Exclusive Q&A with CEO อัปเดตการลงทุน Jitta Wealth เดือนสิงหาคม

29 สิงหาคม 2564EventsExclusive Q&A with CEOJitta Wealth

Exclusive Q&A with CEO เป็น Webinar ที่ทีมงาน Jitta Wealth จัดขึ้นเป็นประจำทุกเดือน เพื่อให้ความรู้เกี่ยวกับบริการกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth และตอบข้อสงสัยของนักลงทุนที่สนใจ 

คุณสามารถรับชม Webinar ย้อนหลังได้ทาง Facebook หรือ Youtube หรืออ่านสรุปคำถาม-ตอบ จากนักลงทุนทางบ้านได้ในบทความนี้

ดู Webinar ย้อนหลัง

สรุป Q&A 

Q: Jitta Ranking อัปเดตบ่อยแค่ไหน รวมหุ้น IPO เข้าไปด้วยหรือไม่

สำหรับ Jitta Score และ Jitta Line จะอัปเดตทุก 3 เดือน แต่สำหรับ Jitta Ranking จะอัปเดตทุกวัน เพราะราคาของหุ้นรายตัวเปลี่ยนแปลงในทุกวัน โดยช่วงที่อัปเดตมากที่สุด คือ ตอนที่บริษัทต่างๆ ได้ส่งงบการเงิน และ Jitta Ranking ได้รวมหุ้น IPO (Initial Public Offering) เข้าไปด้วยเช่นกัน 

สำหรับการประเมินมูลค่าหุ้น IPO เราจะประเมินตามงบการเงินระยะยาว ทำให้นักลงทุนอาจจะเห็นว่าหุ้น IPO ไม่ได้อยู่ในอันดับสูงมากนัก แต่ก็เป็นไปได้ หากหุ้น IPO มีพื้นฐานที่ดีมากจริงๆ อาจจะถูกคำนวณเข้าอันดับสูงๆ ได้ในระยะ 1-2 ปี

Q: สถานการณ์ในตลาดหุ้นจีน ทั้งเทคโนโลยีจีนและหุ้นจีนมีอัปเดตอะไรบ้างไหม

ตลาดหุ้นจีนนับจากจุดสูงสุดในเดือนกุมภาพันธ์ และตกลงมาประมาณ 20-30% เพราะรัฐบาลจีนเริ่มเข้ามาควบคุมตลาดหุ้น แต่นั่นไม่ได้เป็นข่าวร้ายแต่อย่างใด เพราะทางรัฐบาลจีนมีวัตถุประสงค์พัฒนาคุณภาพชีวิตประชากรให้ดีขึ้น และมอบสิ่งที่ดีที่สุดในกับผู้บริโภคชาวจีน รวมถึงจีนมีแผนพัฒนาเศรษฐกิจที่เจาะจงไปทางด้านพัฒนาเทคโนโลยี เพื่อขึ้นมาเป็น 1 ในมหาอำนาจของโลก 

การที่รัฐบาลจีนเข้ามาควบคุมเศรษฐกิจและอุตสาหกรรมต่างๆ นั้น ไม่ใช่เรื่องที่ใหม่แต่อย่างใดเพราะว่าทางสหรัฐฯ มีการเข้ามาควบคุมจากรัฐบาลด้วยเช่นกัน สำหรับรัฐบาลจีนมีจุดประสงค์ เพื่อป้องกันการผูกขาดจากธุรกิจใดธุรกิจหนึ่ง ดังนั้นนักลงทุนไม่จำเป็นต้องกังวล ถ้าบริษัทที่เราเลือกลงทุนยังแข็งแกร่ง และทำรายได้อย่างสม่ำเสมอ จะสะท้อนผ่านราคาหุ้นให้เติบโตขึ้นไปเรื่อยๆ 

ช่วงเวลานี้เป็นโอกาสสำคัญสำหรับผู้ที่กำลังสนใจในตลาดหุ้นจีน เพราะหุ้นจีนกำลังมีราคาที่ถูก และเหมาะสม อาจจะเป็นโอกาสเริ่มลงทุนหรือเพิ่มทุนเข้ามา ทาง Jitta Wealth ก็มีทั้งแผน Thematic และ Jitta Ranking สำหรับนักลงทุนที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นจีน 

Q: มีเงินอยู่ 1 ก้อน สนใจ Jitta Ranking ถ้าหากจะลงทุนในระยะเวลา 5 ปี ขึ้นไปควรเลือกลงทุน Jitta Ranking ตัวไหนดี

ถ้ามองในอนาคตระยะยาว มีหุ้นจีน หุ้นเวียดนาม และหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่ดูแล้วมีอนาคตในระยะเวลา 5 ปี สำหรับหุ้นเวียดนาม เพราะเป็นตลาดที่กำลังเติบโต และคาดว่า จะเติบโตไปเรื่อยๆ ในระยะเวลา 5 ปีหลังจากนี้ 

แต่ถ้าระยะเวลาเป็น 10 ปี การลงทุนในหุ้นจีน หรือหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ เป็นการลงทุนที่น่าสนใจมากกว่า อย่างจีน มีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องเศรษฐกิจ เห็นได้ว่าจีนเป็นประเทศที่ใช้พลังงานสะอาดมากที่สุดในโลก และแผนการเติบโตของเศรษฐกิจเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ๆ ที่ดูมีอนาคต 

ส่วนหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ นั้น เป็นเมกะเทรนด์ที่ในอีก 5-10 ปี มีแนวโน้มเติบโตอย่างต่อเนื่อง รวมถึงบริษัทเทคโนโลยีต่างๆ ในสหรัฐฯ ได้มีการแข่งขันกันอย่างดุเดือด เพื่อออกสินค้าและบริการมาตอบสนองลูกค้าทั่วโลก

Q: หลักการลงทุนของ Jitta Wealth การเพิ่มทุนแบบ DCA (Dollar Cost Averaging) ได้อย่างไร

การ DCA ควรลงทุนแบบช่วงเวลา โดยกำหนดเป็นทุก 3 เดือน 6 เดือน หรือ 1 ปี โดยที่ไม่ต้องจับจังหวะตลาด เพราะหากโฟกัสที่จับจังหวะตลาดหุ้น หรือดูจากข่าวสารที่เกิดขึ้น จะทำให้นักลงทุนมีอารมณ์ร่วมและลังเลที่จะไม่เพิ่มทุนเข้าไปในพอร์ต 

การ DCA แบบจับจังหวะตลาด พิสูจน์แล้วว่า ได้ผลตอบแทนน้อยกว่าการลงทุนแบบแบบช่วงเวลา จึงเป็นวิธีที่เหมาะสมและง่ายสำหรับนักลงทุนทุกคน หลักการของ Jitta Wealth เป็นการลงทุนระยะยาว การ DCA แบบช่วงเวลาที่เรากำหนดไว้ จะสามารถทำผลตอบแทนได้ดีในระยะยาว

Q: การเพิ่มทุนเข้าไปในพอร์ต Jitta Wealth จะมีวิธีในการกระจายการลงทุนในสินทรัพย์แต่ละประเภทอย่างไร

Global ETF มีแผนพอเพียง สมดุล และเติบโต หากเพิ่มทุนเข้ามา ก็จะจัดสรรเงินลงทุนกระจายใน ETF (Exchange Traded Fund) หุ้นและตราสารหนี้ โดยเน้นรักษาสัดส่วนตามแผนที่เลือกไว้ 

Thematic จะกระจายการลงทุนเหมือนกับ Global ETF จัดสัดส่วนตามธีมที่เลือกไว้ หากเลือก 4 ธีม ก็จะจัดสรรเงินเพิ่มทุนให้มีสัดส่วนในแต่ละธีมเท่ากับ 25% 

Jitta Ranking ลงทุนในหุ้นรายตัว เมื่อเพิ่มทุนเข้ามา AI จะคำนวณและค้นหาหุ้นที่อยู่ในระบบช่วงเวลานั้น หากมีหุ้นตัวใหม่ขึ้นมาอยู่ในอันดับต้นๆ และพอร์ตของนักลงทุนยังไม่มีหุ้นตัวนั้น ทาง Jitta Wealth จะเข้าไปซื้อหุ้นตัวใหม่เข้ามา หรือถ้าอันดับหุ้นไม่เปลี่ยน เงินเพิ่มทุนก็จะกระจายไปในหุ้นกลุ่มเดิมในพอร์ต รักษาสัดส่วนให้เท่าๆ กัน

Q: ค่าเงินบาทอ่อนจะเสียเปรียบเรื่องอัตราการแลกเปลี่ยนหรือไม่ Jitta Wealth มีมุมมองเกี่ยวกับเรื่องนี้อย่างไร ควรชะลอการลงทุนไปก่อนหรือไม่

หลักการของ Jitta Wealth เป็นการลงทุนระยะยาว 5-10 ปี แน่นอนว่า ไม่มีใครสามารถคาดการณ์ทิศทางค่าเงินบาทในอนาคต ถ้ามองว่า พอร์ตลงทุนระยะยาว และได้ผลตอบแทนจาก Capital Gain (กำไรจากส่วนต่างราคา) มูลค่ารวมในพอร์ตจะสามารถชดเชยส่วนต่างอัตราแลกเปลี่ยนได้ รวมถึงการ DCA จะช่วยเฉลี่ยต้นทุนในพอร์ตลงทุนได้อีกด้วย

หากดูผลตอบแทนจากการลงทุนตามดัชนี S&P500 เมื่อเทียบกับค่าเงินบาท คุณจะเห็นว่า ดัชนี S&P500 สามารถทำผลตอบแทนได้กว่าสูงกว่าความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน

Q: Jitta Wealth มีเกณฑ์ในการคัดเลือก ETF ต้นทางอย่างไร และจะเพิ่มธีมเข้ามาในอนาคตหรือไม่

การเพิ่มธีมการลงทุนในอนาคตจะมีขึ้นอย่างแน่นอน เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ยานยนต์ไฟฟ้า อวกาศ พลังงานสะอาด สินค้าหรูหรา รวมไปถึงธีมอื่นๆ ที่กำลังพิจารณาอยู่ 

ทาง Jitta Weath ต้องไปวิเคราะห์การเติบโตของอุตสาหกรรมต่างๆ โดยธีมนั่นจะต้องเป็นเมกะเทรนด์ ที่สามารถเติบโตในระยะยาวได้ 

สำหรับเกณฑ์ในการคัดเลือก ETF ส่วนแรก คือ ต้องดูที่ขนาดและมูลค่า AUM (Assets Under Management) นโยบายการลงทุน พอร์ตของ ETF ค่าธรรมเนียม และค่า Tracking Error (ความเสี่ยงที่ผลตอบแทนของ ETF จะห่างจากดัชนีอ้างอิง) ทั้งหมดนี้ Jitta Wealth จะนำมาพิจารณาเลือก ETF   

Q: หากจะลงทุน Thematic แต่เลือกธีมไม่ถูก สามารถแนะนำ 5 ธีมได้หรือไม่

ถ้าเราไปดูการเติบโตของรายได้บริษัทในแต่ละธีมจะเห็นหุ้นจีน กัญชา จีโนมิกส์ และพลังงานสะอาดจีน มีการเติบโตสูงในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา

แต่ถ้าอยากเลือกการลงทุนรายธุรกิจ ธีมจีโนมิกส์และพลังงานสะอาดจีนคาดว่า น่าจะยังมีการเติบโตในอีก 5-10 ปี

สำหรับธีมกัญชามีการเติบโตแบบก้าวกระโดด แต่การลงทุนในธุรกิจกัญชาจะมีความเฉพาะตัวเพราะตลาดซื้อขายกัญชาที่ถูกกฏหมายทั่วโลกมีเพียงแค่ 10% เท่านั้น ยังต้องรอการปลดล็อกให้ถูกกฎหมายในแต่ละประเทศ ซึ่งจะทำให้ตลาดซื้อขายกัญชาเติบโตมากขึ้น เพียงแต่คาดการณ์ได้ยากว่าเมื่อไร รู้เพียงว่า ตลาดกัญชาถูกกฎหมายมีโอกาสเติบโตได้อีก 10 เท่า

นอกจากนี้ยังมีธีมอื่นๆ เช่น ฟินเทค เกมและอีสปอร์ต อีคอมเมิร์ซ และคลาวด์ ก็เป็นธีมที่กำลังเติบโตอยู่เช่นกัน เพราะเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์ในอนาคต คนทั่วโลกยังต้องใช้เทคโนโลยีเหล่านี้

Q: ดัชนีหุ้นเวียดนามขึ้นมาสูง ถ้าลงทุนในช่วงนี้จะถือว่าเราได้ราคาที่ถูกอยู่หรือไม่

คำว่า ราคาถูก คือ การนำตัวราคามาเทียบกับมูลค่า เช่น หากเราซื้อหุ้น 1 ตัวในราคา 10 บาท และราคาวิ่งขึ้นมาเป็น 15 บาท แต่มูลค่าที่แท้จริงคือ 20 บาท เราก็ยังถือว่าซื้อหุ้นในราคาถูก 

ถ้ามองภาพใหญ่ของตลาดหุ้นเวียดนาม ราคาหุ้นอาจจะขึ้นมาจากปีก่อนค่อนข้างเยอะ แต่ถ้ามองย้อนกลับไปในช่วง 3-4 ปีก่อน ตลาดหุ้นเวียดนามค่อนข้างนิ่งและไม่ได้เติบโตขึ้นมาสักเท่าไร ดังนั้นการลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนามยังถือว่า ราคาหุ้นไม่ได้แพงมาก หากผ่านไป 3-5 ปีข้างหน้า ตลาดหุ้นเวียดนามก็ยังเป็นทางเลือกการลงทุนที่น่าสนใจอยู่ 

ตลาดหุ้นเวียดนามเติบโตอย่างรวดเร็ว เพราะคุมสถานการณ์ Covid-19 ได้ดี เศรษฐกิจเติบโตได้ท่ามกลาง GDP ติดลบทั่วโลก ทำให้นักลงทุนสนใจตลาดหุ้นเวียดนามกันมากขึ้น โดยเฉพาะนักลงทุนรายย่อยเวียดนามเปิดพอร์ตจากหลักหมื่นต่อเดือน เพิ่มขึ้นมาเป็นหลักแสนบัญชีต่อเดือน ทำให้หุ้นเวียดนามวิ่งกลับมาสู่มูลค่าที่แท้จริง แต่ก็ยังไม่ได้แพงเกินไปเทียบกับการเติบโตที่จะมีอีก 3-5 ปีข้างหน้า

Q: แพลตฟอร์ม Jitta วิเคราะห์งบการเงินย้อนหลัง เหมือนดูกระจกหลัง แล้วธรรมาภิบาลของบริษัท จะรู้ได้อย่างไร

Warren Buffett บอกว่า กระจกหลังชัดกว่ากระจกหน้าเสมอ เพราะธุรกิจไหนดี งบการเงินที่ผ่านมาสะท้อนตัวตนของธุรกิจนั้น ซึ่งมีความสำคัญถึง 80% หากผู้บริหารบริษัทพูดแต่แผนงานอนาคต จะประเมินยาก ให้พิจารณาจากงบการเงินในอดีตจะเห็นภาพมากกว่า 

ถ้าผู้บริหารมีวิสัยทัศน์ เก่ง งบการเงินดี เมื่อพูดถึงแผนงานอนาคต มักจะทำได้ตามแผน ซึ่งแพลตฟอร์ม Jitta วิเคราะห์งบการเงิน ก็เป็นการวัดธรรมภิบาลบริษัทเหมือนกัน เช่น เอาเงินสดไปลงทุนอะไร ลงทุนก่อนค่อยเอากำไรมาจ่ายปันผลหรือไม่ วาง CapEx (Capital Expenditure – งบลงทุน) เอาลงทุนโครงการอะไรที่ก่อให้เกิดประโยชน์หรือไม่ ซึ่งจะเห็นภาพชัด เมื่อเทียบกับการให้ข่าวของผู้บริการ ที่ทำให้ราคาหุ้นสูงเร็ว แต่งบการเงินไม่ดี 

หลักการของแพลตฟอร์ม Jitta คือ เลือกหุ้นดีราคาถูก เหมือนกับเลือกเด็กห้องคิงมาแล้ว โอกาสที่จะเรียนได้เกรดดีๆ มีถึง 80% ส่วนของ 20% จะถูกคัดออกไป หากมีงบการเงินไม่ดี ระบบจะปรับพอร์ต ขายหุ้นตัวนั้นออกไปเอง

Robert Kiyosaki บอกไว้ว่า ลงทุนให้กำไรตั้งแต่ตอนซื้อ ไม่เน้นที่กำไรตอนขาย เพราะถ้าซื้อถูกตั้งแต่แรก อนาคตหากต้องขายออกไป โอกาสขาดทุนน้อย พอร์ตปลอดภัยกว่า แต่ที่คนขาดทุนเยอะๆ เพราะไปลงทุนหุ้นซุปเปอร์สตาร์ ที่มีราคาสูงด้วย พอราคาหุ้นลงก็ขาดทุนหนัก กลายเป็นการลงทุนที่ไปลุ้นอนาคตมากกว่า

Q: นักลงทุน VI (Value Investing) ดังๆ พวกเขามีหลักการลงทุนอย่างไร

หลักการลงทุน VI ไม่ได้เน้นถือหุ้นยาวๆ เพียงอย่างเดียว Benjamin Graham ลงทุนหุ้นราคาถูก เน้นซื้อถูกกว่า 30% ไม่ได้วิเคราะห์งบการเงินเชิงลึก แต่เขาก็บริหารกองทุนที่มีผลตอบแทน 15-17% ต่อปีได้  

ส่วน Buffett มาเป็นลูกศิษย์ ลงทุนแบบเดียวกัน ก็พบว่า ขายหมูไปเยอะ ราคาหุ้นยังวิ่งขึ้นต่อ หรือลงทุนหุ้นตัวนี้ ราคากลับดิ่งลง Charles Munger บอกว่า ให้วิเคราะห์คุณภาพธุรกิจ การสร้างกระแสเงินสดในอนาคต นำหลักการ Margin of Safety ส่วนเผื่อเพื่อความปลอดภัยมาใช้ร่วมด้วย 

ดังนั้นหลักการลงทุน VI ขึ้นอยู่สไตล์และระยะเวลาของนักลงทุน ตัวชี้วัด คือ ลงทุนคุ้มไหม ถือยาวแค่ไหน ถ้าเจอหุ้นที่ดีกว่า โยกเงินลงทุนได้ก็ควรไป จะมีการปรับพอร์ตเรื่อยๆ มีเป้าหมาย คือ การทำผลตอบแทนให้สูง 

Q: การตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) มีผลกระทบต่อการลงทุนไหม

Fed จะเดินหน้าลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรตามมาตรการ QE และส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต อย่างแผน Global ETF ไม่กระทบเลย เพราะมีการจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) ตามหลักการ Modern Portfolio Theory (MPT) พิสูจน์มา 50 ปี ผ่านทุกวิกฤตมาแล้ว กระจายความเสี่ยงและลงทุนอย่างมีหลักการ อย่าง ETF ที่เลือกมาลงทุนหุ้นทั่วโลก ที่มีเป็นกิจการที่ดี มีอำนาจในการแข่งขันสูง ยังขายสินค้าได้

เราไม่สามารถคาดเดาการตัดสินใจของ Fed ได้ นักวิเคราะห์เองมีทั้งเดาถูกและผิด แน่นอนว่า จะมีผลกระทบในตลาดหุ้น ตามหลักการ คือ ถ้าลงทุนในธุรกิจที่มีอัตราเติบโตต่ำ จะมีผลกระทยจากเปลี่ยนนโยบายมาก เช่น ขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ เป็นต้น 

Jitta Ranking เน้นลงทุนหุ้นดีราคาถูก ที่มีโอกาสเติบโตในอนาคต ส่วน Thematic เน้นลงทุนธุรกิจเมกะเทรนด์ เน้นใช้เทคโนโลยี ลูกค้าคือผู้ใช้งานทั่วโลก ส่วนตราสารหนี้ใน Global ETF เป็นการลงทุนเอาไว้รองรับความผันผวนของหุ้นมากกว่า ไม่ได้คาดหวังผลตอบแทนสูง

ตราบใดที่ระบบทุนนิยมไม่ล่มสลาย รายได้ไม่ลดลงเหลือ 0% แน่นอน ขณะเดียวกันทิศทางอัตราดอกเบี้ยจะไม่สูงมากเหมือนในอดีต ดังนั้นหุ้นยังเป็นสินทรัพย์ที่คนยังเอาเงินใส่เข้ามาอยู่ดี ถ้าพอร์ตดี จะสามารถฝ่าฟันทุกวิกฤตได้ นักลงทุนจะรู้ว่า การลงทุนมีความเสี่ยง ขอควบคุมพอร์ตและกระจายความเสี่ยงออกไปได้ 

นักลงทุนเก่งๆ อาจจะได้ประโยชน์จากการคาดการณ์ตลาด แต่นักลงทุนธรรมดาอย่างเราๆ ควรมีหลักการการลงทุน และสินทรัพย์ที่ดีในพอร์ต ถือการลงทุนที่สามารถฝ่าพายุฝนได้ แล้วจะเจอท้องฟ้าสวยงาม เพียงคนส่วนมากเลือกลงทุนเกินกว่าที่ความเสี่ยงรับได้

Q: ทำไมถึงปรับพอร์ตลงทุนทุก 3 เดือน

งบการเงินออกทุก 3 เดือน การลงทุนสไตล์ VI การปรับพอร์ตมีความสำคัญ เพราะได้รีวิวหุ้นที่ลงทุน ถ้างบการเงินไม่ดี ราคาไปต่อไม่ได้ ก็ต้องขายออกและซื้อตัวใหม่ เพื่อให้ได้ผลตอบแทนจากการลงทุนตามที่คาดหวังไว้

แพลตฟอร์ม Jitta ทำได้ เพราะใช้ AI และอัลกอริทึมดูงบการเงินย้อนหลังทั้งหมดทั่วโลก อัปเดตทุกครั้งที่งบการเงินออก คือ ทุกไตรมาส คนๆ หนึ่ง ไม่สามารถดูงบการเงินได้หมด อย่างมากก็ 30 บริษัท ซึ่งเหนื่อยมาก ให้ปรับพอร์ตเอง ถ้าไม่แม่นจริง ก็มีโอกาสขาดทุนได้

หลักการลงทุนแบบ VI ถ้าจะขายหุ้นตัวนั้นมี 3 ข้อ คือ (1) คิดผิด รู้แล้วต้องขาย (2) ราคาไม่ดีเหมือนเดิม รายได้ลดลง คู่แข่งเพิ่ม (3) มีโอกาสการลงทุนที่ดีกว่า

Peter Lynch บอกว่า ตกแต่ง (รีวิว) สวน (พอร์ตลงทุน) ของคุณให้สวยงาม หมั่นซื้อดอกไม้ใหม่ (หุ้นที่มีโอกาสเติบโต) มาลง สวนเราก็สวยเหมือนเดิมหรือดีกว่าเดิม

Q: สถานการณ์หุ้นไทยเป็นอย่างไร ยังน่าลงทุนอยู่ไหม

ถ้าเทียบกับหลายประเทศ เศรษฐกิจไทยมีอัตราการเติบโตที่ด้อยกว่าประเทศอื่นๆ แต่ภาพรวมตลาดหุ้นไม่ได้แย่มากนัก ยังสร้างผลตอบแทนได้ เพราะหลักการลงทุนของ Jitta Ranking คือ ลงทุนหุ้นดีราคาถูก มีเป้าหมายชนะเงินเฟ้อ เมื่อก่อนผลตอบแทนหุ้นไทยอยู่ที่ 10% ต่อปี ช่วงนี้อาจจะเหลือ 6-8% ต่อปี แพลตฟอร์ม Jitta ควรทำได้ 1.5-2 เท่า หรือประมาณ 15% โดยเฉลี่ย ปัจจุบัน แพลตฟอร์ม Jitta ทำได้ 30% ดังนั้นทิศทางการเศรษฐกิจกับตลาดหุ้น ก็ไม่ได้ไปทางเดียวกันทั้งหมด อยู่ที่หลักการลงทุน

Q: โอกาสขาดทุนในธีมเวียดนาม จีน และกัญชา

ขึ้นอยู่กับลงทุนมานานแค่ไหนแล้ว เพราะหลักการลงทุน Thematic มุ่งไปที่ระยะยาว หวังผลจากร่มเงาในอีกหลายปีข้างหน้า สิ่งที่ควรแยกจากกัน คือ ราคา ETF ผันผวน ขึ้นๆ ลงๆ เกิดขึ้นได้เสมอ เป็นผลกระทบระยะสั้น ราคาก็จะกลับมาเป็นขาขึ้นใหม่ ถ้าทั้งอุตสาหกรรมโต ผลลัพธ์ตามเหตุ คือ ราคายังเป็นขาขึ้นมากกว่าขาลง 

หากไปดูผลประกอบการหุ้นใน ETF และราคาเฉลี่ยย้อนหลัง 3 ปี ก็ยังเติบโตอยู่ หากได้เพิ่มทุนปรับพอร์ตแล้ว เมื่อถึงจุดหนึ่ง ผลจากการลงทุนจะตอบแทนกลับมา แล้วคุณจะเข้าใจหลักการลงทุนเอง เมื่อผ่านวิกฤตมาได้

Q: อยากให้ Jitta Wealth จัดอันดับ ETF แบบหุ้นรายตัวเหมือน Jitta Ranking

ทีมงานกำลังศึกษาและออกแบบอัลกอริทึมจัดอันดับธีมการลงทุนใน Thematic และจะเปิดให้บริการในอนาคต 

Q: โอกาสเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นของ Jitta Wealth

Jitta Wealth สตาร์ตอัป WealthTech เรามีพาร์ตเนอร์ให้เงินลงทุนสนับสนุนการทำธุรกิจ ขณะเดียวกันลูกค้ากองทุนส่วนบุคคลของ Jitta Wealth มีส่วนที่ทำให้เราเติบโตมาได้ถึงทุกวันนี้ ในอนาคตถ้า Jitta Wealth สามารถเติบโตได้เร็ว ได้รับการสนับสนุนจากพาร์ตเนอร์และลูกค้า รวมทั้งความพยายามในการออกแบบหลักการลงทุนที่ดี สร้างพอร์ตลงทุนที่ดี มีค่าธรรมเนียมต่ำ เราต้องขอบคุณผู้สนับสนุนทุกคน รวมทั้งอยากให้การเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นมีทั้งพาร์ตเนอร์และลูกค้ามีส่วนร่วมในการเติบโตและเป็นเจ้าของ


อ่าน Exclusive Q&A with CEO ย้อนหลัง

สรุปรายละเอียด 2 ธีมใหม่ นโยบาย Jitta Ranking จีน และ Q&A กับ Jitta Wealth เดือนมิถุนายน 2564

สรุปคำถาม-ตอบ Exclusive Q&A with CEO จาก Jitta Wealth เดือนพฤษภาคม 2564

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด