Live ล้วงลับ! หุ้นญี่ปุ่นพิฆาตฟาดกำไร 9 เด้ง ของ Jitta Wealth เดือนสิงหาคม 2565 เป็น Live สดที่คุณเผ่า แห่ง Jitta Wealth และคุณอาร์ต ชัชวนันท์ สันธิเดช ผู้ก่อตั้งเพจ Club VI มาร่วมพูดคุยถึงภาพรวมและแนวโน้มการเติบโตของตลาดหุ้นญี่ปุ่น รวมไปถึงนโยบายเศรษฐกิจและเอกลักษณ์ทางวัฒนธรรมที่ทำให้ตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังน่าลงทุน
หากคุณพลาดชม Live สด สามารถรับชมวิดีโอย้อนหลังได้ที่ Facebook และ Youtube
คุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth และ คุณอาร์ต ชัชวนันท์ สันธิเดช ผู้ก่อตั้งเพจ Club VI ได้พูดถึงมุมมองของการลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นที่หลายคนเข้าใจว่าเป็น Lost Decades ที่เติบโตช้า และคิดว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นไม่น่าสนใจในการลงทุนแล้ว
ทำให้หลายๆ คนไม่ได้ติดตามความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นญี่ปุ่นสักเท่าไรนัก แต่คุณอาร์ตได้อัปเดตว่าในช่วง 10 ปีหลัง เศรษฐกิจญี่ปุ่นเริ่มเติบโตขึ้นแบบเงียบๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่หลายคนไม่รู้ และในวันนี้เราจะพาคุณไปล้วงลึก ‘ตลาดหุ้นญี่ปุ่น’ ว่ายังมีโอกาสลงทุนอยู่หรือไม่
คุณเผ่า ได้อธิบายถึงจุดเด่นของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นญี่ปุ่นว่ามีหลายอย่างที่น่าสนใจ ดังนี้
และรวมไปถึงปัจจัยอื่นๆ อีกมากมาย และจะเห็นได้ว่าญี่ปุ่นไม่ได้รับผลกระทบจากอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งสูงขึ้นทั่วโลกมากนัก เพราะอัตราเงินเฟ้อญี่ปุ่นอยู่ที่ 2.4% เท่านั้น
นอกจากนี้ คุณเผ่าได้บอกว่าในตลาดหุ้นญี่ปุ่นยังมีหุ้นถูกและดีเป็นจำนวนมาก และในปี 2565 นี้ญี่ปุ่นได้ถูกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโต 2.4% สูงสุดในรอบ 12 ปี
คุณอาร์ต ได้พูดถึงมุมมองการอยู่อาศัยในญี่ปุ่น ซึ่งได้พูดถึงทั้งแง่บวกและแง่ลบ และให้ความเห็นว่า ‘ญี่ปุ่นเป็นประเทศที่น่าไปเที่ยว แต่ไม่น่าอยู่’ แต่ทุกคนต้องยอมรับว่าญี่ปุ่นเป็นประเทศที่มีระเบียบมาก และมีความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินสูง รวมไปถึงใส่ใจคุณภาพชีวิตประชากรอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับภาพรวมเศรษฐกิจญี่ปุ่น เริ่มมีแนวโน้มการเติบโตที่ดีมากขึ้นจากการบริหารประเทศของอดีตนายก Shinzo Abe ผู้ล่วงลับ ที่กระตุ้นเศรษฐกิจญี่ปุ่นให้เติบโต และยังเป็นคนสำคัญที่ช่วยให้คนไทยได้เข้าประเทศญี่ปุ่นได้แบบไม่ต้องขอวีซ่า
อดีตนายกรัฐมนตรี Abe เป็นคนที่กล้าจะออกนอกกรอบ และปรับเปลี่ยนญี่ปุ่นไปสู่ทิศทางที่ดีขึ้นอย่างมาก รวมไปถึงการพัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรให้ดีกว่าเดิม
โดย Abe ได้พยายามผลักญี่ปุ่นให้ก้าวไปข้างหน้า ซึ่งด้วยมูลค่าเศรษฐกิจที่ใหญ่มากของญี่ปุ่น การจะผลักดันญี่ปุ่นให้เติบโตเป็นสิ่งที่ทำได้ยาก แต่อดีตนายกฯ Abe สามารถทำได้
แต่ก็ต้องบอกว่าก็มีคนญี่ปุ่นกลุ่มนึงที่ไม่ชอบการบริหารของนายก Abe เช่นกัน ซึ่งเป็น คนญี่ปุ่นที่ Conservative มาก หรือ คนที่คิดว่า Abe ควรบริหารได้ดีกว่านี้ ทำให้เกิดกระแสการประท้วงขึ้นบ้าง แต่หากมองภาพรวมการบริหารของอดีตนายกฯ Abe ถือว่าทำได้ดีมากแล้ว
คุณเผ่า พูดถึงบริษัทญี่ปุ่นที่มีอายุเกิน 100 ปี โดยบอกว่าบริษัทที่มีอายุเกิน 100 ปี ทั่วโลกมากกว่า 56% อยู่ในญี่ปุ่น หมายความว่ามีบริษัทเก่าแก่ที่สามารถเติบโตขึ้นได้ในยุคปัจจุบัน ซึ่งหากมองถึงสินค้าและธุรกิจบางอย่างจะเป็นธุรกิจดั้งเดิมที่เก่าแก่ซะจนหาไม่ได้จากประเทศอื่นแล้ว
คุณอาร์ต ได้เสริมในจุดนี้ว่าด้วยความ ‘Conservative’ และ ‘ความเป็นญี่ปุ่น’ ทำให้ธุรกิจเก่าแก่ยังสามารถคงอยู่ต่อไปได้ ซึ่งสามารถปรับไปถึงเรื่องการลงทุนด้วยเช่นกัน หากใครสนใจจะลงทุนในญี่ปุ่น จำเป็นต้องใช้ ‘มุมมองแบบญี่ปุ่น’ จะทำให้เข้าใจและทำให้สามารถวิเคราะห์หุ้นญี่ปุ่นได้ดีขึ้น
คุณอาร์ต ได้พูดถึงทีมบริหารประเทศญี่ปุ่นในอนาคตว่า หากมีความพลิกแพลง กล้าออกนอกกรอบ และใช้นโยบายเหมือนกับที่ Shinzo Abe ทำ ก็ยังมีโอกาสเติบโตมากขึ้น แต่ต้องบอกว่าหากจะคาดการณ์แนวโน้มจริงๆ เป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะไม่มีใครสามารถทำนายอนาคตได้อย่างชัดเจน
คุณอาร์ต ได้บอกว่าหากมีความสนใจจะเข้าไปลงทุนหุ้นญี่ปุ่น ให้เริ่มจากการเจาะลึกรายอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น คุณอาร์ตได้แชร์มุมมองและประสบการณ์ที่เคยได้ลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นในอุตสาหกรรมค้าปลีก
เพราะมองว่าอุตสาหกรรมค้าปลีกของญี่ปุ่นมีความน่าสนใจและน่าลงทุน รวมถึงยังขยายธุรกิจออกไปในอุตสาหกรรมอื่นได้อย่างมหาศาล ซึ่งอุตสาหกรรมค้าปลีกของญี่ปุ่นจะค่อนข้างมีความแตกต่างกับสหรัฐฯ หรือไทยอย่างเห็นได้ชัด
สำหรับทางฝั่งยุโรป อีคอมเมิร์ซเริ่มเข้ามากินส่วนแบ่งตลาดค้าปลีกมากแล้ว แต่ไม่ใช่ในญี่ปุ่น นี่คือมุมมองความเป็นญี่ปุ่นและความ Conservative ที่ยังคงอนุรักษ์และให้ความสำคัญกับธุรกิจในประเทศซึ่งเป็นเสน่ห์ของคนญี่ปุ่นอย่างแท้จริง
คุณอาร์ตพยายามค้นหาหุ้นญี่ปุ่นคุณภาพดีและเจอหลายบริษัทด้วยกัน หนึ่งในหุ้นญี่ปุ่นที่คุณอาร์ตลงทุน คือ Pan Pacific International Holdings Corporation ที่มีรายได้และกำไรสุทธิโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง และราคาเคยขยับขึ้นไป 1 เท่าตัว หรือเป็น ‘หุ้น 1 เด้ง’ในเวลา 3 ปี
แต่คุณอาร์ตได้ย้ำเตือนการคัดเลือกหุ้นบริษัทญี่ปุ่นเพื่อลงทุนว่า ค่อนข้างหายาก ถึงแม้ว่าจะเคยไปอาศัยอยู่ในญี่ปุ่นและเลือกลงทุนตามไลฟ์สไตล์ก็ตาม ซึ่งหุ้น Pan Pacific International เป็นหุ้นที่คุณอาร์ตรู้จักและใช้บริการอยู่แล้วจึงตัดสินใจเลือกลงทุนในหุ้นบริษัทนี้
คุณเผ่า ในช่วงที่ถูกเรียกว่า Lost Decades ของญี่ปุ่น สถาบันการเงินใหญ่ๆ ไม่กล้าปล่อยกู้ให้กับธุรกิจใหม่ๆ ทำให้การพัฒนาไม่สามารถแข่งขันกับประเทศมหาอำนาจอย่างสหรัฐฯ ได้ แต่จะเห็นว่าในตอนนี้ญี่ปุ่นเริ่มกำลังจะกลับมาสู่เส้นทางเทคโนโลยีอีกครั้งแล้ว
รวมไปถึงนโยบายการสนับสนุนจากรัฐบาลเช่นกัน ที่เริ่มเปลี่ยนสู่ยุค Digital Transformation เพื่อนำเทคโนโลยีมาใช้งานในอุตสาหกรรมต่างๆ ซึ่งเป็นเรื่องที่ดี เพราะจะทำให้หลายอุตสาหกรรมีการพัฒนาที่รวดเร็วมากยิ่งขึ้น
เรื่องที่หลายคนยังไม่รู้ คือ มีบริษัทญี่ปุ่นมากมายเป็นพาร์ตเนอร์หรือทำงานเบื้องหลังบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกอย่าง Apple และ Tesla และต้องบอกว่าหาก Apple และ Tesla ขาดบริษัทที่ผลิตชิ้นส่วนสำคัญไปอาจทำให้สินค้าขาดแคลนเลยก็ได้
ซึ่งคุณสามารถไปอ่านรายละเอียดเพิ่มเติมเกี่ยวกับ ‘บริษัทญี่ปุ่นผู้สร้างเทคโนโลยีล้ำยุค’ ได้ที่นี่
เหตุผลที่บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกเลือกบริษัทญี่ปุ่นในการผลิตสินค้า เพราะมั่นใจในคุณภาพสินค้าที่ผลิตจากบริษัทญี่ปุ่น และทำให้คนทั่วโลกมั่นใจในแบรนด์ที่แปะป้าย Made in Japan ว่าคุณจะได้สินค้าคุณภาพดีอย่างแน่นอน
คุณอาร์ต ได้พูดถึงการทำงานของคนญี่ปุ่นว่า ‘คนญี่ปุ่นจะมี Passionในการสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ ให้ออกมาดีที่สุด’ ทำให้มั่นใจว่าสินค้าและสิ่งต่างๆ ที่คุณได้รับมาจากญี่ปุ่นจะเป็นสิ่งที่ดีที่สุดและมีคุณภาพอย่างแน่นอน
คุณเผ่า หลักการจัดพอร์ตของเราคือ QVI (Quantitative Value Investing) ที่จะวิเคราะห์หุ้นทุกตัว เอาตัวเลขทางการเงินมาวิเคราะห์เป็น Jitta Score ที่บอกคุณภาพหุ้น และ Jitta Line ที่บอกว่าราคาเหมาะสมเป็นอย่างไร ถูกหรือแพงเกินไปหรือไม่ และ Jitta Wealth ก็จะทำตามหลักการคือ การซื้อหุ้นดีราคาถูก และกระจายความเสี่ยงโดยการซื้อหุ้นจำนวน 20-30 ตัว พร้อมทั้งคอยปรับพอร์ตให้เรื่อยๆ ทุกๆ 3 เดือน เพื่อให้พอร์ตลงทุนดีขึ้นเรื่อยๆ อย่างสม่ำเสมอ เมื่อเราได้หุ้นมาเราก็เอามาทำ Back test 10 ปีย้อนหลังซึ่งก็พบว่าผลตอบแทนออกมาดีมาก
Jitta Wealth ค้นหาหุ้นดีอยู่เรื่อยๆ ผมสังเกตุว่าดัชนีตลาดหุ้นญี่ปุ่นตลอด 10 ปี ให้ผลตอบแทนที่น่าสนใจ เติบโตเฉลี่ยกว่า 13% ต่อปี ซึ่งเป็นรองตลาดหุ้นแค่ 3 ประเทศเท่านั้น คือ เวียดนาม อินเดีย แบะสหรัฐอเมริกา นี่คือสิ่งที่ Jitta Wealth เห็นว่าญี่ปุ่นคือตลาดหุ้นที่ถูกลืมไปแล้ว
มาดูการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลัง 10 ปี Jitta Ranking ญี่ปุ่น จะพบว่าเมื่อเทียบกับดัชนี TOPIX กับวิธีการลงทุนตามนโยบายของ Jitta Ranking ญี่ปุ่น TOPIX เติบโตเฉลี่ย 13% ต่อปี แต่มูลค่าพอร์ตของนโยบาย Jitta Ranking ญี่ปุ่นทำกำไรเฉลี่ยได้ประมาณ 26% ต่อปี ซึ่งเป็นที่มาที่ Jitta Wealth พูดว่า ‘ลงทุนหุ้นญี่ปุ่นกำไร 9 เด้ง’
ต้องบอกก่อนว่าไม่มีหลักการอะไรที่จะเอาชนะตลาดได้ทุกปี แต่เมื่อเรามองระยะยาวแล้ว หลังวิกฤตหุ้นมักจะได้ผลตอบแทนที่ดี แล้วเมื่อไหร่ที่ตลาดหุ้นขึ้นดี นักลงทุนเข้ามาลงทุนมากๆ หุ้น VI ก็จะทำงานได้ดีมาก ซึ่งผมเห็นว่าตลาดหุ้นญี่ปุ่นเติบโตได้ดี และ Back test ก็ทำผลตอบแทนชนะดัชนีได้เกือบเท่าตัว ทำให้ผมไปดูที่มาก็พบว่าหุ้นญี่ปุ่นมีมากกว่า 3,000 ตัว คนต่างชาติหรือคนในประเทศเองก็ไม่สนใจเท่าไหร่ ทำให้งบการเงินแต่ละบริษัทส่วนมากค่อยๆ เติบโต ราคาไม่ได้พุ่งสูงแบบฉับพลัน จึงมีหุ้นหลายตัวที่ไม่ได้หวือหวามากแต่เติบโตได้เรื่อยๆ และถ้าย้อนไปดูดัชนีหุ้นญี่ปุ่นตลอด 10 ปี มีเพียงปีเดียวเท่านั้นที่ให้ผลตอบแทนติดลบ
ที่สำคัญญี่ปุ่นมีหุ้น 10 เด้งอยู่เยอะเหมือนกัน ที่สำคัญญี่ปุ่นมีบริษัทเทคโนโลยี บริษัทคลาวด์ ซึ่งมีรายได้เติบโตขึ้นเรื่อยๆ และยังเป็นกลุ่มที่รัฐบาลพร้อมสนับสนุน ญี่ปุ่นไม่ได้มีเพียงหุ้น Soft Power อย่างเดียว ตอนนี้คุณต้องเปิดใจกับหุ้นญี่ปุ่นบ้างแล้ว
คุณอาร์ต การเลือกหุ้นแบบ QVI ก็เป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าส่วนตัวแล้วผมจะลงทุนแบบโฟกัสเลือกหุ้นเป็นรายตัว ซึ่งผมก็ใช้ Jitta.com ในการหาข้อมูลหุ้นญี่ปุ่น และเราก็เลือกหุ้นเป็นรายตัวเข้าพอร์ตของเราเอง ส่วนตัวแล้วถ้าใครที่มีพอร์ตใหญ่ระดับหนึ่ง อาจจะซื้อเป็นกองทุนก็ได้ แต่อีกด้านหนึ่งคุณอาจจะเลือกเป็นหุ้นรายตัวไปด้วยก็ได้
คุณอาร์ต เป็นข้อเท็จจริงที่เปลี่ยนแปลงไม่ได้ เพราะมันไม่ใช่เรื่องที่จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้ทันที มันเป็นเรื่องที่ต้องใช้เวลา แต่ถ้าพูดถึงการลงทุน ญี่ปุ่นก็มีธุรกิจที่ได้รับผลประโยชน์จากตรงนี้ เช่น บ้านพักคนชรา ธุรกิจ Healthtech ธุรกิจ Healthcare ซึ่งก็เหมือนเป็นโอกาสที่นักลงทุนจะหาประโยชน์ได้จากเทรนด์นี้ ไม่ว่าข้อจำกัดจะเป็นอย่างไร มีโอกาสในการลงทุนได้เสมอ
คุณเผ่า ในภาพใหญ่ที่เรากลัวแต่ก็ยังมีธุรกิจที่ดีที่ยังเติบโตไปได้ รวมถึงนโยบายของรัฐบาลเองก็มีการสนับสนุนให้ผู้สูงอายุกลับมาทำงานด้วย
คุณอาร์ต ผมเข้าใจว่าทำไมหลายคนกังวลในเรื่องนี้เมื่อพูดถึงเศรษฐกิจญี่ปุ่น
คุณเผ่า อย่างหนึ่งที่อยากให้มองเช่นกันคือ แรงงานเป็นสิ่งสำคัญ แต่แรงงานขั้นสูงสำคัญกว่าแรงงานทั่วไป ซึ่งญี่ปุ่นเองมีผู้ที่มีทักษะสูงอยู่มาก
คุณอาร์ต ที่นี่ขึ้นอยู่กับนโยบายรัฐบาลต่อไปนี้ว่าจะจัดการเรื่องเหล่านี้อย่างไร จะเอาแรงงานต่างชาติเข้าไปหรือไม่ ต้องมาดูกัน
คุณเผ่า ในฐานะนักลงทุน ภาพที่เราเห็นใหญ่ๆ กับเรื่องหุ้นอาจจะแตกต่างกัน อย่างที่เห็นว่าเมื่อคุณดูงบการเงินย้อนหลังที่ผ่านมาก็มีหุ้น 10 เด้งเยอะแยะ ในข้อจำกัดมีโอกาสอยู่
คุณอาร์ต คนที่เป็นแบบนี้ก็มีในทุกสังคม คนญี่ปุ่นที่ทำงานก็ยังมีเยอะอยู่ รัฐบาลจะแก้ไขแล้วใช้ประโยชน์อย่างไรกับคนที่ทำงาน ทำให้เขาใช้จ่ายได้อย่างไร หรืออาจจะยืดอายุเกษียณ หรือกล้าที่จะเอาคนที่เป็นแรงงานต่างชาติเข้าไปหรือไม่ แต่เราอย่างไปมาแต่ว่าคนกลุ่มหนึ่งมีปัญหาแล้วประเทศจะพัง
คุณเผ่า เป็นเรื่องจริงที่รัฐบาลเขาเองก็ยังหาคำตอบไม่ได้ แต่การลงทุนในหุ้นคือการลงทุนในบริษัท บริษัทดีๆ ยังมีอยู่เยอะ ไม่ได้เกี่ยวกับคนเหล่านี้
คุณอาร์ต ผมลงทุนในญี่ปุ่นอยู่แล้ว แต่เวียดนามถ้าจะลงทุนต้องลงเฉพาะหุ้นใหญ่ๆ เท่านั้นเพราะหาข้อมูลง่าย มีข้อมูลที่ทั่วถึง หุ้นเล็กๆ เราไม่ได้รู้จักเชิงลึกเพียงพอ หรืออาจจะซื้อเป็นลักษณะกองทุนรวมแทน
คุณอาร์ต เป็นเรื่องปกติ เพราะดอกเบี้ยติดลบ เงินจึงไหลออกเป็นเรื่องปกติ ธรรมชาติของเงินคือไหลไปในที่ที่ผลตอบแทนสูงกว่าอยู่แล้ว
คุณเผ่า ปัจจุบันญี่ปุ่นดอกเบี้ยติดลบ เงินจึงไหลออก
คุณเผ่า ขอพูดถึงค่าเงินตอนนี้ก่อนแล้วกัน การแลกเงินเป็นเงินเยนตอนนี้ก็อาจจะดี
คุณอาร์ต เป็นประเทศไม่กี่ประเทศในโลกที่เราแลกตอนนี้แล้วคุ้ม
คุณเผ่า ตอนนี้ไปเที่ยวญี่ปุ่นไม่ได้ก็เอาเงินตรงนี้มาลงทุนแทนก็ได้ ถ้าถามเรื่องความคุ้มค่าในการลงทุน ในมุมของผมถ้าเราจะเสี่ยงในระยะยาวๆ ผมมองว่ามันก็ควรเสี่ยงกับประเทศที่คุณแน่ใจ ซึ่งถ้ามองในแง่ขนาดเศรษฐกิจก็คือ สหรัฐอเมริกา จีน ญี่ปุ่น เพราะอีก 10 หรือ 20 ปีข้างหน้าประเทศเหล่านี้ไม่ล่มสลายหรอก แต่ถ้ามองในแง่ของความเสี่ยงด้านธุรกิจ จีนมีความเสี่ยงมากกว่าญี่ปุ่นอยู่บ้าง ในแง่ความถูกแพงของหุ้น ตลาดหุ้นสหรัฐอเมริกาเป็นหุ้นที่แพงสุด จีนถูกที่สุด เพราะฉะนั้นแล้วแต่คุณเลยว่าจะเลือกแบบไหน ถ้าเป็นสหรัฐอเมริกาก็เลือกว่าอยากลงทุนในเทคโนโลยี หรือเฮลท์แคร์ จีนยังมีความน่าสนใจที่เขายังเติบโตได้อีกเยอะ แต่ก็เป็นประเทศที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลาเช่นเดียวกัน ซึ่งถ้าใครรู้สึกว่ารับความเปลี่ยนแปลงรวดเร็วไม่ได้ก็อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ลงทุนในจีน แต่ถ้าถามระยะยาวญี่ปุ่นก็ยังเป็นประเทศที่น่าสนใจ อีกมุมหนึ่งเป็นประเทศที่คนไม่สนใจแต่มีหุ้นดีเยอะ ซึ่งนี่ก็คือโอกาสหนึ่งที่ดี
คุณอาร์ต ผมเสริมให้ว่ามีคนหนึ่งที่เขาลงทุนในหุ้นญี่ปุ่นคือ Warren Buffett เขาไม่รู้ว่าธุรกิจไหนจะดี แต่เขาซื้อหุ้นเครือธุรกิจใหญ่ๆ ซึ่งกลุ่มธุรกิจพวกนี้จะเติบโตไปตามเศรษฐกิจญี่ปุ่น Buffett เคยพูดว่า ‘เขายินดีที่ได้มีส่วนร่วมกับอนาคตของประเทศญี่ปุ่น’
CEO Jitta Wealth เผยความลับ ‘หุ้นญี่ปุ่น’ อีกหนึ่งขุมทรัพย์น่าลงทุน