Jitta Wealth Journal - NASDAQ ฟื้น! พ้นโซนตลาดหมีแล้ว

16 สิงหาคม 2565Jitta Wealth Journal

World Bank คาด ปีนี้ GDP เวียดนามโต 7.5%

Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 90 ประจำวันที่ 16 สิงหาคม 2565 

เงินเฟ้อสหรัฐฯ มีแววถึงจุดสูงสุดแล้ว ขณะที่การแข่งขันทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนเข้มข้นขึ้นอีกครั้ง ส่วนตลาดหุ้นหลายประเทศทั่วโลกก็ฟื้นตัวติดกันหลายสัปดาห์ หลังปรับตัวลดลงตั้งแต่ต้นปี ถึงเวลาขึ้นรถแล้วหรือยัง?

ทีมงานย่อยข่าวเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกมาให้คุณแล้ว ไปติดตามกันได้เลย


ความเคลื่อนไหวดัชนีตลาดหุ้นรายสัปดาห์

ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ

S&P 500 +3.26% DJIA +2.93% NASDAQ +3.08%

ข่าวดีเริ่มมา หลังกระทรวงแรงงานสหรัฐฯ ประกาศอัตราเงินเฟ้อประจำเดือนกรกฎาคมที่ 8.5% ต่ำกว่าที่คาดการณ์และต่ำกว่าอัตราเงินเฟ้อของเดือนที่แล้ว เป็นไปได้ว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ทำให้นักลงทุนคลายความกังวลว่า Fed จะเร่งขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมรอบที่เหลือของปี ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีปรับตัวขึ้นแรง 

ดัชนีตลาดหุ้นเอเชีย 

CSI 300 +0.82% TOPIX +1.34% VNI +0.77% SET +1.32%

ตลาดหุ้นจีนและฮ่องกงยังทรงตัว อัตราเงินเฟ้อจีนปรับเพิ่มขึ้นแตะระดับ 2.7% แต่ยังต่ำกว่าที่คาด ในขณะที่ตลาดหุ้นเอเชียอื่นๆ มีแนวโน้มปรับตัวขึ้นหลังจากได้รับข่าวดีจากฝั่งสหรัฐฯ นักลงทุนกล้าลงทุนในตลาดหุ้นมากขึ้น ส่วนตลาดหุ้นไทยและญี่ปุ่นมีเงินลงทุนจากต่างประเทศไหลเข้าต่อเนื่อง

ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 14 สิงหาคม 2565 


Jitta Wealth ล้วงลับ! หุ้นญี่ปุ่นพิฆาต ฟาดกำไร 9 เด้ง 

ใครจะคิดว่าตลาดหุ้นที่ถูกลืมอย่างญี่ปุ่นจะทำกำไรได้ถึง 9 เด้ง! มันเป็นไปได้อย่างไร? คุณกำลังพลาดอะไรไปหรือเปล่า? คุณเผ่า ตราวุทธิ์ CEO ของ Jitta Wealth และคุณอาร์ต ชัชวนันท์ ผู้ก่อตั้งเพจ Club VI จะมาร่วมไขข้อสงสัยให้คุณ

รับการแจ้งเตือนทาง YouTube

รับการแจ้งเตือนทาง Facebook Live


เศรษฐกิจสหรัฐฯ

NASDAQ หลุดภาวะตลาดหมี หลังเงินเฟ้อสหรัฐฯ ต่ำกว่าคาด 

ในปี 2565 ดัชนีหลักของสหรัฐฯ ต่างจับมือกันปรับตัวลดลง แต่ดัชนีที่โดนหนักที่สุดหลายคนคงจะรู้ว่าคือดัชนี NASDAQ ที่ปรับตัวลดลงไปมากกว่า 33.7% ในช่วงที่ผ่านมา แต่ในตอนนี้ดัชนี NASDAQ ‘หลุดภาวะตลาดหมีแล้ว’

ดัชนี NASDAQ อยู่ภาวะตลาดหมีเป็นเวลา 108 วัน นับว่าเป็นการลดลงที่ลึกและยาวนานที่สุดนับตั้งแต่ปี 2551 โดยก่อนหน้านี้ นักวิเคราะห์ได้ตั้ง ‘ขอบเขตตลาดหมี’ เอาไว้ว่าหากดัชนี NASDAQ ปรับตัวขึ้นมามากกว่า 12,775.32 จุด จะถือว่าพ้นภาวะตลาดหมี 

ซึ่งจากข้อมูลล่าสุดวันที่ 12 สิงหาคม 2565 ดัชนี NASDAQ ปิดตลาดที่ 13,047.19 จุด ถือว่าพ้นจากภาวะตลาดหมีแล้วเป็นที่เรียบร้อย ในตอนนี้แนวโน้มตลาดหุ้นเริ่มมีทิศทางที่ดีขึ้น อย่างไรก็ตาม ตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าตลาดหมีจบลงจริงหรือไม่ 

Mike Wilson ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายการลงทุนของ Morgan Stanley ได้ออกมาเตือนว่า “เป็นไปได้ว่าการปรับตัวขึ้นของหุ้นจะจบลงแล้ว และตอนนี้ยังเร็วเกินไปที่จะบอกว่าตลาดหมีนั้นจบลง” 

แต่ด้วยแนวโน้มเงินเฟ้อที่ดีขึ้นก็น่าจะสร้างความสบายใจให้นักลงทุนได้บ้าง การปรับตัวลดลงของดัชนีหุ้นไม่ใช่เรื่องเลวร้าย หากคุณลงทุนในช่วงที่ตลาดตกและเมื่อตลาดฟื้นตัวกลับขึ้นมาจะทำให้คุณได้ผลตอบแทนอย่างงามจากความกล้าลงทุนในครั้งนี้ 


Jitta Wealth Journal

การลงทุนแบบ Moonshot สไตล์ Jeff Bezos 

คุณเคยสงสัยไหมว่าคนที่ร่ำรวยติดอันดับโลกเขามีหลักการใช้ชีวิตและการลงทุนอย่างไรบ้าง?
วันนี้ Jitta Wealth สรุปแนวคิดของ Jeff Bezons หนึ่งในคนที่รวยที่สุดในโลกมาเล่าให้ฟัง

ไปหาคำตอบที่คุณเคยสงสัยกับเรื่องราวของเขากันดีกว่า 

อ่านต่อ


เศรษฐกิจจีน

ก้าวสู่อันดับหนึ่ง! จีนแซงสหรัฐฯ ด้านงานวิจัยวิทยาศาสตร์

ข่าวเกี่ยวกับการแข่งขันระหว่างจีนและสหรัฐฯ ดูเหมือนว่าจะไม่ได้จำกัดในด้านการค้าเท่านั้น เพราะล่าสุดจีนได้ก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำด้านงานวิจัย ทั้งจำนวนงานวิจัยและจำนวนการอ้างอิง ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่สร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันให้กับจีน 

ปี 2562 จีนได้สร้างงานวิจัยกว่า 407,181 งาน ในขณะที่สหรัฐฯ มีงานวิจัยที่ 293,434 งาน โดยงานวิจัยที่ถูกอ้างอิงมากที่สุด 10% แรกของโลก เป็นงานวิจัยจากจีนถึง 26.6% แซงหน้าสหรัฐฯ ที่ 21.1% 

รายงานดังกล่าวถูกเปิดเผยวันเดียวกับที่ประธานาธิบดี Joe Biden ลงนามในร่างกฎหมายสนับสนุนอุตสาหกรรมเซมิคอนดักเตอร์และวิทยาศาสตร์ หรือ CHIPS and Science Act มูลค่ากว่า 280,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ 

ความสำคัญของงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์มีมากมาย เพราะเป็นปัจจัยหลักในการผลักดันความสามารถทางการแข่งขันทางเศรษฐกิจของประเทศ 

ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา จีนให้ความสำคัญกับการศึกษาและงานวิจัยมาก ซึ่งจีนมองว่าการพัฒนาทรัพยากรบุคคลและองค์ความรู้จะช่วยให้ประเทศสามารถก้าวเป็นผู้นำโลกได้ และด้วยงานวิจัยที่ถูกอ้างอิงมากขึ้นก็แสดงถึง ‘การยอมรับจากนานาชาติ’ ด้วย

การแข่งขันทางการค้าระหว่างจีนและสหรัฐฯ ค่อนข้างเข้มข้น รวมไปถึงด้านอื่นๆ ด้วย แต่สำหรับการแข่งขันด้านงานวิจัยวิทยาศาสตร์ ในตอนนี้มีแนวโน้มว่าจีนจะได้เปรียบมากพอตัวเลย

5 รัฐวิสาหกิจจีนเตรียมเพิกถอนจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ 

บริษัทรัฐวิสาหกิจจีนยักษ์ใหญ่ 5 แห่ง ได้แก่ ‘China Life Insurance’ ‘PetroChina’ ‘China Petroleum & Chemical’ ‘Aluminium Corporation of China’ และ ‘Sinopec Shanghai Petrochemical’ เตรียมเพิกถอนหุ้นของบริษัทออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ เพราะหาข้อยุติเรื่องการอนุญาตให้ทางการสหรัฐฯ ตรวจสอบเอกสารทางบัญชีไม่ได้ 

ปัญหาเกี่ยวกับการตรวจสอบบัญชีระหว่างจีนและสหรัฐฯ เรื้อรังมานานกว่า 20 ปี เนื่องจากจีนและฮ่องกงเป็นเขตอำนาจศาลเพียง 2 แห่งทั่วโลกที่ไม่อนุญาตให้คณะกรรมการกำกับดูแลด้านบัญชีของบริษัทจดทะเบียนตรวจสอบเอกสารภายในของบริษัท

ทางการจีนอ้างถึงข้อกังวลด้านความมั่นคงของจีน แต่เหมือนว่าในตอนนี้ทั้ง 2 ฝ่ายจะไม่สามารถตกลงกันได้จนเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น

Marvin Chen นักยุทธศาสตร์จาก Bloomberg Intelligence กล่าวว่า “การเพิกถอนหุ้นออกจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ ของจีนจะส่งผลกระทบต่อบริษัทเพียงเล็กน้อย แต่มันจะทำให้ความตึงเครียดระหว่างจีนและสหรัฐฯ ทวีคูณมากยิ่งขึ้น”

คงต้องจับตาดูกันต่อไปว่าการเพิกถอนหุ้นรัฐวิสาหกิจจีนทั้ง 5 แห่งในครั้งนี้จะเป็นอย่างไรต่อไป ซึ่งคาดว่าจะมีข้อสรุปในอีกไม่นานนี้


เศรษฐกิจเวียดนาม

ธนาคารโลกคาด GDP เวียดนามโต 7.5% ปี 2565

นักลงทุนคงยิ้มได้เต็มที่หลัง ธนาคารโลกคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจเวียดนามจะเติบโต 7.5% ในปี 2565 โดยได้อานิสงส์จากการฟื้นตัวอย่างแข็งแกร่งในครึ่งปีแรกของปี 2565 ที่ผ่านมา

เศรษฐกิจเวียดนามในไตรมาส 2 ปี 2565 ขยายตัวกว่า 7.7% จากการฟื้นตัวของการบริโภคในประเทศและการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ โดยอัตราเงินเฟ้อเวียดนามถูกคาดการณ์ว่าจะอยู่ที่ 3.8% เท่านั้น ต่ำกว่าหลายประเทศในยุโรปและสหรัฐฯ ตอนนี้มาก

อย่างไรก็ตาม ธนาคารโลกได้ออกมาเตือนว่ายังมีแรงกดดันจากทั้งภายในและภายนอก เช่น เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าชะลอตัว และราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่อาจเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต

นอกจากนี้ Tim Cook CEO ของบริษัทเทคโนโลยีระดับโลกอย่าง Apple ได้ออกมากล่าวเองว่า “เวียดนามเป็น 1 ใน 4 ตลาดประเทศกำลังพัฒนาที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง และเป็นส่วนสำคัญในความสำเร็จของ Apple” 

ในขณะที่ตลาดหุ้นเวียดนามปรับตัวลงในปี 2565 แต่อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจกลับสูงขึ้น ต้องบอกว่าที่เซียนหุ้นหลายคนออกมาเชียร์ตลาดหุ้นเวียดนามในตอนนี้ก็ไม่แปลก เพราะมีโอกาสสูงที่คุณจะได้ลงทุนในหุ้นดีราคาถูกอย่างแท้จริง


Talk of the to

Talk of the Town 

เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official

💰 มีเงิน 100,000 บาท จะเปิดพอร์ต Global ETF ใหม่หรือเติมเข้าพอร์ตเดิมดี?

📈 รีวิวพอร์ต Jitta Ranking 3 ประเทศ ลงทุนมา 1 ปีเศษจะโตขึ้นแค่ไหน

🤑 ต้อง DCA ขนาดไหน ถึงจะหลุดดอยได้ไวขึ้น

มาร่วมพูดคุยกับเรา


เศรษฐกิจญี่ปุ่น 

GDP ญี่ปุ่นโต 2.2% เศรษฐกิจกลับมาเท่าช่วงก่อน Covid-19 แล้ว 

ญี่ปุ่นประกาศ GDP ไตรมาส 2 ของปี 2565 ขยายตัว 2.2% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว ทำให้มูลค่าเศรษฐกิจของญี่ปุ่นกลับมาเท่ากับช่วงก่อนการแพร่ระบาด Covid-19 แล้ว 

อย่างไรก็ตาม การเติบโตที่ 2.2% ยังคงต่ำกว่าที่นักเศรษฐศาสตร์คาดการณ์ไว้ที่ 2.6% แต่ก็ยังส่งผลให้ขนาดเศรษฐกิจญี่ปุ่นกลับไปแตะระดับ 542 ล้านล้านเยนเท่ากับช่วงก่อน Covid-19 จะระบาด เศรษฐกิจญี่ปุ่นได้รับอานิสงส์จากการผ่อนคลายมาตรการ Covid-19 ตั้งแต่เดือนมีนาคมที่ผ่านมา ทำให้ประชาชนออกมาจับจ่ายใช้สอยกันมากยิ่งขึ้น 

นอกจากนี้ Yuki Masujima นักเศรษฐศาสตร์ของ Bloomberg มองว่า “เศรษฐกิจไตรมาส 3 จะได้รับผลกระทบจากตัวเลขผู้ติดเชื้อที่เพิ่มขึ้น รวมไปถึงแรงกดดันจากเงินเฟ้อทั่วโลก” ขณะที่ธนาคารกลางญี่ปุ่นและรัฐบาลยังใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างเต็มที่

ญี่ปุ่นเป็นหนึ่งในประเทศพัฒนาแล้วไม่กี่แห่งที่ไม่มีปัญหาเรื่องเงินเฟ้อ แม้ว่ามีแนวโน้มว่าจะเพิ่มขึ้น แต่รัฐบาลก็แก้ไขปัญหาด้วยการปรับขึ้นค่าแรงกว่า 3.3% เพื่อรักษาอำนาจการซื้อของประชาชนไว้


Tech Woman of The Year โดย Techsauce Award 2022

ร่วมเป็นหนึ่งกำลังใจให้ คุณอ้อ พรทิพย์ Chief Growth Officer แห่ง Jitta Wealth 

กับรางวัล ‘Tech Woman of The Year’ โดย Techsauce Awards 2022

รางวัลสำหรับผู้บริหารหญิงในบริษัทสตาร์ตอัปที่ด้านเทคโนโลยี 

ที่มีบทบาทสำคัญในการผลักดันธุรกิจให้โตอย่างแข็งแกร่ง 

ร่วมโหวตคุณอ้อที่นี่


ทุกวันอังคาร ทีมงาน Jitta Wealth จะย่อยข่าวเศรษฐกิจและความเคลื่อนไหวที่สำคัญ พร้อมความรู้ด้านการลงทุนดีๆ ส่งตรงถึงมือคุณเป็นประจำทุกสัปดาห์

หลังจากฟื้นตัวติดกันมาหลายสัปดาห์ ในที่สุดดัชนี NASDAQ ที่มีหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ หลายบริษัทก็พ้นจากโซนตลาดหมีแล้ว เพราะอัตราเงินเฟ้อในสหรัฐฯ ที่ทำให้ดัชนีปรับตัวลงดูเหมือนว่าจะผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว

หากคุณมีวินัยในการลงทุน ได้ทยอยซื้อหุ้นตอนที่ราคาหุ้นปรับตัวลง ถึงตอนนี้พอร์ตลงทุนของคุณคงเริ่มผลิดอกออกผล สร้างผลตอบแทนให้คุณแล้วไม่มากก็น้อย

ขอแสดงความยินดีด้วย

แล้วพบกันใหม่วันอังคารหน้า


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – Warren Buffett ลงทุนยังไงในครึ่งปีแรก 2565?

Jitta Wealth Journal – Fed ขึ้นดอกเบี้ย ทำไมหุ้นสหรัฐฯ ขึ้นยกแผง?

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด