รีวิว Jitta Wealth ลงทุน ‘หุ้นเวียดนาม’ พาพอร์ตโตไปกับประเทศที่เติบโต

คุณคงศักดิ์ จารุวัฒนสกุล มนุษย์เงินเดือนที่ลงทุนด้วยความเชื่อพลังเติบโต ‘จีน-เวียดนาม’ หุ้นแห่งอนาคต

ก่อนจะเปิดพอร์ตกับ Jitta Wealth คุณเลือกพอร์ตลงทุนจากอะไร สำหรับคุณคงศักดิ์ จารุวัฒนสกุล มนุษย์เงินเดือนที่ต้องการลงทุนเพื่อเกษียณสุข เขาเลือกจากประเทศที่มีความเชื่อมั่นว่า จะมีการเติบโตในอนาคต เพียงแค่นั้นแล้วที่เหลือก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ขอ​ง Jitta Wealth คัดเลือกหุ้นดีราคาเหมาะสมจากประเทศดีๆ มาจัดพอร์ตลงทุนให้ ซึ่งผลตอบแทนที่ได้จากการลงทุนใน Jitta Ranking หุ้นเวียดนามของเขาก็อยู่ที่ 6.99% เริ่มฟื้นตัวตามตลาดหุ้นเวียดนาม  

เขาเล่าว่าเส้นทางการลงทุน​เริ่มต้นจากความสนใจและศึกษาเรื่องการลงทุนรวมๆ แล้วกว่า 10 ปีที่ผ่านมา เพราะมีเป้าหมายที่ต้องการจะเกษียณสุข แรกเริ่มเดิมทีก็ลงทุนในกองทุนลดหย่อน​ภาษีเช่นเดียวกับมนุษย์เงินเดือนคนอื่นๆ แต่เมื่อมีเงินเหลือเก็บมากขึ้นก็เริ่มมองหาการลงทุนอื่นๆ เพิ่มเติมทั้งการลงทุนในกองทุนรวม ETF หรือหุ้นรายตัว 

“แรกๆ ก็ซื้อกองทุนลดหย่อนภาษี ต่อมาก็ลงทุนกองทุนอื่นๆ ตามที่ธนาคารแนะนำ สักพักก็เริ่มศึกษาหาฟังเอง และลงทุนเองในที่สุด ทั้งผ่านกองทุนรวม กองทุนส่วนบุคคล หรือลงทุนผ่าน ETF บ้าง ​​อย่างตอนนี้ก็เริ่มกลับมาก็ลงทุนหุ้นไทยแบบหุ้นรายตัว เพราะเราเริ่มว่าง มีเวลาศึกษามากขึ้น​ ตลาดหุ้นไทยราคาต่ำ ก็เลยลองดูบ้างเล็กๆ น้อยๆ แต่ก็จะไม่ได้เน้นซื้อขายบ่อย เพราะเราลงทุนแบบ VI เลือกหุ้นดีราคาถูก ​”

จากความสนใจเรื่องการลงทุน นำไปสู่การหาอ่านและหาฟังไปจนมารู้จักกับ Jitta Wealth ผ่านสื่อออนไลน์ช่องทางต่างๆ เมื่อได้ฟังแนวคิดของซีอีโออย่างคุณตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์แล้ว ก็รู้สึกสนใจในเรื่องการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (VI) ที่เน้นการลงทุนในหุ้นพื้นฐาน แม้ในช่วงแรกก็ยังไม่ได้ตัดสินใจลงทุนทันที แต่เมื่อ Jitta Wealth ลดวงเงินลงทุนขั้นต่ำจาก 3 ล้านบาท ลงมาอยู่ที่ 1 ล้านบาท เขาไม่รอช้าที่จะเปิดกองทุน Jitta Ranking หุ้นจีนเป็นตัวแรก จากนั้นไม่นานก็เปิดตามมาด้วย Jitta Ranking หุ้นเวียดนามตามมา และล่าสุดเมื่อต้นปีนี้ ก็ได้เปิด Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีจีนและเพิ่มทุนเข้ามาต่อเนื่องตลอดช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา 

พอร์ตการลงทุนส่วนใหญ่หรือกว่า 90% ของพอร์ตรวม จากทั้งกองทุนรวมและ กองทุนส่วนบุคคล เขาเลือกลงทุนในประเทศที่ตนสนใจ และเชื่อว่าจะมีโอกาสเติบโตได้ในอนาคต นั่นก็คือจีนและเวียดนาม​ส่วนที่เหลืออีกไม่ถึง 10% เป็นหุ้นไทยที่เพิ่งกลับเข้ามาลงทุนในลักษณะของหุ้นรายตัว 

ความเชื่อมั่นในจีนและเวียดนามของเขา มาจากภาพรวมเศรษฐกิจที่ยังมีแนวโน้มเติบโตได้ โดยเวียดนามเองยังมีขนาดเศรษฐกิจที่ไม่ใหญ่นัก ​เป็นประเทศที่มีประชากรคนรุ่นใหม่จำนวนมาก​ยังสามารถเติบโตได้สูงกว่าประเทศไทยอีกมาก   ขณะที่ราคาหุ้นแม้จะเริ่มปรับขึ้นมาแล้ว แต่ P/E Ratio ก็ยังไม่สูงมากนัก และถูกกว่าหุ้นไทยค่อนข้างมาก ​ส่วนหุ้นจีนเวลานี้ถือว่า P/E Ratio ต่ำมาก และเชื่อมั่นว่า หากเศรษฐกิจจีนกลับมาเมื่อไรจะเห็นการฟื้นตัวที่รวดเร็ว นี่จึงเป็นสาเหตุที่เลือกเปิด Jitta Ranking หุ้นเทคฯ จีนเพิ่มอีกตัวไปเมื่อต้นปีนี้

“ผมมองว่าจีนกับเวียดนามกำลังโต พื้นฐานก็ดี มีความเชื่อมั่น อย่างสหรัฐฯ จีดีพี  2-3% ก็โตได้อีกไม่เยอะ สู้เลือกประเทศที่โตเยอะและยังโตต่อไปได้อีกดีกว่า อย่างจีนที่ตอนผมลงทุนเมื่อ 3 ปีก่อน โต 7-8% หรือเวียดนามตอนนี้ก็ 6-7% ซึ่งโดยธรรมชาติ เมื่อเศรษฐกิจโตดี ราคาหุ้นก็ควรจะเติบโตตามไปด้วย เราก็ทำหน้าที่แค่เลือกประเทศ ส่วนหุ้นตัวไหนดี เราไม่รู้หรอกก็ปล่อยให้เป็นหน้าที่ของ Jitta Wealth ที่ความเชี่ยวชาญเลือกให้”  

อย่างไรก็ตามในช่วงที่ผ่านมาตลาดหุ้นจีนโดยรวมได้ปรับตัวลดลงค่อนข้างแรงอย่างต่อเนื่อง ทำให้พอร์ตหุ้นจีนของเขาติดลบตามระเบียบ แต่ด้วยความที่มีการลงทุนในกองทุนหุ้นจีนอยู่หลายแห่ง แต่เขากลับพบว่า Jitta Ranking หุ้นจีนติดลบน้อยกว่ากองทุนรวมหุ้นจีนที่มีการลงทุนอยู่แบบครึ่งต่อครึ่ง!

ด้วยเป้าหมายที่ต้องการลงทุนเพื่อเก็บไว้ใช้ยามเกษียณ คุณคงศักดิ์แบ่งเงินลงทุนออกจากเงินใช้จ่ายอย่างชัดเจน และตั้งใจที่จะลงทุนไปเรื่อยๆ โดยจะไม่ไปแตะต้องหรือถอนออกมาก่อนเวลาอันควร ​ดังนั้นในช่วงที่ตลาดหุ้นปรับตัวลดลงรุนแรงเช่นนี้ ก็ไม่ได้กระทบกับจิตใจตัวเองมากนัก 

เมื่อเห็นว่าพอร์ตติดลบ สิ่งที่เขาคิดก็คือ เมื่อต้ังใจที่จะลงทุนระยะยาวกับประเทศที่เลือกไว้อยู่แล้วและไม่คิดที่จะขายออกมา ก็ต้องคิดว่าเราควรจะซื้อเพิ่มหรือไม่ เวลานี้เป็นจังหวะที่ใช่แล้วหรือยังและเรามีเงินไหม

“เวลาหุ้นลงเราก็เฉยๆ เราทำอะไรไม่ได้อยู่แล้ว เพราะตั้งใจให้เป็นการลงทุนระยาว สุดท้ายมันก็ผ่านไป แต่ที่หุ้นลงมาเนี่ย เราก็ต้องคิดว่า​เราควรจะซื้อเพิ่มไหม แล้วเรามีเงินไหม หากมีแล้วมันถึงเวลาที่ใช่ก็ซื้อเพิ่ม​ เพราะผมไม่ได้ตั้งใจจะขายอยู่แล้ว”

“ยกเว้นหุ้นไทยรายตัวที่เราเลือกหุ้นพื้นฐานดี 2-3 ตัว โดยใช้ข้อมูลจาก Jitta.com ประกอบกับข้อมูลที่ได้รับจากนักวิเคราะห์เป็นหลัก ตั้งเป้าว่าถ้ากำไร 10% ก็ขายออก แล้วไปหาตัวใหม่ที่ราคายังต่ำลงทุนแทน”