5 เหตุผล ทำไม 'หุ้นเทคโนโลยีจีน' น่าลงทุน

28 ตุลาคม 2565Jitta Ranking

ไฮไลต์

  • จีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำในเทคโนโลยีบางด้านอย่างเต็มตัวในปัจจุบัน เช่น พลังงานสะอาด รถยนต์ไฟฟ้า แบตเตอรี่ลิเธียม คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล รวมถึงส่วนประกอบของเทคโนโลยีเมกะเทรนด์หลายอย่างที่กำลังเปลี่ยนโลกในอนาคต
  • ด้วยจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก บริษัทเทคโนโลยีจีนจึงขยายธุรกิจได้ง่าย จากจำนวนผู้ใช้งานอันมหาศาล ซึ่งหมายถึงผลประกอบการที่เติบโตและเงินทุนสำหรับการต่อยอดเทคโนโลยีเดิม รวมถึงนักวิทยาศาสตร์จีนที่เป็นหัวกะทิในด้านต่างๆ ก็มีจำนวนมาก
  • จีนพร้อมทั้งเรื่องเงินทุน พร้อมทั้งคน นโยบายภาครัฐก็พร้อมสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีเต็มที่ ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ จึงพร้อมแล้วที่จะสยายปีกพาพญามังกรให้บินสูง ท้ากระแสเศรษฐกิจแห่งโลกยุคอนาคต

ทุกวันนี้โลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีที่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายมากขึ้น และหนึ่งในประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีได้ก้าวกระโดดอย่างรวดเร็วก็คือ ‘จีน’ จนทำให้ ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ ถูกจับตามองจากนักลงทุนทั่วโลก

หากพูดถึงเทคโนโลยี ทุกคนก็มักจะนึกถึงสหรัฐอเมริกา เพราะมีแบรนด์ชื่อคุ้นหูมากมายที่คุณอาจกำลังใช้บริการหรือมีไว้ในครอบครองอยู่ ไม่ว่าจะเป็นโซเชียลมีเดียอย่าง Meta ผู้ให้บริการแพลตฟอร์มสตรีมภาพยนตร์อย่าง Netflix หรือผลิตภัณฑ์ดีไซน์ล้ำสมัยจาก Apple

แต่ม้ามืดที่น่าจับตามองที่พยายามเร่งสปีดพัฒนานวัตกรรมและเทคโนโลยีต่างๆ ก็คือจีน จนในตอนนี้จีนได้แซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นผู้นำในเทคโนโลยีบางอย่างแล้ว และในอนาคตก็เป็นไปได้ว่าจีนจะผงาดขึ้นมาเป็น ‘เบอร์หนึ่ง’ ในเรื่องเทคโนโลยี เทียบรัศมีกับสหรัฐฯ ก็เป็นได้ 

สิ่งที่ทำให้บริษัทด้านเทคโนโลยีน่าลงทุนเกิดจาก การเติบโตแบบทวีคูณ (Exponential Growth) เมื่อมีผู้ใช้งานมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งจะสร้างผลตอบแทนอันงดงามให้กับนักลงทุนที่จมูกไว แต่ปัญหาก็คือเมื่อบริษัทเหล่านี้โตขึ้นมาถึงจุดนึงจำนวนผู้ใช้งานก็เริ่มนิ่ง บริษัทก็จะหยุดเติบโต ทำให้ราคาหุ้นสูงเกินกว่าพื้นฐานของบริษัทจนไม่สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้

ดังนั้น สิ่งที่นักลงทุนควรมองหาคือ บริษัทเทคโนโลยีที่กำลังอยู่ในช่วงเติบโตและมีโอกาสจะเปลี่ยนโลกในอนาคต และหนึ่งในสินทรัพย์ที่ตรงกับปัจจัยเหล่านี้มากที่สุดก็คือ ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ นั่นเอง 

วันนี้เราจะพาคุณไปเจาะลึก 5 เหตุผลที่ทำให้ ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ น่าลงทุน เพื่อให้คุณเห็นภาพอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของจีนที่กำลังผงาดขึ้นเป็นมังกรเต็มวัย พร้อมกระโจนบินสู่ฟ้าในอีกไม่นาน 

หุ้นเทคโนโลยีจีน

เหตุผล 1: ภาครัฐสนับสนุน ดัน ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ โต

ในช่วงที่ผ่านมาคุณคงได้ยินข่าวว่ารัฐบาลจีนเข้ามาควบคุมการทำธุรกิจของบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ในจีน จนทำราคาหุ้นร่วงอย่างหนัก แต่เบื้องหลังกฎระเบียบอันเข้มงวดนี้ ที่จริงแล้ว รัฐบาลจีนสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีอย่างชัดเจน 

การพัฒนาเทคโนโลยีหรือสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ต้องใช้งบประมาณมหาศาล และจีนก็ทราบเป็นอย่างดี เพราะจีนมีงบประมาณในการวิจัยและพัฒนาสูงถึง 563,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2563 คิดเป็น 2.4% ของ GDP จีนในปีดังกล่าว และสูงเป็นอันดับ 2 ของโลกรองจากสหรัฐฯ และ 3 ใน 4 ของงบประมาณนี้ก็คือรายจ่ายด้านการวิจัยและพัฒนาด้านเทคโนโลยี

นอกจากนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีก็ยังอยู่ในแผนพัฒนาประเทศฉบับที่ 14 ของจีน และถูกบรรจุอยู่ในนโยบาย Made in China 2025 ที่ถือเป็นการฉีกภาพลักษณ์สินค้า Made in China ในสมัยก่อนอย่างสิ้นเชิง

ถามว่าเงิน 563,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ เยอะแค่ไหน? ก็ต้องบอกว่าเยอะกว่ามูลค่า GDP ที่ไทยเราเคยทำได้ตอนพีกสุดๆ ที่ 544,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ในปี 2562 เสียอีกครับ

คุณคงเห็นแล้วว่ารัฐบาลจีนให้ความสำคัญกับการพัฒนาเทคโนโลยีมากแค่ไหน ด้วยเงินทุนและการสนับสนุนอย่างเต็มที่จากภาครัฐก็ย่อมจะช่วยผลักดันให้ ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ เติบโตอย่างก้าวกระโดด และคุณก็คงเห็นมาหลายครั้งแล้วว่า ‘เมื่อจีนเอาจริง ทุกอย่างก็เกิดขึ้นได้’

เหตุผล 2: นักวิทยาศาสตร์จีนเพิ่มขึ้นมหาศาล

อีกปัจจัยสำคัญที่ทำให้จีนได้เปรียบคือการมีจำนวนประชากรมากที่สุดในโลก และด้วยจำนวนประชากรขนาดนี้ทำให้จีนมีคนที่เชี่ยวชาญในทุกด้าน ซึ่งรวมไปถึงการมีนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งกาจในแต่ละแขนงเพิ่มขึ้นอย่างมหาศาลในเวลาไม่กี่ปี

หากย้อนกลับไปในปี 2492 ซึ่งเป็นปีที่ Mao Zedong ประกาศตั้ง ‘สาธารณรัฐประชาชนจีน’ และพรรคคอมมิวนิสต์จีนขึ้นปกครองประเทศ ในช่วงนั้นจีนมีนักวิทยาศาสตร์อยู่แค่ราว 50,000 คน เท่านั้น หรือคิดเป็นสัดส่วนนักวิทยาศาสตร์ 0.009 คนต่อคนจีน 100 คน

แต่เมื่อจีนเริ่มแสดงความทะเยอะทะยานและศักยภาพออกมาให้เห็นว่าพวกเขาพร้อมจะเติบโตขึ้นเป็นผู้นำโลก จำนวนนักวิทยาศาสตร์จีนก็พุ่งพรวดอย่างน่าตกใจ โดยในปี 2563 พบว่าจำนวนนักวิทยาศาสตร์จีนมีมากถึง 11 ล้านคน คิดเป็นสัดส่วนนักวิทยาศาสตร์จีน 0.78 คนจ่อคนจีน 100 คน หรือเพิ่มขึ้นกว่า 220 เท่าในเวลา 7 ทศวรรษ

ที่เพิ่มขึ้นได้เร็วขนาดนี้ ก็เพราะจีนได้ประโยชน์จากภาวะ Brain Gain โดยก่อนหน้านี้มีนักวิทยาศาสตร์ชาวจีนที่เรียนต่อในระดับสูงและทำงานให้องค์กรชั้นนำของสหรัฐฯ และชาติตะวันตกจำนวนมากตัดสินใจกลับมาทำงานในจีน ซึ่งภาวะ Brain Gain เป็นภาวะที่ตรงกันข้ามกับภาวะสมองไหล (Brain Drain) นั่นเอง

ผลพวงของการมีผู้เชี่ยวชาญในแขนงต่างๆ จำนวนมากก็ช่วยยกระดับคุณภาพการศึกษาของมหาวิทยาลัยในจีนด้วย โดยจีนมีมหาวิทยาลัยที่ติดอันดับ Top 100 สาขาวิศวกรรมและเทคโนโลยีของโลกอยู่ทั้งหมด 6 มหาวิทยาลัย โดยมหาวิทยาลัยจีนที่มีอันดับสูงสุดคือมหาวิทยาลัย Tsinghua ที่อยู่อันดับที่ 14 ของโลกในด้านนี้

ทุกสิ่งประดิษฐ์เกิดขึ้นได้จากความสามารถของมนุษย์ และการที่จีนมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากก็เป็นเหมือนลมใต้ปีกที่ทำให้ ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ มีอนาคตที่ดีและเติบโตได้อย่างมั่นคง

เหตุผล 3: ขนาดตลาดในอุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีน

และนอกจากเรื่องการมีนักวิทยาศาสตร์จำนวนมากแล้ว จำนวนประชากรอันมหาศาลของจีนก็ช่วยผลักดันให้อุตสาหกรรมเทคโนโลยีจีนเติบโตด้วย

เพราะการที่เทคโนโลยีหนึ่งๆ จะกลายมาเป็นสิ่งที่ผู้คนใช้กันเป็นปกติ ส่วนนึงเกิดจาก ‘จำนวนผู้ใช้งาน’ ที่ทำให้เทคโนโลยีเป็นที่รู้จัก เพราะเหตุนี้จีนจึงเป็นประเทศที่มีข้อได้เปรียบในเรื่องการสร้างเทคโนโลยียุค 4.0 มากที่สุดประเทศหนึ่งของโลก

โดยจากการสำรวจพบว่ามีคนจีนที่เข้าถึงอินเทอร์เน็ตอยู่ที่ 1,032 ล้านคนในปี 2564 และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็น 1,084 ล้านคนในสิ้นปี 2565 นอกจากนี้ จีนยังมีโครงข่ายเสาสัญญาณประเภท 5G มากที่สุดในโลก ทำให้คนจีนเข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ได้รวดเร็ว ยิ่งเร่งให้เทคโนโลยีจีนพัฒนาแซงหน้าประเทศอื่นๆ ไปไกล

ยิ่งจีนมีประชากรมาก การขยายตลาดของเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ทำได้สะดวกมากขึ้น ซึ่งก็หมายถึงผลประกอบการของธุรกิจที่จะเติบโตและเงินลงทุนที่จะเพิ่มพูนขึ้น พร้อมสำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีขั้นถัดไป

ขนาดตลาดเป็นสิ่งสำคัญสำหรับการเติบโตในทุกอุตสาหกรรม โดยเฉพาะอุตสาหกรรมเทคโนโลยียุค 4.0 และด้วยจำนวนผู้ใช้งานมากกว่า 1,000 ล้านคนที่รอทดสอบเทคโนโลยีใหม่ๆ ก็ยิ่งช่วยหนุนให้ ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ เติบโตอย่างแข็งแกร่ง

เหตุผล 4: จีนมีงานวิจัยด้านเทคโนโลยีมากที่สุดในโลก

แม้ว่าสหรัฐฯ จะเป็นผู้นำโลกเทคโนโลยีในตอนนี้ แต่คู่แข่งอย่างจีนกำลังเร่งความเร็วจนใกล้จะแซงหน้าได้แล้ว โดยล่าสุดงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีจีนเพิ่มขึ้นจนแซงหน้างานวิจัยของสหรัฐฯ ไปแล้ว และถูกอ้างอิงมากที่สุดในโลกอีกด้วย ไม่ได้เยอะเฉพาะจำนวน แต่เป็นงานวิจัยที่มีคุณภาพด้วยเช่นกัน 

โดยสำนักข่าว Nikkei รายงานว่างในปี 2562 จีนมีจำนวนงานวิจัยด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีถึง 407,181 ชิ้น และมีงานวิจัยที่ถูกอ้างอิงมากถึง 26.6% ของงานวิจัยทั้งหมด ในขณะที่สหรัฐฯ ตามมาเป็นอันดับ 2 ด้วยจำนวนงานวิจัย 293,434 ชิ้น และมีการอ้างอิงอยู่ที่ 21.1%

ด้วยแนวโน้มงานวิจัยที่สูงและมีคุณภาพมากขนาดนี้ เป็นไปได้ว่าคุณจะได้เห็นนวัตกรรมใหม่ๆ จากจีนมากกว่าสหรัฐฯ ในอนาคตก็เป็นได้

เหตุผล 5: จีนขึ้นแท่นผู้นำเทคโนโลยีบางอย่างแล้ว

ศักยภาพการเติบโตของจีนไม่ใช่แค่การอ้างหรือพูดอวยตัวเองเท่านั้น เพราะตอนนี้บริษัทจีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำที่มีส่วนแบ่งตลาดมากที่สุดในโลกแล้ว และยังอยู่ในแนวโน้มเติบโตที่ดีอย่างต่อเนื่องจนทิ้งห่างคู่แข่งจากประเทศอื่นมากขึ้นเรื่อยๆ 

เราขอยกตัวอย่าง 3 ตลาดเทคโนโลยีเมกะเทรนด์ในปัจจุบันที่บริษัทจีนก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำของโลกมาให้คุณดูเป็นตัวอย่างความยิ่งใหญ่ของพญามังกรกัน

เครื่องใช้ไฟฟ้า

จีนเป็นผู้นำในธุรกิจอุปกรณ์เครื่องใช้ไฟฟ้า โดยแบรนด์ที่ได้รับความนิยมมากที่สุดก็คือ Haier ผู้ผลิตเครื่องซักผ้า ตู้เย็น และเครื่องปรับอากาศที่สร้างรายได้จากทั่วโลก โดยบริษัทมีส่วนแบ่งในตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าสูงถึง 25% หรือ 1 ใน 4 ของตลาดเครื่องใช้ไฟฟ้าทั่วโลกเลยทีเดียว

คอมพิวเตอร์ส่วนบุคคล (Personal Computer, PC)

ในอดีต แบรนด์ PC จากจีนยังไม่ได้รับความนิยมจากข้อครหาด้านคุณภาพ ทำให้การพัฒนา PC ของจีนมีอุปสรรคอยู่บ้าง แต่ปัจจุบันนี้แบรนด์ Lenovo สามารถพัฒนา PC ที่มีคุณภาพในราคาที่ทุกคนเข้าถึงได้จนกลายเป็นแบรนด์ PC ทื่ครองตลาดผู้ใช้งานทั่วโลกที่มีส่วนแบ่งในตลาด PC ทั่วโลกสูงถึง 24.7% เลย

พลังงานสะอาด

กระแสพลังงานสะอาดกลายเป็นประเด็นสำคัญของโลกในปีนี้ที่หลายประเทศทั่วโลกกำลังให้ความสนใจ อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดเกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีชัดเจน และตอนนี้จีนก็เป็นผู้นำในอุตสาหกรรมพลังงานสะอาดโลกอย่างไม่ต้องสงสัย ดูได้จากบริษัทยักษ์ใหญ่ 3 บริษัทที่เกี่ยวข้องกับพลังงานสะอาดดังนี้

พลังงานแสงอาทิตย์ บริษัท LONGi Green Energy Technology Co. Ltd. มีส่วนแบ่งตลาดแผงโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ทั่วโลกอยู่ที่ประมาณ 25%

รถยนต์ไฟฟ้า บริษัท BYD กลายเป็นบริษัทรถยนต์ยักษ์ใหญ่ของโลก โดยมีส่วนแบ่งตลาดรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลกสูงถึง 16.9%

แบตเตอรี บริษัท CATL บริษัทผู้ผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมที่ใหญ่ที่สุดในโลก มีส่วนแบ่งตลาดแบตเตอรี่ประเภทลิเธียมไอออนทั่วโลกสูงถึง 34.8%

ทั้งหมดนี้ คือ ตลาดเทคโนโลยีที่จีนขึ้นแท่นเป็นผู้นำโลกเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจริงๆ แล้วยังมีอีกหลายตลาดเทคโนโลยีที่จีนกำลังเป็นเบอร์ 1 ของโลกอย่างเงียบๆ โดยเฉพาะในด้านการผลิตชิ้นส่วนเทคโนโลยีต้นน้ำ

5 เหตุผลนี้ น่าจะทำให้คุณเริ่มมีความสนใจลงทุน ‘หุ้นเทคโนโลยีจีน’ มากขึ้น แต่หากปราศจากเส้นทางและรูปแบบลงทุนอาจทำให้คุณก้าวเดินผิดทาง เราขอแนะนำให้คุณรู้จักแผนลงทุน Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน ที่อาจเป็นทางเลือกที่คุณกำลังมองหาอยู่

Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีน จะช่วยจัดพอร์ตรวบรวม ‘หุ้นเทคโนโลยีจีนน่าลงทุน มีโอกาสเติบโตสูง’ ให้คุณโดยอัตโนมัติ และปรับพอร์ตอัตโนมัติทุก 3 เดือน ทำให้คุณได้มีโอกาสลงทุนหุ้นเทคโนโลยีจีนที่มีแนวโน้มเติบโตที่ดีอยู่เสมอ 

จีนพร้อมทั้งเงินทุน พร้อมทั้งกำลังคน พร้อมก้าวขึ้นเป็นผู้นำเทคโนโลยีและเศรษฐกิจของโลก หากคุณสนใจลงทุนหุ้นเทคโนโลยีจีนที่มีโอกาสเติบโตก็สามารถเริ่มลงทุนได้เลย หรือหากต้องการข้อมูลเพิ่มเติมก็สามารถไปอ่านเกี่ยวกับแผนลงทุน Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีนที่นี่

จีนเป็นประเทศที่มีความมั่นคงทางด้านเศรษฐกิจ และมีโอกาสขึ้นมาเป็นผู้นำโลกในอนาคตได้ โอกาสลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีผู้นำโลกได้มาถึงแล้ว พาพอร์ตบินสูงเติบโตระยะยาวดั่งพญามังกรได้แล้ว…วันนี้ 


กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ผู้บุกเบิกสตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01

ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน


อ้างอิง

  1. 影响我国科技发展的主要因素 (What factor drive the growth of China Tech) https://www.acabridge.cn/hr/xueshu/202203/t20220322_2216350.shtml
  2. 中国这十年:从科技大国走向科技强国 (10 years journey of China Tech) https://baijiahao.baidu.com/s?id=1734895283086381597&wfr=spider&for=pc
  3. Made in China 2025
    1. http://www.gov.cn/zhuanti/2016/MadeinChina2025-plan/mobile.htm
    2. http://www.gov.cn/shuju/2017-03/13/content_5176962.htm
    3. http://www.gov.cn/zhengce/content/2015-05/19/content_9784.htm
  4. 5 years development plan 14 edition https://m.thepaper.cn/baijiahao_11567853
  5. Why China is the technology leader in 16th Century https://news.sina.com.cn/c/2010-09-05/103218069205s.shtml
  6. The industries that China is ranked in no. 1 https://new.qq.com/omn/20210826/20210826A01WBT00.html
  7. Understanding the Rise of Tech in China https://hbr.org/2022/09/understanding-the-rise-of-tech-in-china
  8. Internet User https://www.cnnic.net.cn/
  9. Reverse brain drain? Nasa data scientist takes job in China https://www.scmp.com/news/china/science/article/3196372/reverse-brain-drain-nasa-data-scientist-takes-job-china
บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด