Jitta Wealth Journal ปีที่ 3 ฉบับที่ 133 ประจำวันที่ 13 มิถุนายน 2566
Meta ปรับตัว +112.40% ตั้งแต่ต้นปี 2566 หนุนเทคโนโลยีสหรัฐฯ Apple Vision Pro ไม่ถูกใจนักลงทุน ทำหุ้น Apple ปรับลงเล็กน้อย Nio ผู้ผลิตรถไฟฟ้าจีนประกาศลดราคาเพื่อกระตุ้นยอดขาย Fed ตัดสินใจปรับขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวเพื่อดูท่าที หุ้นเวียดนามกลับมาอีกครั้ง มูลค่าซื้อขายแตะ 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ อัตราเงินเฟ้อภาคค้าส่งญี่ปุ่นผ่อนคลายเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกัน
รับข้อมูลข่าวสารและเกร็ดความรู้การลงทุนดีๆ จากเราได้ที่ Line ID: @jittawealth
S&P 500 +0.39% DJIA +0.34% NASDAQ +0.14%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ทรงตัวในทิศทางบวก ตลาดคาด Fed จะหยุดการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราว และจะกลับมาขึ้นอีกครั้งในเดือนที่ 7 เพื่อประเมินว่าผลการปรับขึ้นดอกเบี้ยมีประสิทธิภาพในการควบคุมเงินเฟ้อมากแค่ไหน อัตราดอกเบี้ยใกล้จะแตะระดับสูงสุด และมีโอกาสที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยในปลายปีนี้เช่นกัน
CSI 300 -0.65% TOPIX +1.91% VNI +1.53% SET +1.56%
นักลงทุนต่างชาติเริ่มกลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยจนบวกแรง มองเป็นโอกาสในการสะสมหุ้นไทยราคาถูก ญี่ปุ่นยังเนื้อหอมต่อเนื่องกลายเป็นดาวเด่นในช่วงนี้ เวียดนามฟื้นตัวทางเศรษฐกิจต่อเนื่อง หลายชาติกำลังมีแผนเข้าไปลงทุน ในขณะที่จีนยังโดนตัวเลขการเติบโตที่ชะลอตัวกดดัน
ข้อมูลจาก S&P Capital IQ ณ 11 มิถุนายน 2566
บลจ. จิตตะ เวลธ์ จำกัด จะปรับปรุงระบบซื้อขายหลักทรัพย์ ETF ให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ในช่วง 26 มิถุนายน – 3 กรกฎาคม 2566 เพื่อประโยชน์แก้ผู้ลงทุน โดยจะกระทบกับผู้ลงทุนนโยบาย Global ETF และ Thematic ทั้ง DIY และ Optimize เท่านั้น
อ่านรายละเอียด
หุ้น Meta Platforms บริษัทแม่ของโซเชียลมีเดียที่มีคนใช้งานมากที่สุดในโลกอย่าง Facebook ปรับตัวเพิ่มขึ้นกว่า +112.40% ตั้งแต่ต้นปี 2566 จากการเปลี่ยนแปลงเชิงกลยุทธ์โดยให้คำมั่นว่าจะมุ่งเน้นไปที่ ‘ประสิทธิภาพ’ จากผู้ก่อตั้งอย่าง Mark Zuckerberg
ก่อนหน้านี้หุ้น Meta ปรับตัวลงอย่างหนักเพราะความกังวลของนักลงทุนของไอเดียเทคโนโลยีเมตาเวิร์ส จนหยุดพัฒนาทรัพยากรเดิมที่บริษัทมีอยู่แล้ว แต่หลังจากที่มีการปรับปรุงครั้งใหญ่ นักลงทุนก็มอง Meta ใหม่อีกครั้ง นักลงทุนเปลี่ยนความคิด เชื่อว่า Meta มาถูกทางแล้วทำให้หุ้นกลับมาเป็นขาขึ้นอีกครั้ง
การปรับตัวขึ้นของหุ้น Meta ส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมเทคโนโลยีสหรัฐฯ โดยรวม แสดงให้เห็นถึงความยืดหยุ่นท่ามกลางความท้าทายทางเศรษฐกิจ การแข่งขัน และการเปลี่ยนแปลงเพื่อปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน
ณ ตอนนี้ Meta เป็นเหมือนผู้ส่องทางให้กับบริษัทเทคโนโลยีอื่นๆ ในสหรัฐฯ ที่อาจกำลังเผชิญกับปัญหาที่คล้ายกัน ให้กลับมาหาทางปรับกลยุทธ์ที่เหมาะสมจนฟื้นตัวกลับมาได้อีกครั้ง ตอนนี้หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ หลายบริษัทกำลังมีราคาถูกลง และหากปรับตัวได้แบบที่ Meta ทำ ก็เป็นไปได้ว่าจะกลับมาพลิกฟื้นแรงเหมือนกัน
Apple Vision Pro ผลิตภัณฑ์ใหม่ล่าสุดของ Apple ที่ถูกออกแบบมาเพื่อความบันเทิง และการสื่อสารโดย Tim Cook CEO ของ Apple กล่าวถึงแว่นตาชิ้นนี้เอาไว้ว่า “เป็นผลิตภัณฑ์ปฏิวัติวงการเทคโนโลยีอย่างแท้จริง”
แต่การเปิดตัวของ Apple Vision Pro มีกระแสตอบรับเอียงไปทางลบ เพราะหลังปราศรัยเสร็จ หุ้น Apple กลับปรับตัวลดลง ในสัปดาห์ที่ผ่านมาปรับลดลงไปกว่า -0.90%
คาดสาเหตุที่นักลงทุนยังไม่อินกับผลิตภัณฑ์นี้มาจากราคาเปิดตัวที่คาดว่าจะอยู่ที่ 3,499 ดอลลาร์สหรัฐ สูงเกินคนจับต้องได้และอาจส่งผลให้ยอดขายไม่ดีเท่าที่ควร
ต้องลองดูกันว่า Apple จะก้าวต่อในเกมนี้ในทิศทางไหน เพราะครั้งหนึ่งนักลงทุนก็เคยมีกระแสตอบรับในทิศทางเดียวกันกับ AirPods แต่ตอนนี้ก็เป็นสินค้าที่มียอดขายสูงอันดับต้นๆ ไปแล้ว
Nio ผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าของจีนประกาศลดราคารถยนต์ทุกรุ่น โดยมีส่วนลดตั้งแต่ 6% ถึง 9% เพื่อกระตุ้นยอดขายที่ซบเซา นอกจากนี้ บริษัทจะยุติบริการเปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรีสำหรับผู้ซื้อรายใหม่ด้วย
การตัดสินใจของ Nio ในการลดราคาและยุติการเปลี่ยนแบตเตอรี่ฟรีเกิดขึ้นท่ามกลางสงครามราคาในอุตสาหกรรมยานยนต์ของจีน ซึ่งริเริ่มโดย Tesla และเข้าร่วมโดยแบรนด์รถยนต์อื่นๆ อีกกว่า 40 แบรนด์
พวกเขาแข่งขันกันเพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งตลาดในช่วงที่อุปสงค์รถยนต์ลดลง ยอดขายของ Nio ได้รับผลกระทบจากการแข่งขันที่ทวีความรุนแรงขึ้น แต่ Tesla กลับทำยอดขายได้มากกว่า 5 เท่าในช่วง 5 เดือนแรกของปี
กลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันที่ดุเดือดมากซึ่งเป็นเรื่องที่ดีสำหรับผู้บริโภคที่จะได้รับสินค้าและบริการที่มีคุณภาพมากยิ่งขึ้น ในมุมตลาดหุ้นเอง กลุ่มบริษัทผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าก็กลายเป็นที่สนใจของนักลงทุนอย่างมาก ท่ามกลางการแข่งขันที่สูงนี้เช่นกัน
Talk of the Town
เรื่องเด่นประเด็นฮิตของชาว Jitta Wealth Official
💸 แชร์เป้าหมายการเงินที่สำคัญที่สุดของทุกคน
🥳 ฉลองสมาชิก 20,000 คน ชิงรางวัลต่อเนื่อง 20 วัน
(ตอบคำถามให้ครบ 3 ข้อ เพื่อเข้าร่วมกลุ่มนะ 🤗)
ธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) คาดหยุดนโยบายการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวในเดือนมิถุนายน โดยจะใช้เวลาประเมินผลจากการขึ้นดอกเบี้ยในอดีตก่อนจะตัดสินใจขึ้นดอกเบี้ยในครั้งต่อไป ซึ่งตอนนี้อัตราเงินเฟ้อยังคงสูงกว่าที่ Fed ต้องการ จึงจะเป็นการหยุดพักขึ้นดอกเบี้ยชั่วคราวเท่านั้น
ก่อนหน้านี้มีรายงานจาก Bloomberg ว่า ‘เกิดความเห็นไม่ลงรอยกันในหมูเจ้าหน้าที่ของ Fed ที่บางส่วนต้องการให้ขึ้นดอกเบี้ยต่อ แต่บางส่วนต้องการให้ประเมินสถานการณ์’ จึงเป็นปกติที่นักลงทุนจะจับตามองอย่างใกล้ชิดต่อท่าทีของ Fed
แต่สุดท้ายประธาน Fed อย่าง Jerome Powell ก็ฟันธงตัดสินว่าเขาสนับสนุนการหยุดขึ้นอัตราดอกเบี้ยชั่วคราวเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบที่มีต่อเศรษฐกิจให้ดียิ่งขึ้น ก่อนจะพิจารณาก้าวต่อไปของ Fed ว่าจะเอายังไงต่อ
ตัวแปรสำคัญที่ส่งผลให้ Fed ปรับขึ้นดอกเบี้ยคือเงินเฟ้อ หากอัตราเงินเฟ้อยังไม่ลดลงไปสู่จุดที่ควรจะเป็น Fed ก็คงมีวิธีรับมือด้วยการปรับขึ้นดอกเบี้ยต่อไป คงต้องติดตามกันต่อไปว่าสุดท้ายแล้วผลลัพธ์การประเมินจะออกมาเป็นยังไง รวมไปถึงเรื่องโอกาสที่ Fed จะปรับลดดอกเบี้ยในช่วงปลายปีนี้หรือไม่
ความสำเร็จครั้งสำคัญ ตลาดหุ้นเวียดนามมีปริมาณการซื้อขายเกิน 1,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาหลังจากปริมาณการซื้อขายลดลงเป็นเวลานาน จากปัญหาทางด้านอสังหาฯ และภาคธนาคารที่เวียดนามได้รับผลกระทบ
ปริมาณการซื้อขายและสภาพคล่องที่เพิ่มขึ้นในตลาดหุ้นเวียดนามสนับสนุนการเติบโตของตลาดได้ในระยะยาว เพราะช่วยดึงดูดนักลงทุนทั้งในและต่างประเทศ และยังช่วยเสริมเสถียรภาพของตลาดหุ้นเวียดนามอย่างมีนัยสำคัญ
นอกจากนี้รัฐบาลเวียดนามยังมีแผนกระตุ้นการฟื้นฟูเศรษฐกิจด้วยการอัดฉีดเม็ดเงินจำนวน 1,025 ล้านล้านดอง หรือประมาณ 42,570 ล้านดอลลาร์สหรัฐเข้ากองทุนของรัฐ ผสมกับการเปิดบัญชีซื้อขายหุ้นที่เพิ่มขึ้นยิ่งทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามคึกคักมากในช่วงเวลานี้
ตอนนี้ฝั่งนักลงทุนในประเทศเริ่มกลับมาแล้ว หากได้รับแรงหนุนจากนักลงทุนต่างชาติด้วย จะยิ่งทำให้ตลาดหุ้นเวียดนามเติบโตมากอย่างชัดเจน
มิจฉาชีพระบาดหนัก Jitta Wealth จึงอยากขอย้ำเตือนกันอีกครั้งก่อนทำธุรกรรม
โปรดตรวจสอบข้อมูลให้แน่ใจ
เช่น ยอดไลก์ ข้อมูลเว็บไซต์ ภาษาที่ใช้ และช่องทางการติดต่อทาง Line
ขอบคุณทุกคนที่เป็นหูเป็นตาให้เรา
แชร์ข้อมูลเพื่อเตือนภัยเพื่อนนักลงทุน
อัตราเงินเฟ้อภาคค้าส่งของญี่ปุ่นชะลอตัวเป็นเดือนที่ 5 ติดต่อกันในเดือนพฤษภาคม เนื่องจากราคาเชื้อเพลิงและสินค้าโภคภัณฑ์ที่ลดลง สอดคล้องกับมุมมองของธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) ที่มองว่าอัตราเงินเฟ้อของผู้บริโภคจะลดลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า จากอิทธิพลการลดลงของราคาสินค้าโภคภัณฑ์ทั่วโลก
คาดการณ์ว่า BOJ จะคงนโยบายที่ผ่อนคลายเป็นพิเศษในสัปดาห์นี้และคงการคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะฟื้นตัวในระดับปานกลาง เนื่องจากการใช้จ่ายภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนที่แข็งแกร่งช่วยชดเชยภาคการส่งออกที่ชะลอตัว
แม้ว่าราคาขายส่งโดยรวมจะผ่อนคลายลง แต่ราคาสินค้าประเภทอาหารและอุปกรณ์ไฟฟ้ายังคงเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง บ่งชี้ถึงแรงกดดันด้านต้นทุนในภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับผู้บริโภคอย่างใกล้ชิด เช่น ผู้ค้าปลีกและร้านอาหาร
ในตลาดหุ้น ญี่ปุ่นกำลังเป็นประเทศที่มาแรง ในทางตัวเลขทางเศรษฐกิจเองก็น่าจับตามองไม่แพ้กัน เพราะทุกอย่างสอดคล้องเชื่อมโยงถึงกันแทบจะทั้งหมด ถือว่าเป็นตลาดที่น่าติดตามมาก
ภาพรวมตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ดีขึ้นมากพอร์ตของใครหลายๆ คนคงเขียวสดใสขึ้นแล้ว การปรับตัว เปลี่ยนแปลงในทิศทางที่ถูกต้องย่อมสร้างผลลัพธ์ที่ดีเสมอ
เริ่มต้นที่ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่มีท่าทีเป็นบวกหลังการตัดสินใจปรับอัตราดอกเบี้ยของประธาน Fed ถึงจะเป็นการตัดสินใจชั่วคราวเพื่อดูท่าทีของตลาด แต่ก็ทำให้ตลาดหุ้นกลับมาบวกให้ชื่นใจอีกครั้ง
ในส่วนของหุ้นเทคโนโลยีก็มีความเคลื่อนไหวในทิศทางที่ดี ทั้งการปรับตัวขึ้นของหุ้น Meta หรือการตั้งคำถามว่า ผลิตภัณฑ์ใหม่ของ Apple จะได้รับเสียงตอบรับที่ดีหรือไม่
แสดงให้เห็นว่า เทคโนโลยีไม่หยุดนิ่ง บริษัทแต่ละบริษัทแข่งกันปรับตัว สร้างเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อมาตอบโจทย์ผู้บริโภคอยู่เสมอ เป็นผลดีกับนักลงทุนที่จะได้ลงทุนใน หุ้นที่ไม่หยุดนิ่ง
ตลาดหุ้นเวียดนามเองก็เป็นอีกหนึ่งตัวอย่างของการปรับเปลี่ยนนโยบายของรัฐบาลทำให้ตลาดหุ้นพลิกกลับมาได้อย่างรวดเร็วและดูมีอนาคต
แล้วพบกันใหม่สัปดาห์หน้า