คุณสาวิตรี เวศกาวี นักลงทุนสาย Day Trade ฟังดูแล้วจะต้องมีความใจกล้ามากๆ นักเลงนิดๆ ใจถึงหน่อยๆ โดยเฉพาะในช่วงที่ตลาดผันผวนแรงเช่นนี้ หากหัวใจไม่แข็งแรงจริงคงเป็นไม่ได้
แต่สำหรับคุณสาวิตรี อดีตพนักงานประจำที่ผันตัวมาเป็นนักลงทุนอาชีพ ที่ลงทุนกับ Jitta Wealth มาตั้งแต่วันแรกๆ ของการเป็นสตาร์ทอัพด้าน Wealth Tech แห่งแรกของไทย ยังคงเดินหน้าการลงทุนที่แสนจะหวือหวาของเธอด้วยการเทรด Options หุ้นไทยควบคู่ไปกับการเลือก Jitta Wealth เป็นเครื่องมือในการบริหารความเสี่ยงพอร์ตลงทุน แถมยังให้ผลตอบแทนที่ดีเช่นกัน
ทุกวันนี้พอร์ต Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ของคุณสาวิตรี ที่ลงทุนมาแล้ว 3 ปีเศษ ตั้งแต่วันที่ 29 กรกฎาคม 2563 ถึง 2 ตุลาคม 2566 สร้างผลตอบแทนไปแล้ว 71.02% เอาชนะดัชนี S&P 500TR ที่สร้างผลตอบแทนได้เพียง 38.39% ในช่วงเวลาเดียวกัน
เรื่องราวของคุณสาวิตรี อดีตพนักงานประจำที่ลาออกมาใช้ชีวิตนักลงทุนเต็มตัวเพื่อสร้างความมั่งคั่งในยามเกษียณให้ครอบครัว ฟังดูแล้วอาจจะต่างจากนักลงทุนอีกหลายท่านที่เดินทางสาย VI แต่สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือการหาความรู้ในการลงทุนและการเลือกใช้เครื่องมือในการลงทุนอย่างชาญฉลาดเพื่อให้ตัวเองมุ่งหน้าไปสู่อนาคตอย่างมั่นคง
เส้นทางการลงทุนของคุณสาวิตรี เริ่มต้นมานานกว่า 25 ปีแล้ว ในสมัยที่ยังเป็นมนุษย์เงินเดือน คุณสาวิตรีก็เป็นนักลงทุนสาย VI มาตั้งแต่แรกเริ่ม เลือกหุ้นลงทุนด้วยมือตัวเอง โดยเน้นหุ้นบลูชิพเป็นหลัก
จนกระทั่งลาออกจากงานประจำมาลงทุนเอง คุณสาวิตรี จึงได้รู้จักกับ Jitta หลังจากได้เข้าไปใช้บริการ Settrade เพื่อหาข้อมูลการลงทุนหุ้น VI ที่ในสมัยนั้นการหางบการเงินรวมถึงบทวิเคราะห์หุ้นต่างๆ ยังทำได้ยาก โบรกเกอร์ต่างๆ จะคิดค่าบริการข้อมูลกับนักลงทุน หรือต้องจ่ายค่าสมาชิกเท่านั้น แต่ Jitta กลับให้บริการฟรี ซึ่งช่วยนักลงทุนอย่างเธอได้มาก
“ลงทุนมานานประมาณ 25 ปี สมัยทำงานก็เลือกหุ้นเองซึ่งเวลานั้นก็ถือว่าประสบความสำเร็จและโอเคกับการลงทุนแนว VI แต่หลังๆ หุ้นก็เล่นยาก หลายตัวลงเองก็ติดดอย ขายหมูตลอด จนมาเจอ Jitta ผ่าน Settrade ก็แปลกใจที่ชื่อแบบไทยๆ แต่พอเข้าไปดูและลองใช้เครื่องมือการหาหุ้น VI แบบฟรี ก็โอโห้ ดีมากเลย”
เมื่อรู้จักกับ Jitta มาระยะหนึ่งก็ได้มีโอกาส ไปเดินในงาน SET in the City และได้รับโบรชัวร์ของ บลจ.จิตตะ เวลธ์ ก็ได้นำกลับมาศึกษาและเริ่มต้นลงทุน
“ช่วงแรกการลงทุนกับ Jitta Wealth เริ่มต้นที่ 3 ล้านบาท ตอนนั้นก็ตัดสินใจเปิดพอร์ต Jitta Ranking หุ้นไทยและสหรัฐฯ ไปพร้อมกัน ในเวลานั้นเรารู้แต่ Jitta Wealth เป็นสตาร์ทอัพที่ไม่มีคนคอยประสานงาน เราไม่เคยเจอหรือคุยกับคนเลยแม้กระทั่งโอนเงินไปแล้วก็ไม่มีใครโทรกลับมาคอนเฟิร์มเลย แต่ดีว่าเรารู้จัก Jitta มาก่อนก็เลยมั่นใจ”
หลังจากนั้นคุณสาวิตรีก็เปิดพอร์ตกับ Jitta Wealth มาเรื่อยๆ ไม่ว่าจะเป็น Thematic Jitta Ranking หุ้นจีนและเวียดนาม หุ้นเทคฯ สหรัฐฯ
แนวทางการลงทุนของคุณสาวิตรีจะมีการแบ่งเงินลงทุนออกเป็น 3 ส่วน ส่วนแรกจะลงทุนใน Money Market ที่ความเสี่ยงต่ำสุดเทียบเท่ากับเงินสด ส่วนนี้มีไว้เพื่อจับจังหวะการลงทุนใน Options หุ้นไทย ซึ่งมีความเสี่ยงสูงมาก และส่วนที่ 3 คือการลงทุนกับ Jitta Wealth ที่เปรียบเสมือนพอร์ตป้องกันความเสี่ยง โดยนำเงินที่เคยลงทุนในหุ้นมาลงทุนในส่วนนี้แทน และหลังจากที่ได้กำไรจาก Options มาก็จะนำเงินมาใส่ใน Jitta Wealth นั่นเอง
“ปัจจุบันเป็นนักลงทุนแบบ Day Trade ที่ลงทุนใน Options หุ้นไทย ซึ่งก็มีความเสี่ยงที่มากอยู่แล้ว ก็เลยมีเงินส่วนหนึ่งไปลงที่ Jitta Wealth ทิ้งไว้ ในลักษณะถือว่าเป็นการบริหารความเสี่ยงปานกลาง แล้วพี่ก็ไปเล่นหวาดเสียวเป็น Day Trade ไป”
ด้วยความที่เป็นนักลงทุนอาชีพ สิ่งที่คุณสาวิตรีต้องทำคือการติดตามข่าวสารข้อมูลรวมถึงมุมมองของนักวิเคราะห์ด้วยตัวเองตลอดเวลา เพื่อให้เท่าทันกับภาวะตลาด แต่การลงทุนใน Jitta Wealth เธอก็ไม่ต้องทำอะไรมาก แค่เลือกธีมการลงทุนแล้วปล่อยให้ระบบทำงานไป ซึ่งคุณสาวิตรีก็เข้าไปดูพอร์ตอยู่เสมอและเห็นการทำงานของอัลกอริทึมที่มีการซื้อขายและปรับพอร์ตอยู่ตลอดเวลา ก็รู้สึกวางใจและไม่ต้องเข้าไปทำอะไรมาก
กลยุทธ์การลงทุนของคุณสาวิตรีต้องเรียกว่า ใช้ส่วนผสมของการลงทุนระยะสั้นและระยะยาวได้อย่างลงตัว และใช้ความรู้ในการบริหารเครื่องมือการลงทุนได้เป็นอย่างดี แม้จะลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยง แต่ก็มีส่วนของการป้องกันความเสี่ยงไปในตัว และจัดสรรสินทรัพย์ที่เสี่ยงปานกลางและเสี่ยงต่ำไว้อย่างพอดิบพอดี และแม้จะเป็นการลงทุนระยะยาว แต่ด้วยความที่มีเวลาติดตามตลาดอยู่ตลอดเวลา เธอเชื่อว่า ในบางจังหวะก็ต้องมีการทำกำไรบ้างเพื่อนำลงทุนต่อ ด้วยการสลับสับเปลี่ยนไปให้เหมาะสมกับสถานการณ์เศรษฐกิจนั้นๆ
“เงินก้อนนี้เป็นเงินที่เราลงทุนระยะยาว เป็น Wealth ของครอบครัวในยามเกษียณ ก็ต้องการสร้างผลตอบแทนให้งอกเงยไปเรื่อยๆ อย่าง Jitta Wealth เราก็ถือเป็นการลงทุนระยะยาว เราไม่ได้อยากจะขาย แต่เมื่อลงทุนมานานระยะหนึ่ง แล้วเราเห็นว่าในบางจังหวะเราสามารถทำกำไรบ้างเพื่อไปลงทุนต่อ หรือบางตลาดลงมามากเราก็ใส่เงินเพิ่มได้ อย่างเช่น Jitta Ranking หุ้นเวียดนามที่เราเห็นว่าตลาดฟื้นกลับมา เราก็ขายเพื่อนำเงินมาลงทุนในจังหวะที่หุ้นไทยปรับตัวลงแรง แต่อนาคตยังไงก็ต้องกลับมาลงทุนเวียดนามให้ได้ เพราะมองว่าอีกไม่นานเวียดนามจะขึ้นแท่น Emerging Market ซึ่งหากถึงเวลานั้นหุ้นเวียดนามเริ่มวิ่ง เราอาจจะตกรถเอาได้”
สำหรับพอร์ตลูกรักของคุณสาวิตรี ต้องยกให้ Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ ที่สร้างผลตอบแทนโดดเด่นมากตลอดช่วง 3 ปีที่ลงทุนมา แม้จะมีการถอนพอร์ตลงทุนออกมาแล้ว 2 ล้านบาท จากเงินลงทุนเริ่มแรกที่ 3 ล้านบาทก็ตาม แต่เวลานี้มูลค่าเงินในพอร์ตยังเหลือมากกว่า 3 ล้านบาทเรียกว่าถอนแต่กำไรออกมาก็ว่าได้
ทุกวันนี้คุณสาวิตรียังมีการลงทุนที่หลากหลายรูปแบบ แม้กระทั่งกองทุนรวมเอง เธอก็ได้ทดลองลงทุนแบบมีการจัดพอร์ตให้ในช่วงเดียวกันกับที่เริ่มลงทุนกับ Jitta Wealth เช่นกัน แต่สิ่งที่เธอค้นพบคือผลตอบแทนที่ได้รับแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง