รีวิว Jitta Wealth  เดินหน้าลงทุนให้เทคโนโลยีช่วยสร้าง Passive Income

หมออาม – ภูวดล จตุรวุฒิชัย อดีตนายแพทย์ผู้มีใจรักศิลปะจนผันตัวมาเป็น Freelance 

ในจังหวะที่ตลาดหุ้นเวียดนามช่วงที่ผ่านมา เผชิญแรงกดดันจากปัจจัยภายในและภายนอกประเทศ ดัชนีปรับตัวลดลง แต่ Jitta Ranking หุ้นเวียดนามยังสร้างผลตอบแทนได้ดีกว่าตลาด พิสูจน์ได้จากพอร์ตลงทุนของคุณหมออาม-ภูวดล จตุรวุฒิชัย อดีตนายแพทย์ผู้มีใจรักศิลปะจนผันตัวมาเป็น Freelance เพื่อสร้าง Passive Income ในระยะยาว 

พอร์ต Jitta Ranking หุ้นเวียดนามของคุณหมออาม  ที่สร้างผลตอบแทนรวม +96.42% ตลอดระยะเวลาการลงทุนเกือบ 4 ปี  หากเทียบผลตอบแทนต่อปี พอร์ตของคุณหมออามสร้างผลตอบแทนทบต้นได้ถึง +20.31% ต่อปี เอาชนะผลตอบแทนทบต้นดัชนีตลาดหุ้นเวียดนาม (Vietnam Index) ที่ในช่วงเวลาเดียวกัน ปรับเพิ่มขึ้นมาไม่ถึง +4.17% แถมยังเหนือกว่ากองทุนเวียดนามกองทุนอื่นๆ ที่มีอีกด้วย

นี่เป็นเพียงแค่พอร์ตเดียวเท่านั้น ยังมีพอร์ตอื่นๆ ที่สร้างผลตอบแทนได้ดีให้กับหมออาม

อะไรคือจุดเริ่มต้นการลงทุนกับ Jitta Wealth และ Mindset การลงทุนที่ทำให้คุณหมออามข้ามผ่านความผันผวนของตลาดหุ้นมาได้  เชิญมาติดตามไปพร้อมกัน

จุดเริ่มต้นของการลงทุน

เพราะตัดสินใจเรียนแพทย์ หมออามจึงใช้เวลาส่วนใหญ่ไปกับการเรียนและการรักษาคนไข้ แต่เขารู้ลึกๆ ในใจว่าเป็นคนชอบด้านศิลปะ

ระหว่างที่กำลังทดลอง และเรียนรู้ทำสิ่งใหม่เพื่อหาความชอบและความสุขของตัวเองเขาก็ไปเจอกับอาชีพที่สอง ที่ได้ทำงานสายศิลป์และมี Passive Income ด้วย อย่างการขายภาพออนไลน์หรือ Stock Photo เขาจึงตัดสินใจเส้นทางของชีวิตในแบบที่ทำให้มี ‘เวลา’ เป็นของตัวเองให้มากที่สุด

“พอมี Passive Income มันก็ทำให้ตัวเรามีเวลาว่างเพื่อค้นหาตัวเองไปเรื่อยๆ เพราะยังอยากได้ลองทำอะไรอีกหลายอย่าง อย่างการถ่ายรูป วาดรูป ทำกราฟิกออกแบบ ฝึกทำ 3D ถึงจะแก่แล้วแต่ก็ยังค้นหาอยู่นะ”

แต่เพราะต้องมั่นคงและมั่นใจในเรื่องการเงินด้วย ดังนั้นเครื่องมือในการลงทุนที่หมออามเลือกจึงยังต้องสะดวก ง่ายและไม่แย่งเวลาไปจากกิจกรรมอื่นๆ ในชีวิตของเขาด้วยเช่นกัน

นายแพทย์ที่ยัง ‘ค้นหา’ และอยากเพิ่ม ‘เวลา’ ให้ตัวเอง

“ผมทำงานเป็นแพทย์อยู่ในโรงพยาบาลชนบทประมาณ 6-7 ปี ระหว่างที่ทำงานก็เริ่มรู้จักพวก Stock Photo รูปถ่ายภาพถ่าย ซึ่งมันเป็นภาพที่มีลิขสิทธิ์ และสามารถสร้างรายได้แบบ Passive Income ให้ได้ 

ดังนั้น เสาร์-อาทิตย์ ผมก็แบ่งเวลามาให้งานนี้ จนถึงจุดหนึ่งที่รายได้ของการทำ Stock Photo มันมากกว่ารายได้ของแพทย์ แล้วผมก็เริ่มคิดหนักกับทางเลือกในชีวิต คือผมรักอาชีพแพทย์นะ แต่อาชีพแพทย์ก็เป็นอาชีพที่มีความกดดันหลายอย่าง ไม่ค่อยได้ดูแลสุขภาพ แถมยังมีเวลาเป็นของตัวเองน้อย 

ผมก็เลยตัดสินใจลาออกจากงานแพทย์ที่ทำประจำมาเป็นฟรีแลนซ์ ในขณะเดียวกันก็ทำงานถ่ายภาพ ขายรูป Stock Photo จริงจังขึ้น ซึ่งมันก็ทำให้ผมมีอิสระมากขึ้น และมีเวลามากกว่าเดิม ได้ไปหาประสบการณ์อื่นๆ ที่อยากทำ ได้มีเวลาออกกำลังกายมากขึ้น ได้ดูแลตัวเอง และได้อ่านหนังสือเยอะขึ้นด้วย”

ตะลุยหา ‘การลงทุน’ ที่เหมาะกับตัวเองมากที่สุด

“ตอนเพิ่งเริ่มทำงานใหม่ๆ ประสบการณ์ความรู้ยังไม่ค่อยมากนัก ผมรู้จักแค่เรื่องออมเงิน ไม่ได้ลงทุนในอะไรเลย พอมีประสบการณ์ รู้มากขึ้นก็เริ่มศึกษาเรื่องการลงทุนทั้งหุ้นแล้วก็คริปโทเคอร์เรนซี ซึ่งก็ลงทุนแบบไม่ค่อยมีความรู้ มีเจ็บตัวบ้างกำไรบ้างปนๆ กันไป 

แล้วเริ่มมาศึกษาเรื่องการลงทุนแบบ VI ซึ่งเริ่มพอเข้าใจในหลักการเบื้องต้น เพราะได้อ่านหนังสือ และศึกษาจากคลิปใน Youtube ผมได้ลงเรียนคอร์สหุ้นแต่ก็ยังปฏิบัติไม่ค่อยได้ มันเหมือนกับว่ายังรู้ไม่จริง และยังศึกษาและลงลึกไปไม่มากพอ พอต้องอ่านข้อมูลเยอะๆ เริ่มรู้สึกว่ามันก็ไม่ใช่ตัวเรา 

ผมเริ่มขี้เกียจที่จะไปศึกษาหุ้นแบบละเอียดที่ต้องอ่านข้อมูลเชิงลึก จนได้มีโอกาสไปอ่านหนังสือเล่มหนึ่ง ชื่อว่า ‘เหนื่อยชั่วคราว สบายชั่วโครต’ ที่มีการอธิบายเรื่องของ Jitta หลังจากนั้นก็เข้าไปศึกษาข้อมูล ดูคลิปทุกคลิปใน Youtube เลย เพื่อให้เข้าใจการทำงานของ Jitta จริงๆ”

เพราะเทคโนโลยีไร้อารมณ์และความรู้สึก มีแต่ข้อมูลตัวเลขที่วัดค่าได้

“ข้อดีของ Jitta คือมันวิเคราะห์หุ้นได้ทั้งโลกในชั่วพริบตาเดียว แล้วก็ทำให้เห็นโอกาสลงทุนที่ดีกว่าขึ้นกว่าเดิม เพราะถ้าลงทุนเอง คงวิเคราะห์ได้ไม่เยอะ และคงใช้อารมณ์จนทำให้ตัดสินใจผิด แต่พอเป็น AI วิเคราะห์ คือ มันไม่มีอารมณ์ร่วม มันจะตัดสินตามข้อมูลและเหตุผลอย่างเดียวเลย 

จากที่เคยศึกษาเรื่องการลงทุนแบบ VI มันเป็นข้อมูลแบบกระจัดกระจาย แต่ Jitta ช่วยจัดเรียงความรู้เหล่านั้น สรุปให้ง่ายขึ้น สะดวกขึ้น แล้วก็ทำให้เข้าใจหลักของ VI มากขึ้นด้วย 

แม้ว่าตอนแรกผมจะไม่ได้เชื่อมั่นใจ Jitta แบบเต็มร้อย แต่ก็ศึกษา ลอง Monitor และลองลงทุนดูว่า Jitta ปรับพอร์ต และกระจายความเสี่ยงยังไง สุดท้ายก็มั่นใจว่าหลักการแบบ Jitta มันกระจายความเสี่ยงในระยะยาวได้ แล้วก็ทำให้พอร์ตโตในระยะยาวได้

การที่ผมลาออกมาพยายามสร้างรายได้แบบ Passive Income เพราะว่าต้องการมีเวลาเป็นของตัวเอง ถ้าต้องมาปวดหัวหรือเสียเวลาไปกับการลงทุนด้วยตัวเอง มันก็ไม่ตอบโจทย์นั้นแล้ว ดังนั้น Jitta Wealth จึงตอบโจทย์ตรงที่ว่า มันไม่ต้องเข้าไปศึกษาข้อมูลลึกๆ ทุกหุ้น ทุกตลาด เพียงแต่ต้องเข้าใจภาพรวมกว้างๆ แล้วก็ปล่อยให้ระบบของเทคโนโลยีทำงานไป”

Passive Income ที่เกิดจากการลงทุน

“ทุกวันนี้ผมแบ่งเป็น 3 ส่วนง่ายๆ  คือ เงินลงทุน เงินใช้จ่าย และเงินออม ผมมีพอร์ตกับ Jitta Wealth เป็นพอร์ตเวียดนาม และลงใน Thematic อีก 3 พอร์ต มีทั้งหมด 15 ธีมธุรกิจที่ลงทุน 

ผมมีแผนลงทุนแบบ DCA ไปเรื่อยๆ จนกว่าจะต้องใช้เงินก้อนใหญ่ถึงจะถอนออกมา หรือเก็บไว้จนถึงเกษียณเลย เพราะการลงทุนมันก็เหมือนเป็น Passive Income อีกทาง ที่ช่วยสร้างความมั่นคงในชีวิตได้”

ฝ่ามรสุมตลาดหุ้นโลกปั่นป่วนด้วยการทำความเข้าใจ

“ปัจจุบันนอกจาก Jitta Ranking หุ้นเวียดนามแล้ว ผมยังมีหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐ หุ้นจีน ญี่ปุ่น ​และ Thematic DIY ที่ยังคงเดินหน้า DCA อย่างต่อเนื่อง  ถามว่าในช่วงที่ตลาดตกแรงๆ ผมทำอย่างไร ผมไม่ทำอะไรเลยครับ แค่ทำความเข้าใจตลาดว่าตกเพราะอะไร มีปัจจัยใดมากระทบ”  

“ผมเปิดดูพอร์ตทุกวัน เพราะดูทางมือถือได้ตลอด แต่เมื่อเรามองว่าทรัพย์สินที่เลือกเป็นสินทรัพย์ที่ดี และมั่นใจได้ว่าจะเติบโตระยะยาว แม้ราคาสินทรัพย์จะตกไปบ้าง แต่ก็เป็นการตกชั่วคราวและเมื่อสถานการณ์ผ่านก็จะกลับมาเป็นขาขึ้นได้”   

แม้กระทั่งเวลานี้ที่มีข่าวเรื่องสรรพากรจะจัดเก็บภาษีลงทุนต่างประเทศ ผมก็ไม่ได้กังวลอะไรมากมาย และผมมองว่าแนวทางของตัวเองเป็นการลงทุนระยะยาว  เมื่อไม่ได้มีความต้องการสภาพคล่องหรือมีแผนใช้เงินก้อนก็เอาไว้ในต่างประเทศดีกว่า  เพราะเรื่องภาษีตอนนี้ก็ยังไม่มีอะไรชัดเจน ก็รอดูไปก่อน และอนาคตอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ จึงไม่จำเป็นต้องรีบทำอะไรให้กระทบพอร์ต