เวียดนามตลาดหุ้นชายขอบที่อยู่ในเรดาห์ของนักลงทุนไทยมากขึ้น แต่หลายคนอาจจะยังตั้งคำถามถึงการสร้างผลตอบแทนในระยะยาว วันนี้เราจึงนำเรื่องราวของหญิงสาวท่านหนึ่งที่บอกว่าตัวเองไม่เก่งเรื่องการลงทุน แต่กลับมองขาดว่าโอกาสการลงทุนฉายชัดที่ตลาดเวียดนามมาตั้งแต่ 3 ปีที่แล้ว
วันนี้ตัวเลขผลตอบแทนที่โชว์อยู่บนหน้าจอมือถือเธอคนนี้ ปรากฏตัวเลขผลตอบแทนรวมจากพอร์ต Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม +86.22% ตลอดระยะเวลาการลงทุน 3 ปีเศษ เหนือกว่าดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (Vietnam Index) ในช่วงเวลาเดียวกันที่สร้างผลตอบแทนได้เพียง +34.12% แถมยังเหนือกว่ากองทุนเวียดนามกองทุนอื่นๆ ที่มีอีกด้วย
นี่คือเรื่องราวการลงทุนของ คุณนก จตุพร ธาราดล QA Manager คุณแม่ลูกหนึ่ง ที่ชีวิตส่วนใหญ่ในการทำงาน หมดไปในห้อง Lab
แม้จะมีประสบการณ์การลงทุนมาเป็นเวลา 10 ปีแล้วก็ตาม แต่คุณนกก็ยอมรับว่าตัวเองไม่ได้มีความรู้ทางด้านการเงินการลงทุนมากพอ จึงเลือกที่จะให้ Jitta Wealth ดูแลพอร์ตลงทุนระยะยาวของตัวเธอเอง
คุณนกเริ่มลงทุนกับ Jitta Wealth ครั้งแรกเมื่อวันที่ 7 ส.ค. 2563 ด้วยพอร์ต Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม โดยในช่วง 10 ปีก่อนหน้านี้ เธอเริ่มต้นลงทุนในตลาดหุ้นแบบไม่มีความรู้มากนัก เริ่มต้นจากเบี้ยน้อยหอยน้อย แต่อาศัยว่า ในช่วงนั้นตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงขาขึ้น ไม่ว่าจะเล่นอย่างไรก็ได้กำไร จึงลงทุนแบบไม่มีหลักการใดๆ แค่ตั้งไว้ว่ามีกำไร 10-15% ก็ขายออกมา
“ตอนลงทุนหุ้นก็ไม่ได้มีหลักการอะไรมาก คือมีกำไรขึ้นมา 10-15% ก็ขาย เพราะตอนนั้นตลาดเล่นง่ายอะเนอะ เล่นไม่ดียังก็ได้กำไร ไม่ต้องใช้ความรู้อะไรมากก็ได้ เพราะตลาดขาขึ้น เล่นหุ้นอะไรก็ขึ้น”
เมื่อตลาดเป็นขาขึ้น คุณนกเล่นวนไปแบบนั้น จนวันนึงที่ครอบครัวมีเหตุให้ต้องใช้เงินก้อน จึงขายหุ้นออกมา นำเงินกำไรครึ่งนึงให้ครอบครัวไปแล้ว เหลือกำไรอีกครึ่งที่ต้องการนำไปลงทุนระยะยาว จึงเริ่มศึกษาหาโอกาสการลงทุน และมองว่าตลาดเวียดนามมีความน่าสนใจ แต่ก็ยังอยู่ในช่วงของการค้นหาว่าจะเอาเงินก้อนนี้ไปลงทุนกับอะไรดี จนกระทั่งวันนึงเปิดเจอ Youtube ของคุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO Jitta Wealth ฟังแล้วก็รู้สึกสนใจ และตรงกับความตั้งใจที่จะให้เงินก้อนนี้เป็นการลงทุนระยะยาว
ทั้งที่ตลาดยังเป็นช่วงขาขึ้น อย่างที่คุณนกบอกว่าเล่นอย่างไรก็ขึ้น แต่เมื่อได้ฟังคุณเผ่าแล้ว ในเวลาไม่นานนักคุณนกก็ตัดสินใจเปิดพอร์ตลงทุน Jitta Ranking หุ้นเวียดนามกับ Jitta Wealth เป็นกองแรก
คุณนกเล่าให้ฟังถึงการบริหารจิตใจตัวเองที่เลือกเอาเงินมาลงทุนระยะยาว แทนที่จะเดินหน้าลงทุนต่อในช่วงตลาดขาขึ้นว่า
“เงินก้อนนี้เราก็ไม่ได้มีแผนที่จะใช้อะไร ก็สามารถเก็บเป็นการลงทุนระระยะยาวได้ แต่เรารู้ว่าเราเองจริงๆ ยังใหม่ในโลกการลงทุน เราก็ไม่ไม่ได้เก่งในเรื่องของการเงินการลงทุน ไม่ใช่คนที่ดูหุ้นแบบ Technical หรือสายกราฟอะไรแบบนั้น และเราไม่ได้มีเวลาที่จะมาติดตามตลาดด้วย ก็เลือกที่จะเอาเงินก้อนนี้มาทิ้งไว้ให้ Jitta Wealth บริหารให้ดีกว่า เพราะอยากให้เป็นการลงทุนระยะยาว ก็มองตลาดเวียดนามเป็นโอกาสการลงทุนที่ดี”
อีกปัจจัยหนึ่งที่ทำให้คุณนกเลือก Jitta Wealth คือเรื่องของค่าธรรมเนียม เพราะหลังจากที่ได้ศึกษาและเปรียบเทียบแล้วคุณนกก็พบว่า Jitta Wealth คิดค่าธรรมเนียมในการบริหารพอร์ตที่ไม่แพงเลย ถือว่าต่ำกว่าผู้ให้บริการรายอื่น โดยเฉพาะเมื่อเทียบกับกองทุนรวมที่ลงทุนอยู่
หลังจากลงทุน Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม เป็นกองแรก คุณนกก็ค่อยๆ กระจายความเสี่ยงการลงทุนออกไปด้วยการเปิดพอร์ตลงทุนเพิ่มทั้ง Jitta Ranking หุ้นจีน Jitta Ranking หุ้นไทย Thematic Optimize และ Thematic DIY
แน่นอนว่าพอร์ตลูกรักก็ยังคงเป็น Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม ที่ตลอดระยะเวลา 3 ปีเศษที่คุณนกลงทุนมา สร้างผลตอบแทนได้แล้วถึง +86.22% เหนือกว่ากองทุนรวมที่คุณนกลงทุนอยู่เสียอีก
ซึ่งในช่วงเวลาการลงทุนดังกล่าว ตลาดหุ้นเวียดนามได้ผ่านช่วงเวลาปรับขึ้นและลงมาแล้วหลายครั้ง คุณนกเองแม้จะไม่ได้เข้ามาเปิดดูพอร์ตทุกวัน ด้วยเวลาที่เร่งรีบ และเชื่อมั่นที่จะปล่อยให้ Jitta Wealth บริหารพอร์ตให้ โดยจะมีการเข้ามาเปิดดูพอร์ตบ้างเมื่อมีข่าวใดๆ ที่อาจจะมากระทบ ทำให้คุณนกได้เห็นทั้งจังหวะขาขึ้นและขาลงของผลตอบแทนมาตลอดระยะเวลาการลงทุน และด้วยเป้าหมายส่วนตัวที่ต้องการถือเป็นการลงทุนระยะยาว จึงไม่ได้ขายออกแม้จะเป็นช่วงที่ตลาดปรับตัวขึ้นไปสูงก็ตาม
สำหรับหลักการลงทุนของคุณนก ไม่ได้มีเป้าหมายที่จะลงทุนในลักษณะของการ DCA ในช่วงเวลาเดียวกัน เช่นทุกเดือนหรือทุกปี แต่จะเป็นลักษณะของการเพิ่มทุนเมื่อได้เงินก้อน เช่นช่วงที่ได้โบนัส ก็จะนำมากระจายลงทุนให้กับพอร์ตต่างๆ ที่ลงทุนอยู่
คุณนกยังมองถึงประเด็นการเตรียมจัดเก็บภาษีรายได้จากต่างประเทศว่า เป็นประเด็นหนึ่งที่สร้างความกังวลในฐานะนักลงทุนคนหนึ่ง ซึ่งก็ทำอะไรไม่ได้นอกจากรอฟังรายละเอียดที่ชัดเจนจากภาครัฐ และโดยส่วนตัวก็ไม่ได้คิดที่จะขายหุ้นออกมาก่อนที่เกณฑ์ภาษีจะบังคับใช้ เพราะตั้งใจเก็บไว้เผื่อว่าวันนึงลูกอยากไปเรียนเมืองนอกก็จะใช้เงินก้อนนี้ได้ หรือเก็บไว้ใช้เมื่อถึงวัยเกษียณ มองในระยะยาวมากกว่า