สร้างพอร์ต Thematic DIY ให้พุ่ง รุ่งด้วยหุ้นจีน

ในปีมังกรทองนี้ ไม่มีอะไรร้อนแรงไปกว่าหุ้นจีนอีกแล้ว นักวิเคราะห์แทบจะทุกสำนักพากันเชียร์ให้ลงทุน เพราะราคาที่ถูกลงมากๆ  กับศักยภาพในการเติบโตที่ยังสูง ไปต่อได้อีกไกล

แต่ธีมหุ้นจีนของ Thematic DIY ก็มีให้เลือกมากมาย ไม่ว่าจะธีมตลาดหุ้นจีน ธีมเทคโนโลยีจีน ธีมบริการสุขภาพจีน ธีมพลังงานสะอาดจีน และล่าสุด ก็ได้เปิดตัวธีมตลาดหุ้นฮ่องกงเข้ามาให้เลือกเพิ่ม รับจังหวะดัชนีถูกสุดในรอบ 15 ปีอีกด้วย

ยังไม่นับธีมประเทศและเมกะเทรนด์อื่นๆ ที่ Jitta Wealth คัดสรรมาให้เลือกลงทุนรวมกว่า 23 ธีม ตาลายกันเลยทีเดียว

วันนี้ Jitta Wealth จึงขอมายกตัวอย่างวิธีการจัดพอร์ตให้พุ่งรุ่งกับหุ้นจีน ช่วยประกอบการตัดสินใจ จุดประกายไอเดียให้การการเลือกธีมมาเข้าพอร์ต Thematic DIY ของคุณ พร้อมรับกระแสหุ้นจีนในตอนนี้ด้วย!

ธีมตลาดหุ้นจีน vs ธีมตลาดหุ้นฮ่องกง

ธีมตลาดหุ้นจีน (MCHI ETF)  หรือ iShares MSCI China ETF ลงทุนอย่างน้อย 90% ในหุ้นประเทศจีน อ้างอิงดัชนี MSCI China Index ซึ่งเป็นดัชนีที่ครอบคลุมหุ้นขนาดใหญ่และขนาดกลางในตลาดทุนจีน รวมทั้งสิ้น 700 กว่าหุ้น หรือประมาณ 85% ของหุ้นทั้งหมดในตลาดจีน 

ธีมตลาดหุ้นฮ่องกง (EWH ETF) หรือ iShares MSCI Hong Kong ETF ลงทุนในหุ้นฮ่องกง H-share อ้างอิงดัชนี MSCI Hong Kong 25/50 ที่มีหุ้นกลางถึงใหญ่ของตลาดฮ่องกง ซึ่งคิดเป็น 85% ของมูลค่าตลาดทั้งหมด 

ทั้ง 2 ธีมแม้จะลงทุนในหุ้นจีนเหมือนกัน แต่หุ้นที่ ETF เข้าไปลงทุนนั้นต่างกัน อาจมีบ้างที่หุ้นเล็กๆ สัดส่วนไม่ถึง 1% จะเป็นบริษัทที่มีอยู่ในทั้ง 2 ธีม

แต่ Top Holding หรือหุ้นที่ ETF มีสัดส่วนเข้าไปลงทุนสูงจะมีความแตกต่างกัน ทำให้คุณสามารถลงทุนทั้ง 2 ธีมไว้ในพอร์ตเดียวกันได้

เมื่อได้ธีมแกนหลักที่คุณอยากลงทุนแล้ว ขึ้นตอนต่อไปคือ จะลงทุนยังไง ให้สามารถกระจายความเสี่ยงได้เพียงพอ และลงทุนได้ครอบคลุม ไม่พลาดโอกาสเติบโตทำกำไรในระยะยาว 

จัดพอร์ตแบบที่ 1 ลงทุนแบบโฟกัส

ในปีที่หุ้นจีนกำลังมาแรงแบบนี้ นอกจากธีมตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกงแล้ว เรามีธีมที่ลงทุนหุ้นจีนให้คุณเลือกอีก 3 ธีมการลงทุน ได้แก่ 

ธีมบริการสุขภาพจีน (KURE ETF) หรือ KraneShares MSCI All China Health Care Index ETF อ้างอิงดัชนี MSCI China All Shares Health Care 10/40 Index ที่เป็นตัวแทนของ 120 บริษัททั้งขนาดเล็ก กลาง และใหญ่ในธุรกิจบริการสุขภาพของจีน 

ธีมพลังงานสะอาดจีน (KGRN ETF) หรือ KraneShares MSCI China Clean Technology Index ETF อ้างอิงดัชนี MSCI China IMI Environment 10/40 Index ครอบคลุมประมาณ 50 บริษัท ที่มีรายได้อย่างน้อย 50% จากผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

ธีมเทคโนโลยีจีน (CQQQ) หรือ Invesco China Technology ETFอ้างอิงดัชนี FTSE China Incl A 25% Technology Capped Index ครอบคลุม 101 บริษัทชั้นนำ ที่ถูกจัดอยู่ในกลุ่ม Information Technology 

คุณสามารถจัดพอร์ตโดยลงทุน 

ธีมตลาดหุ้นจีน (MCHI ETF) 

+ ธีมตลาดหุ้นฮ่องกง (EWH ETF) 

+ ธีมบริการสุขภาพจีน (KURE ETF) 

+ ธีมพลังงานสะอาดจีน (KGRN ETF) รวมเป็น 4 ธีมการลงทุน

หรือจะเพิ่ม ธีมเทคโนโลยีจีน (CQQQ ETF) ด้วย เป็น 5 ธีมก็ได้ หากคุณต้องการลงทุนในกลุ่มเทคโนโลยีมากขึ้น

เหมาะกับใคร 

แบบที่ 1 เหมาะกับนักลงทุนที่กระจายความเสี่ยงลงทุนในสินทรัพย์หรือหุ้นประเทศอื่นๆ อยู่แล้ว

จุดเด่น

ครอบคลุมหุ้นจีนในหลากหลายกลุ่มอุตสาหกรรรมที่กำลังเติบโตสูง ทำให้พอร์ตมีโอกาสเติบโตสูงไปด้วย ส่วน CQQQ นั้นจะลงทุนหรือไม่ก็ได้ เพราะหุ้นเทคโนโลยีชั้นนำส่วนใหญ่ก็ครอบคลุมอยู่ใน MCHI แล้ว

ข้อควรระวัง

หากมีปัจจัยลบมากระทบประเทศจีน ธีมทั้งหมดจะได้รับผลกระทบไปในทางเดียวกัน ทำให้พอร์ตผันผวนสูงกว่า

จัดพอร์ตแบบที่ 2 กระจายความเสี่ยง 

การจัดพอร์ตอีกแบบที่เราจะแนะนำ ถ้าคุณยังไม่มีพอร์ตลงทุนอื่นๆ เลย แต่สนใจอยากลงทุนหุ้นจีน คุณสามารถลงทุน ธีมตลาดหุ้นจีนและตลาดหุ้นฮ่องกง ร่วมกับธีมตลาดหุ้นประเทศอื่นๆ อีก 3 ประเทศ ได้แก่

ธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ (IVV ETF) หรือ iShares Core S&P 500 ETF อ้างอิงในอัชนี S&P 500 เน้นลงทุนในบริษัทขนาดใหญ่ที่จัดตั้งในสหรัฐฯ 

ธีมตลาดหุ้นเวียดนาม (VNM ETF) หรือ VanEck Vietnam ETF อ้างอิงดัชนี MarketVector™ Vietnam Local Index เน้นลงทุนในบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนาม และมีมูลค่ามาร์เก็ตแคปอย่างน้อย 150 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

ธีมตลาดหุ้นอินเดีย (INDA ETF) หรือ iShares MSCI India ETF อ้างอิงดัชนี MSCI India Index ลงทุนในหุ้นขนาดกลางและขนาดใหญ่ครอบคลุม 85% ของบริษัทที่จดทะเบียนซื้อขายในตลาดหุ้นอินเดียจากหลากหลายอุตสาหกรรม

สามารถจัดพอร์ตโดยลงทุน

ธีมตลาดหุ้นจีน (MCHI ETF) 

+ ธีมตลาดหุ้นฮ่องกง (EWH ETF) 

+ ธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ (IVV ETF) 

+ ธีมตลาดหุ้นเวียดนาม (VNM ETF) 

+ ธีมตลาดหุ้นอินเดีย (INDA ETF) รวมเป็น 5 ธีมการลงทุน

หรือจะเลือกแค่ธีมตลาดหุ้นจีนหรือฮ่องกง ธีมใดธีมหนึ่งร่วมกับ ธีมตลาดหุ้นอื่นๆ อีก 3 ธีมก็ได้เช่นกัน

เหมาะกับใคร

แบบที่ 2 เหมาะกับนักลงทุนที่ไม่มีพอร์ตลงทุนในสินทรัพย์หรือหุ้นประเทศอื่นๆ เลย

จุดเด่น 

สามารถรับอานิสงส์การเติบโตทั้งของหุ้นจีน และหุ้นประเทศอื่นๆ ไปพร้อมๆ กัน กระจายความเสี่ยง ลดความผันผวนของพอร์ตได้ดี กรณีเกิดวิกฤติขึ้นในประเทศใดประเทศหนึ่ง ธีมประเทศอื่นๆ ที่เหลือจะช่วยพยุงพอร์ตไม่ให้ผันผวนมากนัก

ข้อควรระวัง

แม้จีนจะกลับมาเติบโตสูงมากๆ กำไรที่ทำได้ก็อาจจะไม่ได้พุ่งตาม หากประเทศอื่นๆ ที่ลงทุนไม่ได้เติบโตสูงเหมือนกัน

แนวทางการจัดพอร์ตทั้ง 2 แบบที่เรานำมาแนะนำ จะช่วยให้คุณได้ลงทุนหุ้นจีนในแบบที่คุณต้องการ พร้อมทั้งกระจายความเสี่ยงในระดับหนึ่ง และทำให้คุณไม่พลาดโอกาสเติบโตทำกำไรในระยะยาว     

นอกจากนี้ Thematic DIY ยังให้คุณเลือกลงทุนธีมตลาดหุ้นและธีมเมกะเทรนด์อื่นๆ  รวมกว่า 23 ธีม ตามสไตล์การกระจายความเสี่ยงในแบบที่คุณต้องการ

แล้วระบบของเราจะคอยปรับสัดส่วนของพอร์ต เพื่อรักษาบาลานซ์ของธีมที่ลงทุน และวินัยการลงทุนให้แบบอัตโนมัติ

พิเศษ! ลงทุนหรือเพิ่มทุนธีมที่เกี่ยวกับหุ้นจีนวันนี้รับเครดิตค่าธรรมเนียม 0.5% ทุกๆ ยอดลงทุน 10,000 บาท สูงสุด 100,000 บาท พร้อมทั้งลุ้นรับอั่งเปา เครดิตค่าธรรมเนียม 2 เท่า 

โอกาสดีสุดคุ้มขนาดนี้ มีถึงวันที่ 23 ก.พ. นี้เท่านั้น ศึกษาข้อมูลและตัดสินใจลงทุนได้แล้ววันนี้

ดูรายละเอียดธีมอื่นๆ เพิ่มเติมที่นี่ 

ดูรายละเอียดเพิ่มเติมกิจกรรมลุ้นรับอั่งเปา 2 ต่อได้ที่นี่

หากคุณมีข้อสงสัยหรือคำถามเกี่ยวกับการอัปเดตอัลกอริทึมและการบริหารจัดการพอร์ต Jitta Wealth สามารถติดต่อสอบถามในกลุ่ม Jitta Wealth Official หรือทาง Line ID: @JittaWealth ได้ในวันและเวลาทำการ

กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น WealthTech แห่งแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01 ผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานในอดีตที่เกี่ยวข้องกับการลงทุน ไม่การันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน ความเสี่ยงด้านอัตราแลกเปลี่ยน และความเสี่ยงอื่นๆ ก่อนตัดสินใจลงทุน