สรุป Live: ลงทุนหุ้นแห่งอนาคตแบบมนุษย์เงินเดือน

25 มกราคม 2564Recap Live

ไฮไลท์

  1. Covid-19 ทำให้เห็นภาพชัดเจนมาขึ้น ท่ามกลางความผันผวนของเศรษฐกิจและตลาดหุ้นทั่วโลก มีทั้งหุ้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรง อย่างกลุ่มท่องเที่ยว กลุ่มสายการบิน กับหุ้นที่ได้ประโยชน์ เช่น กลุ่มเทคโนโลยี กลุ่ม Cloud Computing และกลุ่มเกมกับ E-sport หากเลือกลงทุนในธุรกิจที่โตไปกับวิกฤต Covid-19 ในช่วงที่ผ่านมา พอร์ตลงทุนจะเติบโตสูงมาก ทั้งจากราคาหุ้นและผลประกอบการ
  2. ลงทุนผ่านกองทุน ETF สามารถเริ่มต้นได้ง่าย เพราะเอาข้อดีของหุ้นและกองทุนรวมมา เป็นการกระจายความเสี่ยง เพราะ ETF ลงทุนในหุ้นหลายสิบ หลายร้อยตัว ดังนั้นโอกาสขาดทุนหนักๆ จะมีน้อยกว่ามาก เมื่อเทียบกับการลงทุนในหุ้นรายตัว
  3. Jitta Wealth ออกแบบกองทุนส่วนบุคคล Thematic เพื่อคัดสรรธีมธุรกิจและตลาดหุ้นที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เป็นเมกะเทรนด์โลกที่อยู่ไปอีก 10-50 ปี ให้คุณเลือกผสมธีม เพื่อสร้างโอกาสการเติบโต และกระจายความเสี่ยงในหลายธุรกิจ หากธุรกิจที่ลงทุนอยู่นั้นเป็นในช่วงขาลง
  4. การลงทุนในหุ้นล้วนมีความเสี่ยง มีความผันผวน สิ่งที่นักลงทุนต้องมี คือ หมั่นหาความรู้ อ่านหนังสือการลงทุน รวมทั้งต้องมีวินัย และภาวะจิตใจต้องมั่นคง เพราะถ้ารู้จักสินทรัพย์ที่ลงทุนมากพอ คุณจะลงทุนได้อย่างสบายใจ ไม่หวั่นไหวกับภาวะของตลาดหุ้นที่เกิดขึ้นในระยะสั้นๆ

ดูวิดีโอ

สรุปเนื้อหา Live

ทางคุณหนุ่มจากเพจ Money Coach ได้จัดไลฟ์สดผ่าน Zoom กับคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ ในหัวข้อ "ลงทุนหุ้นแห่งอนาคตแบบมนุษย์เงินเดือน" คุณเผ่าได้พูดถึงประเด็นสำคัญ เช่น ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นทั่วโลกในช่วงปีที่ผ่านมา วิกฤต Covid-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย โอกาสการลงทุนในธุรกิจเมกะเทรนด์ และการลงทุนกองทุนส่วนบุคคลกับ Jitta Wealth รวมทั้งได้ตอบข้อสงสัยจากนักลงทุนแฟนเพจ Money Coach ด้วย

Covid-19 สะท้อนความต่างระหว่างหุ้นไทยกับหุ้นต่างประเทศ

คุณเผ่าบอกว่า ปัจจุบันคนเข้าถึงข้อมูลข่าวสารได้ทั่วโลก ทำให้คนรู้จักตลาดหุ้นและลงทุนในหุ้นเยอะขึ้น แน่นอนว่า เม็ดเงินจะต้องวิ่งเข้าลงทุนในธุรกิจที่ดี นี่คือธรรมชาติของตลาดหุ้นอย่างหนึ่ง

สำหรับหุ้นไทย ภาคธุรกิจอิงกับการท่องเที่ยวและการส่งออก พอวิกฤต Covid-19 ธุรกิจรายได้หด กำไรไม่โต ทำให้ราคาหุ้นตก ราคาเริ่มรีบาวด์ ในช่วงที่มีวัคซีนป้องกันเริ่มกระจายไปทั่วโลก

พอมาดูสหรัฐอเมริกาและจีน เศรษฐกิจก็แย่เหมือนกัน แต่ดัชนีตลาดหุ้นกลับทำนิวไฮได้ เพราะมีหุ้นได้อานิสงส์จาก Covid-19 อย่างเช่น Amazon คนสั่งของจาก E-commerce กันมากขึ้น Zoom เป็นหนึ่งในหุ้นไม่กี่ตัว ที่ราคาขึ้นในช่วงล็อกดาวน์ เพราะคนใช้งานเยอะขึ้น รายได้จึงโต 

ถ้ามองอย่างเข้าใจ เศรษฐกิจสหรัฐฯ แย่ แต่ดัชนีตลาดหุ้นขึ้น เพราะมีหุ้นธุรกิจได้ประโยชน์จาก Covid-19 ทำให้กำไรต่อหุ้น (EPS) เยอะ กระแสเงินสดโต 4-5 เท่า ซึ่งมันไม่แปลก ที่จะดันดัชนีหุ้นสหรัฐฯ ได้

ถ้ามองแค่ได้ประโยชน์และเสียประโยชน์จาก Covid-19  ไทยได้รับผลกระทบรุนแรง จากที่มีนักท่องเที่ยว 40 ล้านคน ปีที่ผ่านมา บางตามาก เข้ามาแค่หลักล้านคน คนไทยต้องเที่ยวกันเอง กล่าวคือ ไทยไม่มีธุรกิจที่ได้ประโยชน์จาก Covid-19 พอปลดล็อกดาวน์หุ้นไทยขึ้น แต่เป็นในกลุ่มค้าปลีกและสินค้าอิเล็กทรอนิกส์  ถ้าวิเคราะห์ด้วยตรรกะนี้ ไทยมีธุรกิจได้ประโยชน์จาก Covid-19 น้อยกว่า แต่สหรัฐฯ มีธุรกิจเหล่านี้เยอะ ดึงดัชนีตลาดหุ้นได้ และก็ไม่ปฏิเสธว่า หุ้นสายการบิน หุ้นโรงแรมของสหรัฐ ก็ติดลบ 30-40% เช่นกัน

เลือกลงทุนได้ประโยชน์จาก Covid-19

คุณเผ่ามองว่า จะเริ่มลงทุนหุ้นในช่วง Covid-19 ไม่ยาก ให้เลือกอุตสาหกรรมที่เติบโตดีก่อน อย่าง E-commerce หรือ Cloud Computing ที่ Market Cap ใหญ่ขึ้น แล้วมาดูที่รายได้ของธุรกิจในอุตสาหกรรมนั้นๆ อย่าง Cloud Computing รายได้โต 50-60% ราคาหุ้นเพิ่มขึ้น 3-5 เท่า เพราะตอนนี้ทั้งโลกรู้จัก Zoom หรือบางบริษัทเอา DocuSign มาใช้เป็น e-Signature ในการเซ็นสัญญาแทนการนัดพบ

ในช่วงปีที่ผ่านมา ดูสินทรัพย์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นตลาดหุ้นใหญ่ และหุ้นรายอุตสาหกรรมอย่าง E-commerce พอ Covid-19 คลี่คลาย คนก็ไม่หยุดซื้อของออนไลน์ Cloud Computing ที่ข้อมูลทุกอย่างอยู่บนโลกออนไลน์ ก็สามารถดึงมาใช้ได้เลย ทุกอย่างง่ายขึ้น อย่าง Netflix เราดูหนัง ดูซีรีส์ผ่านระบบคลาวด์ มีการรับสมาชิกด้วยราคาไม่แพง ตัดบัตรเครดิต จึงกลายเป็นระบบ Software as a Service ที่มีรายได้มั่นคง ยิ่งถ้าเรา Subscribe บริการคลาวด์มาก ก็จ่ายเงินต่อเดือนมากตามไปด้วย

ธุรกิจเกม ก็เป็นตัวอย่างที่เห็นได้ชัดว่า สิ่งที่คนต้องการไม่เปลี่ยน เทคโนโลยีมาเปลี่ยนพฤติกรรมการเล่นเกม เพราะเกมมันอยู่คู่กับเรามาตลอด เป็นความบันเทิง มันแค่เปลี่ยนจากโลกยุคเก่า ที่เล่นเกมผ่านเครื่อง Famicom ซื้อตลับเกมที่มีราคาสูง มาเป็นเกมดาวน์โหลด เกมออนไลน์ที่มาราคาถูกลง และหารายได้จากการขายไอเทมในเกม ถ้าผู้เล่นอยากเพิ่มเลเวล จนพัฒนามาเป็น E-sport กีฬาของกลุ่มคนเล่นเกมออนไลน์ มีการดูแคสเกม ไม่เหมือนกับการดูกีฬาเหมือนยุคก่อนๆ

ธุรกิจกัญชา กำลังเป็นกลุ่มที่มีการเติบโตสูง อย่างไตรมาสที่แล้วรายได้ 50-70% เพราะกัญชาในสหรัฐฯ ถูกกฎหมายในหลายรัฐ เป็นทั้งกัญชาในทางการแพทย์และสันทนาการ แต่ในแคนาดา เปิดเสรี กัญชาสามารถเป็นเครื่องดื่ม เครื่องสำอาง ขนมเยลลี่ ทุกส่วนของต้นกัญชาสามารถสกัดได้หลายอย่าง ตัวสาร Canabinoid ไม่ใช้สารเสพติด แค่ทำให้เคลิ้มได้ ช่วงที่ผ่านมา ยอดขายกัญชาแปรรูปไม่ลดลงช่วง Covid-19 คำค้นใน Google ที่ติดเทรนด์ คือ Cannabis Delivery เพราะปัจจุบันยังไม่ให้ขายออนไลน์ ผู้ขายในสหรัฐฯ ต้องมีใบอนุญาต ตอนนี้บางรัฐกำลังปลดล็อกให้ขายออนไลน์ได้ ดังนั้นธุรกิจกัญชามีความพิเศษในเชิงการลงทุน เพราะกำไรโต รายได้โต สำหรับราคาหุ้นในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ก็เจอฟองสบู่มาแล้ว เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นของการปลดออกจากรายชื่อยาเสพติด กำไรยังไม่โตขนาดนั้น หลังฟองสบู่ ราคาหุ้นตกลงมา 60% แต่รายได้ยังโต 10-20 เท่า

Jitta_Wealth_x_Money_Coach_2.jpg

ช่วง Covid-19 ไม่ต้องเหนื่อยวิเคราะห์หุ้นรายตัว หาธุรกิจที่ได้ประโยชน์ กำลังเป็นกระแส กำไรโต 50-100% ถ้าเลือกลงทุนถูกต้อง ส่งผลให้พอร์ตลงทุนเติบโต ถ้าธุรกิจทั้งกลุ่มโต ยังไงก็ไปได้ต่อ ยิ่งเป็นธุรกิจเมกะเทรนด์โลก ยิ่งมีความน่าสนใจตรงที่มีโอกาสเติบโตมากกว่าหุ้นไทย หรือจีดีพีประเทศไทยด้วย

อย่างธุรกิจ Cloud Computing และเกม เป็นสินค้าที่โตล้อไปกับ Stickiness คือใช้งานจนติด ขาดไม่ได้ ทำให้รายได้จากค่าสมาชิกจึงมั่นคง ส่วนธุรกิจกัญชา ตอนนี้กำลังเป็นสินค้าจำเป็น Consumer Staple เหมือนกับเหล้าและบุหรี่ไปแล้ว ไม่ว่าเศรษฐกิจจะดีหรือแย่ ยังไงคนก็ซื้อ

ETF ต่างประเทศ ลงทุนได้ง่าย

ETF (Exchange Traded Fund) เป็นสินทรัพย์ที่เอาข้อดีของหุ้นกับกองทุนรวมมาผสมกัน ดังนั้นโอกาสที่จะลงทุนแล้วผลตอบแทนขาดทุนจะน้อย อย่าง ETF ของ E-commerce เปรียบเสมือนหุ้น 1 ตัวที่ไปลงทุนในบริษัท E-commerce 100 บริษัท ความเป็น ETF คือ การกระจายความเสี่ยงอยู่แล้ว เพราะไม่ได้ลงทุนในบริษัทเดียว ถ้าจะให้เราไปซื้อหุ้น Amazon โดยตรง ต้องใช้เงินเยอะ เพราะราคาหุ้นสูง

ถ้าเลือกลงทุน SCHX (Schwab US Large-Cap ETF) ที่เป็น ETF คือ ลงทุนหุ้นสหรัฐฯ ที่มี Market Cap ใหญ่ ลงทุน 5 ปี ผลตอบแทนรวม 128.4%

หุ้นจีนก็มี ETF ชื่อ MCHI (iShares MSCI China ETF) ลงทุนหุ้นในประเทศจีน Market Cap กว่า 85% ถ้ากองทุนล่มจริง แสดงว่า หุ้นจีนก็ต้องล่มไปด้วย ดูผลตอบแทนรวม 5 ปี 147.24% ก็ยังได้ผลตอบแทนสูง เพราะจีนเป็นประเทศที่จีดีพีโตสูงอันดับต้นๆ ของโลก

ข้อดีของกองทุน ETF ตามธีมธุรกิจคือ เราไม่จำเป็นต้องรู้จักทุกบริษัทก็ได้ แค่ให้รู้ว่า ETF นี้มีนโยบายลงทุนอะไร แต่การลงทุนหุ้นมีความเสี่ยง ต้องรับมือกับความผันผวนบ้างในบางช่วงเวลา

Jitta Wealth ให้ลงทุน ETF โดยตรง

คุณเผ่าบอกว่า อยากเปิดโอกาสให้คนไทยสามารถลงทุนในสินทรัพย์ทั่วโลกได้ ด้วยเงินลงทุนไม่สูงมาก จึงเป็นที่มาของ Thematic ให้เลือกลงทุนตามธีมธุรกิจได้เลย กระจายความเสี่ยงในแต่ละธุรกิจ แล้วรวมมาในพอร์ตลงทุนเดียว ลงทุนในแต่ละธีมเท่าๆ กัน ถ้าธีมใดธีมหนึ่งโตสูง ระบบของ Jitta Wealth จะปรับพอร์ตให้สมดุล ขายเอากำไรธีมธุรกิจที่โตเยอะ เพื่อมาปรับสมดุล (Rebalance)  พอร์ตในธีมที่โตได้น้อยหรือติดลบ

  • ธีมธุรกิจที่เลือกเป็นเมกะเทรนด์โลก มีโอกาสเติบโต แล้วนำมาจัดพอร์ตลงทุนในสัดส่วนเท่าๆ กัน
  • พอร์ตลงทุนรวมได้ผลตอบแทน 15% ต่อปี แต่ไส้ในบางธีมบวกแรง 50% บางปี หรือติดลบ 20% ได้ในบางปี การจัดพอร์ตลงทุนให้เฉลี่ยเท่าๆ กัน ภาพรวมพอร์ตจะไม่เสียหาย แม้จะมีความผันผวนบ้าง แต่ในระยะยาวยังได้ผลตอบแทนดี
  • การปรับพอร์ตลงทุนของ Jitta Wealth ใช้เทคโนโลยีมาช่วย ทำให้การลงทุนมีวินัย ซื้อตอนราคาตก ขายตอนราคาแพง เป็นหลักการลงทุนง่ายๆ ไม่มีอารมณ์มาเกี่ยวข้อง ดังนั้นพอร์ตลงทุนของคุณจะโตไปตามเทรนด์ธุรกิจของโลก
  • เงินลงทุนกองทุนส่วนบุคคล Thematic เริ่มต้น 100,000 บาท เพิ่มทุนขั้นต่ำ 10,000 บาท ลงทุนได้ 1-5 ธีม ถ้ากระจายความเสี่ยงอย่างสมดุล 4 ธีมกำลังดี หากลงทุน 1 ธีมก็สามารถทำได้ แต่ก็มีความผันผวนสูง หากปีนั้นธุรกิจที่ลงทุนไม่เติบโต ราคา ETF ก็ย่อลง
  • หากไม่มั่นใจในธีมธุรกิจ สามารถเปลี่ยนธีมได้ไตรมาสละครั้ง ถ้าเกินกว่านั้นจะมีค่าใช้จ่าย เพราะ Jitta Wealth ต้องขายสินทรัพย์ธีมเดิม มาเข้าซื้อธีมใหม่ที่เลือกไว้ ส่วนเงินปันผลจาก ETF ก็จะเอาไปลงทุนเพิ่ม (Reinvest)
  • มีค่าธรรมเนียมบริหารกองทุน 0.5% ต่อปี ค่าธรรมเนียมโอนเงินครั้งเดียว 500 บาท และค่าธรรมเนียมรับฝากสินทรัพย์ (Custodian) 0.1% ต่อปี

Jitta_Wealth_x_Money_Coach_14.jpg

ก่อนที่จะเริ่มลงทุนคุณควรศึกษา ทำความเข้าใจว่า แต่ละธีม Jitta Wealth ไปลงทุนใน ETF ตัวใด ผลตอบแทนเป็นอย่างไร ถ้ามั่นใจว่า ลงทุนแล้วได้ผลตอบแทนดี ค่อยเริ่มลงทุน เพราะในระยะยาว พอร์ตลงทุนของ ETF โอกาสขาดทุนหนักๆ มีน้อยมาก อย่าง ETF หุ้นสหรัฐฯ หุ้นจีน ไม่น่าจะล่มง่ายๆ เพราะเป็นตลาดหุ้นเบอร์หนึ่งกับเบอร์สองของโลก ลงทุนระยะยาวน่าจะมีผลตอบแทน 6% ต่อปี ถ้าเป็นธีมธุรกิจ กลุ่มไหนได้ กลุ่มไหนเสีย คุณก็สามารถเปลี่ยนธีมการลงทุนได้

อย่างธีมหุ้นเทคโนโลยีกับหุ้นสุขภาพ สามารถลงทุนยาวได้ 5-10 ปี ยังไงคนต้องใช้เทคโนโลยี คนยังต้องซื้อยา ใช้ระบบรักษาพยาบาล อนาคตเทคโนโลยีก็มาพัฒนาธุรกิจสุขภาพ ให้สามารถพบแพทย์ทางไกลได้ มีการคิดค้นวัคซีนใหม่ หรือหุ่นยนต์มาช่วยในการผ่าตัด

คุณเผ่าบอกว่า ข้อดีของการลงทุน ETF คือ ไม่ต้องมีจุด Stop Loss หรือ Cut Loss เพราะในกองทุน ETF ลงทุนหลายบริษัท แน่นอนว่า มันมีทั้งบริษัทที่สร้างผลตอบแทนได้ดีและไม่ดี กำไรบริษัทที่เติบโตดี ก็มาชดเชยผลประกอบการบริษัทที่โตได้น้อย ถ้าภาพรวมธุรกิจมันดี แต่มีบริษัทในธุรกิจนั้นที่เติบโตได้ไม่ดี ก็จะถูกแย่ง Market Share จากบริษัทที่ทำผลประกอบการได้ดีไป ทำให้ภาพรวมของ ETF ยังแข็งแรงอยู่

ความเสี่ยงลงทุนหุ้นต่างประเทศ

คุณเผ่ามองว่า การลงทุนใรหุ้นมีความเสี่ยงอยู่แล้ว สำหรับ Jitta Wealth เป็นบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน (บลจ.) มีใบอนุญาตจากก.ล.ต. ในการบริหารกองทุนส่วนบุคคล เงินลงทุนของนักลงทุน จะมี Custodian ดูแลดังนั้นจึงมั่นใจได้ว่า หากเกิดอะไรขึ้น เงินลงทุนจะอยู่ครบ

ความเสี่ยงจากการลงทุนหุ้นต่างประเทศ คุณเผ่าสรุปให้ดังนี้

  1. Unsystematic Risk ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนหุ้นรายตัว มีโอกาสที่พอร์ตขาดทุนสูง ถ้าไม่ได้ลงทุนในหุ้นที่มีคุณภาพดี หรือกระจายการลงทุน แต่กองทุน ETF เป็นการซื้อหุ้นหลายสิบหลายร้อยตัว ดังนั้นโอกาสขาดทุนหนักๆ แทบเป็นศูนย์
  2. Industry Risk โอกาสที่บางอุตสาหกรรมล่มสลาย เพราะมีธุรกิจใหม่ๆ เท่ามาทดแทน หากลงทุน ETF กองเดียว ก็ยังมีความเสี่ยง หากกระจายลงทุน 4 ธีม โอกาสขาดทุนหนัก ก็เหลือแค่ 1 ใน 4 เท่านั้น
  3. Country Risk ความเสี่ยงจากเศรษฐกิจของประเทศ ก็สามารถลดความเสี่ยงนี้ได้ ถ้ากระจายลงทุนในตลาดหุ้นหลายๆ ประเทศ
  4. Market Risk มีโอกาสที่ดัชนีหุ้นตก เพราะเป็นธรรมชาติของตลาดหุ้นเช่นเดียวกัน แต่เป็นความผันผวนขาขึ้นในระยะ 5-10 ปี ควรเอาชนะด้วยความหนักแน่นและภาวะจิดใจของนักลงทุน เพราะในระยะยาว ผลตอบแทนเฉลี่ยจะดีขึ้นเอง
  5. Currency Risk กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ไม่ได้ป้องกันความเสี่ยงค่าเงิน เพราะค่าธรรมเนียมประกันความเสี่ยงค่าเงิน จะทำกันปีต่อปี หากต้องจ่ายเงินส่วนนี้ในทุกๆ ปี จะทำให้ผลตอบแทนลดลง ยิ่งลงทุนนาน ผลตอบแทนรวมสูงเป็น 100-200% หากขาดทุนค่าเงิน 5-10% ก็สามารถชดเชยกันได้

ลงทุนอย่างมีวินัย ความรู้คือสิ่งสำคัญ

คุณเผ่าฝากข้อคิดจากการลงทุนในหุ้นไว้ว่า ในช่วงปีที่ผ่านมา วิกฤต Covid-19 ทำให้นักลงทุนหลายคนขาดทุน เจ็บตัวจากการลงทุน ทำให้เครียดมาก ก็ต้องกลับมาดูว่า สินทรัพย์แบบไหนเหมาะสมกับเรา ให้ศึกษาวิธีการและแนวคิดการลงทุน อย่าท้อแท้ เพราะมันมีทั้งขาดทุนเยอะกับสร้างกำไรได้ ดังนั้นภาพรวมตลาดหุ้นไม่ได้ผิด ต้องกลับมาดูตัวเรา ปัญหาอยู่ที่เรา เก็บไว้เป็นบทเรียน บอกตัวเองว่าจะไม่เป็นแบบนั้นอีก สิ่งที่ได้กลับมา คือ ความรู้และประสบการณ์ที่เจอในช่วงวิกฤต

หากคุณลงทุน แล้วพอร์ตมีกำไรในช่วงวิกฤต หลังจากนี้ให้ระมัดระวัง ไม่ประมาท เพราะไม่มีอะไรได้มาง่ายๆ การลงทุนมีทั้งทักษะหรือโชค ถ้าโชคไม่ดี พอร์ตก็กลับมาขาดทุนได้ ให้ลงทุนด้วยความระมัดระวัง อย่าหยุดพัฒนาตัวเอง

หากคุณยังไม่ได้เริ่มลงทุน ให้หาข้อมูลและอ่านหนังสือมากขึ้น ไม่อยากให้กลัว โอกาสกำไรและขาดทุนมีอยู่เสมอตลอดระยะเวลาลงทุน ให้เริ่มต้นลงทุนเงินจำนวนไม่มาก หากยังไม่มั่นใจ ถ้าไปได้ดีก็ค่อยเพิ่มทุน แล้วจะเข้าใจธรรมชาติของตลาดหุ้นเอง

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด