ลงทุน Travel Tech ก่อน...ได้เปรียบ

9 มีนาคม 2564ThematicTravel Tech

‘วัคซีน Covid-19’ เปรียบเหมือนแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ต่อลมหายใจให้ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลก

นับจากช่วงปลายปี 2563 ที่ความคืบหน้าของวัคซีนมีมาอย่างต่อเนื่อง และเร่งรัดให้สามารถใช้ได้เป็นการฉุกเฉินทั่วโลก เข้าเดือนที่ 4 เรา มีวัคซีนจาก Pfizer (สหรัฐอเมริกา) Moderna (สหรัฐอเมริกา) AstraZeneca (สหราชอาณาจักร) Sinovac (จีน) Sputnik V (รัสเซีย) และล่าสุด Johnson & Johnson (สหรัฐอเมริกา)

ขณะที่วัคซีนหลายล้านโดสกำลังกระจายไปทั่วทุกมุมโลก แนวคิดเรื่อง ‘วัคซีนพาสปอร์ต’ เริ่มมีการพูดถึงในแต่ละประเทศ เพราะจะเป็นใบเบิกทางให้ผู้คนทั่วโลกกลับมาเดินทางท่องเที่ยวได้อีกครั้ง [1]

นี่ยังไม่รวมแผน Travel Bubble ที่แต่ละประเทศพยายามเจรจาร่วมกัน เพื่อดึงนักท่องเที่ยวสามารถเดินทางเข้าประเทศระหว่างกันได้

ปี 2564 จึงเป็นความคาดหวังของธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลก และมีสัญญาณการฟื้นตัวที่ชัดเจนมากขึ้น

เมื่อผู้คนทั่วโลก...อยากท่องเที่ยว

เมื่อผู้คนทั่วโลก...อยากท่องเที่ยว

Tripadvisor เว็บไซต์ที่ให้ข้อมูลการท่องเที่ยวทั่วโลก ได้เขียนสรุป 5 เทรนด์ของนักท่องเที่ยวปีนี้ จากการสำรวจและสอบถามนักท่องเที่ยวจาก 6 ประเทศ ได้แก่ สหรัฐฯ สหราชอาณาจักร ออสเตรเลีย อิตาลี ญี่ปุ่น และสิงคโปร์ จำนวน 2,330 คน ท่ามกลางวิกฤต Covid-19 ที่ยังคงอยู่ และการกระจายวัคซีนไปทั่วโลก ดังนี้ [2]

Facebook_Square.png

5 เทรนด์ของนักท่องเที่ยวปี 2564 โดย Tripadvisor

1. นักท่องเที่ยวกำลังวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศช่วงครึ่งปีหลังในปี 2564

  • 45% ของนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันกำลังวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศ
  • 11% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดได้จองตั๋วเครื่องบินและที่พักไปแล้ว
  • 30% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดคาดว่า ยังคงไม่ได้ท่องเที่ยวต่างประเทศในปีนี้

2. วัคซีนจะเป็นตัวแปรที่มาสร้างความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว

  • การแพร่กระจายของวัคซีนป้องกัน Covid-19 จะมีผลต่อความเชื่อมั่นของนักท่องเที่ยว และมีอิทธิพลต่อประเทศปลายทางที่นักท่องเที่ยวเตรียมจะเดินทางไป
  • 77% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดคาดว่าจะออกเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ ถ้าได้รับวัคซีน และมีสัดส่วนสูงถึง 86% ที่เตรียมจะท่องเที่ยวในประเทศ
  • 26% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดวางแผนจะเดินทางไปยังประเทศปลายทางที่มีมาตรการฉีดวัคซีนป้องกัน Covid-19 เช่นเดียวกัน

3. เวลาพักร้อนสำหรับการท่องเที่ยวในประเทศยังคงเป็น Wish List ของนักท่องเที่ยวอันดับต้นๆ

  • เกือบ 70% ของผู้ใช้งานเว็บไซต์ได้จองโรงแรมสำหรับท่องเที่ยวในประเทศ โดยช่วงเวลายอดนิยมคือ เดือนพ.ค.-ส.ค.
  • 74% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดวางแผนท่องเที่ยวในประเทศอย่างน้อย 1 คืนในปี 2564 โดย 34% ของนักท่องเที่ยวชาวอเมริกันเตรียมเดินทางไปอย่างน้อย 3 คืน

4. นักท่องเที่ยวจะมีความสุขในการวางแผนท่องเที่ยวมากกว่าที่เคยเป็น เพราะจะใช้เวลามากขึ้น ไปกับการค้นหาทริปบนอินเทอร์เน็ต

  • นักท่องเที่ยวหลายคนได้ใฝ่ฝันถึงช่วงเวลาการพักร้อนครั้งต่อไปมานานกว่า 10 เดือน หลังจากที่ต้องพับแผนการท่องเที่ยวไปเมื่อต้นปี 2563 จึงไม่ใช้เรื่องแปลกถ้าคนเหล่านี้จะใส่ใจกับการวางแผนเที่ยวต่อในปี 2564
  • 74% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดบอกว่า จะใช้เวลามากขึ้นในการค้นหาทริปของปีนี้ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวอเมริกัน มีสูงถึง 65%

5. ผู้คนทั่วโลกต้องการเสพบรรยากาศจากการทานอาหารนอกบ้าน แต่เทรนด์การซื้ออาหารกลับบ้านและบริการเดลิเวอรี่ยังคงอยู่

  • การทานอาหารนอกบ้านจะฟื้นตัวในปีนี้ ตามทิศทางการของอุตสาหกรรมการบริการ แต่ความต้องการซื้ออาหารกลับบ้านและบริการเดลิเวอรี่ก็ไม่ได้ลดลง
  • 47% ของนักท่องเที่ยวทั้งหมดบอกว่า จะใช้เวลาทานอาหารนอกบ้านมากขึ้นในปี 2564 และ 27% บอกว่าจะใช้การซื้ออาหารกลับบ้านมากขึ้น

ผู้คนทั่วโลกกำลังอัดอั้นและต้องการจะออกเดินทางท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก นี่คือสิ่งที่สรุปออกมาได้การสำรวจของ Tripadvisor เพราะแม้ว่าทั่วโลกยังเผชิญกับจำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 ที่ยังคงอยู่ในระดับที่สูง แต่นักท่องเที่ยวทั่วโลกยังคงเชื่อมั่นว่า พวกเขาจะสามารถออกเดินทางได้ในปี 2564

ยิ่งมีความคืบหน้าของวัคซีนป้องกัน Covid-19 และสามารถนำไปใช้ได้จริง ความเชื่อมั่นและความต้องการท่องเที่ยวจึงมีมากขึ้น

เกาะกระแส...ท่องเที่ยวฟื้นตัว

World Travel & Tourism Council (WTTC) คาดการณ์ว่า การจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวทั่วโลกจะฟื้นตัวมากกว่า 111 ล้านตำแหน่งในปี 2564 แนวโน้มที่ดีจะเห็นชัดเจนตั้งแต่เดือนมีนาคมเป็นต้นไป โดยมีปัจจัยเรื่องการฉีดวัคซีนเป็นตัวเร่ง [3]

หรืออย่างน้อยๆ WTTC บอกว่า ปีนี้ก็น่าจะมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวราวาๆ 84 ล้านตำแหน่ง ดังนั้นภาคธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกต่างฝากความหวังไว้กับการฟื้นตัวครั้งนี้

ในปี 2563 WTTC เตือนว่า กว่า 174 ล้านคนทั่วโลกในธุรกิจท่องเที่ยวต้องเผชิญความเสี่ยงและความไม่มั่นคง มีโอกาสตกงานสูงมาก

การเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศทั่วโลกจะเริ่มมีสัญญาณที่ดีในช่วงครึ่งปีหลัง 2564 เช่นเดียวกัน เพราะเมื่อวัคซีน Covid-19 กระจายไปทั่วโลก แต่ละประเทศก็จะลดกำแพงและข้อจำกัดในการเข้าประเทศลง

WTTC บอกว่า ปี 2564 อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกจะมีมูลค่ารวม 7.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ลดลง 17% จากตัวเลขปี 2562 อยู่ที่ 8.9 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ มีสัดส่วนเป็น 10.3% ของจีดีพีโลก

ก่อนที่จะเกิดวิกฤต Covid-19 การจ้างงานในภาคการท่องเที่ยวมีสูงถึง 330 ล้านตำแหน่ง ในปี 2562 คิดเป็น 10.4% ของการจ้างงานทั่วโลก [4]

ถ้าอุตสาหกรรมยังฟื้นตัวได้ไม่มาก มูลค่าในปี 2564 จะอยู่ที่ 6.5 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ

สำหรับ Jitta Wealth ได้มองเห็นถึงโอกาสที่ธุรกิจท่องเที่ยวจะฟื้นตัวตามเศรษฐกิจโลก และหุ้นที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมนี้ กำลังจะกลายเป็นหุ้นวัฏจักร (Cyclical Stock) เป็นขาขึ้นตามภาวะการฟื้นตัวด้วยเช่นเดียวกัน

Jitta Wealth จึงได้เพิ่มธีมใหม่ Travel Tech หรือหุ้นเทคโนโลยีท่องเที่ยว เข้ามาในบริการกองทุนส่วนบุคคล Thematic สำหรับคนที่สนใจธุรกิจที่กำลังฟื้นตัว หลังจากที่จำนวนผู้ป่วยใหม่ Covid-19 กำลังลดลง และวัคซีนกำลังแพร่กระจายไปทั่วโลก

เราจึงได้เลือก ETFMG Travel Tech ETF (AWAY) เป็น ETF ประเภท Thematic Investment แบบเดียวในโลกที่มีพอร์ตลงทุนในหุ้นเทคโนโลยีท่องเที่ยว (Travel Tech)

เมื่อพูดถึงอุตสาหกรรมท่องเที่ยว หลายคนคงนึกถึงธุรกิจโรงแรม รีสอร์ต เช่ายานพาหนะ สายการบิน หรือธุรกิจอื่นๆ

ในความหมายของหุ้น Travel Tech คือ บริษัทที่ใช้เทคโนโลยีเป็นพื้นฐานในธุรกิจท่องเที่ยว เพราะพฤติกรรมของผู้คนปัจจุบันต่างพึ่งพาเทคโนโลยีเพื่อวางแผนท่องเที่ยวทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นการค้นหาทริป การจองตั๋วเครื่องบินและที่พัก รวมทั้งยังใช้สมาร์ตโฟนเป็นเครื่องมือหลักในการค้นหาพิกัดสถานที่และข้อมูลต่างๆ

Tripadvisor ร่วมมือกับ Phocuswright บริษัทที่ทำวิจัยอุตสาหกรรมท่องเที่ยว ยังคาดการณ์ว่า พฤติกรรมออนไลน์ของนักท่องเที่ยวทั่วโลกจะมีสัดส่วนสูงขึ้นเป็น 53% ในปี 2565 จากสัดส่วน 33% ในปี 2553 ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมามีการเติบโต 8% ต่อปี [5]

มุมมองของ AWAY ได้ แบ่งมุมมองของกลุ่ม Travel Tech ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ [6]

  1. Travel Bookings and Reservations จองที่พักและตั๋วเครื่องบิน
  2. Ride Sharing and Hailing แท็กซี่และรถเช่า
  3. Travel Price Comparison เปรียบเทียบราคาที่พัก ตั๋วเครื่องบิน และตั๋วรถโดยสาร
  4. Travel Advice รวบรวมข้อมูลด้านการท่องเที่ยว

AWAY เป็น ETF ที่บริหารพอร์ตลงทุนให้ผลตอบแทนเป็นไปตาม Prime Travel Technology Index เป็นดัชนีวัดผลการดำเนินงานของหุ้นเทคโนโลยีที่อยู่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก

กรอบการลงทุนของ AWAY จะลงทุนในหุ้น Travel Tech ประมาณ 30 บริษัท โดย 10 อันดับแรก ได้แก่ บริษัท Facedrive บริษัท Tripadvisor บริษัท Trivago บริษัท AirBNB บริษัท Sabre บริษัท Trip.com บริษัท On The Beach บริษัท MakeMyTrip บริษัท Expedia และบริษัท Lyft

AWAY เปิดกองเมื่อวันที่ 12 ก.พ. 2563 เพียง 1 เดือนก่อนที่อุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลกเกิดภาวะชะงักงันด้วยวิกฤต Covid-19 แต่ช่วงเวลาที่เหลือของปี 2563 AWAY ทำผลตอบแทนได้ 3.64%

และเพียง 2 เดือนแรกของปี 2564 AWAY ทำผลตอบแทนไปถึง 26.41%

Facebook_Square2.png

หากคุณสนใจลองศึกษาข้อมูลของ ‘ธีมเทคโนโลยีท่องเที่ยว’ ของ Jitta Wealth Thematic ได้ที่ https://jittawealth.com/thematic/TRAVEL-TECH

Disclaimer

กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ซึ่งเป็น WealthTech แห่งแรกของไทยที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์

ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน

อ้างอิง
  1. รู้จัก ‘วัคซีนพาสปอร์ต’ หนังสือเดินทางยุคโควิด-19 บางประเทศเริ่มใช้ แล้วไทยพร้อมหรือยัง https://thestandard.co/vaccine-passport/
  2. Over 100 million global Travel & Tourism jobs could be recovered in 2021 https://wttc.org/News-Article/Over-100-million-global-Travel-and-Tourism-jobs-could-be-recovered-in-2021
  3. ETFMG Travel Tech ETF (AWAY) https://etfmg.com/funds/away/
บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด