Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 102 ประจำวันที่ 8 พฤศจิกายน 2565
Fed ยังใช้ยาแรงขึ้นดอกเบี้ยต่ออีก 0.75% ทำตลาดหุ้นสหรัฐฯ ตกยกแผง สวนทางตลาดหุ้นจีนและไทยที่ฟื้นแรงจากข่าวลือเรื่องจีนเตรียมเปิดประเทศ ส่วน Berkshire Hathaway ขาดทุนสุทธิในไตรมาส 3 เซมิคอนดักเตอร์จีนเติบโตท้าทายสหรัฐฯ ขณะที่ LG Energy และบริษัทสายพลังงานสะอาดอื่นออเดอร์ทะลัก รายได้ท่วม
ทีมงานย่อยข่าวเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกมาให้คุณแล้ว ไปติดตามกันได้เลย
S&P 500 -3.35% DJIA -1.39% NASDAQ -5.65%
การขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลอายุ 2 ปีพุ่งขึ้น นักลงทุนบางกลุ่มหนีไปลงทุนในสินทรัพย์ปลอดภัย และเป้าหมายการขึ้นดอกเบี้ยไปที่ 5% ของ Fed ในปี 2566 สร้างความกังวลให้นักลงทุนในสหรัฐฯ
CSI 300 +6.38% TOPIX +0.86% VNI -2.94% SET +1.26%
ตลาดหุ้นจีนบวกแรงจากข่าวลือว่าจีนจะเปิดประเทศในช่วงต้นปี 2566 ทำให้นักลงทุนแห่เข้าซื้อหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม ตลาดหุ้นเวียดนามยังปรับตัวลงจากเม็ดเงินที่ไหลออกตามแนวโน้มตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขณะที่นักลงทุนต่างชาติบางกลุ่มหนีมาลงทุนตลาดหุ้นไทยมากขึ้น
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 6 พฤศจิกายน 2565
ทำไม ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ ถึงเป็นม้ามืดที่นักลงทุนสาย VI ควรมีในพอร์ต? พบกับคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO แห่ง Jitta Wealth และคุณโอ๊ต คุณากร มหานิล, CFA นักวิเคราะห์การลงทุน จะมาไขทุกข้อสงสัยให้คุณใน Jitta Wealth Live วันพุธที่ 9 พฤศจิกายน 2565 เวลา 1 ทุ่มตรง
รับการแจ้งเตือนเพื่อชมทาง Facebook
รับการแจ้งเตือนเพื่อชมทาง YouTube
วันที่ 1 พฤศจิกายนที่ผ่านมา คณะกรรมการนโยบายการเงินสหรัฐฯ ปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% มาอยู่ที่ 3.75% – 4.00% และเป็นการปรับขึ้นดอกเบี้ย 0.75% ครั้งที่ 4 ติดต่อกันแล้ว
ในการประชุมครั้งนี้ Jerome Powell ประธาน Fed ส่งสัญญาณว่าการปรับขึ้นดอกเบี้ยจะดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง แต่ก็มีแนวโน้มจะปรับขึ้นด้วยอัตราที่ช้าลงในอนาคต
จากข้อมูล CME FedWatch Tools ได้คาดการณ์โอกาสในการปรับขึ้นดอกเบี้ยดังนี้
หากเป็นตามนี้จริง อัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงสุดจะอยู่ที่ 5.00-5.25% ซึ่งสูงกว่าที่ Fed เคยคาดการณ์ไว้ที่ 4.50-4.75%
การปรับดอกเบี้ยขึ้นจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวช้าลง แต่ Fed ก็เริ่มส่งสัญญาณการลดความร้อนแรงในการขึ้นดอกเบี้ยแล้ว หากสถานการณ์เงินเฟ้อเริ่มดีขึ้น ตลาดหุ้นก็มีโอกาสกลับมาฟื้นตัวได้มากขึ้น
Berkshire Hathaway ของ Warren Buffett รายงานผลกำไรจากการดำเนินงานในไตรมาส 3 ปีนี้ที่ 7,761 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 20% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน
โดยกำไรจากการดำเนินงานที่เติบโตขึ้นเกิดจากการลงทุนของธุรกิจประกันภัย ธุรกิจพลังงานและสาธารณูปโภค รวมถึงธุรกิจอื่นๆ ในพอร์ตของ Berkshire Hathaway ส่วนธุรกิจที่ขาดทุนในไตรมาสนี้ ได้แก่ ธุรกิจประกันภัยที่ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนจากผลกระทบของเฮอริเคน ‘เอียน’ และธุรกิจขนส่งทางราง
ส่วนกำไรสุทธิของ Berkshire ในไตรมาสนี้พลิกเป็นขาดทุนสทธิ 2,688 ล้านดอลลาร์สหรัฐจากกำไรสุทธิ 10,344 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงเดียวกันของปีก่อน จากการบันทึกผลขาดทุนที่ยังไม่เกิดขึ้นจริง (Unrealized Loss) ของพอร์ตลงทุนหุ้นและตราสารอนุพันธ์จำนวน 10,344 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ท่ามกลางตลาดหุ้นทั่วโลกที่ดิ่งลงในปีนี้
เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official
💡 ถือหุ้นตลอดเวลา ดีกว่าการถือเงินสดรอจับจังหวะยังไง? มาไขข้อข้องใจกัน
😄 ช่วงหุ้นผันผวนแบบตอนนี้ นักลงทุนทำอะไรกันบ้าง? มาแชร์กัน
🤖 เปิดพอร์ต Thematic Optimize ของคุณ Than Money Trick ได้ธีมอะไรบ้าง?
(ตอบคำถามให้ครบ 3 ข้อ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มนะ 🤗)
ท่ามกลางแรงกดดันจากรัฐบาลสหรัฐฯ ที่ห้ามบริษัทชิปในสหรัฐฯ ซื้อขายชิประดับ High-end กับจีน แต่จีนกลับยิ่งเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ของตัวเอง โดยสำนักข่าว Nikkei รายงานว่า ‘จีนเริ่มพึ่งพาตัวเองมากขึ้นและเร่งการพัฒนาผลิตเซมิคอนดักเตอร์ภายใต้นโยบายของ Xi Jinping’
หลังการประชุมร่วมกัน สมาคมเซมิคอนดักเตอร์จีนได้กล่าวว่า “จีนจะเพิ่มส่วนแบ่งการตลาดในอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์บนมือถือและพัฒนาเทคโนโลยีให้ทัดเทียมกับมาตรฐานโลก”
การเติบโตของอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์จีนเริ่มขึ้นในปี 2558 ด้วยนโยบาย Made in China 2025 ในช่วงนั้นบริษัทเทคโนโยลีจีนมีสัดส่วนการใช้เซมิคอนดักเตอร์ในประเทศเพียง 10% แต่ในปี 2565 พบว่าสัดส่วนการใช้เซมิคอนดักเตอร์ในประเทศเพิ่มเป็น 24% และมีแนวโน้มจะแตะ 50% ในปี 2573
แน่นอนว่ามาตรการกีดกันจากสหรัฐฯ จะส่งผลกระทบต่อจีน แต่ก็เป็นแรงผลักดันให้จีนเร่งพัฒนาอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์ให้ทัดเทียมกับมาตรฐานโลกด้วยเช่นกัน
‘อยากมีชีวิตที่มั่นคง ต้องวางแผนการเงิน’ ประโยคที่ฟังดูง่ายแต่ไม่ง่าย เพราะการวางแผนการเงินมีหลายด้าน และ ‘การลดหย่อนภาษี’ ก็เป็นหนึ่งในนั้น แล้วกองทุนส่วนบุคคลของ Jitta Wealth กับกองทุน SSF การลงทุนไหนจะเหมาะกับคุณมากกว่า?
ตั้งแต่ที่โลกต้องเจอกับ Covid-19 จนทำให้เศรษฐกิจชะลอตัว แต่ตอนนี้ข่าวดีที่สำคัญเริ่มปรากฎออกมาอีกครั้ง เพราะจีนมีแนวโน้มจะเปิดประเทศในเดือนมีนาคม 2566
ข่าวดังกล่าวมาจากการรายงานของ Bloomberg ว่า ‘บัญชี Twitter รายหนึ่งได้กล่าวว่า Wang Huning หนึ่งในคณะกรรมการกรมการเมืองได้เตรียมหารือประเด็นการเปิดประเทศ พร้อมกำหนดวันเปิดประเทศไว้ที่ในช่วงเดือนมีนาคม 2566’
ข่าวดังกล่าวทำให้ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงพุ่งแรงทันที โดยเฉพาะหุ้นกลุ่มท่องเที่ยวและโรงแรม และหากพิจารณาถึงความเคลื่อนไหวของจีนต่อไปนี้ คุณจะพบว่าแนวโน้มการเปิดประเทศในปีหน้าของจีนเริ่มมีน้ำหนักมากขึ้นเรื่อยๆ
การเปิดประเทศนอกจากจะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจจีนแล้ว อีกหลายประเทศก็จะได้รับอานิสงส์จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวจีนด้วยเช่นกัน โดยเฉพาะฮ่องกง ไทยและญี่ปุ่นที่เป็นแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยม หากเรื่องนี้ได้รับการยืนยันเมื่อไร ตลาดหุ้นหลายๆ ประเทศอาจคึกคักขึ้นอีกครั้ง
ถ้าชีวิตคุณขาดเทคโนโลยีแล้วจะเป็นอย่างไร? แค่นี้ก็รู้แล้วว่าโลกเราขาดเทคโนโลยีไม่ได้แล้ว แต่ใครจะไปรู้ว่า ‘บริษัทเทคโนโลยีจีน’ กำลังซุ่มพัฒนาตัวเองอย่างเงียบๆ ด้วยกำลังเงินและคนที่พร้อมสรรพ วันนี้ Jitta Wealth จะพาคุณไปรู้จัก 8 บริษัทเทคโนโลยีจีนอนาคตไกลที่น่าลงทุน
LG Energy บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรีจากเกาหลีใต้ ประกาศตัวเลขผลประกอบการไตรมาส 3 มีรายได้อยู่ที่ 7.75 ล้านล้านวอนหรือ 5,400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพิ่มขึ้นกว่า 90% yoy และ 51% qoq จากความต้องการรถยนต์พลังงานสะอาดที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะผู้ผลิตจากสหรัฐฯ และยุโรป รวมไปถึงการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐ
ปัจจุบันผู้ผลิตแบตเตอรีจากจีน ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ได้รับคำสั่งซื้อเพิ่มขึ้นมาก โดย LG Energy เองมีคำสั่งซื้อที่ยังไม่ได้ส่งมอบอยู่สูงถึง 200,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรีต้องเพิ่มกำลังการผลิตเพื่อรองรับความต้องการที่สูงขึ้น
Jitta Wealth มองว่าธีมลิเธียมและแบตเตอรีมีการลงทุนทั้งในหุ้นของบริษัท LG Energy Samsung SDI และ CATL ดังนั้น จึงสามารถป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาระหว่างสหรัฐฯ กับจีน จนทำให้ผู้ผลิตรถยนต์สหรัฐฯ ต้องลดการสั่งซื้อแบตเตอรีจากจีนได้
ข่าวหุ้น Meta Platforms บริษัทแม่ของ Facebook ราคาร่วงเกือบ -25% ในวันเดียว ทำเอานักลงทุนต้องกุมขมับ มาถอดบทเรียนจากการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ รอบที่ผ่านมากันดีกว่า
ข่าวใหญ่ในสัปดาห์ที่ผ่านมา หนีไม่พ้นข่าวลือการเปิดประเทศของจีนในเดือนมีนาคมปีหน้า ซึ่งหากเป็นจริงก็จะส่งผลบวกต่อเศรษฐกิจหลายประเทศที่นักท่องเที่ยวจีนชอบเดินทางไป ซึ่งไทยเราก็เป็นหนึ่งในนั้น ตลาดหุ้นจีน ฮ่องกง รวมถึงไทยก็ปรับตัวขึ้นไปรอก่อนแล้ว
เรื่องนี้เป็นอีกตัวอย่างนึงว่าทำไม ‘การจับจังหวะซื้อขายหุ้น’ อาจทำให้คุณพลาดวันที่ตลาดหุ้นขึ้นแรงจากปัจจัยที่เกิดขึ่นแบบฉันพลัน คาดการณ์ล่วงหน้าไม่ได้
หมั่นทบทวนหลักการลงทุนที่ถูกต้อง ประกอบกับการศึกษาข้อมูลในอดีต จะช่วยให้ชีวิตการลงทุนของคุณสงบร่มเย็นมากขึ้นในช่วงเวลาที่ตลาดหุ้นผันผวน ชวนให้ไขว้เขวแบบตอนนี้
สุขสันต์วันลอยกระทง
แล้วพบกันใหม่วันอังคารหน้า
ทีมงาน Jitta Wealth
Jitta Wealth Journal – นักวิเคราะห์ประสานเสียง SET ปีหน้าขาขึ้น!