Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 95 ประจำวันที่ 20 กันยายน 2565
เงินเฟ้อสหรัฐฯ พุ่งแรงทำตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดลบในสัปดาห์ที่แล้ว สวนทางกับราคาน้ำมันที่ลดลง ขณะที่เงินบาทอ่อนค่ามากสุดในรอบ 17 ปี รายได้คนเวียดนามโตต่อเนื่อง ยอดขายรถ EV ในจีนยังโตไม่หยุด และเกมในจีนกลับมาเปิดตัวได้แล้วหลังภาครัฐผ่อนคลายกฎ
ทีมงานย่อยข่าวเศรษฐกิจและการลงทุนทั่วโลกมาให้คุณแล้ว ไปติดตามกันได้เลย
S&P 500 -4.77% DJIA -4.14% NASDAQ -4.47%
เงินเฟ้อสหรัฐฯ เดือนสิงหาคม 2565 พุ่งแตะ 8.3% สูงกว่าที่คาดการณ์ และเริ่มมีข่าวลือว่า Fed จะใช้ยาแรงขั้นสุดในการควบคุมเงินเฟ้อด้วยนการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายรวดเดียว 1% ในการประชุมครั้งถัดไป ทำให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ผันผวนหนักทันที
CSI 300 -3.94% TOPIX -1.37% VNI -1.18% SET -1.46%
ตลาดหุ้นจีนตกลงจากความกังวลก่อนการประกาศตัวเลขเศรษฐกิจ ส่วนตลาดหุ้นไทยยังมีแรงเทขายหนักจากนักลงทุนต่างชาติทำให้ปรับตัวลงเช่นกัน ตลาดหุ้นในเอเชียแห่งอื่นๆ ปรับตัวลงตามทิศทางตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 18 กันยายน 2565
มาอัปเดตเทรนด์การลงทุนล่าสุดก่อนใคร เปิดแผนลงทุนเอาชนะเงินเฟ้อและดอกเบี้ย ให้คุณไม่พลาดทุกโอกาส กับ Exclusive Q&A with CEO วันอังคารที่ 20 กันยายนนี้ 19.00 น. เป็นต้นไป
ปี 2565 เป็นปีที่เงินบาทอ่อนค่าลงมากเมื่อนำมาเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ จนอัตราแลกเปลี่ยน ณ วันที่ 16 กันยายนที่ผ่านมาปรากฏว่า เงินบาทอ่อนค่าแตะ 37 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐไปแล้วเป็นที่เรียบร้อย
ตัวเลขดังกล่าวมาจากการที่เงินเฟ้อสหรัฐฯ ที่ยังสูงต่อเนื่อง ทำให้ Fed จำเป็นต้องขึ้นดอกเบี้ยอย่างหลีกหนีไม่ได้ เพื่อสะกัดเงินเฟ้อให้ลดลงสู่ระดับเป้าหมาย จนทำให้ส่วนต่างดอกเบี้ยของสหรัฐฯ และไทยห่างออกจากกันมากขึ้น เงินลงทุนจึงไหลออกจากไทยไปยังสหรัฐฯ ทำให้เงินบาทอ่อนค่าลง
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังให้สัมภาษณ์ว่ายังไม่มีความกังวลเรื่องการอ่อนค่าของค่าเงินบาท เพราะคาดการณ์ว่าจะมีเงินทุนจากต่างประเทศไหลเข้ามายังประเทศไทยอย่างต่อเนื่องจากสภาพเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
ในการลงทุน ความผันผวนของค่าเงินสามารถบรรเทาได้ด้วยการใช้กลยุทธ์ DCA ต่อเนื่อง เพื่อถัวเฉลี่ยค่าเงินทุกครั้งที่ลงทุน ความผันผวนของค่าเงินเป็นสิ่งที่นักลงทุนหุ้นต่างประเทศไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ แต่สามารถบริหารจัดการได้ไม่ยาก
เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official
😆 DCA ตลอดแต่เหมือนพอร์ตจะไม่โตตาม นี่มันความสัมพันธ์แบบไหนกัน?
💰 มีทุน 500,000 บาท นอกจาก Jitta Ranking ไทย ลงทุนแผนไหนดี?
📊 Jitta Wealth น่าเชื่อถือแค่ไหน ถูกกฎหมายรึเปล่า?
สัญญาณที่ว่า Fed สามารถควบคุมเงินเฟ้อได้อยู่หมัดเมื่อเดือนสิงหาคมที่ผ่านมาเริ่มจะจืดจางลง เมื่อสหรัฐฯ ประกาศอัตราเงินเฟ้อทั่วไปรอบเดือนสิงหาคมเพิ่มขึ้น 8.3% สูงกว่าที่คาดการณ์ไว้ที่ 8.1% ส่งผลให้ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทั้ง 3 ดัชนีร่วงหนักทันที
Fed ต้องพยายามเรียกความเชื่อมั่นกลับมา โดยมีโอกาสสูงถึง 1 ใน 3 หรือ 34% ที่ Fed จะปรับขึ้นดอกเบี้ยสูงถึง 1% ในการประชุมรอบหน้า ตามการคาดการณ์ของ CME FedWatch Tools
แต่ในข่าวร้ายก็ยังมีข่าวดีซ่อนอยู่ เพราะดัชนีราคาน้ำมันในสหรัฐฯ ลดลงมาอย่างมีนัยสำคัญกว่า 10% แล้วในช่วง 2-3 เดือนที่ผ่านมา ซึ่งราคาน้ำมันเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้เงินเฟ้อในสหรัฐฯ พุ่งสูงขึ้นมาก่อนหน้านี้
เงินเฟ้อในสหรัฐฯ ตอนนี้เป็นเหมือนหนังม้วนยาวที่ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง เป็นไปได้ว่า Fed จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 1% เพื่อยับยั้งเงินเฟ้อให้อยู่หมัด ซึ่งดอกเบี้ยกับตลาดหุ้นมักเคลื่อนไหวสวนทางกัน สุดท้ายแล้วเมื่อเงินเฟ้อลดลง ดอกเบี้ยเริ่มคงที่ ก็จะทำให้ตลาดหุ้นกลับสู่ภาวะปกติได้อีกครั้งนึง
ระหว่างที่โลกกำลังสู้กับเงินเฟ้อ หลายประเทศขึ้นดอกเบี้ยกันเป็นว่าเล่น หากเงินเฟ้อสูงขึ้น เงินสดที่เก็บเอาไว้ก็จะด้อยค่าลงเรื่อยๆ ตลาดหุ้นก็ตก แล้วคุณจะหนีไปทางไหนดี? Warren Buffett มีคำตอบให้คุณครับ
ธนาคาร The Hongkong and Shanghai Banking Corporation Limited (HSBC) หนึ่งในธนาคารที่ใหญ่ที่สุดของฮ่องกง ได้คาดการณ์ว่าประชาชนเวียดนามกว่า 48 ล้านคน จะมีรายได้สูงกว่า 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันในปี 2567
เวียดนามขยับขึ้นมาจากอันดับ 13 เป็นอันดับ 10 สำหรับประเทศที่มีจำนวนประชากรรายได้สูงเกิน 20 ดอลลาร์สหรัฐต่อวันมากที่สุดในโลก เมื่อเปรียบเทียบตามความเสมอภาคของกำลังซื้อ (Purchasing Power Parity) ในขณะที่จีนยังครองอันดับ 1 และน่าจะอยู่ในตำแหน่งต่อไปอีกนาน
การเติบโตของรายได้คนเวียดนามบ่งบอกว่าผู้บริโภคในเวียดนามมีกำลังซื้อและมีการใช้จ่ายของผู้บริโภคเพิ่มขึ้น โดยเวียดนามเป็นอีกหนึ่งประเทศที่ถูกคาดการณ์ว่าจะมีการบริโภคภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้นมากที่สุดในช่วง 10 ปีข้างหน้า นับตั้งแต่ 2564-2573
ด้วยจำนวนประชากรเกือบ 100 ล้านคนและรายได้ต่อหัวมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เศรษฐกิจเวียดนามก็จะเติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง หากคุณสนใจลงทุนระยะยาวในตลาดหุ้นเวียดนาม ตอนนี้ถือว่าน่าสนใจสุดๆ
ช่วงที่ผ่านมา ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ ปรับตัวลง แต่เศรษฐกิจยังโตไม่หยุด เป็นโอกาสที่การลงทุนเน้นคุณค่าเฝ้ารอ ตอนนี้ตลาดหุ้นเวียดนามน่าลงทุนจริงหรือ หาคำตอบได้ที่นี่
The China Passenger Car Association (CPCA) รายงานยอดขายรถยนต์พลังงานสะอาดจีนประจำเดือนสิงหาคมปี 2565 ที่ 632,000 คัน เพิ่มขึ้นกว่า 103.9% yoy และ 12% mom ส่วนยอดขายรถยนต์พลังงานสะอาดรวมตั้งแต่มกราคม – สิงหาคม 2565 อยู่ที่ราว 3.66 ล้านคัน ขยายตัว 119.4% yoy และทำให้สัดส่วนยอดขายรถยนต์ EV ต่อรถยนต์ทั้งหมดทะลุเป้าที่รัฐบาลจีนตั้งไว้เรียบร้อย
จากยอดขายทั้งหมดในเดือนสิงหาคม 2565 พบว่า BYD ยังมีส่วนแบ่งตลาดนำโด่งมาเป็นอันดับแรกที่ 27.68% ทิ้งห่าง Tesla ที่มีส่วนแบ่งตลาดรองลงมาที่ 12.18% ในขณะที่ Neta ที่เพิ่งเปิดจำหน่ายรถยนต์ EV ในไทยมีส่วนแบ่งตลาดเพียง 2.53% ในเดือนล่าสุด
อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดและรถยนต์ EV ที่เติบโตแบบหยุดไม่อยู่ในจีนจะส่งผลดีต่อหลายธีมของ Thematic ETF ไม่ว่าจะเป็นธีมพลังงานสะอาดจีน หรือธีมลิเธียมและแบตเตอรี่ ที่มีอนาคตสดใสทีเดียว
บทวิเคราะห์มากมายเชียร์หุ้นเวียดนามว่าเป็นสุดยอดหุ้นน่าลงทุน แต่การลงทุนระยะยาวในหุ้นเวียดนามจะยาวไปได้นานสักแค่ไหน? จะยาวไปถึงเมื่อไหร่? คุณจะทราบได้ยังไง มาทำความเข้าใจกัน
Tencent และ NetEase ได้รับการอนุมัติให้เปิดตัวเกมใหม่ได้เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ปี 2564 ที่หน่วยงานภาครัฐของจีนได้ระงับการออกใบอนุญาตเกมใหม่ทั้งหมด ส่งผลให้ราคาหุ้นของทั้ง 2 บริษัทเพิ่มขึ้นในช่วงการซื้อขายก่อนตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะเปิดทำการ
เกมของ Tencent และ NetEase อยู่ในรายชื่อเกมที่ได้รับอนุญาตทั้งหมด 73 เกมจากหน่วยงาน National Press and Publication Administration ที่ทำหน้าที่กำกับดูแลสื่อของรัฐบาลจีน
Bloomberg รายงานว่า หน่วยงานเฝ้าระวังด้านสื่อของรัฐบาลจีนได้ระงับการออกใบอนุญาต และแม้จะกลับมาออกใบอนุญาตหรืออนุมัติเกมใหม่ในภายหลังก็ทำอย่างเข้มงวด ทำให้การเปิดตัวเกมใหม่มีความล่าช้าออกไป
หากติดตามข่าวจาก Jitta Wealth Journal อย่างต่อเนื่อง คุณจะสังเกตว่าปัจจัยพื้นฐานของหลายประเทศและหลายอุตสาหกรรมดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งอาจสวนทางกับราคาหุ้นในประเทศก็ได้ ตามธรรมชาติของตลาดหุ้นที่มักมีช่องว่างระหว่างพื้นฐานของธุรกิจและราคาหุ้นเสมอแบบที่ Benjamin Graham สอนเรื่อง Mr.Market เอาไว้เมื่อเกือบ 90 ปีที่แล้ว
ความผิดเพี้ยนของตลาดหุ้นถือเป็นโอกาสของนักลงทุนที่เชื่อมั่นในหลักการลงทุนแบบ VI และหมั่นทำการบ้าน ศึกษาหาข้อมูลมาเป็นอย่างดีจึงได้คว้าโอกาสนั้น ได้กำไรไปเชยชมในที่สุด
ช่วงนี้พายุฝนกระหน่ำรุนแรง อย่าลืมดูแลสุขภาพตนเองและครอบครัว หากต้องเดินทางก็อย่าลืมตรวจสภาพรถยนต์เพื่อป้องกันอุบัติเหตุกันด้วยนะ
แล้วพบกันใหม่วันอังคารหน้า
Jitta Wealth Journal – ญี่ปุ่นโตเร็วกว่าคาด ลงทุนเลยดีไหม?
Jitta Wealth Journal – สหรัฐฯ-จีนเอาอีกแล้ว บริษัทไหนกระทบบ้าง?