ถาม-ตอบกับ Jitta Wealth ใน Investor Exclusive ไตรมาสที่ 4 ปี 2564

28 พฤศจิกายน 2564EventsInvestor ExclusiveJitta Wealth

Jitta Wealth ให้ความสำคัญกับข้อสงสัย ข้อกังวล และความต้องการของคุณที่วางใจให้เราบริหารจัดการกองทุนส่วนบุคคล เราจึงจัด Webinar รายไตรมาส Investor Exclusive ขึ้นมา เพื่อให้คุณได้มีโอกาสได้พูดคุยกับคุณตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO ของเราอย่างใกล้ชิด 

หากคุณพลาดการเข้าร่วมชมสด Webinar ผ่าน Zoom คุณสามารถติดตามชมย้อนหลังได้ทาง YouTube

ดู Webinar ย้อนหลัง

สรุปเนื้อหาจาก CEO ของ Jitta Wealth

ภาพรวมพอร์ตลงทุนของ Jitta Wealth 

Jitta Wealth เชื่อในแนวคิดของ Warren Buffett ที่ว่า ‘การทำนายว่าฝนจะตกตอนไหนไม่ช่วยอะไร สิ่งที่สำคัญคือการสร้างเรือให้แข็งแรง’ หมายถึง คุณไม่จำเป็นต้องทำนายแนวโน้มของตลาดหุ้นว่าจะขึ้นหรือลง เพราะไม่มีใครสามารถทำนายตลาดหุ้นได้ถูกต้อง เช่นเดียวกับสถานการณ์ภายนอกที่ไม่สามารถควบคุมได้ เช่น ภาวะเงินเฟ้อ การขึ้นอัตราดอกเบี้ย โรคระบาด หรือข่าวสารแง่ลบอื่นๆ  

สิ่งที่คุณควรโฟกัสคือ ‘พอร์ตลงทุนที่แข็งแกร่ง’ ที่สามารถรับมือกับความผันผวนในตลาดหุ้นได้ และหากเกิดผลกระทบจะสามารถกลับมายืนจุดเดิมได้อีกครั้ง หากพอร์ตลงทุนของคุณแข็งแกร่งมากพอ ต่อให้เกิดภาวะทางเศรษฐกิจหรือตลาดหุ้นผันผวน พอร์ตลงทุนของคุณก็จะยังสามารถเติบโตขึ้นได้อย่างแน่นอน

  • ภาพรวมพอร์ตลงทุน Jitta Ranking ให้ผลตอบแทนเป็นบวกทั้งหมด โดยเฉพาะไทย สหรัฐ และเวียดนาม ที่สามารถทำผลตอบแทนชนะดัชนีได้ในระดับที่สูงมาก Jitta Ranking เป็นการลงทุนในหุ้นรายตัวโดยจะคัดเลือก ‘หุ้นดีราคาถูก’ ในหลักการลงทุนแบบเน้นคุณค่า (Value Investing – VI) ดังนั้นผลกระทบระยะสั้น จะไม่ส่งผลต่อพอร์ตลงทุนมากจนเกินไป และราคาหุ้นแต่ละตัวยังเติบโตขึ้นได้ตามงบการเงินที่แข็งแรง
  • Jitta Ranking เทคโนโลยีสหรัฐฯ เนื่องจากปี 2563 ราคาหุ้นเทคโนโลยีของสหรัฐฯ เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ทำให้ในปี 2564 ราคาไม่พุ่งแรงมาก บางช่วงมีการปรับฐาน แต่ยังสามารถสร้างผลตอบแทนได้ใกล้เคียงกับดัชนี NASDAQ 
  • Jitta Ranking จีน เพิ่งเปิดให้บริการในเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา จึงยังเร็วไปที่จะบอกว่า ผลตอบแทน Jitta Ranking จีน จะให้ผลตอบแทนเป็นอย่างไร แต่ปัจจุบันมีแนวโน้มที่ดีและเติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
Jitta Wealth
  • Global ETF ให้ผลตอบแทนดีกว่าที่คาดการณ์มาก มีการเติบโตทั้ง 3 แผน พอเพียง สมดุล และเติบโต สาเหตุที่ Global ETF มีผลตอบแทนโตขึ้นแบบก้าวกระโดด เพราะกิจกรรมทางเศรษฐกิจโลกเริ่มกลับมาและฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว หลังจากวิกฤต Covid-19 ทำให้การลงทุนใน Global ETF เติบโตขึ้นเช่นเดียวกัน ถึงแม้ว่าจะลงทุนในช่วงค่าเงินบาทอ่อน แต่มูลค่าพอร์ตลงทุน Global ETF ยังทำผลตอบแทนได้สูงกว่าที่คาดหวังไว้
Jitta Wealth
  • Thematic DIY ให้ผลตอบแทนในปี 2564 เป็นบวก พิสูจน์ให้เห็นว่าธีมการลงทุนที่ Jitta Wealth เลือกเข้ามาให้ลงทุนมีประสิทธิภาพ และสามารถเติบโตได้
  • Thematic Optimize เพิ่งเปิดให้บริการช่วงปลายเดือนกันยายน ปัจจุบันพอร์ตลงทุนยังติดลบอยู่ จากข่าวสารในเชิงลบที่ออกมาใน 1-2 เดือนที่ผ่านมา แต่ยังเร็วเกินไปที่จะตัดสินว่า Thematic Optimize ทำผลตอบแทนได้เท่าไร Jitta Wealth เชื่อว่า AI จะทำให้พอร์ตลงทุนเติบโตขึ้นในอนาคต
Jitta Wealth

ธีมเมกะเทรนด์ในปี 2565 

สำหรับธีมธุรกิจที่น่าลงทุน คือ อยู่ในจุดเริ่มต้นของเมกะเทรนด์ ช่วง Early Adopter และ Early Majority เนื่องจากอยู่ในช่วงที่เริ่มมีรายได้เข้ามาและกำลังเติบโต แต่หลายๆ ธุรกิจยังติดข้อกำหนดหรือข้อบังคับทางกฎหมาย ในอนาคตหากธุรกิจสามารถหลุดข้อจำกัด ทำให้ผู้คนใช้สินค้าและบริการกันอย่างแพร่หลาย จะทำให้ธีมเมกะเทรนด์ดังกล่าวโตขึ้นแบบก้าวกระโดด 

Jitta Wealth

ธีมที่อยู่ในช่วง Early Majority จะเริ่มเติบโตขึ้นและสร้างผลตอบแทนเป็นอย่างดี และแม้ว่าจะเกิดวิกฤตเศรษฐกิจ จะไม่ส่งผลกระทบต่อธีมเมกะเทรนด์มากและยังจะเติบโตต่อไปได้ 

เมื่อคุณเห็นว่าราคาหุ้นในธีมที่อยู่ใน 2 ช่วงนี้ปรับตัวลง หากคุณมีความเข้าใจและมั่นใจในสินทรัพย์ จะเห็นว่าเป็นโอกาสที่ดีในการเพิ่มทุน เพราะจะซื้อได้ในช่วงราคาที่ถูกและทำให้ผลตอบแทนเพิ่มขึ้นในอนาคต  

เจาะลึกธีมคลาวด์ 

เป็นธีมธุรกิจที่มาแรงมาก และขยายตัวมาโดยตลอด บริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลก ได้ปรับเปลี่ยนรูปแบบธุรกิจมาพัฒนาระบบคลาวด์ และเห็นศักยภาพเติบโตอย่างชัดเจน คลาวด์ได้กลายมาเป็นเทคโนโลยีที่ผู้คนใช้กันทั่วโลก ปัจจุบันธุรกิจอินเทอร์เน็ตจะมีระบบคลาวด์เข้ามาเกี่ยวข้องเสมอ เนื่องจากการเก็บข้อมูลในระบบคลาวด์สามารถทำได้ทุกที่ทุกเวลา และช่วยประหยัดต้นทุนให้กับบริษัทเทคโนโลยีได้มหาศาล 

ตัวอย่างบริษัทในธีมคลาวด์ 

  • Asana รายได้รายไตรมาสโตขึ้นจาก 76.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 227 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 2 ปี
  • Bill.com รายได้รายไตรมาสโตขึ้นจาก 64.9 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 238.3 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 3 ปี 

เจาะลึกธีมฟินเทค

เป็นธีมธุรกิจที่เติบโตมานานมาก มีมูลค่าธุรกิจอัตราการเติบโตที่ 11.7% ต่อปี ปัจจุบันผู้คนเริ่มเชื่อมั่นในการทำธุรกรรมทางการเงินผ่านช่องทางออนไลน์มากขึ้น ทำให้ฟินเทคสามารถเข้าถึงผู้คนได้ง่ายขึ้น และเป็นเทคโนโลยีที่ผู้คนใช้กันเป็นปกติ 

เทรนด์ในฟินเทคที่นิยมมากในปัจจุบัน ได้แก่ ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง (Buy Now Pay Later) คริปโทเคอร์เรนซี คลาวด์แบงก์กิง บริหารความมั่งคั่ง (Wealth Management) และการให้กู้ยืมโดยไม่ผ่านตัวกลาง (Peer-to-peer Lending)  

จำนวนของสตาร์ตอัปฟินเทคทั่วโลกโตขึ้นเป็นจำนวนมากในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา มีบริษัทด้านฟินเทคเกิดขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ธีมธุรกิจแข็งแกร่งมากขึ้น และเพิ่มทางเลือกให้กับผู้บริโภคให้สามารถทำธุรกรรมทางการเงินได้อย่างสะดวกสบายในปัจจุบัน

ตัวอย่างบริษัทในธีมฟินเทค

  • Adyen รายได้รายไตรมาสโตขึ้นจาก 1,012.44 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 4,635.55 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 4 ปี 
  • Coinbase รายได้รายไตรมาสโตขึ้นจาก 522.81 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 5,924.61 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 2 ปี

เจาะลึกธีมจีโนมิกส์ 

จีโนมิกส์เป็นธีมธุรกิจที่มีความต้องการมาก หากประเทศต่างๆ สามารถใช้นวัตกรรมจีโนมิกส์ในการรักษา จะทำให้ธีมนี้เติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว ปัจจุบันต้นทุนการรักษาในรูปแบบจีโนมิกส์ลดลงเรื่อยๆ หมายความว่า ผู้คนสามารถเข้าถึงการรักษาได้มากขึ้น และจะเปลี่ยนแปลงอุตสาหกรรมเฮลท์แคร์ไปอย่างสิ้นเชิง ธีมจีโนมิกส์ถูกคาดการณ์ว่า มูลค่าจะเติบโตถึง 72,130 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2574 

ตัวอย่างบริษัทในธีมจีโนมิกส์

  • Invitae รายได้รายไตรมาสโตขึ้นจาก 68.2 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 434.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 4 ปี 
  • Moderna รายได้รายไตรมาสโตขึ้นจาก 205.8 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 17,449.27 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 5 ปี

เจาะลึกธีมพลังงานสะอาดจีน 

พลังงานรูปแบบเดิมเริ่มไม่เพียงพอต่อความต้องการ และพลังงานทางเลือกที่กำลังมีบทบาทมากขึ้นคือ ‘พลังงานสะอาด’ ต้นทุนสินค้าที่เกี่ยวข้องกับธีมพลังงานสะอาดมีราคาลดลงเรื่อยๆ ในทุกปี ทำให้ผู้คนเริ่มหันมาใช้พลังงานสะอาดกันมากขึ้น 

พลังงานสะอาดเป็นเทรนด์ที่ทั่วโลกให้ความร่วมมือ เพื่อลดมลภาวะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และมีเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า จะเปลี่ยนรูปแบบการใช้พลังงานแบบดั้งเดิม ไปเป็นพลังงานสะอาดในอนาคต จีนเป็นประเทศที่ใช้พลังงานสะอาดมากที่สุด และกระจายสินค้าที่เกี่ยวข้องพลังงานสะอาดไปทั่วโลก

ตัวอย่างบริษัทในธีมพลังงานสะอาดจีน

  • Sunrun รายได้รายไตรมาสโตขึ้นจาก 532.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 1,495.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 4 ปี
  • Xpeng รายได้รายไตรมาสโตขึ้นจาก 1.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 2,393.1 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 3 ปี

เจาะลึกธีม Metaverse 

Metaverse เป็นเทคโนโลยีใหม่ที่เป็นส่วนผสมของหลายธุรกิจ เช่น โซเชียลมีเดีย เกม คลาวด์ และอีคอมเมิร์ซ ปัจจุบันบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ของโลกพยายามสร้างประสบการณ์รูปแบบใหม่ให้กับผู้ใช้งานได้สมจริงมากขึ้น ทำให้เกิดโลกเสมือนจริงขึ้นมาโดยรวมสิ่งต่างๆ เข้าไว้ด้วยกัน 

Metaverse เป็นเทคโนโลยีที่น่าจับตามองมาก เนื่องจากบริษัทเทคโนโลยียักษ์ใหญ่ทุ่มทุนมหาศาลในการพัฒนา และคาดการณ์ว่ามูลค่าตลาด Metaverse จะโตถึง 814,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2571 โดยมีอัตราการเติบโตเฉลี่ย 43.8% ต่อปี เนื่องจากบริษัทต่างๆ เร่งการพัฒนาเทคโนโลยี Metaverse ให้ออกมาสมบูรณ์แบบมากที่สุดเพื่อรองรับจำนวนผู้ใช้งานคนทั่วโลกที่กำลังรอเทคโนโลยีนี้

ตัวอย่างบริษัทในธีม Metaverse

  • Meta รายได้รายไตรมาสโตขึ้นจาก 40,643 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 112,330 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 4 ปี 
  • Nvidia รายได้รายไตรมาสโตขึ้นจาก 9,714 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เป็น 24,274 ล้านดอลลาร์สหรัฐในระยะเวลา 4 ปี 

สรุปถาม-ตอบจาก Jitta Wealth 

Q: การลงทุนในตลาดหุ้นจีนตอนนี้เป็นอย่างไร น่าลงทุนหรือไม่ 

หากต้องการลงทุนในตลาดจีนตอนนี้ โอกาสขาดทุนยิ่งมีน้อยลลง หากขาดทุนก็จะไม่ขาดทุนมาก เพราะราคาโดยรวมของตลาดตกลงมามาก แต่หากมองไปที่ภาพรวมของจีน เศรษฐกิจจีนไม่ได้ด้อยไปกว่าประเทศอื่นเลย 

ภาพรวมของตลาดหุ้น คนก็เริ่มกลับมาทำกิจกรรมทางเศรษฐกิจแล้ว หุ้นบริษัทใหญ่ๆ อาจจะตกลง จากการเข้ามาควบคุมของรัฐบาลจีน แต่หุ้นบริษัทเล็กๆ ก็ยังเติบโตอยู่  สาเหตุที่รัฐบาลจีนเข้ามาควบคุมไม่ให้ตลาดร้อนแรงจนเกินไปนั้น เพราะเกรงว่ามูลค่าของหุ้นบางตัวจะเป็นฟองสบู่ ซึ่งเป็นการควบคุมอย่างสมเหตุสมผล และการเติบโตของ GDP ก็ล้อไปกับการเติบโตที่แท้จริง 6-7% ต่อปี ถือว่าตลาดหุ้นจีนยังน่าสนใจอยู่ ‘หุ้นดีราคาถูก’ ถือว่าตอนนี้เป็นโอกาสเข้าซื้อ หากลงทุนระยะยาวอีก 3 ปีข้างหน้า 

Q: Jitta Ranking เทคโนโลยีสหรัฐฯ ยังมีโอกาสเติบโตมากกว่า 16% ต่อปีหรือไม่ 

ผลตอบแทน 16% ต่อปีถือว่าเป็นผลตอบแทนที่ Jitta Wealth ทำ Back Test และมั่นใจในการทำงานของ AI และอัลกอริทึมในการคัดเลือกหุ้นเทคโนโลยีที่มีโอกาสเติบโต ผลตอบแทนทำได้สูงกว่านี้ เช่น 20% คุณสามารถเพิ่มทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงด้านต้นทุนราคาหุ้นได้ 

Q: Thematic ธีมกัญชา จะเป็นอย่างไรต่อไป 

หากมองที่พื้นฐานของตัวธุรกิจกัญชายังมีพื้นฐานที่ดี ราคาหุ้นยังคงเติบโต แต่ยังอยู่ในช่วงแรกๆ ของการเติบโตหรือ Early Adopter 

เวลาที่คุณลงทุนในธีมธุรกิจ นอกจากพื้นฐานของหุ้นบริษัทแล้ว คุณควรทำความเข้าใจไปถึงภาพรวมของธีมธุรกิจนั้นๆ ว่าอยู่ในช่วงไหนของการเติบโต ช่วง Early Adopter และ Early Majority ยังมีความผันผวนสูง มีโอกาสที่คุณจะเข้าลงทุนในช่วงที่ราคาสูง แนะนำว่า ถ้าคุณยังเชื่อมั่นในศักยภาพของธีมธุรกิจควรเพิ่มทุนเพื่อเฉลี่ยราคา 

Q: มุมมองของ Jitta Wealth ต่อคริปโทเคอร์เรนซีเป็นอย่างไร 

หากมองภาพใหญ่ การลงทุนมีสินทรัพย์หลายประเภท และมีความเสี่ยงมากน้อยแตกต่างกันไป คริปโทเคอร์เรนซี เป็นสินทรัพย์ทางเลือกที่มีความเสี่ยงสูง การลงทุนอะไรก็ตาม คุณควรมีความรู้ความเข้าใจในสินทรัพย์ที่จะลงทุน ประเมินความเป็นไปได้ต่างๆ ในสินทรัพย์ เข้าใจจุดซื้อ จุดขาย และเครื่องมือที่คุณจะใช้ในการประเมิน 

Jitta Wealth ยังคอยติดตามความเคลื่อนไหวของคริปโทเคอร์เรนซี แต่ยังมีความเสี่ยงสูงและผันผวนสูง ในสหรัฐฯ ก็ยังไม่มี ETF (Exchange Traded Fund) ที่ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีโดยตรง หากไม่นับที่เป็น Futures ETF 

หากทุ่มลงทุนไปในสินทรัพย์ใดสินทรัพย์หนึ่ง ยังมีความผันผวนสูง ควรมีการกระจายความเสี่ยงในพอร์ตลงทุน แนวทางของ Jitta Wealth ลงทุนในหุ้นคุณค่า และ ETF ที่มีโอกาสเติบโต มีการจัดพอร์ตลงทุน เพื่อกระจายความเสี่ยงที่ดี คุณสามารถมั่นใจได้ว่า พอร์ตจะมีการเติบโตในระยะยาว 3-5 ปี หรือนานกว่านั้น

Q:  Covid-19 สายพันธุ์ใหม่ จะส่งผลกระทบอะไรบ้างกับธีม Travel Tech และ Global ETF 

จริงๆ ส่งผลกระทบในทุกอุตสาหกรรม แต่จะไม่มากเท่าปี 2563 เพราะนักลงทุนไม่ได้ตกใจกับวิกฤตนี้เท่าที่ผ่านมา รวมไปถึงมีประสบการณ์และบทเรียนในการรับมือแล้ว

หากมองภาพรวมบริษัทต่างๆ ในธีม Travel Tech ก็จะสามารถผ่านวิกฤตมาได้ ไม่มีบริษัทไหนล้มหายตายจาก รายได้อาจจะลดลง แต่ก็จะกลับมาเติบโตเมื่อเปิดประเทศ คลายล็อกดาวน์ มองว่า ราคา ETF ที่ลดลง เป็นโอกาสให้เพิ่มทุน

Q: AI ของ Thematic Optimize เลือกธีมโดยวัดจากราคา Undervalued หรือ Overvalued หรือไม่

การทำงานของ AI จะดูจาก 3 ปัจจัย คือ การเติบโตของบริษัทใน ETF ผลตอบแทนย้อนหลังของ ETF และความผันผวนของ ETF ไม่ได้วัดราคา ETF ว่า ราคาถูกหรือแพงกว่าพื้นฐาน

Q: ปลายทางของสตาร์ตอัปอย่าง Jitta อยู่ที่ตรงไหน 

Jitta เป็นสตาร์ทอัปที่เริ่มมีการเติบโตที่ดี เป็นธุรกิจที่เกือบสมบูรณ์แล้ว จุดมุ่งหมายของเราคือ ผลประโยชน์ของลูกค้าสำคัญที่สุด ออกแบบกองทุนส่วนบุคคลที่สรา้งผลตอบแทนที่ดี ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำ 

หากใครจะเข้ามาซื้อกิจการ หรือควบรวมดีล M&A (Mergers & Acquisitions) Jitta จะพิจารณาดูว่า ผู้ร่วมทุนสามารถเข้ากับภารกิจขององค์กรและประโยชน์ของลูกค้าสำคัญที่สุดได้หรือไม่ เพราะเป็นโมเดลธุรกิจที่ Jitta ตั้งไว้แต่แรก ผู้ก่อตั้งและพนักงานใน Jitta ยังสนุกกับการสร้างอะไรใหม่ๆ หาสิ่งใหม่ๆ เพื่อสร้างประโยชน์ให้กับลูกค้าอยู่ 

Q: แบ่งเงินส่วนหนึ่งเริ่มลงทุนกับ Jitta Wealth ขอคำแนะนำ DCA (Dollar Cost Averaging) จากเงินก้อนที่เหลือ และคำแนะนำสำหรับกองทุนรวมเดิมที่ลงทุนอยู่

หลักการ DCA ขึ้นอยู่กับว่า คุณต้องการกระจายความผันผวนไปนานแค่ไหน 1 ปี 2 ปี หรือมากกว่านั้น เพื่อให้การลงทุนของคุณคลอบคลุมกับระยะเวลาและความผันผวนที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ต่อให้จะเกิดเหตุการณ์อะไร ธุรกิจก็ยังเดินต่อได้ โดยมีวิธีการดังนี้ 

  1. นำเงินก้อนที่เหลืออยู่มาหารเฉลี่ย 12 เดือน หรือมากกว่านั้น แล้วลงทุนทุกๆ เดือน  
  2. คิดจากต้นทุนที่เริ่มลงทุน แล้วลงก้อนต่อไปเท่าๆ กัน อาจจะแบ่งเป็นทุกเดือนหรือทุกไตรมาส

อย่างไรก็ตามการลงทุนทุกๆ เดือน จะช่วยความผันผวน เฉลี่ยต้นทุนให้ต่ำลง และทำให้ผลตอบแทนในพอร์ตลงทุนเป็นบวกได้ 

หลักการ DCA คือ หากคุณไม่สามารถคาดการณ์อนาคตได้ วิธีทยอยลงทุนจะทำให้คุณสบายใจ เพราะความรู้สึกวุ่นวายใจ ไม่มั่นใจในสินทรัพย์ที่เลือก จะขัดต่อการลงทุนระยะยาว 

ส่วนกองทุนรวมที่ลงทุนไว้ ถ้าคุณยังมั่นใจในสินทรัพย์และผลตอบแทน สามารถลงทุนต่อ แต่ถ้าคุณไม่มั่นใจแล้ว ก็ควรถอนการลงทุนออกมา ไม่ว่าจะมีกำไรหรือขาดทุน เพราะหากยังลงทุนในสินทรัพย์เดิมอยู่ อาจจะเสียโอกาสในการหาสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีกว่า  

Q: Jitta Ranking สหรัฐฯ และเทคโนโลยีสหรัฐฯ มีหุ้นซ้ำกันไหม และโอกาสเปิดลงทุนในประเทศอื่นๆ ในอนาคตหรือไม่

ตามทฤษฎีมีโอกาสที่หุ้นจะซ้ำกัน เพราะ Jitta Ranking สหรัฐฯ คำนวณทั้งตลาดหุ้น แต่เทคโนโลยีสหรัฐฯ คัดหุ้นเข้ามา 400 บริษัท แต่โอกาสเกิดหุ้นซ้ำกันน้อย เพราะมีการคำนวณ Valuation ด้วย ดังนั้น Jitta Ranking สหรัฐฯ หุ้นที่ติดอันดับยังเป็นหุ้นในธุรกิจดั้งเดิม มูลค่ากิจการน้อยกว่าหุ้นเทคโนโลยี แต่มีกระแสเงินสดดี ถ้าจะมีเข้ามาติดอันดับ ส่วนใหญ่จะเป็นหุ้นเทคโนโลยีขนาดใหญ่ บริษัทเทคโนโลยีรายเล็ก โอกาสเข้ามาติดอันดับ Jitta Ranking สหรัฐฯ ยาก

ส่วน Jitta Ranking อินเดีย ยังติดกฎเกณฑ์การถือครองหุ้นจากชาวต่างชาติ ต้องรอให้ทางสำนักงาน ก.ล.ต. อินเดียคลายกฎประเด็นนี้ ส่วน Jitta Ranking ในยุโรป มีความเป็นไปได้สูงมาก และกำลังวางแผน คาดว่า จะเลือกสหราชอาณาจักร เพราะอัลกอริทึมคำนวณผลตอบแทนย้อนหลังทำได้ดีมากๆ 

Q: Jitta Wealth จะมีกองทุนเหมือน SSF ไหม

SSF เป็นกองทุนรวม ซึ่งต้องมีใบอนุญาตการจัดการกองทุนรวม ส่วน Jitta Wealth มีใบอนุญาตการจัดการกองทุนส่วนบุคคล ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต.

การบริหารกองทุนส่วนมีความหลากหลายในการเลือกสินทรัพย์ลงทุนมากกว่า ขณะที่กองทุนรวมเป็นการระดมเงิน มีผลกระทบวงกว้าง ดังนั้นความยืดหยุ่นในการลงทุนแตกต่างกัน 

กองทุนรวม SSF ทำมาเพื่อสิทธิประโยชน์ทางภาษี เบื้องหลังอาจจะคิดค่าธรรมเนียมอาจจะสูงกว่ากองทุนรวมทั่วไป หรือกองทุนส่วนบุคคล ปัจจัยควรเลือกจัดพอร์ตลงทุน ควรดูที่สินทรัพย์ ผลตอบแทน และค่าธรรมเนียมเป็นหลัก หากเป็นการลงทุนระยะยาว อาจจะคุ้มกว่ากองทุนเพื่อลดหย่อนภาษีประหยัดได้ 

Q: หากลงทุน Jitta Ranking เวียดนาม มีโอกาสการเติบโตในอนาคตอย่างไร

เศรษฐกิจเวียดนามมีศักยภาพในการเติบโต แม้ว่าจะเผชิญกับวิกฤต Covid-19 ถ้าคุมการระบาดได้ ก็จะเติบโตได้สูง 5% 6% หรือ 7% ต่อปี แต่ถ้าคุมไม่ได้ เศรษฐกิจอาจจะโตลดลงเหลือ 2% เพราะปัจจัยพื้นฐานของเวียดนามคือ เม็ดเงินลงทุนโดยตรงจากต่างชาติมาจากนโยบาย เช่น China+1 จากสงครามการค้า บริษัทเกาหลีใต้มีฐานการผลิตเวียดนาม และกำลังซื้อชนชั้นกลางที่ขับเคลื่อนให้ภาคการอุปโภคบริโภคเติบโต ถ้าขยายตัวมากขึ้น ธุรกิจการบริการต่างๆ จะเติบโตขึ้น เปิดการท่องเที่ยว ประชาชนเริ่มฝากและกู้เงิน 

ด้านตลาดหุ้นเวียดนาม ดัชนีจะไปถึงจุดไหน หรือปรับฐานเมื่อไร เป็นสิ่งที่คาดการณ์ได้ยาก แต่ในภาพใหญ่ๆ ราคาหุ้นยัง Undervalued และน่าลงทุน นอกจากนี้เวียดนามจะถูกปรับขึ้นมาเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ (Emerging Market) ในอนาคต จำเป็นต้องปรับปรุงสัดส่วนการถือครองหุ้นของคนต่างชาติ (Foreign Ownership Limit – FOL) เพื่อรองรับกับกระแสเงินทุน 

สิ่งที่ท้าทายตลาดหุ้นเวียดนาม คือ ดัชนี VNI ขึ้นแรงๆ มาตลอด 2 ปี ทำให้ปี 2565 อาจจะแผ่วลงบ้าง แต่ถ้าเป็นการลงทุนระยะยาว ยังลงทุนต่อได้ ไม่ใช่ความเคลื่อนไหวน่ากลัวหรือเกิดฟองสบู่ แต่การขึ้นแรงๆ ในโลกการลงทุนต้องเผื่อใจไว้บ้าง เพราะมีโอกาสที่ดัชนีจะผันผวนและเผชิญปัจจัยที่ยังคาดการณ์ไม่ได้อีกมาก

Q: วางแผนเกษียณและลงทุน Jitta Wealth หลายๆ พอร์ต คาดว่าใช้เวลาลงทุน 10-15 ปี ถ้าจะเพิ่มทุนหรือเปิดพอร์ตใหม่ จะเลือก Jitta Ranking เวียดนาม จีน หรือเทคโนโลยีสหรัฐฯ

การลงทุนได้หลายๆ พอร์ต คือ กระจายความเสี่ยง หากจะเลือกเพิ่มอีก 1 พอร์ต Jitta Ranking เทคโนโลยีสหรัฐฯ กับจีนจะเหมาะกับการลงทุนในระยะยาว เพราะเทคโนโลยีมีการเติบโตที่แน่นอนและกำลังจะแย่งส่วนแบ่งตลาดจากธุรกิจแบบเดิมๆ ส่วนหุ้นจีน เป็นตลาดหุ้นใหญ่ มีทั้งบริษัทดั้งเดิมและบริษัทเทค มีโอกาสเติบโตในอนาคตเช่นเดียวกัน

ส่วน Jitta Ranking เวียดนาม ในระยะ 5-10 ปียังมีโอกาสเติบโต แต่ในอนาคตมีความไม่แน่นอน หากไม่มีธุรกิจใหม่ๆ มาดันดัชนีตลาดหุ้น จะทำให้ศักยภาพส่วนนี้ เวียดนามแพ้สหรัฐฯ และจีนที่มีธุรกิจใหม่ๆ ธุรกิจเทคโนโลยี และมีศักยภาพขยายธุรกิจไปได้ทั่วโลกมากกว่า

Q: จัดพอร์ตลงทุนทั้งหมดใน Jitta Wealth เสี่ยงไปหรือไม่ หากไม่ได้กระจายความเสี่ยงในอสังหาริมทรัพย์และทองคำ กรณีที่เกิดวิกฤตรุนแรงอย่างสงคราม

ประวัติศาสตร์ตลาดหุ้นนับว่าผ่านมาเยอะมาก อย่างตลาดหุ้นสหรัฐฯ  มีการเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปีในระยะยาว ระหว่างหุ้นกับอสังหาริมทรัพย์ แต่ละสินทรัพย์มีคาแรกเตอร์คนละแบบ อย่างอสังหาริมทรัพย์ สภาพคล่องต่ำกว่า แต่เป็นเครื่องมือในการทำ Leverage เพื่อสร้างผลตอบแทนที่สูงขึ้น 

ในปัจจุบันมีการลงทุนผ่าน ETF ทำให้มีโอกาสลงทุนในหุ้นดีๆ รวมไปถึง REIT (Real Estate Investment Trust) และหุ้นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ เพิ่มโอกาสให้คุณได้ส่วนต่างราคาจากการลงทุน (Capital Gain) โดยที่คุณไม่ต้องเสี่ยงไปเลือกซื้ออสังหาริมทรัพย์ในทำเลดีๆ ซึ่งยากกว่ามาก

ทางเลือกที่ดี คือ ETF ที่เป็นการกระจายความเสี่ยงที่ดีพอ แต่ต้องรับความผันผวน เพราะคุณเห็นราคารายวัน ไม่เหมือนอสังหาริมทรัพย์ ดังนั้นโฟกัสที่ผลตอบแทนระยะยาว มั่นใจในคุณภาพสินทรัพย์ที่ยังเติบโตอยู่ 

ส่วนกรณีที่เกิดวิกฤตแรงๆ คือ ทุนนิยมล่มสลาย ตลาดหุ้นเป็นทุนนิยม มีการแข่งขันกัน แต่โอกาสเกิดขึ้นน่าจะน้อยมากๆ เพราะเรารู้ว่า ทุนนิยมขับเคลื่อนเศรษฐกิจดีกว่า ให้รัฐบาลควบคุมได้ในระดับหนึ่ง เชื่อว่า การลงทุนในตลาดหุ้นยังมีโอกาสเติบโตต่อไป แค่ควรเลือกลงทุนในประเทศที่มีศักยภาพ เช่น สหรัฐฯ จีน หรือเวียดนาม อย่าง Jitta Ranking ยังน่าลงทุน หุ้นไทยยังจัดว่า โตช้ากว่าใคร เพราะเศรษฐกิจโตต่ำ แต่การเลือก ‘หุ้นดีราคาถูก’ ทำให้ผลตอบแทนจากหุ้นไทยทำได้ดี แต่อาจจะโตน้อยกว่าตลาดหุ้นอื่นๆ

Q: ถ้า Jitta เข้าตลาดหุ้นได้ Jitta Score จะเท่าไร

ปี 2563 Jitta ปรับอัลกอริทึมการคำนวณหุ้นเทคโนโลยี เนื่องจาก Jitta Score น้อยเมื่อเทียบกับหุ้นดั้งเดิม โดยหุ้นเทคโนโลยีส่วนใหญ่ ไม่ทำกำไร แต่มีกระแสเงินสดเข้ามาเยอะ ด้วยเงื่อนไขการทำบัญชี ทำให้กำไรติดลบ จึงเปลี่ยนรูปแบบการคำนวณ ปรับตัวเลขต่างๆ กำไร รายได้ และกระแสเงินสด เพื่อให้สอดคล้องกับคุณภาพกิจการเทคโนโลยี ซึ่งตัวเลขจริงๆ ไม่แย่

อย่างสตาร์ตอัปเทคโนโลยี เข้าตลาดหุ้นจะมุ่งเน้นการทำกำไรสูงๆ ไว้ก่อน จะทำให้ Jitta Score สูงขึ้นมาได้ แต่ Jitta มีหลักการดำเนินธุรกิจแบบ Jeff Bezos CEO ของ Amazon คือ กำไรเรื่องรอง เน้นเอากำไรไปสร้างประโยชน์ให้ผู้ใช้งานก่อน สร้างระบบนิเวศน์ (Ecosystem) ที่แข็งแรง เพิ่มบริการที่ตอบโจทย์ ซึ่งจะทำให้อีก 10 ปีข้างหน้า รายได้ก็จะโตมากขึ้น เพราะบริการที่ดีพอ จะเป็น Barriers to Entry ที่ใครๆ จะเข้ามาแข่งได้ยาก ดังนั้น Jitta มองในเชิงการสร้างคุณค่ามากกว่าบริษัทอื่นๆ ไม่ได้คำนึงถึงการสร้างกำไรสูงๆ เพียงอย่างเดียว


อ่านบทความจาก Jitta Wealth ที่เกี่ยวข้อง

Exclusive Q&A with CEO อัปเดตการลงทุน Jitta Wealth เดือนตุลาคม

Exclusive Q&A with CEO อัปเดตการลงทุน Jitta Wealth เดือนกันยายน


บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด