้างหน้า

จากข่าวนี้น่าจะทำให้คุณได้เห็นอัตราการเติบโตของธีมพลังงานสะอาด และธีมพลังงานสะอาดจีนมากยิ่งขึ้น ที่ส่วนใหญ่จะเกี่ยวข้องกับรถยนต์ไฟฟ้าทั้งนั้น หากคุณรู้แล้วว่าธีมเหล่านี้คือเมกะเทรนด์การจะลงทุนเอาไว้เพื่อเติบโตไปกับธีมเหล่านี้ เป็นความคิดที่ไม่เลวเลยทีเดียว


พลังแห่งความรู้ทบต้น 

คุณคงเคยได้ยินเรื่อง ‘พลังแห่งดอกเบี้ยทบต้น’ กันมาบ้าง แต่รู้ไหมว่าความรู้ก็มีพลังแห่งการทบต้นเหมือนกัน มันคืออะไร และมีประโยชน์กับการลงทุนอย่างไร ไปดูกัน

อ่านต่อ 


เทคโนโลยีทางการเงิน 

Block ถูกกล่าวหาว่าทุจริต ส่งผลกระทบอะไรบ้าง 

Block หรือชื่อเดิม Square ผู้ให้บริการด้านการใช้จ่ายดิจิตอลถูกกล่าวหาจาก Hindenburg Research ว่าเปิดช่องโหว่ให้กับอาชญากร ในการทุจริตเงินชดเชยการว่างงานในช่วง Covid-19 ทำให้ราคาหุ้นของบริษัทปรับลดลงทันที 15% ส่วนธีมเทคโนโลยีการเงินปรับลด 1.39% สวนทางกับตลาดที่ปรับขึ้น

โดย Hindenburg Research รายงานว่ามีการใช้เลขบัญชีซ้ำกันในการขอรับสวัสดิการว่างงานจากรัฐ แต่ชื่อของผู้รับสวัสดิการกลับแตกต่างกัน ตามข้อมูลของรัฐ Massachusetts รายงานว่ามีบัญชีจาก Block ขอรับสวัสดิการว่างงานช่วง Covid-19 ถึง 69,000 ราย ซึ่งมากกว่าการขอรับเงินชดเชยจากบัญชีของธนาคารพาณิชย์ยักษ์ใหญ่อย่าง JPMorgan และ Well Fargo อีก 

ขณะที่ Block ตอบโต้ว่าบริษัทกำลังอยู่ในขั้นตอนการรวบรวมข้อมูลเพื่อส่งให้หน่วยงานกำกับดูแลของสหรัฐฯ และเตรียมฟ้อง Hindenburg Research กลับในข้อหาปล่อยข้อมูลที่ไม่ถูกต้องต่อสาธารณชน 

อย่างไรก็ตาม รายงานของ Hindenburg Research ค่อนข้างละเอียดและมีหลายจุดที่น่าติดตาม Block ต้องพิสูจน์ให้ได้ว่าคำกล่าวหานั้นเป็นจริงหรือไม่ ซึ่งถ้าจริงก็จะส่งผลต่อความเชื่อมั่นของ Block รวมไปถึงอาจจะถูกสอบจากทางการสหรัฐฯ ด้วย ราคาหุ้นมีโอกาสร่วงหนัก แต่จุดแข็งอีกอย่างของ Block คือมีธุรกิจให้บริการทางการเงินหลายอย่าง ราคาหุ้นอาจมีแนวโน้นปรับตัว แต่อาจไม่ถึงกับล้มละลาย


เมตาเวิร์ส 

Apple ปลุกกระแสเมตาเวิร์ส เตรียมเปิดตัวแว่นตา Mixed Reality 

สัปดาห์ที่ผ่านมา Apple ได้แสดงผลิตภัณฑ์ใหม่อย่าง Mixed Reality Headset หรือแว่นตาที่เชื่อมระหว่างโลกแห่งความจริงและโลกในจินตนาการเข้าด้วยกัน โดยภายในงานมีผู้บริหารระดับสูงเข้าร่วมกว่า 100 คน ถือเป็น 1 ในผลิตภัณฑ์ที่สำคัญที่คาดว่าจะเปิดตัวในเดือนมิถุนายน 2566 นี้ 

ผู้บริหารหลายคนมองว่า Mixed Reality Headset อาจมีกระแสตอบรับที่ไม่ร้อนแรงเท่าไหร่ เพราะยังคงมีข้อจำกัดหลายอย่าง เช่น แอปพลิเคชันที่รองรับยังไม่หลากหลาย ราคาสูง แถมยังต้องเปลี่ยนแบตเตอรีทุกๆ 2 ชั่วโมง 

แต่พวกเขาก็เชื่อว่า Mixed Reality Headset นี้จะมีทางเดินคล้ายๆ กับ Apple Watch ที่ตอนเปิดตัวก็มีข้อจำกัดหลายอย่าง แต่เมื่อเวลาผ่านไปก็กลายเป็นสินค้าที่ประสบความสำเร็จจนสร้างรายได้ให้กับ Apple ได้เป็นกอบเป็นกำ

การเปิดตัว Mixed Reality Headset ของ Apple จะช่วยปลุกกระแสโลกเมตาเวิร์สให้มีการใช้งานอย่างแพร่หลายมากขึ้น ด้วยฐานลูกค้าของ Apple ที่มีอยู่ทั่วโลก นักพัฒนาจะเริ่มมองเห็นคุณค่าของการพัฒนาแอปพลิเคชันที่จะมาตอบโจทย์โลกเมตาเวิร์ส ส่งผลให้โลกเมตาเวิร์สอาจจะเติบโตเร็วขึ้นได้


ไตรมาสแรกของปี 2566 กำลังจะผ่านไปแล้วอย่างรวดเร็วกว่าที่คิด 

ข่าวเศรษฐกิจทั่วโลกก็มีมาให้คุณตื่นเต้นอยู่ทุกเดือน ทุกสัปดาห์ นักลงทุนทั่วโลกจับตาการขึ้นดอกเบี้ยของ Fed โดยไม่ละสายตา ขณะที่ข่าวร้ายเกี่ยวกับธนาคารหลายแห่งก็เริ่มจางลงไป ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เองก็ฟื้นตัวแล้ว 

ส่วนตลาดหุ้นจีนเองก็กลับมาคึกคักจากการกลับเข้ามาของนักลงทุนต่างชาติ ข่าวการเริ่มเปิดประเทศต้อนรับนักท่องเที่ยว และบริษัทเทคโนโลยีจีนก็มีข่าวดีมาให้เราทุกสัปดาห์เลย

เศรษฐกิจโลกยังคงเดินหน้าต่อไปตามธรรมชาติ ความผันผวนที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่ก็มาจากอารมณ์ของนักลงทุน เพราะฉะนั้น ลงทุนอย่างมีเหตุและผลต่อไป 

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า 


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – Credit Suisse ส่งผลต่อโลกยังไง?

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด