Jitta Wealth Journal ปีที่ 2 ฉบับที่ 66 ประจำวันที่ 1 มีนาคม 2565 ทีมงานได้รวบรวมและสรุปสถานการณ์ความเคลื่อนไหวทั่วโลกมาให้คุณแล้ว ดังนี้
ไปติดตามกันได้เลย
ปมความขัดแย้งระหว่างรัสเซียกับยูเครน กำลังส่งผลกระทบเป็นโดมิโนไปทั่วโลก คือ ภาวะตลาดหุ้นผันผวนขาลงกว่าเดิม ราคาน้ำมันพุ่งขึ้น ลามไปถึงราคาทองคำที่เป็น Safe Heaven เร่งตัวแรง ส่วนตลาดคริปโทเคอร์เรนซีดิ่งหนักไปอีก
เหมือนจะเป็นการปะทะกันของ 2 ประเทศ แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า สะเทือนเศรษฐกิจทั่วโลก โดยเฉพาะประเด็นละเอียดอ่อนอย่างภาวะเงินเฟ้อ มีแนวโน้มจะเร่งตัวแรงขึ้น เพราะมีราคาน้ำมันเป็นปัจจัยสำคัญดันราคาต้นทุนสินค้าและบริการ
นั่นหมายความว่า เงินเฟ้อพุ่งขึ้นมากๆ จะเป็นแรงกดดันต่อการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารทั่วโลก แผนการขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อชะลอความร้อนแรงของเงินเฟ้อ อาจจะมีแนวโน้มปรับให้เร็วขึ้นกว่าเดิมหรือชะลอออกไป ขึ้นอยู่กับภาวะเศรษฐกิจของแต่ละประเทศ
ที่สำคัญ ภาวะ Stagflation หรือเงินเฟ้อพุ่ง แต่เศรษฐกิจไม่เติบโต อาจจะเกิดขึ้นในช่วงที่สงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครนยืดเยื้อ หรือยังมองไม่เห็นทางออกที่ดีขึ้น
Bloomberg Economic วิเคราะห์ผลกระทบจากสงครามต่อราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ ต่อการดำเนินนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) และธนาคารกลางยุโรป (ECB) โดยแบ่งเป็น 3 มุมมอง คือ
มุมมองแรก ราคาพลังงานเร่งตัวแบบปกติ ทั้ง Fed และ ECB จะคงไทม์ไลน์การขึ้นดอกเบี้ย เพื่อดูแลภาวะเงินเฟ้อ
มุมมองที่สอง อุปทานพลังงานลดลง ดันราคาน้ำมันและก๊าซธรรมชาติ กดดันความไม่แน่นอนในตลาดการเงิน รวมไปถึงเศรษฐกิจโลก Fed และ ECB อาจจะชะลอไทม์ไลน์การขึ้นดอกเบี้ยออกไปเป็นครึ่งปีหลังของปี 2565 หรือปี 2566
มุมมองที่สาม อุปทานพลังงานชะงักงัน ราคาพลังงานขึ้นแรง แต่เกิดวิกฤตลามไปทั่วโลก เศรษฐกิจโลกชะลอตัว ภาวะเงินเฟ้อเริ่มมีความไม่แน่นอน Fed และ ECB อาจจะเปลี่ยนมุมมอง และใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายแทน
Jitta Wealth คาดว่า สงครามอาจจะยืดเยื้อตามมุมมองที่สอง แต่ไม่นาน เงินเฟ้อจะพุ่งชั่วคราวในช่วงครึ่งปีแรก แต่ภาพรวมเศรษฐกิจทั่วโลกชะลอตัว ประกอบการ Covid-19 ยังระบาดอยู่ Fed และ ECB อาจจะชะลอการขึ้นดอกเบี้ยได้
Thomas Lee อดีตนักเศรษฐศาสตร์ของ JPMorgan ออกโรงเตือนสตินักลงทุน อย่าเทขายหุ้นในช่วงนี้ เพราะสถานการณ์ความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน เป็นเพียงผลกระทบระยะสั้น เชื่อว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะปรับขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง
ในช่วงที่ผ่านมา ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวลดลงอย่างต่อเนื่อง จากสถานการณ์ความตึงเครียดของรัสเซียและยูเครน อย่างไรก็ตาม Lee มองว่า บริษัทในสหรัฐฯ มีความเกี่ยวเนื่องกับรัสเซียค่อนข้างน้อย ราคาหุ้นที่ปรับตัวลดลงเกิดจากอารมณ์ของตลาดที่มีความกังวลต่อสถานการณ์ มากกว่าการเปลี่ยนแปลงของพื้นฐานบริษัท
เขามีมุมมองบวกต่อตลาดหุ้นสหรัฐฯ ในครึ่งปีหลัง เนื่องจากปัญหาความขัดแย้งไม่ได้กระทบต่อพื้นฐานบริษัทสหรัฐฯ โดยตรง รวมไปถึงตลาดหุ้นที่ปรับฐานอย่างหนักในช่วงต้นปี 2565 ตอบรับนโยบายของ Fed ดังนั้นหากปมความขัดแย้งจบได้เร็ว ตลาดหุ้นมีโอกาสรีบาวด์กลับมาเป็นขาขึ้นได้
ใครๆ ก็คาดหวังให้พอร์ตลงทุนกำไรดี แต่ความเป็นจริงแล้ว ตลาดหุ้นมีขึ้นมีลง คุณจะรับมือเมื่อพอร์ตติดลบแดงๆ ได้อย่างไร คุณกิตติพันธ์ เตชะจิรวัฒน์ ผู้ก่อตั้ง Active Healthcare ลูกค้าที่ลงทุนจริง เขาผ่านมาแล้ว
ตลาดเซมิคอนดักเตอร์ในเอเชียใต้คึกคัก คาดแตะระดับ 63,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2569 บริษัทผู้ผลิตชิป 5 ราย ขออนุมัติลงทุนตั้งโรงงานในอินเดีย รวม 20,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
บริษัทชิปขอลงทุน 4 โครงการ ได้แก่ Vedanta (อินเดีย) ลงทุนรวมกับ Foxconn (ไต้หวัน) IGSS Ventures (สิงคโปร์) ISMC ลงทุนรวมกับ Tower Semiconductor (อิสราเอล) และ Elest ส่วน Vedanta ขอลงทุนเองอีก 1 โครงการ
ภาพใหญ่ๆ จะเป็นโครงการผลิตชิปสำหรับโครงข่าย 5G และรถยนต์ไฟฟ้า (EV) พร้อมทั้งได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลอินเดียมูลค่ากว่า 5,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ
อินเดียกลายเป็นฐานการผลิตเซมิคอนดักเตอร์อีกแห่งหนึ่งของโลก จะช่วยบรรเทาปัญหาขาดแคลนชิปในปัจจุบัน ซึ่งความต้องการยังคงมีมากขึ้นตามการพัฒนาเทคโนโลยี
อินเดียเป็นประเทศใหญ่ ด้วยปัจจัยสนับสนุนหลายๆ ด้าน เช่น ตลาดในประเทศที่มีจำนวนประชากรมหาศาล ประชากรวัยแรงงานจำนวนมาก ต้นทุนการผลิตต่ำ รวมไปถึงได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล จึงเป็นเหตุผลที่ดึงดูดให้ต่างชาติเข้ามาลงทุนในอินเดีย
ในภาพใหญ่จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจอินเดียในอนาคต รวมไปถึงตลาดหุ้นอินเดีย เพราะแนวโน้มเศรษฐกิจอินเดียค่อนข้างสดใสและกำลังเติบโต หากสนใจลงทุน ETF ธีมตลาดหุ้นอินเดีย สามารถจัดพอร์ต Thematic DIY ได้
สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) คาดเศรษฐกิจไทยปี 2565 ขยายตัว +3.5-4.5% หวังสถานการณ์ Covid-19 คลี่คลาย ดันท่องเที่ยวฟื้นตัว ส่งออกโตต่อเนื่อง การเบิกจ่ายงบประมาณรัฐ และโตฐานที่ต่ำในปี 2565
สำหรับปี 2564 เศรษฐกิจไทยขยายตัว +1.6% มากกว่าที่คาดไว้ ภาคส่งออกยังเป็นตัวช่วยหนุนเศรษฐกิจในปีที่ผ่านมา การท่องเที่ยวในประเทศ เริ่มเห็นสัญญาณฟื้นตัวจากแผนการเปิดประเทศ
โครงสร้างเศรษฐกิจไทยพึ่งพาการท่องเที่ยวและการส่งออกเป็นหลัก สภาพัฒน์มองว่า หากการท่องเที่ยวฟื้นตัวได้ในระดับที่ดี เศรษฐกิจไทยยังมีโอกาสเติบโตสูงอยู่ในปี 2565
เศรษฐกิจไทยมีทิศทางเชิงบวกหลายๆ ด้าน จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐ ภาคส่งออก และภาคการท่องเที่ยว อย่างไรก็ตามการลงทุนโดยจากต่างประเทศยังคงชะลอตัว เนื่องจากนักลงทุนรายใหญ่อย่างจีนยังปิดประเทศ ทำให้แผนการขยายธุรกิจอาจต้องเลื่อนออกไป
Huang Yiping และ Yu Yongding อดีตคณะกรรมการธนาคารกลางจีน (PBOC) มองว่า PBOC จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยต่อ ใช้นโยบายการเงินแบบผ่อนคลายลากยาว 3-6 เดือน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจและรักษาระดับงบดุล
นอกจากนี้ ส่วนต่างผลตอบแทนของพันธบัตรสหรัฐฯ และจีนที่ลดลง ไม่มีผลกระทบต่อการกำหนดนโยบายของจีนหากจำเป็น เพื่อดึงดูดนักลงทุนต่างชาติ และเป้าหมาย GDP จีนเติบโต +5% ซึ่งสวนทางกับความเห็นของนักเศรษฐศาสตร์
นักเศรษฐศาสตร์ คาดว่า PBOC จะปรับลดอัตราดอกเบี้ยภายในไตรมาสแรกนี้ เนื่องจากค่าเงินหยวนมีโอกาสอ่อนค่า ทำให้ทุนสำรองระหว่างประเทศลดลง
Bloomberg Economic มองว่า การดำเนินนโยบายการเงินแบบผ่อนคลายรอบนี้ คล้ายกับในช่วงปี 2558-2559 ช่วงวิกฤตอสังหาริมทรัพย์และปัญหาอุปสงค์ในประเทศลดลง PBOC ปรับลดอัตราดอกเบี้ย 30 จุดเปอร์เซ็นต์ (Basis-point) รอบนี้ PBOC จะดำเนินนโยบายเดียวกันไปจนถึงไตรมาส 3 ปี 2565
ในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ค่า Correlation ระหว่างเงินหยวนและความผันผวนของโลกลดลงอย่างมีนัยสำคัญ หมายความว่า เงินหยวนมีความแข็งแกร่งท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจโลก จากความขัดแย้งที่เกิดขึ้นระหว่างรัสเซียและยูเครนตอนนี้ เงินหยวนกลายเป็นสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
การปรับอัตราดอกเบี้ยของ PBOC จะทำให้เงินหยวนหรือสินทรัพย์ปลอดภัยสกุลเงินหยวนได้รับความสนใจน้อยลง อย่างไรก็ตาม ประโยชน์อีกด้านหนึ่ง คือ ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจจีนให้ขยายตัวตามเป้าหมาย
เมื่อเศรษฐกิจยังเติบโตต่อ แรงหนุนย่อมส่งผลต่อตลาดหุ้นจีนเช่นเดียวกัน คุณสามารถลงทุนได้ผ่านแผน Thematic DIY และ Jitta Ranking จีน
หากใครติดตามภาวะตลาดหุ้นทั่วโลกตั้งแต่ปลายปี 2564 จนถึงต้นปี 2565 นี้ จะพบว่า ดัชนีตลาดหุ้นหลายๆ ประเทศปรับตัวลดลง จากการดำเนินนโยบายการเงิน ของสหรัฐฯ คุณจะรับมืออย่างไร และโอกาสการลงทุนอยู่ที่ไหน
ปีงบประมาณ 2565 Alibaba รายได้ไตรมาสที่ 3 สิ้นสุดเดือนธันวาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ 242,580 ล้านหยวน (+10%) ส่วนกำไรต่อหุ้นอยู่ที่ 16.87 หยวน (-23%) ต่ำกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้
ผลประกอบการของ Alibaba เป็นการเติบโตช้าที่สุด นับตั้งแต่เข้าตลาดหุ้นนิวยอร์ก (NYSE) มาตั้งแต่ปี 2557 คาดว่า มาจากธุรกิจอีคอมเมิร์ซและคลาวด์ที่เติบโตลดลง
ราคาหุ้น Alibaba ร่วงลงกว่า -50% ในปี 2564 จากการตรวจสอบการดำเนินธุรกิจบริษัทเทคโนโลยีของทางการจีน ต่อต้านการผูกขาดและปกป้องข้อมูลผู้บริโภค ก่อนหน้านี้ถูกทางการจีนปรับเงินไปกว่า 18,230 ล้านหยวน กรณีอำนาจเหนือตลาด
ทิศทางราคาหุ้น Alibaba ปัจจุบันไม่ได้สะท้อนมูลค่ากิจการ บริษัทมีแผนที่จะซื้อหุ้นคืน พร้อมรักษาความแข็งแกร่งของสภาพคล่อง เพื่อให้มีความคล่องตัวสำหรับการลงทุนในอนาคต
จริงๆ ผลประกอบการของ Alibaba ไม่ได้แย่ แค่โตลดลง หากเข้าไปดูในแพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้น Jitta บอกว่า ราคาหุ้นถูกมาก เมื่อเทียบกับมูลค่ากิจการในปัจจุบัน
Alibaba อยู่ในธีมตลาดหุ้นจีนและอีคอมเมิร์ซของกองทุนส่วนบุคคล Thematic และเป็นหุ้นอันดับต้นๆ ของ Jitta Ranking เทคโนโลยีสหรัฐฯ หากคุณมองเห็นโอกาสของบริษัท สามารถลงทุนต่อหรือเพิ่มทุนเข้ามาได้
นิกเกิลเป็น 1 ในวัตถุดิบหลักของแบตเตอรีของ EV ราคานิกเกิลปี 2565 เพิ่มขึ้นไปแล้ว +15% ต่อเนื่องจากปี 2564 โดยสถานการณ์ราคานิกเกิลปี 2564 ต่างจากในปี 2563 อย่างมาก เนื่องจากความต้องการมีมากกว่ากำลังการผลิตถึง 144,000 ตัน
CSC Financial บอกว่า ในปี 2564 EV มียอดขายเกินกว่าที่คาดการณ์ไว้ ความต้องการแบตเตอรี EV เพิ่มขึ้นกว่า +102% ส่งผลให้ราคาแร่ที่เกี่ยวข้องเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
บรรดาบริษัทผู้ผลิตวัตถุดิบเพื่อทำแบตเตอรี พบว่า ไตรมาส 1 ปี 2565 บริษัทมียอดสั่งซื้อเพิ่มขึ้นกว่า +360% ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการขยายตัวของอุตสาหกรรมพลังงานสะอาด โดยเฉพาะยอดขาย EV และคำสั่งซื้อแบตเตอรีของจีน
อุตสาหกรรมพลังงานสะอาดเป็นเมกะเทรนด์ และทั่วโลกต่างสนับสนุนนโยบายลดการปล่อยมลพิษสู่ชั้นบรรยากาศ เทรนด์การเติบโตยังมีให้เห็นในระยะยาว และจะเป็นพลังงานที่ผู้คนใช้กันมากขึ้นในอนาคต
HERO กำลังเป็นกระแส เพราะเป็นตัวแทนของธีมเกมและอีสปอร์ต และราคา ETF มีแนวโน้มรีบาวด์ หากคุณจะลงทุน HERO ให้ได้ราคาตลาด พร้อมกระจายความเสี่ยงหลายๆ ธีม ด้วย Thematic ETF อื่นๆ ทำได้ง่าย
หลังจากเผชิญกับการระบาดของ Covid-19 และปิดประเทศมานานกว่า 2 ปี เวียดนามพร้อมเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ กำหนดการเลื่อนขึ้นให้เร็วขึ้นกว่าเดิม โดยนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเข้าเวียดนาม ต้องมีผลตรวจ Covid-19 เป็นลบภายใน 72 ชั่วโมง
ทางรัฐบาลและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเห็นว่า เป็นช่วงเวลาที่ดีในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว และมุ่งเป้าไปที่จากตลาดใหม่ๆ หากเปิดประเทศช้ากว่านี้ อาจจะเสียโอกาสทางเศรษฐกิจในหลายๆ ด้าน
ธุรกิจท่องเที่ยวต่างๆ โรงแรม รีสอร์ต ร้านอาหาร และสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญ ขานรับนโยบายเปิดเมืองของเวียดนาม เตรียมพร้อมรับนักท่องเที่ยว พร้อมยกระดับมาตรการความปลอดภัยด้านสาธารณสุขสอดคล้องกับการท่องเที่ยวแนวใหม่
เวียดนามมีรายได้จากการท่องเที่ยวคิดเป็น 9.2% ของ GDP เป็นสัดส่วนที่มีผลต่อเศรษฐกิจเวียดนามไม่น้อย ดังนั้นการนโยบายการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยวจะช่วยให้รายได้ภาคการบริการของเวียดนามฟื้นกลับมา และช่วยดันการเติบโตของเศรษฐกิจของเวียดนาม
ปี 2564 ที่ผ่านมาตลาดหุ้นทั่วโลกเริ่มฟื้นตัว Jitta Wealth จัดอันดับผลตอบแทน 16 ธีมจากกองทุนส่วนบุคคล Thematic ปีที่ผ่านมา ธีมไหนเด่น ธีมไหนซึม และคุณจะจัดพอร์ตและรับมืออย่างไรในปี 2565
เข้าสู่เดือนมีนาคม ปี 2565 ยังไม่ทันได้ปรับตัวปรับใจกับตลาดหุ้นเกือบทั่วโลกขาลง ยังต้องมาเผชิญกับสงครามระหว่างรัสเซียกับยูเครน ที่สร้างความผันผวนให้ตลาดหุ้นทั่วโลกอีกระลอก
นานาประเทศเริ่มออกมาเรียกร้องให้ยุติความขัดแย้ง มีการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจกับรัสเซีย เพื่อแสดงจุดยืนไม่สนับสนุนการทำสงคราม และด้วยภาวะเงินเฟ้อทั่วโลกที่ยังไม่คลี่คลาย ทั้งหมดนี้สร้างความกังวลให้นักลงทุนแน่นอน ส่งผลให้ตลาดหุ้นทั่วโลกยังมีความผันผวนจากอารมณ์และไม่ความแน่นอนต่างๆ
Jitta Wealth มองว่า ไม่ว่าจะสภาวะไหน ไม่มีใครสามารถคาดเดาความเคลื่อนไหวของตลาดหุ้นได้ สิ่งที่คุณทำได้ คือ การจัดพอร์ตลงทุนกระจายความเสี่ยงให้เหมาะสม เลือกสินทรัพย์ที่มีโอกาสเติบโตในระยะยาว และใช้วิกฤตเป็นโอกาสเพิ่มทุน นี่คือสิ่งที่คุณควบคุมได้
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า
Jitta Wealth Journal – Facebook รายได้โฆษณาลดลง โอกาสโตมีหรือไม่
Jitta Wealth Journal – Fed ขึ้นดอกเบี้ยทั้งปี ตลาดหุ้นส่อแววผันผวน