Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 101 ประจำวันที่ 1 พฤศจิกายน 2565
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ฟื้นแรงหลังผลประกอบการหุ้นเทคฯดีและ GDP สหรัฐฯ โตแรง สวนทางตลาดหุ้นจีนที่ร่วงแรง นักวิเคราะห์ประสานเสียง SET Index ปีหน้าขาขึ้นชัวร์ ราคาหุ้น Meta ร่วงกราวรูด เทรนด์ฟินเทคอาเซียนทิศทางสดใส ส่วน BYD ยักษ์ใหญ่ EV จีนโชว์กำไรพุ่ง 3 เท่าตัว เตรียมยืนหนึ่งด้านรถยนต์พลังงานสะอาด
ทีมงานย่อยข่าวเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกมาให้คุณแล้ว ไปติดตามกันได้เลย
S&P 500 +3.95% DJIA +5.72% NASDAQ +2.24%
หุ้นเทคโนโลยีหลายตัวหนุนตลาดหุ้นสหรัฐฯ ให้ฟื้นตัวแรงหลังผลประกอบการออกมาดีเกินคาดเป็นส่วนใหญ่ และการประกาศตัวเลข GDP สหรัฐฯ ในไตรมาส 3 ที่ขยายตัว 2.6% เมื่อปรับเป็นอัตราต่อปี ขณะที่อัตราเงินเฟ้อในเดือนกันยายน 2565 เมื่อวัดจาก Core PCE ก็อยู่ที่ 5.1%yoy ต่ำกว่าคาดที่ 5.2%yoy
CSI 300 -5.39% TOPIX +0.91% VNI +0.74% SET +0.93%
ตลาดหุ้นจีนร่วงแรง แต่นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิเนื่องจากตอนนี้หุ้นจีนหลายตัวมีราคาต่ำลงจนน่าลงทุน ในขณะที่ตลาดหุ้นอื่นๆ ในเอเชียยังทรงตัวหลังตลาดหุ้นสหรัฐฯ และจีนเคลื่อนไหวสวนทางกัน
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 30 ตุลาคม 2565
โอกาสพาพอร์ตบินสูงกับหุ้นจ่าฝูงอยู่ที่นี่แล้ว ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีจีนได้แล้ววันนี้กับ Jitta Wealth เติบโตสู่เส้นทางการเป็นมหาอำนาจด้านเทคโนโลยีของโลก อย่ารอช้า เตรียมบินทะยานไปด้วยกัน
ตัวเลข GDP สามารถบอกทิศทางการเติบโตของแต่ละประเทศให้คุณได้อย่างชัดเจนที่สุด และในตอนนี้สหรัฐฯ ก็กลับมาขยายตัวอีกครั้งเพราะ GDP ในไตรมาส 3 กลับมาเป็นบวกที่ 2.6% หลังจากที่หดตัวมา 2 ไตรมาสติดกัน และถือเป็นการขยายตัวที่สูงกว่าคาดการณ์ที่ 2.3% ด้วย
ในไตรมาส 3 ตัวเลขการส่งออก การบริโภคภายในประเทศ รวมถึงการลงทุนภาครัฐและภาคเอกชนของสหรัฐฯ ล้วนขยายตัวทั้งหมด
ตัวเลข GDP สหรัฐฯ ที่เป็นบวกในไตรมาส 3 บ่งบอกว่าเศรษฐกิจสหรัฐฯ ยังแข็งแกร่ง แต่นักวิเคราะห์หลายสำนักก็ยังกังวลว่าสหรัฐฯ อาจหนีจากภาวะเศรษฐกิจถดถอยในปี 2566 ไม่พ้นอยู่ดี แต่ก็อาจเป็นภาวะถดถอยที่ไม่รุนแรงมากนัก (Mild Recession)
ต้องบอกว่าผลกระทบจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ Fed ยังคงอยู่ แต่หากสหรัฐฯ สามารถรักษาทิศทางการเติบโตนี้ต่อไปเรื่อยๆ ทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในช่วงปลายปี 2565 จนถึงปีหน้าก็อาจสดใสมากขึ้นทีเดียว
เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official
🇻🇳 แชร์พอร์ตลงทุน Jitta Ranking 8 แผน! พร้อมมุมมองล้ำค่าจากเพื่อนนักลงทุน
🔎 อายุ 18 เพิ่งหัดเริ่มลงทุน พี่ๆ จะแนะนำอย่างไรบ้าง?
🤔 ระหว่าง Thematic DIY และ Optimize เลือกลงทุนอะไรดี?
(ตอบคำถามให้ครบ 3 ข้อ เพื่อเข้าร่วมกลุ่ม 🤗)
ในปีที่ผ่านมา ปฏิเสธไม่ได้เลยว่าจีนถูกจับจ้องจากทั่วโลกมากเป็นพิเศษ เพราะมาตรการ Zero Covid ที่ส่งผลกระทบต่อทั่วโลก แต่จีนก็แก้เกมด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินเข้าระบบผ่าน Reverse Repo ไปอีก 238,000 ล้านหยวน จนทำให้เม็ดเงินอัดฉีดสุทธิอยู่ที่ 744,000 ล้านหยวน ซึ่งยังไม่รวมมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ ในช่วงต้น-กลางปี 2565 อีกมหาศาล
การอัดฉีดในครั้งนี้ตรงกับช่วงชำระภาษีประจำปี รวมไปถึงการออกตราสารหนี้ของรัฐบาลและเอกชน ทำให้มีความต้องการสภาพคล่องสูง เป็นเหตุผลให้ธนาคารกลางจีนต้องอัดฉีดเม็ดเงินจำนวนมากเข้าสู่ระบบ
การอัดฉีดเม็ดเงินจะช่วยเพิ่มเงินทุนในการลงทุนโครงการต่างๆ เช่น โครงการโครงสร้างพื้นฐาน และช่วยให้เศรษฐกิจจีนในไตรมาสที่ 4 ฟื้นตัวดีขึ้นจากช่วงครึ่งปีแรก และพร้อมก้าวเข้าสู่ปี 2566 อย่างแข็งแกร่ง
เพราะอะไร ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกในการลงทุนที่น่าสนใจ สำหรับคนที่ต้องการลงทุนในหุ้นที่มีโอกาสเติบโต เน้นไปที่อุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีน ไปดูกัน
HSBC เพิ่มประมาณการณ์ GDP เวียดนามปี 2565 เป็น 7.6% จากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ รวมไปถึงการพัฒนาอุตสาหกรรมการผลิต
Tim Evans ที่เป็น CEO ของธนาคาร HSBC ในเวียดนามกล่าวว่า “ภาคการผลิตของเวียดนามพัฒนาขึ้นอย่างชัดเจน เช่นเดียวกับภาคการผลิตในอาเซียน” นอกจากนี้ ในช่วง 9 เดือนแรกของปี 2022 GDP เวียดนามก็ขยายตัวกว่า 8.83% สูงที่สุดในรอบ 11 ปี
ส่วน Alain Cany ประธานหอการค้ายุโรปในเวียดนามได้เสนอแนะว่า “เวียดนามต้องทำให้การทำธุรกิจง่ายขึ้น พัฒนาด้านกฎหมาย ลดขั้นตอนการดำเนินการกับหน่วยงานรัฐ รวมไปถึงสิทธิประโยชน์ด้านต่างๆ เพื่อดึงดูดการลงทุนจากประเทศมากขึ้น”
ในตอนนี้เวียดนามเป็นประเทศที่สถาบันการเงินระดับโลกมีมุมมองบวก ท่ามกลางเศรษฐกิจโลกผันผวน การลงทุนจากต่างประเทศทำให้เศรษฐกิจเวียดนามขยายตัวต่อเนื่อง และนั่นทำให้เวียดนามเนื้อหอมอยู่เสมอ
นักวิเคราะห์ 3 โบรกเกอร์ฟันธง SET ปีหน้าพร้อมทะยานสู่ 1,750 – 1,800 จุด ขานรับเศรษฐกิจไทยเติบโตต่อเนื่อง พร้อมชี้ว่าปัจจัยเสี่ยงที่ฉุดรั้งดัชนีในปีนี้คือภาวะเงินเฟ้อ อัตราดอกเบี้ยสูง และเงินดอลลาร์แข็งค่านั้นใกล้แตะจุดพีคแล้ว
กรภัทร วรเชษฐ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัยและบริการการลงทุน บล.โนมูระ พัฒนสิน จำกัด (มหาชน) เผยว่า “แนวโน้นดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2566 ครึ่งปีแรกจะอยู่ที่ 1,690 – 1,800 จุด เนื่องจากมีปัจจัยบวกหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทย ที่คาดว่าจะเติบโตประมาณ 3.6% จากการบริโภคภายในประเทศ รวมไปถึงภาคการท่องเที่ยวและบริการ”
ขณะที่ วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล.ทรีนีตี้ ชี้ว่า “เป้าหมายดัชนีหุ้นไทยในปีหน้าจะอยู่ที่ระดับ 1,750 จุด โดยอัตราดอกเบี้ยและเงินเฟ้อจะผ่านจุดพีค และจะมีกระแสเงินลงทุนจากต่างชาติเข้าสู่ตลาดหุ้นไทยมากขึ้น”
ส่วน ณัฐพล คำถาเครือ ผู้อำนวยการฝ่ายวิเคราะห์หลักทรัพย์ บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ให้ความเห็นว่า “ดัชนีตลาดหุ้นไทยในปี 2566 จะอยู่ในระดับ 1,720 จุด และคาดการณ์ว่ากำไรของบริษัทจดทะเบียนไทยจะเติบโตขึ้น 10% ในปีหน้า”
กลยุทธ์การลงทุนมีมากมายหลากหลาย อาจจะเป็นกลยุทธ์ธรรมดาๆ ที่ได้ผล กลยุทธ์ขั้นเทพที่อาศัยความชำนาญ หรือ กลยุทธ์สุดปั่นที่ไม่น่าเชื่อว่าได้ผลด้วย
วันที่ 26 ตุลาคม ที่ผ่านมา ราคาหุ้น Meta บริษัทแม่ของ Facebook ร่วงเกือบ 20% ปิดตลาด ต่ำสุดนับตั้งแต่เดือนมีนาคม 2559 โดยบริษัทมีรายได้ลดลงต่อเนื่องเป็นไตรมาสที่ 2 และคาดการณ์ว่ารายได้ในไตรมาสที่ 4 จะหดตัวต่อเนื่อง
ผลประกอบการไตรมาส 3 ของ Meta มีกำไรต่อหุ้น (EPS) อยู่ที่ $1.64 ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ $1.89 แต่มีรายได้อยู่ที่ 27,710 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่าคาดการณ์ที่ 27,380 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
Meta กำลังเผชิญกับการชะลอตัวของรายได้โฆษณาออนไลน์ ความท้าทายจากการอัปเดตความเป็นส่วนตัวของ iOS และคู่แข่งอย่าง TikTok จนทำให้รายได้ลดลงต่อเนื่อง
รายได้จากบริษัทลูกอย่าง Reality Labs ที่พัฒนาชุดหูฟัง VR และธุรกิจ Metaverse ก็ลดลงเกือบครึ่งหนึ่งจากปีก่อนหน้าเหลือเพียง 285 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และขาดทุนเพิ่มขึ้นเป็น 3,670 ล้านดอลลาร์สหรัฐจาก 2,630 ล้านดอลลาร์สหรัฐในไตรมาสที่ 3 ของปีที่แล้ว
Google Temasek และ Bain & Co. คาดว่าธุรกรรมด้าน Digital Payment ในอาเซียนจะเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 3 เท่าแตะที่ระดับ 2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐภายในปี 2030 โดยเป็นผลมาจากการเพิ่มขึ้นของบริษัทด้านฟินเทคและ Digital Banking ในภูมิภาคอาเซียน
การวิจัยครั้งนี้สำรวจเทรนด์ฟินเทคในภูมิภาคอาเซียนอย่างอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ ไทย และเวียดนาม พบว่าการใช้งาน Digital Payment เติบโตไปพร้อมกับการเข้าถึงอินเทอร์เน็ต ซึ่งคาดว่าประชากรในภูมิภาคอาเซียนกว่า 460 ล้านคนจะเข้าถึงอินเทอร์เน็ตภายในปีนี้
การชำระเงินออนไลน์ถือเป็นจุดเริ่มต้นของธุรกิจบริการทางการเงินออนไลน์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับ-โอนเงิน การปล่อยสินเชื่อ การลงทุน และธุรกิจประกันภัย ซึ่งธุรกรรมดังกล่าวล้วนเติบโตเป็นเลขสองหลักในช่วงที่ผ่านมา
ในอาเซียนมีการใช้งานด้าน Digital Payment จำนวนมาก บริษัทระดับโลกต่างเข้ามาลงทุนร่วมเป็นพาร์ทเนอร์กับบริษัทท้องถิ่นในการให้บริการด้าน Digital Payment
เทคโนโลยีการเงินมีศักยภาพในการเติบโตสูง เพราะยิ่งอัตราการเข้าถึงอินเทอร์เน็ตมากขึ้นเท่าไร การใช้งานด้านเทคโนโลยีการเงินจะเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น จนการใช้บริการทางการเงินผ่านช่องทางออนไลน์กลายเป็นเรื่องปกติในสังคม
BYD บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าอันดับหนึ่งของจีนประกาศผลประกอบการไตรมาส 3 ปี 2565 มีกำไรสุทธิโตกว่า 350% โดยรายได้ในไตรมาส 3 อยู่ที่ 117,080 ล้านหยวน เพิ่มขึ้นถึง 115% yoy
ในปีนี้ BYD มุ่งมั่นพัฒนารถยนต์พลังงานสะอาดโดยเฉพาะ ตั้งแต่เดือนมีนาคม 2022 ที่ผ่านมา BYD ได้ยุบไลน์การผลิตรถยนต์ประเภทสันดาปภายใน และหันมาผลิตรถยนต์ประเภท Plug-in Hybrid และรถยนต์ไฟฟ้า 100% หรือแบบ Battery EV มากขึ้น
ตลอด 9 เดือนแรกของปี 2565 BYD มียอดขายรถยนต์พลังงานสะอาดอยู่ที่ 1.17 ล้านคัน เพิ่มขึ้น 255% yoy แบ่งเป็นรถยนต์ Plug-in Hybrid 593,191 คัน เพิ่มขึ้น 307% yoy และรถยนต์ไฟฟ้าล้วน 582,130 คัน เพิ่มขึ้น 214% yoy
หาก BYD ทำยอดขายเติบโตได้เช่นเดิมในไตรมาส 4 ปีนี้ บริษัทมีโอกาสบรรลุเป้าหมายยอดขาย 2 ล้านคัน และจะกลายเป็นบริษัทรถยนต์พลังงานสะอาดที่มียอดขายมากที่สุดในโลกทันที
ช่วงนี้ทั้งตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นเวียดนามต่างก็ร่วงแรง หากคุณติดตาม Jitta Wealth Journal จะพบว่าสาเหตุไม่ได้เกิดขึ้นเพราะปัจจัยพื้นฐานของบริษัทหรือเศรษฐกิจ แต่กลับเป็นเพราะเรื่องการเมือง ผลตอบแทนของเงินฝาก รวมถึงคดีทุจริตของผู้บริหารบางบริษัท ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับพื้นฐานทางธุรกิจของบริษัทแต่อย่างใด
เรื่องนี้เป็นบทเรียนที่ดีของนักลงทุนระยะยาว และเป็นโอกาสลงทุนที่นานๆ จะเกิดขึ้นสักครั้ง โดยเฉพาะในตลาดหุ้นเวียดนามที่เป็นขาขึ้นติดต่อกันมาหลายปี เศรษฐกิจเวียดนามกำลังเติบโตเร่งขึ้น บริษัทต่างๆ ในตลาดหุ้นเวียดนามก็มีโอกาสที่ผลประกอบการจะเติบโตได้ดีตามไปด้วย
ขอแค่คุณแน่วแน่ในหลักการลงทุนระยะยาว เน้นลงทุนในสินทรัพย์ที่มีคุณภาพ และถือต่อไปในระยะยาวเพื่อให้สินทรัพย์ของคุณมีโอกาสแสดงประสิทธิภาพออกมา รับรองว่าผลตอบแทนไม่หนีไปไหนแน่นอน
แล้วพบกันใหม่วันอังคารหน้า
ทีมงาน Jitta Wealth