รีวิว Jitta Wealth  อิสรภาพทางการเงินที่มาถึงไว ด้วยวินัยและหลักการลงทุน

9 ธันวาคม 2566Jitta Wealth

คุณวัฒพล สมจิตต์ อดีตนักบริหารความเสี่ยงกับอิสรภาพทางการเงินที่มาถึงไวด้วยการลงทุนอย่างมีหลักการ

การลงทุนในกองทุนดัชนี สร้างผลตอบแทนได้มากกว่าที่คิด วันนี้เรามีพอร์ตดีๆ ของคุณวัฒพล สมจิตต์ อดีตนักบริหารความเสี่ยงองค์กร ที่ลงทุนใน Global ETF มาตั้งแต่วันที่ 8 กันยายน 2563 ด้วยความเชื่อมั่นในการลงทุนระยะยาวผ่านกองทุนดัชนีในตลาดหุ้นสหรัฐฯ​ และหมั่นเติมพอร์ตอยู่เสมอ ผ่านมา 3 ปีเศษก็ได้เห็นตัวเลขผลตอบแทนที่ระดับ 29.22% (ณ วันที่ 4 ธันวาคม 2566) สูงกว่า MorningStar Global 80/20 ในช่วงเวลาเดียวกันที่ 18.28%

‘นักบริหารความเสี่ยง’ หลายคนฟังแล้วอาจจะฟันธงไปว่า นักลงทุนที่อยู่ในอาชีพนี้ไม่น่าจะมีความกล้าลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงที่สร้างผลตอบแทนได้สูงนักหรอก  แต่สำหรับคุณวัฒพล อดีตนักบริหารความเสี่ยงองค์กร กลับสามารถเกษียณตัวเอง หันหลังให้กับงานประจำในบริษัทยักษ์ใหญ่อย่าง บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด ตั้งแต่อายุ 47 ปี  หลังจากพบว่า ‘Wealth ที่มีอยู่ มากเพียงพอที่จะไม่ต้องการรายได้จากงานประจำอีกแล้ว’  

อิสระภาพทางการเงินที่มาเร็วกว่าเป้าหมายเดิมที่ตั้งใจไว้ว่าจะเกษียณตอนอายุ 50 ปี ไม่ใช่สำหรับตัวเองเท่านั้นยังครอบคลุมไปถึงคนข้างหลังด้วย เขาคำนวนแล้วว่าสินทรัพย์ทางการเงินที่ครอบครัวมีอยู่เพียงพอสำหรับภรรยาและลูกสาวให้อยู่ต่อไปได้ในวันข้างหน้าอย่างไม่ต้องเดือดร้อน ​

และที่สำคัญคือความ ‘ง่าย’ ในการทำความเข้าใจ ที่เขาเชื่อว่าการลงทุนต้องทำให้ง่ายและไม่สลับซับซ้อนมากจนคนทั่วๆ ไปไม่สามารถทำความเข้าใจได้  ดังนั้นแม้จะมีการกระจายการลงทุนที่หลากหลาย แต่ก็เชื่อว่าจะสามารถบริหารจัดการต่อได้อย่างไม่ยุ่งยาก โดยเฉพาะพอร์ตที่ลงทุนไว้กับ Jitta Wealth ที่สามารถเข้าไปดูและจัดการได้บนสมาร์ทโฟน

ผ่านมาถึงวันนี้รวมเวลา 8 ปีที่ออกมาเป็นนักลงทุนเต็มตัว ตื่นมาไม่ต้องเร่งรีบฝ่าการจราจรเข้าออฟฟิศไปทำงาน มีเวลาให้กับการติดตามข่าวสารการลงทุนในแต่ละวัน และมีวินัยในการอัปเดตพอร์ตตัวเองตลอดเวลา

“ปรัชญาทางการลงทุน เราเป็นนักลงทุนระยะยาวก็จริง แต่พฤติกรรมเป็นแบบลงทุนรายวันดูพอร์ตเหมือนคนเล่นรายชั่วโมง เพราะถ้ามีเวลาเราก็อยากรู้ว่าสถานะปัจจุบันของเราอยู่ตรงไหน เพื่ออัปเดตพอร์ตใหญ่เมื่อตลาดมีการเปลี่ยนแปลงด้านราคาก็จะเอามาอัปเดตใน Excel Sheet ของตัวเองตลอดเวลา  ลงทุนแล้วหายหน้าไปเลย 1-2 ปีก็มาปรับสัดส่วนซะที” คุณวัฒพลบอกเล่าถึงนิยามการลงทุนของตนเอง

จุดเริ่มต้นการลงทุน  

เส้นทางการลงทุนของคุณวัฒพลเริ่มต้นราว 30 ปีที่แล้ว หลังจากเรียนจบปริญญาตรีและเริ่มต้นทำงานในบริษัทเงินทุนหลักทรัพย์แห่งหนึ่ง ในช่วง 2 ปีแรกก็เริ่มซื้อๆ ขายๆ หุ้นแบบไม่มีหลักการ จนไปเรียนปริญญาโทที่แคนาดา กลับมาปี 2539 ก็เริ่มต้นลงทุนด้วยเงินเก็บเล็กๆ น้อยๆ จากนั้นไม่นานก็เกิดวิกฤติเศรษฐกิจปี 2540 ซึ่งก็ยังดีที่เป็นมือใหม่ทำให้เสียหายเพียงเล็กน้อยเท่านั้น

ดัชนีตลาดหุ้นไทยเวลานั้นปรับตัวลดลงจาก 800 จุด ลงมาเหลือ 200 จุด คุณวัฒพลก็ซื้อหุ้นรายตัวเก็บสะสมมาเรื่อยๆ เลือกจากธุรกิจที่เข้าใจ ผู้บริหารมีจริยธรรม แล้วก็ถือลงทุนยาว  หุ้นไทยหลายตัวก็ยังถือมาจนทุกวันนี้ 

ในช่วง 2 ปีแรกของการลงทุน คุณวัฒพลเล่าว่า ได้เข้าไปซื้อหุ้นตัวนึง เพราะเห็นว่าราคาปรับลดลงไปติด Floor แล้ว แต่หลังจากนั้นหุ้นดังกล่าวก็ร่วงไปแตะ Floor อีกรอบจนเขาต้องรีบขายเมื่อเห็นว่าขาดทุนไป 1 ใน 3 เพียงวันเดียว 

อีกบทเรียนคือการเก็งกำไรใน SET50 Index futures ที่ทำให้ค้นพบว่าไม่เหมาะกับการลงทุนในสินทรัพย์ที่ราคาเปลี่ยนแปลงรวดเร็วแถมมีอัตราทดชนิดที่กำไรหรือขาดทุนได้หลายเท่าของเงินลงทุน เขาได้เรียนรู้ว่า เป็นการลงทุนที่ทำให้จิตใจตัวเองไม่นิ่งพอ ประกอบกับบุคลิกที่เป็นคนที่ต้องคิดรอบคอบ จึงอาจไม่ทันกับการเก็งกำไร 

“เราเป็นคนคิดช้า ต้องคิดให้รอบคอบก่อนค่อยตัดสินใจและจะไม่ตัดสินใจบ่อยด้วย การตัดสินใจแต่ละครั้งต้องดูให้มีผลกับพอร์ตใหญ่ของเราทุกครั้ง เมื่อการตัดสินใจไม่รวดเร็วพอ  สุดท้ายก็เลิกไปและขาดทุนจำนวนนึง แต่เราลงทุนแบบนั้นเพียงครั้งเดียวก็เลิก เพราะพยายามไม่ทำอะไรผิดซ้ำสอง”

ด้วยความเป็นคนเก็บเงินเก่ง เมื่อครั้งที่ประเทศไทยเริ่มมีการจัดตั้งกองทุนลดหย่อนภาษี คุณวัฒพลก็ซื้อเต็มแม็กซ์ ไม่ว่าจะเป็น RMF LTF และ SSF ก็ซื้อสูงสุดตามเกณฑ์ที่รัฐบาลให้สิทธิ  เช่นเดียวกับกองทุนสำรองเลี้ยงชีพที่ลงทุนเต็มจำนวนที่บริษัทให้สิทธิเช่นกัน และเลือกนโยบายที่เน้นลงทุนหุ้นในสัดส่วนสูงสุดเท่าที่จะสามารถเลือกได้ เพราะมองเป้าหมายว่าเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่าการใช้สิทธิลดหย่อนภาษีที่คุณวัฒพลถือว่าเป็นของแถม รวมๆ แล้วรายได้ที่เข้ามา​เขาปันมาลงทุนแล้ว 50% เลยทีเดียว 

ช่วงแรกๆ การลงทุนของคุณวัฒพลอยู่ในหุ้นไทยทั้งหมด จนกระทั่งเริ่มมีกองทุน RMF ที่มีทางเลือกไปลงทุนในหุ้นต่างประเทศจึงเริ่มขยับเข้าไปสู่กองทุนดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐมากขึ้น

จนกระทั่งมาเจอกับ  Jitta Wealth เมื่อ 3 ปีก่อนผ่านโซเชียลมีเดียก็ตัดสินใจลงทุนใน Global ETF (เติบโต) เพราะชอบในกรอบแนวคิดในการลงทุนที่มีรูปแบบและกฎเกณฑ์ชัดเจนแบบ Passive อิงกับดัชนีตลาดหุ้น ซึ่งตรงกับแนวทางของตนเอง และยังมีทางเลือกในการลงทุนผ่าน ETF ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ และ ETF ดัชนีตลาดหุ้นอีกหลายแห่ง​ค่าธรรมเนียมบริหารจัดการต่ำ   มีระบบการเปิดบัญชี การซื้อขายและการติดตามผลดำเนินงานง่ายผ่านแอปบนมือถือ​ 

“Jitta Wealth เป็นกองทุนสไตล์ Passive Investment ลงทุนในหุ้นต่างประเทศแบบที่เราชอบ​ และค่าธรรมเนียมก็ค่อนข้างต่ำ ระบบการเปิดบัญชีซื้อขายผ่านแอปที่เราคุ้นเคยและดูง่าย โดยเฉพาะ Global ETF ที่ตรงกรอบคิดเรา มีการกระจายการลงทุนได้ดี ทั้งหุ้นและตราสารหนี้   เปิดพอร์ตครั้งแรกเริ่มแค่ 1 แสนบาท เพราะแอบกลัวว่าจะโดนหลอกหรือเปล่า โอนเงินไปโดยไม่ได้พูดคุยกับพนักงานเลยสักคน แต่มาถึงตอนนี้ก็มั่นใจขึ้นเรื่อยๆ เลยเติมพอร์ตเรื่อยๆ ยังไม่เคยไถ่ถอนแม้แต่ครั้งเดียวจนเวลานี้”

ทำไมถึงมั่นใจในการลงทุนระยะยาว

การได้ไปเรียนปริญญาโทด้านการเงินที่แคนาดา ทำให้คุณวัฒพลได้ซึมซับกรอบคิดการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investment) หลังจากที่ได้ศึกษาพื้นฐานการลงทุนที่ว่าด้วยเรื่องของผลตอบแทนคาดหวัง (Expected Return) กับความเสี่ยง (Risk)  2 สิ่งที่ต้องจัดการให้อยู่ในระดับที่ยอมรับได้มากที่สุดอีกทั้งยังถูกปลูกฝัง เรื่องการกระจายความเสี่ยง รวมถึงแนวคิดที่ว่าความผันผวนที่เกิดช่วงสั้นก็จะหายไปได้จากการลงทุนระยะยาว ซึ่งกรอบคิดการลงทุนเหล่านี้เขาพยายามสร้างเป็นหลักการลงทุนไว้ในใจให้ชัดเจน และให้มีอยู่อย่างมั่นคง ​​

ขณะที่การลงทุนในตลาดหุ้นก็เหมือนการลงทุนทำธุรกิจ คุณวัฒพลเน้นซื้อหุ้นจำนวนน้อยตัวในบริษัทที่รู้จักดีว่าทำมาหากินและสร้างกำไรได้อย่างไรในระยะยาว รวมถึงเจ้าของและผู้บริหารต้องมีธรรมภิบาลด้วย  และมั่นใจว่าบริษัทเหล่านี้จะยังคงเป็นผู้นำทางธุรกิจไปอีกนานแสนนาน นับเป็นสิบๆ ปีข้างหน้า​  

ปัจจุบันพอร์ตหุ้นไทยของคุณวัฒพลยังคิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 5 ของพอร์ตรวม โดยส่วนนึงจะอยู่ในรูปของกองทุนประหยัดภาษีที่ซื้อเอาไว้ ซึ่งก็คงไม่ทำอะไรได้มาก เพราะต้องถือจนครบอายุ  และอีกสัดส่วนใหญ่อยู่ในหุ้น 4-5 ตัวหลักที่ลงทุนซื้อสะสมมาอย่างยาวนาน ในวันนี้หุ้นเหล่านี้ก็ยังสร้างผลตอบแทนได้อย่างต่อเนื่อง แม้ตลาดหุ้นไทยจะปรับตัวลดลงอย่างรุนแรง​

“เรา​ไม่คาดหวังกับหุ้นไทยเท่าไร แม้หุ้น 4-5 ตัวที่ถืออยู่มานานจะทำกำไรเติบโตเรื่อยๆ แต่ตลาดหุ้นไทยไม่ไปไหนแล้ว โอกาสที่จะได้ Capital Gain เพิ่มขึ้น คงเป็นไปได้ยาก เราถือในฐานะที่เรารู้จักหุ้นที่ดี ก็กินปันผลไป ไม่ได้คาดหวัง Capital Gain มากนัก”

ด้วยความเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจการเงินเป็นอย่างดี และมีการติดตามข่าวสารอยู่เสมอ

ทำให้ในช่วงหลายปีมานี้พอร์ตของคุณวัฒพลค่อยๆ ขยับสัดส่วนไปสู่การลงทุนต่างประเทศมากขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เริ่มจากเปลี่ยนกองทุน RMF ที่เลือกนโยบายที่ลงทุนหุ้นต่างประเทศมากขึ้น และการลงทุนกับ Jitta Wealth ยังมีอีกส่วนที่เขาลงทุนเองผ่านกองทุนดัชนีหรือ ETF มุ่งเน้นตลาดสหรัฐฯ เป็นหลัก เพราะเชื่อว่าสหรัฐฯ จะเป็นผู้ชนะในระดับโลกได้ในระยะยาว 

เขามองว่าการซื้อกองทุนดัชนี​แล้วรับผลตอบแทนระดับกลางๆ น่าจะดีกว่าการลงทุนในหุ้นโดยตรง  ซึ่งจากการศึกษาพบว่า ผลตอบแทนระดับกลางๆ จากกองทุนดัชนีก็สามารถเอาชนะผลตอบแทนจากมืออาชีพได้ด้วยในระยะยาว และด้วยแนวคิดนี้ ปัจจุบัน เขามีสัดส่วนการลงทุนในกองทุนดัชนีคิดเป็น 1ใน 3 ของพอร์ตแล้ว

“ที่เน้นต่างประเทศเพราะเราลงทุนระยะยาว 10-15 ปี  และเมื่อมองระยะยาวแล้วเมืองไทยสู้ไม่ได้   ตลาดสหรัฐฯ น่าจะให้ผลตอบแทนดีกว่า เพราะการซื้อขายก็มีประสิทธิภาพมากกว่า การติดตามข่าวสารก็ทำได้รวดเร็วแล้ว​​ และหากมองอนาคตที่โลกขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี  ซึ่งสหรัฐฯ ถือว่าเป็นแถวหน้าในอุตสาหกรรมนี้ จึงเชื่อว่าจะเติบโตได้อีกมาก”  

เหนือไปกว่าการลงทุนในหุ้นสหรัฐฯ เวลานี้คุณวัฒพลกำลังสนใจการลงทุนในตราสารหนี้อีกด้วย เพราะความเสี่ยงน้อย (ไม่นับความเสี่ยงอัตราแลกเปลี่ยน) และอีกส่วนที่จะไปคือ High Yield Bond ที่มีความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นอีกด้วย  

เทคนิคจัดการอารมณ์เมื่อตลาดแพนิก 

ประสบการณ์การลงทุนตลอด 30 ปี ได้เห็นตลาดหุ้นขึ้นและลงมาหลายวิกฤติ ต่อให้เก่งแค่ไหน จะบอกว่าไม่รู้สึกอะไรเลยก็คงเป็นไปไม่ได้ อย่างล่าสุดเมื่อเดือนมีนาคม 2563 ตลาดหุ้นทั่วโลกเผชิญวิกฤติโควิด-19 พอร์ตที่เคยคิดว่ากระจายความเสี่ยงไว้อย่างดีแล้ว แต่เมื่อทุกสินทรัพย์ร่วงลงทั่วโลก ผลตอบแทนสินทรัพย์บางตัวก็ลงจากจุดสูงสุดมากกว่า 50% 

คุณวัฒพลยอมรับว่าก็มีรู้สึกเซ็งๆ บ้างเมื่อเปิดพอร์ตมาดู  แต่การจัดการอารมณ์เวลาผลตอบแทนลงลงฮวบฮาบ หรือติดลบหนัก สำคัญที่การทำความเข้าใจตั้งแต่ต้นก่อนการลงทุน ว่าเรากำลังจะนำเงินไปลงทุนอะไร ธรรมชาติของมันเป็นเช่นไร ถ้ามันมีความผันผวนสูงอยู่เป็นธรรมชาติ เราก็ต้องตระหนักตั้งแต่ต้นทางว่า เรามีโอกาสจะเจอความผันผวนในเชิงลบได้รุนแรงมากแค่ไหนระหว่างทาง แต่หากรู้ว่าลงทุนอะไรอยู่ก็จะเชื่อว่าอีกไม่นานก็ผ่านไป 

ด้วยหลักการนี้ เขาจึงยังกินอิ่มนอนหลับได้ วันไหนขี้เกียจก็ไม่ต้องเปิดดูพอร์ต  

“การที่พอร์ตของเรากำลังผันผวนรุนแรง หรือแม้กระทั่งกำลังติดลบหนัก แต่เราก็ยังกินอิ่มนอนหลับได้เฉกเช่นปกติ เพราะเราเข้าใจธรรมชาติของสิ่งที่เรากำลังลงทุนอยู่ เราจึงไม่เซอร์ไพร์ส  และรู้ว่า เราสามารถจัดการกับมันได้ง่ายๆ โดยการถือลงทุนระยะยาวมากๆ”

ที่สำคัญเขายังได้เรียนรู้ว่า พอร์ตลงทุนแบบเดิมในจังหวะเช่นนี้อาจจะมีสภาพคล่องน้อยเกินไป ไม่พอที่จะซื้อเพิ่มเติมได้ดังใจในบางจังหวะเหมาะ หลังๆ เขาจึงปรับกลยุทธ์เพิ่มสัดส่วนการถือสภาพคล่องไว้ 0-20%  ขึ้นกับมุมมองตลาดช่วงนั้น  จากเดิมที่ที่เน้นลงทุนทั้ง 100%

และสำหรับพอร์ตลูกรักของคุณวัฒพลหนีไม่พ้น Global ETF (เติบโต) เพราะเชื่อมั่นในอัตราผลตอบแทนที่สอดคล้องกับความเสี่ยงในการลงทุน ในหุ้นทั้งตลาดและมีส่วนผสมของตราสารหนี้ในระยะยาว โดยปล่อยให้พอร์ต Global ETF นี้ ขึ้นลงบ้างตามธรรมชาติที่จะต้องเป็นในระยะสั้นแต่จะสามารถเติบโตไปได้เรื่อยๆ ในระยะยาว ยาวนับเป็นสิบๆ ปี ข้างหน้า

เป้าหมายการลงทุนแรกของคุณวัฒพล คือ ‘อิสรภาพทางการเงิน’ ก็ได้บรรลุไปแล้วตั้งแต่ 8 ปีก่อนจากวินัยการลงทุนที่มีมา​  ​ส่วนเป้าหมายปัจจุบัน คือ การเติบโตของพอร์ตลงทุนรวมในอนาคตข้างหน้าให้ไปถึงมูลค่าหนึ่งที่เขากำหนดไว้ในใจ แต่เป้าหมายระยะสั้นคือการทำผลตอบแทนของพอร์ตได้ปีละ 5-10% ต่อปีโดยเฉลี่ย ซึ่งก็ไม่ได้ซีเรียสอะไรมาก เพราะเป็นการลงทุนระยะยาวๆ 

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด