สรุป Live: ภาษีต้องรู้ สำหรับผู้ลงทุนในไทยและต่างประเทศ

15 ธันวาคม 2564EventsJitta WealthLive

ไฮไลต์ ‘ภาษีต้องรู้’ จาก Live

  1. พอร์ตลงทุนในไทย จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีกำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์ (Capital Gains Tax) ประกอบด้วย หุ้นสามัญ กองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล สำหรับภาษีเงินปันผลจะถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% แต่จะมีเงื่อนไขเครดิตภาษีเงินปันผล ​​เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการเก็บภาษี และช่วยให้คุณเสียภาษีแค่ชั้นเดียว
  2. พอร์ตลงทุนในสหรัฐอเมริกา จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีกำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์ของสหรัฐฯ สำหรับเงินปันผลของหุ้นและ ETF ในสหรัฐฯ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 30% แต่หากบริษัทต้นทางรู้ว่า คุณเป็นคนไทยจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายเหลือ 15% หากคุณถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายของเงินปันผลเกิน คุณสามารถทำเรื่องขอเงินคืนได้ที่สหรัฐฯ
  3. พอร์ตลงทุนในเวียดนาม จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษี ทั้งกำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์ และเงินปันผล ส่วนการลงทุนในจีนจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีกำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์ สำหรับเงินปันผลของหุ้นจีน จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%
  4. ภาษีต้องรู้ กรณีเงินได้จากการลงทุนต่างประเทศตามกฎหมายไทย หากคุณพำนักอยู่ในไทยน้อยกว่า 180 วัน หรือนำเงินได้กลับเข้ามาในปีภาษีถัดไป จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมาคำนวณรวม เพื่อเสียภาษีเงินได้ในไทย โดยคุณต้องแจ้งกับทีมงาน Jitta Wealth ให้ขายสินทรัพย์ภายในปีภาษี และนำเงินกลับเข้ามาในปีภาษีถัดไป เพื่อให้ได้รับการยกเว้นภาษี

ดู Live ย้อนหลัง

สรุปเนื้อหา ‘ภาษีต้องรู้’ จาก Live

ทีมงาน Jitta Wealth ได้ทำสรุป Live ภาษีต้องรู้ สำหรับผู้ลงทุนในไทยและต่างประเทศ โดยมีคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ มาให้ข้อมูลด้านภาษี จากพอร์ตลงทุน Jitta Wealth และสอบถามกฎระเบียบที่เกี่ยวข้องภาษีต้องรู้ ประเภทเงินได้บุคคลธรรมดาจากการลงทุนจาก ผศ.ดร. ยุทธนา ศรีสวัสดิ์ หรือ อาจารย์มิก ผู้เชี่ยวชาญด้านกฎหมายภาษีอากร จากมหาวิทยาลัยสยาม และ CEO แห่ง iTAX สตาร์ตอัปผู้พัฒนาแอปพลิเคชันด้านภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา และที่ปรึกษาภาษีธุรกิจ ด้วยความหวังที่จะทำให้ภาษีเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้นสำหรับทุกคน 

อาจารย์มิกมีมุมมองว่า บุคคลที่เสียภาษีในประเทศนี้เปรียบเสมือนฮีโร่ของประเทศ เพราะหากประเทศขับเคลื่อนได้จากภาษี หากไม่ได้รับภาษีจากประชาชน ประเทศก็ล่มสลายได้

iTAX เป็นแอปพลิเคชันให้ผู้ใช้งานสามารถคำนวณภาษีของตัวเองได้แบบครบวงจร คุณสามารถดาวน์โหลดและใช้งาน iTax ผ่านแพลตฟอร์ม App Store และ Google Play Store โดยแอปพลิเคชันตัวนี้จะให้คำตอบกับคุณได้อย่างชัดเจนว่า ภาษีที่คุณต้องเสียให้กรมสรรพากรแต่ละปีเป็นเท่าไร

ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในไทย

ภาษีกำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์ (Capital Gains Tax) จากการลงทุนในสินทรัพย์การเงินในไทย หากคุณได้กำไรจากส่วนต่างจากการขายหุ้นสามัญ กองทุนรวม และกองทุนส่วนบุคคล คุณไม่ต้องเสียภาษีจากกำไรส่วนนี้ เนื่องจากเป็นสิทธิประโยชน์ที่ทางกระทรวงการคลังต้องการให้ประชาชนหันมาบริหารความมั่งคั่ง เก็บออมผ่านตลาดทุนในประเทศ 

หากคุณได้กำไรจากการลงทุนหุ้นสามัญ 1,000 ล้านบาท จากกำไรส่วนต่างของการขายหุ้น คุณจะไม่เสียภาษีเลย ซึ่งเป็นข้อดีสำหรับการลงทุนในไทย

ถ้าเป็นการขายหุ้นบริษัทจำกัด ที่ไม่ได้ลิสต์ในตลาดหุ้น หากคุณได้กำไรส่วนต่างจากการขายหุ้นบริษัทเอกชนจะไม่ได้รับการยกเว้นภาษี Capital Gains Tax โดยจัดเก็บในอัตรา 15% ของกำไรที่ได้

ภาษีเงินปันผล (Dividend Tax) เมื่อบริษัทมีกำไรจากการดำเนินงาน คุณจะได้รับส่วนแบ่งในรูปแบบเงินปันผล หมายความว่าคุณรวยขึ้นจากการเป็นเจ้าของบริษัท คำนวณจากจำนวนหุ้นที่คุณครอบครองอยู่ เช่น บริษัทประกาศจ่ายเงินปันผล 10 บาทต่อหุ้น หากคุณมี 10 หุ้น เท่ากับว่าบริษัทจะจ่ายเงินปันผลให้คุณ 100 บาท แต่ภาษีเงินปันผลจะถูกหัก ณ ที่จ่าย 10% ทำให้คุณได้จำนวนเงินปันผล 90 บาท 

คุณสามารถนำเงินปันผลที่ได้รับ มารวมกับรายได้ทั้งปีของคุณ เพื่อยื่นภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา  และคำนวณภาษีเงินได้ที่คุณต้องจ่ายเพิ่มหรือได้รับคืน โดยคุณสามารถเลือกกรอกจำนวนเงินปันผลที่คุณได้รับในช่องเงินได้พึงประเมินมาตรา 40(4) หรือสามารถใช้บริการ Investor Portal ของตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เพื่อดึงข้อมูลเงินปันผลที่คุณได้รับทั้งปี ดาวน์โหลดเป็นไฟล์ Excel เพื่ออัปโหลดคำนวณภาษีกับแอปพลิชัน iTAX หรือดาวน์โหลดเป็น Encrypt File เพื่ออัปโหลดโดยตรงกับระบบออนไลน์ของกรมสรรพากร 

ถ้าถือหุ้นในรูปแบบของนิติบุคคลและองค์กร สัดส่วนที่มากกว่าหรือเท่ากับ 25% ของหุ้นที่มีสิทธิออกเสียงทั้งหมด เงินปันผลที่ได้รับไม่ต้องนำมารวมเป็นรายได้ทางภาษีทั้งจำนวน แต่หากถือหุ้นในสัดส่วนที่น้อยกว่า 25% นำมารวมเป็นรายได้ทางภาษีกึ่งหนึ่ง

อย่างไรก็ตามยังมีเงื่อนไขเครดิตภาษีเงินปันผล เพื่อลดความซ้ำซ้อนของการเก็บภาษี เนื่องจากบริษัทมีกำไร เสียภาษีไปแล้วในรูปแบบภาษีเงินได้นิติบุคคล ถ้าผู้ถือหุ้นต้องมาเสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาจากรายได้เงินปันผลอีก นับเป็นการเสียภาษี 2 ครั้งจากเงินได้ก้อนเดิม ดังนั้นเครดิตภาษีเงินปันผลจะช่วยให้คุณเสียภาษีแค่ชั้นเดียว

นอกจากนี้ การลงทุนในสินทรัพย์การเงินที่มีความเสี่ยงต่ำ อย่างพันธบัตรรัฐบาล ตั๋วเงินคลัง และหุ้นกู้บริษัทเอกชนในไทย ซึ่งเรียกรวมๆ ว่าตราสารหนี้ ผลตอบแทนที่ได้รับจากการถือครอง จะนับเป็นรายได้ดอกเบี้ย ไม่ว่าจะครบอายุ หรือซื้อขายในตลาดรองด้วยราคา Discount จากราคาหน้าตั๋ว จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 15% ของดอกเบี้ยที่ได้รับ

สำหรับ Jitta Ranking ไทย เป็นการลงทุนหุ้นไทยในรูปแบบกองทุนส่วนบุคคล มีเงื่อนไขภาษี เหมือนกับคุณลงทุนเอง คุณจะไม่เสียภาษีจากกำไร Capital Gains Tax ส่วนเงินปันผลที่คุณได้จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย ซึ่งคุณสามารถยื่นแบบและใช้เครดิตภาษีจากเงินปันผล เพื่อได้ภาษีคืน กรณีรายได้ไม่ถึงเกณฑ์ที่ต้องเสียภาษีเพิ่ม หรือเป็นส่วนลด กรณีที่ต้องเสียภาษีเพิ่ม

ภาษีที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนในต่างประเทศ

ภาษีจากการลงทุนในต่างประเทศ จะแตกต่างกัน ตามเงื่อนไขของประเทศนั้นๆ โดยสินทรัพย์ต่างประเทศที่กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth เปิดให้ลงทุน คือ แผน Global ETF แผน Thematic แผน Jitta Ranking ครอบคลุมในสหรัฐอเมริกา จีน และเวียดนาม ดังนี้

  • สหรัฐอเมริกา

หากคุณได้กำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์ (Capital Gains) ในจากตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษี Capital Gains Tax ทั้งสินทรัพย์ในรูปแบบของหุ้นบริษัทหรือ ETF (Exchange Traded Fund)

สำหรับเงินปันผลของหุ้นและ ETF ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 30% ยกเว้นว่าบริษัทต้นทางของสหรัฐฯ ทราบว่า คุณเป็นคนไทย ภาษีหัก ณ ที่จ่ายจะลดลงเหลือ 15% ดังนั้นหากคุณถูกหักภาษี ณ ที่จ่ายของเงินปันผลเกินไปเป็น 30% คุณสามารถทำเรื่องขอคืนเงินกับ Internal Revenue Service ได้ แต่มีความยุ่งยาก เพราะคุณต้องไปดำเนินการที่สหรัฐอเมริกา 

  • จีน

หากคุณได้กำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์ในจีน จะไม่ถูกเรียกเก็บภาษี สำหรับเงินปันผลของหุ้นจีนจะถูกหักภาษี ณ ที่จ่าย 10%

  • เวียดนาม

หากคุณได้กำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์และเงินปันผล (Dividend) คุณจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีของเวียดนาม ในฐานะบุคคลที่ไม่ได้พำนักอาศัยอยู่ในประเทศ

สำหรับภาษีเงินได้ตามกฎหมายไทย ไม่ว่าจะมาจากการลงทุนในสหรัฐฯ จีน และเวียดนาม จะคำนวณภาษีขึ้นอยู่กับ 2 ปัจจัย ดังนี้

  1. แหล่งที่อยู่ หากคุณพำนักอาศัยอยู่ในไทยมากกว่า 180 วันใน 1 ปี คุณจะต้องเสียภาษีเงินได้จากการลงทุนต่างประเทศ เมื่อนำเงินกลับเข้ามาในไทย
  2. ช่วงเวลาที่ขายสินทรัพย์และนำเงินกลับประเทศ หากคุณนำเงินกลับเข้ามาในปีภาษีเดียวกัน ไม่ว่าจะเป็นกำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์ กำไรจากส่วนต่างจากอัตราแลกเปลี่ยน และเงินปันผล ต้องสำแดงรายการและนำเงินส่วนนั้นมาคำนวณภาษีเงินได้ แต่จะคำนวณเฉพาะกำไรที่เกิดขึ้นเท่านั้น ไม่นับเงินต้นที่ออกไปลงทุน

อย่างไรก็ตาม หากคุณพำนักอยู่ในไทยน้อยกว่า 180 วัน หรือนำเงินจากการลงทุนกลับเข้ามาในปีภาษีถัดไป จะได้รับยกเว้นไม่ต้องนำมารวม เพื่อคำนวณภาษีเงินได้ในไทย โดยที่คุณไม่ต้องไปยื่นภาษี และเงินได้ส่วนนี้ จะไม่ถูกคิดในปีภาษีถัดไปด้วยเช่นกัน

สำหรับการลงทุนผ่านกองทุนส่วนบุคคลที่ได้ลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศ จะใช้เงื่อนไขเดียวกัน มีภาษีเหมือนนักลงทุนที่ไปลงทุนด้วยตัวเอง 

Q&A ที่น่าสนใจใน Live

Q: หากคุณได้รับเงินคืนจากประกันชีวิตออมทรัพย์จะต้องนำเงินมาคำนวณภาษีหรือไม่

สำหรับเงินที่ได้จากประกันต่างๆ ไม่ต้องนำมาคำนวณภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว

Q: หากลงทุนผ่าน Jitta Wealth สามารถขายสินทรัพย์ในปีนี้ แล้วพักเงินเอาไว้เพื่อถอนออกมาในปีหน้าได้หรือไม่

สามารถทำได้ แต่คุณจำเป็นต้องแจ้งผ่านเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนของ Jitta Wealth ก่อนเมื่อทำรายการถอนผ่านแอปพลิเคชัน เพราะระบบของ Jitta Wealth จะโอนเงินกลับมาไทยตามขั้นตอนปกติ  

Q: กรมสรรพากรรู้ได้อย่างไรว่า คุณขายหุ้นหรือ ETF  และนำเงินกลับเข้าประเทศเมื่อไร

กรมสรรพากรจะตรวจสอบจากข้อสงสัย ซึ่งสามารถเรียกขอดูข้อมูลส่วนบุคคลได้ โดยที่บริษัท สถาบันการเงิน และองค์กรต่างๆ ต้องให้ความร่วมมือ 

Q: หากคุณแบ่งเงินบางส่วนจากการลงทุนต่างประเทศกลับมา ต้องนำเงินส่วนนี้มาคำนวณภาษีด้วยหรือไม่

หากคุณถอนเงินบางส่วนจากการลงทุนกลับประเทศ และเจ้าหน้าที่สรรพากรสอบถามเข้ามา คุณควรชี้แจงว่า เงินส่วนที่นำกลับเข้ามาเป็น ‘เงินต้น’ หรือ ‘กำไร’ เพราะหากเป็นกำไรจะต้องถูกนำมาคำนวณภาษีด้วย อย่างไรก็ตามจะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของเจ้าหน้าที่สรรพากรด้วย เพื่อให้ตรงตามเงื่อนไขที่สุดคือ ขายสินทรัพย์ภายในปีภาษี แล้วนำเงินกลับเข้ามาในปีภาษีถัดไป

Q: ประเทศใดให้สิทธิประโยชน์ทางภาษีดีที่สุด หากต้องการลงทุนในระยะยาว

มองว่า ไทยเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับการลงทุน เพราะนักลงทุนไทยทั่วไปไม่ต้องเสีย Capital Gains Tax แต่มีเงื่อนไขหักภาษี ณ ที่จ่ายของเงินปันผล เฉลี่ยหุ้นไทยจ่ายปันผลสูงที่ 4-5% ต่อปี

นอกจากนี้ กระทรวงการคลังและกรมสรรพากร มีทางเลือกมากมายให้ประชาชนได้ลดหย่อนภาษี เช่น กองทุนเพื่อลดหย่อนภาษี ประกันสังคม ประกันชีวิต เลี้ยงดูบุตร หรือแม้แต่การท่องเที่ยว ซึ่งในต่างประเทศไม่ค่อยมีสิทธิประโยชน์การลดหย่อนภาษีมากนัก

ถ้าต้องการจะลงทุนในต่างประเทศ เวียดนามถือเป็นประเทศที่น่าสนใจ เพราะนักลงทุนจะไม่ถูกเรียกเก็บภาษีเลย ทั้งกำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์และเงินปันผล เฉลี่ยหุ้นเวียดนามจ่ายปันผลสูง 7-8% ต่อปี โดยคุณสามารถใช้วิธีขายสินทรัพย์ภายในปีภาษี และนำเงินเข้าประเทศในปีภาษีถัดไป เพื่อไม่ต้องเสียภาษีจากการลงทุนต่างประเทศตามกฎหมายไทยอีกด้วย

อย่างไรก็ตามไม่แนะนำให้นำเรื่องสิทธิประโยชน์ทางภาษีมาเป็นส่วนสำคัญในการตัดสินใจลงทุนระยะยาว อย่างกองทุนรวมเพื่อลดหย่อนภาษี อาจจะคิดธรรมเนียมสูงกว่ากองทุนรวมทั่วไปก็ได้ ดังนั้นคุณควรทำความเข้าใจถึงการคำนวณภาษีเงินได้ของคุณเอง และใช้เงื่อนไขลดหย่อนตามสิทธิประโยชน์ที่ได้รับ เพื่อผลประโยชน์ที่สูงสุดของคุณ 

Q: ทำไม Capital Gains Tax ของหุ้นได้รับการยกเว้น แต่การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีต้องเสียภาษี

ภาษีเกี่ยวกับลงทุน ขึ้นอยู่กับรัฐบาลซึ่งจะออกสิทธิประโยชน์มาจูงใจ ทางรัฐบาลมีมุมมองว่า การลงทุนในหุ้นจะส่งผลดีและช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจและตลาดทุนของประเทศ จึงออกนโยบายยกเว้นภาษีหากคุณมีกำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์ 

สำหรับการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี มีเม็ดเงินลงทุนไหลเข้าไปสู่ตลาดซื้อขายเยอะมาก แต่รัฐบาลยังไม่มีท่าทีว่า จะออกนโยบายสนับสนุนการลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี ต้องรอดูแนวโน้มในอนาคต

Q: หากคุณไม่เสียภาษีจะมีผลเสียอะไรบ้าง 

หากสรรพากรพบเจอและถูกตรวจสอบพบว่า บุคคลนั้นมีความผิดฐานหนีภาษีจริง จะมีโทษปรับทางอาญาตั้งแต่ 2,000-200,000 บาท จำคุกตั้งแต่ 3 เดือน – 7 ปี เสียเบี้ยปรับ 2 เท่าของค่าภาษีที่ต้องจ่าย เสียเงินเพิ่ม 1.5% ต่อเดือนของภาษีที่ต้องจ่าย เริ่มนับตั้งแต่วันที่พ้นกำหนดให้ยื่นแบบจนถึงวันที่จ่ายครบ แนะนำให้เสียภาษีตามกฎหมายจะดีที่สุด

นี่คือ สรุป Live ภาษีต้องรู้ สำหรับผู้ลงทุนในไทยและต่างประเทศ ที่ทีมงาน Jitta Wealth ย่อยมาให้คุณ หากคุณสนใจกองทุนส่วนบุคคล สามารถเข้ามาดูข้อมูลได้ที่เว็บไซต์ หรือติดต่อเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ที่ Line ID: @JittaWealth


อ่านบทความ ‘ภาษีต้องรู้’ ที่เกี่ยวข้อง

ทุกเรื่องที่ต้องรู้…ก่อนจะ ‘ลงทุนต่างประเทศ’ กับ Jitta Wealth

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด