Jitta Wealth Journal - Credit Suisse ส่งผลต่อโลกยังไง?

21 มีนาคม 2566Jitta WealthJitta Wealth Journal

Meta ปลดคนอีก 10,000 ดันหุ้นพุ่งแรง

Jitta Wealth Journal ปีที่ 3 ฉบับที่ 121 ประจำวันที่ 21 มีนาคม 2566

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นตัว สถานการณ์ในภาคธนาคารดีขึ้นต่อเนื่อง ตลาดหุ้นอื่นในเอเชียปรับร่วงตามความกังวลของตลาดโลก ปัญหา Credit Suisse กดดันบรรยากาศการลงทุนต่อเนื่อง หุ้นกลุ่มธนาคารยังถูกเทขาย จีนเร่งเสริมสภาพคล่อง ลดเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ Google ซุ่มพัฒนา AI ทางการแพทย์ สอบผ่านใบอนุญาตหมอสหรัฐฯ Meta ปลดคนต่ออีก 10,000 ดันหุ้นพุ่ง นักลงทุนชอบใจ

รับข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้การลงทุนดีๆ จากเราได้ที่ Line ID: @jittawealth


ความเคลื่อนไหวตลาดหุ้นรายสัปดาห์

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ

S&P 500 +1.43% DJIA -0.16% NASDAQ +4.41%

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ สัญญาณดี นักลงทุนคาด Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยเบาในเดือนมีนาคมนี้ที่ 0.25% หุ้นเทคโนโลยีหนุนตลาด นำโดยหุ้นตัวใหญ่หลายตัว รวมไปถึงหุ้นธนาคารที่ปรับตัวขึ้นเช่นเดียวกัน 

ดัชนีตลาดหุ้นเอเชีย

CSI 300 -0.21% TOPIX -3.55% VNI -0.75% SET -2.25%

ตลาดหุ้นจีนร่วงเล็กน้อย กลุ่มธนาคารยังเจอแรงกดดันจากเหตุการณ์แบงก์ล้มในสหรัฐฯ ส่งผลถึงตลาดหุ้นอื่นทั่วเอเชีย โดยตลาดหุ้นญี่ปุ่นเจอแรงขายทำกำไร และแรงกดดันจากหุ้นกลุ่มธนาคาร 

ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 19 มีนาคม 2566


11 ปี Jitta จุดเริ่มต้นก่อนจะเป็น Jitta Wealth 

Jitta แพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้นด้วย AI จุดเริ่มต้นก่อนที่จะเป็น Jitta Wealth บลจ. ที่จัดการกองทุนส่วนบุคคลจำนวนมากที่สุดในประเทศไทย จุดเริ่มต้นก่อนจะกลายมาเป็น Jitta Wealth คืออะไร เราจะเดินหน้าไปทางไหนต่อ?

อ่านต่อ


ธนาคารโลก

เกิดอะไรขึ้นกับ Credit Suisse ส่งผลต่อโลกยังไง

การล้มของธนาคารสหรัฐฯ หลายแห่งในสัปดาห์ที่ผ่านมาส่งผลกระทบเรื่องความมั่นใจไปทั่วโลก ล่าสุด Credit Suisse ธนาคารชื่อดังระดับโลกจากสวิตเซอร์แลนด์ถูกนักลงทุนเทขายหุ้น จนราคาหุ้นร่วงไปกว่า -74% ในรอบ 1 ปี

เกิดอะไรขึ้นกับ Credit Suisse สำนักข่าว Bloomberg ได้สรุปสาเหตุที่สร้างความกังวลให้กับคุณดังนี้

สิ่งที่ทำให้นักลงทุนกังวลมากที่สุดคือ การปฎิเสธการเพิ่มทุนของผู้ถือรายใหญ่ที่สุดอย่าง Saudi National Bank เนื่องจากติดกฎที่ห้ามธนาคารถือหุ้นบริษัทอื่นเกิน 10%

นอกจากนี้ Credit Suisse ยังมีผลประกอบการขาดทุนสุทธิในช่วงปี 2564 – 2565 ที่ผ่านมา โดยขาดทุน 7,306 และ 1,626 ล้านฟรังก์สวิสตามลำดับ แต่หากพิจารณาอัตราส่วนทางการเงินตามมาตรฐานสถาบันการเงินโลก Credit Suisse ยังถือว่ามีตัวเลขที่อยู่ในเกณฑ์มาตรฐาน

สิ่งที่ทุกคนสงสัยคือ หาก Credit Suisse ล่มสลายลงจะส่งผลกระทบยังไงต่อเศรษฐกิจโลก Credit Suisse เป็นธนาคารใหญ่ระดับโลก หากปล่อยล้มจะส่งกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อเศรษฐกิจโลก โดยเฉพาะบริษัทระดับโลกและกลุ่มผู้มีความมั่งคังเป็นจำนวนมาก

แต่ล่าสุดธนาคารกลางสวิตเซอร์แลนด์ออกมาตรการช่วยเหลือสภาพคล่องของ Credit Suisse ด้วยวงเงินสินเชื่อมูลค่ากว่า 50,000 ล้านฟรังก์สวิส หรือ 54,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นมาตรการแรกอย่างเป็นรูปธรรมที่เข้ามาช่วย Credit Suisse จากปัญหาความเชื่อมั่นในตอนนี้

คงต้องติดตามสถานการณ์ Credit Suisse กันต่อไปเพราะยังมีความไม่ชัดเจนคลุมเคลืออยู่ ในขั้นต่อไปอยู่ที่ตัวธนาคารแล้วว่าจะแก้ปัญหานี้อย่างไร

First Republic Bank ได้รับเงินสนับสนุนกว่า 30,000 ล้านเหรียญ 

First Republic Bank (FRB) อีกธนาคารที่นักลงทุนกำลังสนใจ จากเหตุการณ์คล้ายคลึงกันกับธนาคารอื่นๆ เช่น Silvergate Bank หรือ Signature Bank

แต่สถานการณ์ในตอนนี้แสดงให้เห็นว่า FRB มีทิศทางที่ดีขึ้นมาก เพราะธนาคารได้รับการสนับสนุนจากธนาคารใหญ่หลายแห่งในสหรัฐฯ ที่นำเงินเข้ามาฝากในธนาคาร เช่น ‘JPMorgan’ ‘Bank of America’ ‘Citigroup’ และ ‘Wells Fargo’ ฝากเงินธนาคารละ 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

รวมเป็นเงินกว่า 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ที่เข้ามาเสริมสภาพคล่องให้กับ FRB ซึ่งถือเป็นหนึ่งในมาตรการที่สหรัฐฯ ร่วมกับธนาคารขนาดใหญ่ในการช่วยเหลือธนาคารขนาดเล็กและขนาดกลาง

จะเห็นได้ว่า สถานการณ์ภาคธนาคารสหรัฐฯ คลี่คลายไปมากแล้ว ทางการสหรัฐฯ ออกมาตรการช่วยเหลืออย่างทันท่วงที ลดความกดดันสู่ตลาดหุ้นและทำให้ธนาคารขนาดเล็กผ่านพ้นวิกฤตครั้งนี้ไปได้


‘ธีมตลาดหุ้นเวียดนาม’ เปลี่ยนดัชนีใหม่ ส่งผลยังไงต่อพอร์ตของคุณ 

VanEck แจ้งนักลงทุนว่ามีการเปลี่ยนแปลงดัชนีอ้างอิง วัตถุประสงค์ และนโยบายการลงทุนของกองทุน VanEck Vietnam ETF (VNM) การเปลี่ยนแปลงนี้มีรายละเอียดยังไง ส่งผลต่อพอร์ตของคุณอย่างไรบ้าง 

อ่านต่อ 


เศรษฐกิจสหรัฐฯ

เงินเฟ้อสหรัฐฯ เหลือ 6.0% ดันหุ้นพุ่ง

สหรัฐฯ ประกาศอัตราเงินเฟ้อ Consumer Price Index ประจำเดือนกุมภาพันธ์ 2566 ขยายตัว 6%yoy และ 0.4%mom โดยภาคบริการยังทำให้เกิดเงินเฟ้อมากที่สุด ส่วนสินค้าที่ส่งผลให้เงินเฟ้อลดลงคือราคาน้ำมันสำเร็จรูปที่ร่วงแรงในเดือนที่ผ่านมา 

ปัจจุบันราคาสินค้าหมวดอาหารและพลังงานขยายตัวแบบชะลอตัวลงจากในปี 2565 ช่วยผ่อนคลายแรงกดดันเงินเฟ้ออย่างชัดเจน ถึงแม้ว่าภาคบริการ โดยเฉพาะดัชนีราคาหมวดที่อยู่อาศัยยังคงพุ่งสูงอย่างต่อเนื่อง ต้องติดตามสถานการณ์ว่าสหรัฐฯ จะใช้นโยบายอะไรมาลดเงินเฟ้อจุดนี้

จากสถานการณ์เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่ลดลงจากเดือนก่อนหน้าตามคาด ทำให้นักลงทุนและนักวิเคราะห์ส่วนใหญ่คาดการณ์ว่า Fed จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย ตามข้อมูล CME FedWatch Tools คาดการณ์ว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งต่อไปจะอยู่ที่ 0.25% เท่านั้น 

การลดความกดดันลงย่อมส่งผลดีต่อตลาดหุ้น อย่างที่คุณเห็นตามอัปเดตสถานการณ์ตลาดหุ้นรายสัปดาห์ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ พุ่งแรง หากสถานการณ์ยังเป็นแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆ มีโอกาสที่ Fed จะหยุดการปรับขึ้นดอกเบี้ยในปีนี้ 


เศรษฐกิจจีน 

จีนเร่งเสริมสภาพคล่อง ลดเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ 

ธนาคารกลางจีนประกาศลดอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์อีก 0.25% ช่วยเสริมสภาพคล่องและผลักดันเศรษฐกิจจีน ถือเป็นการลดอัตราส่วนเงินสำรองฯ ครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนธันวาคมปี 2565 ซึ่งเป็นอีกเครื่องมือสำหรับนโยบายการเงินแบบผ่อนคลาย สวนทางกับธนาคารกลางในฝั่งตะวันตกที่เร่งขึ้นดอกเบี้ย 

การปรับลดอัตราเงินสำรองธนาคารพาณิชย์ในครั้งนี้จะใช้สำหรับธนาคารที่มีอัตราส่วนเงินสำรองที่สูงกว่า 5% และจะมีผลตั้งแต่ 27 มีนาคม 2566 เป็นต้นไป

นักเศรษฐศาสตร์วิเคราะห์ว่า การปรับลดอัตราเงินสำรองฯ ครั้งนี้เป็นการเสริมสภาพคล่องและเม็ดเงินในธนาคาร สอดคล้องกับตัวเลขสินเชื่อที่เติบโตในช่วงเดือนมกราคมและกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา เป็นสัญญาณเชิงบวกจากรัฐบาลจีนในการสนับสนุนการเติบโตของเศรษฐกิจ

Bloomberg Economics มองว่า มีโอกาสเห็นการผ่อนคลายมากกว่านี้ ซึ่งประกอบไปด้วยการปรับลดอัตราดอกเบี้ยและปรับลดอัตราเงินสำรองฯ ซึ่งการปรับลดเงินสำรองฯ ครั้งนี้จะช่วยเสริมสภาพคล่องในระบบเศรษฐกิจจีนได้ถึง 500,000 ล้านหยวน 

ปีนี้รัฐบาลจีนตั้งเป้าการเติบโตของ GDP ไว้ที่ 5% ภาคส่วนต่างๆ ต้องตอบสนองนโยบายรัฐบาลด้วยการออกนโยบายสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ


Talk of the Town 

เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official

🥰 แชร์ประสบการณ์กว่า 7 ปีที่รู้จัก Jitta Wealth ลงทุนอะไร ผลเป็นยังไงบ้าง

🥹 เหตุผลที่ว่าทำไมถึงลงทุนกับ Jitta Wealth?

Jitta Wealth ผลตอบแทนเป็นยังไง เมื่อเทียบกับกองทุนรวมอื่นๆ

มาร่วมพูดคุยกับเรา

(ตอบคำถามให้ครบ 3 ข้อ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มนะ 🤗)


เทคโนโลยีสหรัฐฯ

Meta ปลดคนอีก 10,000 ลดค่าใช้จ่าย เพิ่มกำไร

เป้าหมายสำคัญของ Meta สำหรับปี 2566 คือ ปีแห่งประสิทธิภาพ (Year of Efficiency) หมายความว่าในปีนี้ Meta จะกลับมาสร้างผลประกอบการให้ดีขึ้นเพื่อบรรลุเป้าหมายระยะยาว โดยส่วนสำคัญที่จะช่วยสร้างผลประกอบการที่ดีขึ้นก็คือการลดขนาดองค์กร

Meta ตั้งเป้าปรับลดค่าใช้จ่ายเป็น 82,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จาก 92,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากการลดคนและประหยัดค่าใช้จ่ายส่วนอื่นๆ

การลดคนของ Meta คาดว่าจะลดค่าใช้จ่ายด้านการดำเนินงาน (Operating Expense) ได้ถึง 3 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ช่วยลดแรงกดดันด้านผลประกอบการของบริษัทได้ นักลงทุนมีมุมมองเชิงบวกต่อเหตุกาณณ์ดังกล่าว ราคาหุ้น Meta ปรับขึ้นเกือบ 10% ในสัปดาห์ที่ผ่านมา

เหตุการณ์ดังกล่าวคล้ายกับกรณี Sea Ltd ที่ปลดคนและลดงบในบางแผนก จนทำให้บริษัทมีกำไรเป็นครั้งแรกตั้งแต่ก่อตั้ง

การปรับตัวขึ้นของ Meta ส่งผลดีไปถึงหุ้นเทคโนโลยีอื่นๆ ของสหรัฐฯ ด้วย Meta เริ่มกลับมาให้ความสำคัญกับธุรกิจหลักอย่าง Facebook Instagram และ Whatapps ซึ่งสร้างกำไรให้บริษัทอยู่แล้ว ทำให้แผนการบริหารของ Meta ครั้งนี้ถูกใจนักลงทุนทั่วโลกอย่างปฏิเสธไม่ได้เลย 


ลงทุนตราสารหนี้ ทำไมถึงยังขาดทุน 

ตลอดสัปดาห์ ข่าวธนาคาร Silicon Valley กำลังบอกอะไรนักลงทุน? จุดเริ่มต้นของเรื่องทั้งหมด มาจากการเทขายตราสารหนี้ในราคาขาดทุน การลงทุนตราสารหนี้คุณภาพดีจะขาดทุนได้ยังไง? ไปทำความเข้าใจเรื่องนี้กัน 

อ่านต่อ


เทคโนโลยีสุขภาพ 

วงในเผย Google กำลังพัฒนา AI ทางการแพทย์ 

ในงาน The Check Up ที่ทาง Google Health จัดขึ้นทุกปี Google ได้อัปเดตข้อมูลเกี่ยวกับฟีเจอร์ด้านสุขภาพใหม่ๆ โดยไฮไลต์สำคัญคือการวิจัยด้านสุขภาพที่ดำเนินการด้วย AI

Med-PaLM AI ที่ถูกพัฒนาขึ้นโดย Google และ Deepmind เป็นโมเดลภาษาขนาดใหญ่ที่ถูกออกแบบมาเพื่อตอบคำถามด้านสุขภาพโดยเฉพาะ โดยอ้างอิงจากโมเดล PaLM ที่มีพารามิเตอร์ 540,000 ล้านตัว และยังเป็น AI ระบบแรกที่มีการนำไปทดสอบโดยการตอบคำถามปรนัยที่คล้ายกับคำถามที่ใช้สอบใบอนุญาตทางการแพทย์ของสหรัฐฯ และได้คะแนนสอบผ่านมากกว่า 60% ซึ่ง Google ได้เปิดตัว Med-PaLM ครั้งแรกเมื่อปลายปี 2565 ที่ผ่านมา 

Google ยังพัฒนาเทคโนโลยีนี้ต่อเป็นครั้งที่ 2 จนออกมาเป็น Med-PaLM 2 ซึ่งถูกพัฒนาให้อยู่ในระดับ ‘ผู้เชี่ยวชาญ’ ที่มีความแม่นยำในการตอบคำถามมากกว่า 85% สูงกว่าผลลัพธ์ในเวอร์ชั่นก่อนหน้าถึง 18%

สุดท้ายแล้วในอนาคต Google จะสามารถพัฒนา Med-PaLM ออกมาให้ใช้กันอย่างทั่วถึงและมีประสิทธิภาพมากแค่ไหน เราอาจจะได้เห็นและใช้กันเร็วๆ นี้ 


ข่าวดังสัปดาห์นี้ที่สร้างความกังวลให้กับนักลงทุนทุกคน หนีไม่พ้นข่าวธนาคารพาณิชย์หลายแห่งทั่วโลกประสบปัญหาความเชื่อมั่นและสภาพคล่อง

เริ่มตั้งแต่ Silicon Valley Bank ที่ล้มไปเมื่อ 10 มีนาคม ตามมาด้วย Signature Bank เมื่อวันที่ 12 มีนาคม ที่น่าจับตาดูในสัปดาห์นี้ก็คงหนีไม่พ้นวิกฤต Credit Suisse ธนาคารใหญ่อันดับที่ 2 ของสวิตเซอร์แลนด์ ที่ราคาร่วงต่ำที่สุดเป็นประวัติการณ์เมื่อวันที่ 15 มีนาคมที่ผ่านมา 

แต่เหตุการณ์ทั้งหมดกำลังคลี่คลายไปในทางที่ดีขึ้น จากการช่วยเหลือของธนาคารกลางแต่ละประเทศ คุณเองก็ต้องติดตามต่อไปว่าสถานการณ์ต่างๆ จะมีบทสรุปไปในทางที่นักลงทุนคาดหวังหรือไม่ 

ไม่มีใครสามารถคาดเดาอนาคตได้ทั้งหมด สิ่งที่เราสามารถทำได้คือมองสถานการณ์ปัจจุบันอย่างมีสติ และตัดสินใจเดินหมากอย่างมีเหตุผลเท่านั้น

แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า 

ทีมงาน Jitta Wealth 


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – หุ้นกลุ่มแบงก์ทำพิษ ตลาดสหรัฐฯ ร่วงยกแผง

Jitta Wealth Journal – เวียดนามยังโตแรง! อสังหาฯ รั้งไม่อยู่

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด