ปี 2564 นับเป็นปีที่กองทุนส่วนบุคคล Thematic ของ Jitta Wealth ให้บริการคุณเต็มปี
เราเริ่มต้นในฐานะ Trendsetter กับการเปิดตัว Thematic ในเดือนตุลาคม 2563 จัดพอร์ตลงทุนใน Passive ETF ที่ขนธีมการลงทุนที่น่าสนใจ 10 ธีม และทยอยเพิ่มธีมใน Thematic ปี 2564 อีก 6 ธีม
และในเดือนตุลาคม 2564 เราได้เปิดแผนการลงทุน Thematic Optimize ที่พัฒนา AI มาวิเคราะห์ที่น่าลงทุนที่สุด และจัดพอร์ต 4 ธีม โดยที่คุณไม่ต้องจัดพอร์ตเปลี่ยนธีมเองทุกไตรมาส
แต่ Jitta Wealth ยังเก็บสไตล์จัดพอร์ตเลือกธีมเองไว้ ผ่านแผน Thematic DIY
ปี 2564 ยังเป็นปีที่ตลาดหุ้นทั่วโลกฟื้นตัวได้ดี ให้ผลตอบแทนเป็นบวกเกือบทุกประเทศ ตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจโลก แต่ก็ไม่ได้แปลว่า ทุกธีมที่ Jitta Wealth คัดสรรมา จะทำกำไรได้ดีในปีที่ผ่านมา
เพราะนอกจากข่าวสารต่างๆ ที่เกิดขึ้นรายวัน ยังมีปัจจัยบวกและลบเฉพาะแต่ละธีมที่ส่งผลกระทบโดยตรงให้ราคา ETF นั้นขึ้นๆ ลงๆ มูลค่าพอร์ตของคุณจึงผันผวนตลอดเวลา
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อตลาดหุ้นและราคาหุ้นขึ้นสูงมาก ตั้งแต่ครึ่งปีหลัง 2563 จนถึงปลายปี 2564 แรงเทขายทำกำไรในหุ้นเติบโตอย่างบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ย่อมเกิดขึ้นได้ ตามอารมณ์ของนักลงทุนทั่วโลก
ดังนั้นผลตอบแทน 16 ธีมของ Thematic ปี 2564 จึงมีทั้งกำไรและขาดทุนผสมปนเปกันไป มาดูกันว่า ธีมที่อยู่ในพอร์ตของคุณ ไม่ว่าจะเป็นแผน Thematic DIY และ Thematic Optimize เป็นอย่างไรในปีที่ผ่านมา
หากเป็นการลงทุนระยะยาวแล้ว ผลตอบแทนปีเดียวเป็นเวลาที่สั้นมาก ดังนั้นให้เงินทำงานเป็นระยะเวลานานกว่านี้ แล้วคุณจะค้นพบว่า ผลตอบแทนทบต้นระยะยาวมีจริงๆ ขอเพียงความเข้าใจในหลักการและวินัยการลงทุน
ทีมงาน Jitta Wealth จัดอันดับ 9 จาก 16 ธีมที่ทำผลตอบแทนติดลบในกองทุนส่วนบุคคล Thematic ปี 2564 โดยเรียงจากธีมที่ขาดทุนมากที่สุด ไปจนถึงธีมที่ขาดทุนน้อยที่สุดในปีที่ผ่านมา
และธีมที่ติดลบมากที่สุดในปี 2564 ได้แก่…
อีคอมเมิร์ซ (E-commerce) ลงทุนผ่าน ProShares Online Retail ETF หรือ ONLN ที่ลงทุนในบริษัทค้าปลีกทั่วโลกที่มีรายได้หลักจากการค้าขายออนไลน์ รวมไปถึงบริการอีมาร์เก็ตเพลส
บริษัทที่ลงทุน 10 อันดับแรก ได้แก่ Amazon (23.75%) Alibaba (11.58%) eBay (5.47%) Sea (3.35%) JD.com (3.31%) DoorDash (3.00%) Etsy (2.49%) Chewy (2.39%) WayFair (2.31%) และ Flowers.com (2.13%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในสหรัฐอเมริกา (73.81%) จีน (17.36%) และไต้หวัน (3.39%)
เทคโนโลยีจีน (China Tech) ลงทุนผ่าน Invesco China Technology ETF หรือ CQQQ ที่ลงทุนหุ้นบริษัทสัญชาติจีนชั้นนำกลุ่ม IT ในดัชนี A-share H-share และ US-ADR
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ Tencent (10.44%) Baidu (8.95%) Meituan (8.29%) Sunny Optical Technology (7.38%) และ Kuaishou Technology (5.23%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในกลุ่ม IT (49.22%) บริการการสื่อสาร (37.93%) และสินค้าฟุ่มเฟือย (9.92%)
ตลาดหุ้นจีน (China) ลงทุนผ่าน iShares MSCI China ETF หรือ MCHI ที่ลงทุนในตลาดหุ้นจีน เป็นหุ้นกลุ่ม A-Share B-Share H-Share Red-Chip P-Chip และ US-ADR ซึ่งเป็นหุ้นจีนที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา
บริษัทที่ลงทุน 6 อันดับแรก ได้แก่ Tencent (13.24%) Alibaba (9.08%) Meituan (4.65%) China Construction Bank (2.60%) JD.com (2.39%) และ Ping An Insurance (1.78%)
สัดส่วนการลงทุน 5 อันดับแรกอยู่ในสินค้าฟุ่มเฟือย (29.24%) การสื่อสาร (18.28%) การเงิน (15.07%) IT (6.92%) และสุขภาพ (6.66%)
กัญชา (Cannabis) ลงทุนผ่าน ETFMG Alternative Harrest ETF หรือ MJ ที่ลงทุนในอุตสาหกรรมเพาะปลูกและแปรรูปกัญชา เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และประเทศที่รับรองกัญชาเพื่อสันทนาการทางกฎหมาย
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ Aurora Cannabis (7.93%) Canopy Growth (6.42%) Tilray (6.23%) Arena Pharmaceuticals (5.98%) และ Cronos Group (5.50%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในสหรัฐอเมริกา (54.11%) แคนาดา (35.91%) และสหราชอาณาจักร (6.67%)
เทคโนโลยีการเงิน (Fintech) ลงทุนผ่าน Global X Fintech ETF หรือ FINX ที่ลงทุนในบริษัทผู้นำทางเทคโนโลยีการเงินทั่วโลก
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ Intuit (7.9%) Adyen (6.87%) Fiserv (6.49%) Fidelity (5.15%) และ Coinbase (5.08%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในสหรัฐอเมริกา (65.4%) เนเธอร์แลนด์ (6.9%) และออสเตรเลีย (4.2%)
เกมและอีสปอร์ต (Games & E-sports) ลงทุนผ่าน Global X Video Games & E-sports ETF หรือ HERO ลงทุนในบริษัทเกมและผู้จัด E-sports รวมไปถึงบริษัทพัฒนาและจัดทำเกม บริษัทที่มีส่วนในการสตรีมมิงการแข่งขัน
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ Nvidia (10.87%) Electronic Arts (6.35%) NetEase (6.07%) Nintendo (5.66%) และ Take-Two Interactive (5.07%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในสหรัฐอเมริกา (30.8%) ญี่ปุ่น (24.9%) และเกาหลีใต้ (16.1%)
เทคโนโลยีท่องเที่ยว (Travel Tech) ลงทุนผ่าน ETFMG Travel Tech หรือ AWAY ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีการท่องเที่ยวที่เข้ากับไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ทั่วโลก
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ Booking.com (4.92%) Uber Technologies (4.85%) Expedia (4.94%) eDreams Odigeo (4.54%) และ Sabre (4.35%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในสหรัฐอเมริกา (40.64%) ฮ่องกง (12.84%) และออสเตรเลีย (9.15%)
จีโนมิกส์ (Genomics) ลงทุนผ่าน iShares Genomics Immunology and Healthcare ETF หรือ IDNA ลงทุนในบริษัทเทคโนโลยีพัฒนานวัตกรรมจีโนมิกส์ ภูมิคุ้มกันวิทยา และพันธุวิศวกรรมทั่วโลก
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ Intellia Therapeutics (4.63%) Blueprint Medicines (4.50%) Exelixis (4.37%) Ono Pharmaceutical (4.30%) และ Genmab (4.28%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในสหรัฐอเมริกา (62.95%) ญี่ปุ่น (8.92%) และเยอรมนี (8.44%)
คลาวด์ (Cloud Computing) ลงทุนผ่าน WisdomTree Cloud Computing Fund หรือ WCLD ลงทุนในบริษัทพัฒนาและให้บริการคลาวด์ ครอบคลุมทั้งธุรกิจ SaaS PaaS และ IaaS
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ New Relic (2.92%) Mimecast (2.83%) Tenable (2.58%) Qualys (2.43%) และ Snowflake (2.37%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในสหรัฐอเมริกา (92.20%) อิสราเอล (3.16%) และออสเตรเลีย (1.87%)
ทีมงาน Jitta Wealth จัดอันดับ 7 จาก 16 ธีมที่ทำผลตอบแทนได้ดีในกองทุนส่วนบุคคล Thematic ปี 2564 โดยเรียงจากธีมที่มีผลตอบแทนสูงสุด ไปจนถึงธีมมีกำไรน้อยที่สุดในปีที่ผ่านมา
และธีมที่ได้กำไรมากที่สุดในปี 2564 ได้แก่…
🥇ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกา (United States) ลงทุนผ่าน Schwab U.S. Large-Cap ETF หรือ SCHX ที่ลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาทั้งตลาด
บริษัทที่ลงทุน 6 อันดับแรก ได้แก่ Apple (6.19%) Microsoft (5.44%) Amazon (3.29%) Tesla (2%) Alphabet (Google) (1.91%) และ Meta Platforms (เดิม Facebook) (1.82%)
สัดส่วนการลงทุน 5 อันดับแรกอยู่ใน IT (28.26%) บริการสุขภาพ (13.05%) สินค้าฟุ่มเฟือย (12.22%) การเงิน (11.39%) และบริการการสื่อสาร (10.96%)
🥈ตลาดหุ้นอินเดีย (India) ลงทุนผ่าน WisdomTree India Earnings Fund ETF หรือ EPI ที่ลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นอินเดีย
บริษัทที่ลงทุน 6 อันดับแรก ได้แก่ Reliance (7.71%) Infosys (5.55%) Housing Development Finance (4.89%) ICIC Bank (3.92%) และ Tata Consultancy Services (3.05%)
สัดส่วนการลงทุน 5 อันดับแรกอยู่ใน การเงิน (23.59%) พลังงาน (17.33%) วัตถุดิบ (15.33%) IT (14.17%) และสาธารณูปโภค (7.86%)
🥉ตลาดหุ้นเวียดนาม (Vietnam) ลงทุนผ่าน VanEck Vectors Vietnam ETF หรือ VNM ลงทุนในบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม รวมไปถึงบริษัทต่างชาติที่มีรายได้หลักมาจากเวียดนาม
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ Vinhomes (7.86%) Masan Group (7.69%) Vingroup (6.97%) Vietnam Dairy Products (6.34%) และ No Va Land Investment Group (5.59%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ (26.3%) สินค้าจำเป็น (18%) และอุตสาหกรรม (12.40%)
บริการสุขภาพ (Healthcare) ลงทุนผ่าน iShares Global Healthcare ETF หรือ IXJ ลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับสุขภาพ เทคโนโลยีชีวภาพ เครื่องมือทางการแพทย์ที่กระจายอยู่ทั่วโลก
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ UnitedHealth Group (6.24%) Johnson & Johnson (5.94%) Pfizer (4.36%) Roche (3.85%) และ Thermo Fisher Scientific (3.46%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในสหรัฐอเมริกา (70.72%) สวิสเซอร์แลนด์ (9.11%) และญี่ปุ่น (4.83%)
เทคโนโลยี (Technology) ลงทุนผ่าน iShares Exponential Technologies ETF หรือ XT ลงทุนในบริษัทที่สร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงสังคมทั่วโลก บริษัทมากกว่าครึ่งอยู่ในสหรัฐอเมริกา
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ Broadcom (0.60%) CF Industries (0.59%) Citrix System (0.58%) Arista Networks (0.58%) และ Wipro (0.57%)
สัดส่วนการลงทุน 5 อันดับแรกอยู่ใน IT (53.53%) บริการสุขภาพ (22.30%) อุตสาหกรรม (6.20%) สินค้าฟุ่มเฟือย (4.72%) และ การสื่อสาร (4.08%)
หุ่นยนต์ และ AI (AI & Robotics) ลงทุนผ่าน iShares Robotics and Artificial Intelligence Multisector ETF หรือ IRBO ที่ลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ เติบโตจากนวัตกรรมหุ่นยนต์และ AI ทั้งในตลาดประเทศพัฒนาแล้วและตลาดเกิดใหม่
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ GoDaddy (1.15%) Vivendi (1.09%) Altair Engineering (1.07%) ATS Automation (1.03%) และ Aveva (1.03%)
สัดส่วนการลงทุน 3 ประเทศแรกอยู่ในสหรัฐอเมริกา (52.19%) จีน (12.52%) และญี่ปุ่น (10.54%)
พลังงานสะอาดจีน (China Clean Energy) ลงทุนผ่าน KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF หรือ KGRN ลงทุนในบริษัทจีนที่พัฒนาสินค้าและบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เช่น แผงโซลาร์เซลล์ กังหันลม รถยนต์ไฟฟ้า อาคารประหยัดพลังงาน และบริการกำจัดน้ำเสีย
บริษัทที่ลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่ Xpeng (9.89%) Li Auto (9.74%) Nio (7.85%) บริษัท BYD (7.27%) และ บริษัท Conch Venture (5.14%)
สัดส่วนการลงทุน 3 อันดับแรกอยู่ในสินค้าฟุ่มเฟือย (21.95%) อุตสาหกรรม (19.02%) และพลังงาน (14.24%)
นี่คือ สรุปภาพรวมของ 16 ธีมจากกองทุนส่วนบุคคล Thematic ปี 2564 ไม่ว่าคุณจะมีพอร์ต Thematic DIY หรือ Thematic Optimize คุณจะเข้าใจมากขึ้นว่า ทำไมหลายๆ ธีมปี 2564 ถึงขาดทุน เกิดจากอะไร แต่ไม่ได้หมายความว่า ETF คุณที่ลงทุนอยู่จะไม่เติบโตต่อ
ผลตอบแทนในปี 2563 และ 2564 เปรียบเหมือนกระจกมองหลัง เพื่อให้คุณสามารถประเมินได้ว่า คุณจะรับมือจัดพอร์ตลงทุนอย่างไรในปี 2565 หากคุณต้องการดูผลตอบแทนย้อนหลังนานขึ้น สามารถกดเข้าไปในเว็บไซต์ของ ETF ต้นทางได้เลย
ในปี 2565 ทีมงาน Jitta Wealth จะเพิ่มธีมเมกะเทรนด์ใหม่ๆ อีกหลายธีม จะเป็นธีมที่คุณรอคอยอยู่หรือไม่ รอติดตามกันได้ หากคุณลงทุนแผน Thematic DIY ชื่นชอบและเชื่อมั่นในธีมใหม่ๆ ที่เพิ่มเข้ามาให้เลือก สามารถเปลี่ยนธีมหรือเพิ่มธีมได้อีกเช่นกัน
กองทุนส่วนบุคคล Thematic ทีมงาน Jitta Wealth ได้คัดสรรธีมเมกะเทรนด์โลก รวมไปถึงธีมตลาดหุ้นอนาคตไกล เหมาะสำหรับพอร์ตลงทุนระยะยาวตั้งแต่ 3-5 ปีขึ้นไป หรือนานกว่านั้น ด้วยความเชื่อในหลักการผลตอบแทนทบต้น
อย่างไรก็ตามการลงทุนใน ETF หุ้นต่างประเทศมีความเสี่ยงสูงจากปัจจัยข่าวสารต่างๆ และความผันผวนที่คาดไม่ถึง ข้อแนะนำสำหรับแผนการลงทุน Thematic DIY และ Thematic Optimize คือ การเพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอ หรือ DCA (Dollar Cost Averaging) เข้าไปในพอร์ต เพื่อเฉลี่ยต้นทุน กระจายสัดส่วนในแต่ละธีม และเร่งให้มูลค่าในพอร์ตของคุณเติบโต
คุณสามารถมีทั้งพอร์ต Thematic DIY และ Thematic Optimize ควบคู่กันได้ หากต้องการวัดว่า ผลตอบแทนของแผนไหนดีกว่ากัน เงินลงทุนเริ่มต้นที่ 100,000 บาท สามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เว็บไซต์ หรือสอบถามกับเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ที่ Line ID: @JittaWealth
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ผู้บุกเบิกสตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01
ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
‘AI ของ Jitta Wealth’ เลือกให้ ทำไมพอร์ตยังติดลบ
เช็กลิสต์ 5 คุณสมบัติที่นักลงทุน Thematic DIY ควรมี
ผ่าไส้ใน AI ของ Thematic Optimize คิดจากอะไร แม่นยำแค่ไหน
AI ของ Thematic Optimize จัดพอร์ตอย่างไร ทำผลตอบแทนได้ 25% ต่อปี
Thematic DIY กับ Thematic Optimize แบบไหนที่ใช่คุณ