จากบทความ Covid-19 ไม่จบ ‘ธีม Travel Tech’ เอาไงต่อดี ทีมงาน Jitta Wealth พาคุณไปส่องภาพรวม ETF (Exchange Traded Fund) ในธีมเทคโนโลยีท่องเที่ยว หรือ Travel Tech อย่าง ETFMG Travel Tech ETF (AWAY)
เปิดต้นปี 2021 สถานการณ์ท่องเที่ยวทั่วโลกทำท่าจะฟื้นตัวได้ดี เพราะกระแสข่าวดีอย่างวัคซีน Covid-19 มีความคืบหน้ามาตลอด ราคาหุ้นใน ETF ปรับตัวขึ้นรับกระแสคลายล็อกดาวน์ เปิดเมือง เปิดประเทศ
แต่ใครจะคาดคิดว่า…เชื้อไวรัส Covid-19 กลายพันธุ์ได้ ทำให้วัคซีนที่พัฒนาขึ้นมา…เผชิญกับคำถามที่ว่า ป้องกันได้หรือเปล่า
ไม่เพียงเท่านั้น…รัฐบาลหลายๆ ประเทศประกาศมาตรการล็อกดาวน์ซ้ำแล้วซ้ำอีก ธุรกิจการท่องเที่ยวหวังจะลืมตาอ้าปากกันได้ในปี 2564 กลับต้องเผชิญความยากลำบากอีกครั้ง
จึงเป็นที่มาให้ช่วงไตรมาสที่ 2 และ 3 ราคา AWAY รวมไปถึงราคาหุ้นไส้ในเป็นขาลงอีกครั้ง ซึ่งเป็นปัจจัยภายในของธีม Travel Tech
แต่รายงานงบการเงินไตรมาสที่ 3 ของหุ้นใน AWAY มีรายได้เติบโตขึ้น พลิกกลับมามีกำไร บางบริษัทมีรายได้เทียบเท่าก่อนเกิด Covid-19 ซึ่งทีมงาน Jitta Wealth พาคุณไปส่องงบการเงินของ 7 บริษัทมาแล้ว
นอกจากนี้เรายังได้รวบรวมคาดการณ์รายได้รวมของบริษัทใน AWAY ช่วง 2564-2566 จะเห็นได้ว่า มีการเติบโตอย่างสดใส เพราะโลกมีทั้งวัคซีนป้องกันและยารักษาโรค Covid-19 ที่จะกลายเป็นโรคประจำถิ่นในที่สุด
บทความนี้เราจะพาคุณไปส่องสถานการณ์ท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งเป็นปัจจัยภายนอกว่า หลังจากที่ทั่วโลกควบคุม Covid-19 ได้แล้ว ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยวจะไปในทิศทางไหน จะกลับไปเทียบเท่าก่อนเกิดโรคระบาดได้หรือไม่
และปัจจัยภายนอกนี้แหละ ที่จะสนับสนุนโอกาสเติบโตของธีม Travel Tech และ AWAY ในอนาคต
หากสถานการณ์ Covid-19 ดีขึ้น สิ่งแรกที่คุณอยากทำคืออะไร… เชื่อว่าคำตอบแรกของหลายๆ คน คงหนีไม่พ้นการได้ออกเดินทางท่องเที่ยวอีกครั้ง
สะท้อนว่า การท่องเที่ยวยังเป็นที่ต้องการ เหมือนเป็น Pent-up Demand (ความต้องการที่อั้นไว้) เมื่อ Covid-19 คลี่คลาย อุตสาหกรรมท่องเที่ยวก็ต้องกลับมา และธีม Travel Tech รับอานิสงส์จากการฟื้นตัวทั่วโลกเช่นเดียวกัน
ไม่เพียงเท่านั้น เมื่อพฤติกรรมของผู้คนทั่วโลกผูกติดกับเทคโนโลยีและโลกออนไลน์…ธีม Travel Tech ย่อมตอบสนองเทรนด์นี้ และกำลังมีอิทธิพลมากขึ้น เมื่อเทียบกับการท่องเที่ยวแบบเดิมๆ
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดอย่าง Airbnb ทางเลือกที่พักรูปแบบใหม่ เป็นการเข้าพักตามบ้านของคนในพื้นที่ จองผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ที่มีราคาถูกกว่าโรงแรมและรีสอร์ต แถมได้รับประสบการณ์ที่ใกล้ชิดกับคนพื้นที่อีกด้วย
แต่ธุรกิจท่องเที่ยวแบบเดิมๆ ก็ไม่ยอมให้ตัวเองถูกดิสรัป กลับมองว่า Travel Tech จะสามารถส่งเสริมและต่อยอดให้ธุรกิจท่องเที่ยวเติบโตไปได้อีก เพราะ Travel Tech จะเข้ามาช่วยอำนวยความสะดวกในการเดินทางท่องเที่ยว จองตั๋ว จองที่พัก และข้อมูลสถานที่ท่องเที่ยว
เมื่อเจอกับอิทธิพลของสังคมไร้เงินสด ยิ่งส่งเสริมให้ธุรกิจท่องเที่ยวหันหน้าเข้าสู่แพลตฟอร์มออนไลน์มากขึ้น เพราะง่ายและสะดวกสบาย ดังนั้นอุตสาหกรรมท่องเที่ยวและ Travel Tech จะสามารถโตไปพร้อมๆ กันได้ และช่วยส่งเสริมซึ่งกันและกัน
ตัวแปรแรก คือ วัคซีนป้องกันและยารักษา Covid-19 โดย TripAdvisor บอกว่า ผู้คนทั่วโลกมีแผนท่องเที่ยวเอาไว้ แต่วัคซีนจะเป็นตัวแปรสำคัญที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับนักท่องเที่ยว
แสดงให้เห็นว่า นโยบายการฉีดวัคซีนของแต่ละประเทศ รวมไปถึงนวัตกรรมทางการแพทย์ต่างๆ ที่ถูกพัฒนาเพื่อจัดการกับโรคระบาด Covid-19 ในรอบ 1 ปีที่ผ่านมา มีความคืบหน้าเป็นอย่างมาก เช่น
ตัวแปรที่สอง คือ อัตราการฉีดวัคซีนทั่วโลก รายงานจาก Financial Times ระบุว่า มีการฉีดวัคซีนป้องกัน Covid-19 ไปแล้วมากกว่า 7,680 ล้านโดสทั่วโลก และข้อมูลจาก Our World in Data ระบุว่า มากกว่า 52% ของประชากรโลกได้รับวัคซีนไปแล้วในโดสแรก คิดเป็นอัตราการฉีดกว่า 31.22 ล้านโดสต่อวัน
ตัวแปรที่สาม คือ แผนการเปิดประเทศของแต่ละประเทศ เพื่อฟื้นฟูอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวอีกครั้ง แผนนี้จะเกิดขึ้นก็ต่อเมื่อรัฐบาลแต่ละประเทศเร่งฉีดวัคซีนวัคซีน เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันหมู่ และเตรียมความพร้อม มาตรการรักษาสุขอนามัยแบบ New Normal
เมื่อมั่นใจว่า จะควบคุมการแพร่ระบาดได้…การเปิดพรมแดนต้อนรับนักท่องเที่ยวจากทั่วโลกจึงตามมา แม้จะยังมีเงื่อนไขมากมายที่นักท่องเที่ยวต้องปฏิบัติตาม ส่วนความเคลื่อนไหวของแต่ละประเทศ เช่น
นี่เป็นแค่ตัวอย่างบางประเทศ และยังมีอีกหลายๆ ประเทศที่เริ่มผ่อนปรนเงื่อนไขการเดินทางจากต่างประเทศ เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยวและเศรษฐกิจของตัวเอง
อย่าลืมว่า…ผู้คนทั่วโลกแทบจะไม่ได้เที่ยวและออกเดินทางมานานเกือบ 2 ปี ความอัดอั้นนี่ต่างหากที่พร้อมจะปะทุได้ทุกเมื่อ และเป็นโอกาสครั้งสำคัญต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก…และธีม Travel Tech
เป็นคำถามที่คาดการณ์ได้ยาก หรือประมาณการเป็นเวลาที่แน่ชัดไม่ได้ เพราะตอนที่วัคซีนพัฒนาสำเร็จและเริ่มกระจายไปทั่วโลก Covid-19 ยังกลายพันธุ์ได้…และรุนแรงกว่าเดิม ซึ่งเป็นเหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันและเกิดขึ้นได้เสมอ
The Economist ได้เผยแพร่ 10 เทรนด์ของโลกที่น่าจับตามองในปี 2565 และ 1 ใน 10 เทรนด์นั้น คือ โรคระบาดใหญ่ที่กลายเป็นโรคประจำถิ่น ดังนั้นสิ่งที่ต้องพัฒนาตามมา คือ คุณจะได้เห็นยาและวัคซีนชนิดใหม่ๆ ระบบภูมิคุ้มกันที่พัฒนามากขึ้น เพื่อต้านทานโรคร้าย ทำให้ไวรัส Covid-19 จะไม่เป็นอันตรายต่อชีวิตผู้คนทั่วโลกอีกต่อไป
นอกจากนี้กูรูในแวดวงการแพทย์และสาธารณสุข ให้ความเห็นคล้ายๆ กันว่า สถานการณ์ Covid-19 จะจบลงได้ภายใน 1 ปี
CEO ของ Moderna ให้ความเห็นว่า การขยายกำลังการผลิตวัคซีนในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา ทำให้บริษัทมีปริมาณวัคซีนที่เพียงพอไปจนถึงในกลางปี 2565 เพื่อทุกคนบนโลกจะได้รับการฉีดวัคซีนที่ทั่วถึง รวมไปถึงเริ่มมีการพัฒนาวัคซีนสำหรับเด็กเล็ก มั่นใจว่า เมื่อถึงเวลานั้นจะทำให้เกิดภูมิคุ้มกันหมู่จากธรรมชาติ
นักวิทยาศาสตร์มากมายให้ความเห็นตรงกันว่า Covid-19 จะกลายเป็นเพียงไข้หวัดใหญ่ธรรมดาในฤดูใบไม้ผลิปี 2565 ซึ่งภูมิคุ้มกันของคนจะพัฒนาได้เร็วจากการฉีดวัคซีน เพื่อต่อต้านไวรัสมากขึ้น แต่พวกเขายังคาดการณ์ด้วยว่า การแพร่กระจายของไวรัสจะยังสูงอยู่
แต่ในต่างประเทศ ยังต้องเผชิญความท้าทายในช่วงฤดูหนาวนี้ ศาสตราจารย์ Neil Ferguson ให้ความเห็นว่า สถานการณ์โรคระบาดดีกว่าเมื่อ 6 เดือนก่อนมาก หวังว่า จะผ่านฤดูหนาวนี้ไปได้ ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่การแพร่ระบาดเกิดง่ายขึ้น
ด้านศาสตราจารย์ Dame Sarah Gilbert อยู่ในทีมพัฒนาวัคซีน AstraZeneca กล่าวว่า ไวรัส Covid-19 มีแนวโน้มที่จะอ่อนแอลงในอนาคต เมื่อแพร่กระจายไปทั่วและผู้คนได้รับวัคซีนกันถ้วนหน้า ดังนั้นหลังฤดูหนาวสายพันธุ์ของ Covid-19 สามารถอ่อนแอลงได้
Evolve ผู้ให้บริการที่พักให้เช่า (Vacation Rental) ทำสำรวจจากผู้ทำแบบทดสอบกว่า 5,000 คนที่ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับอนาคตการท่องเที่ยว เป็นการคาดการณ์แนวโน้มของการเดินทางในปี 2565 โดยระบุว่า ต่อให้มีความไม่แน่นอนของโรคระบาด ก็มีเพียง 4% ของผู้ตอบแบบสอบถามเท่านั้นที่ไม่วางแผนการเดินทางเลย
Evolve แม้อุตสาหกรรมการท่องเที่ยวจะยังอยู่ในช่วงฟื้นตัว มีความไม่แน่นอน แต่การเดินทางท่องเที่ยวไม่ได้หายไปไหน แต่มีโอกาสเติบโตต่อได้ และธุรกิจที่พักให้เช่า จะมีขยายตัวได้ดีมากในช่วง 18 เดือนที่ผ่านมา
นอกจากนี้ Moody’s Investors Service คาดว่า การท่องเที่ยวในปี 2565 จะไม่ใช่แค่การเดินทางเพื่อพักผ่อนหย่อนใจเท่านั้น แต่จะมีการเดินทางเพื่อธุรกิจเพิ่มขึ้น
ข้อมูลจาก Smartvel เว็บไซต์ข้อมูลอุตสาหกรรมท่องเที่ยว พิจารณาแนวโน้มและค่านิยมในปี 2565 ว่า นักท่องเที่ยวจะใช้เทคโนโลยีเพื่อการเดินทางมากขึ้น บริษัทท่องเที่ยวเห็นเทรนด์นี้เช่นเดียวกัน และลงทุนนำเทคโนโลยีมาใช้การดำเนินธุรกิจ และประเมินว่า เทคโนโลยี Augmented Reality (AR) และ Virtual Reality (VR) จะมีบทบาทมากขึ้น หลัง Covid-19 เช่น การเข้าชมห้องตัวอย่างในพิพิธภัณฑ์ หรือสถานที่ท่องเที่ยวเสมือนจริง
เทรนด์ใหม่ๆ รวมไปถึง Metaverse มีแนวโน้มเข้ามาซัปพอร์ตเหล่านักเดินทางและธุรกิจท่องเที่ยวมากขึ้น และไม่แน่ว่า คุณอาจจะได้เห็นบริษัทหรือสตาร์ตอัปเทคโนโลยีท่องเที่ยวเกิดใหม่มากขึ้นในอนาคต
นี่คือ สรุปภาพอุตสาหกรรมท่องเที่ยวที่กำลังจะฟื้นตัว ขานรับกับสถานการณ์ Covid-19 ที่กำลังจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้น เพื่อที่คุณจะพิจารณาและตัดสินใจได้ว่า ‘ธีม Travel Tech’ ยังน่าลงทุนและมีโอกาสเติบโตต่อหรือไม่
ที่ผ่านมา เราไม่ปฏิเสธภาพขาลงและความไม่แน่นอนของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวทั่วโลก ที่เผชิญกับสถานการณ์ Covid-19 มาตลอดเกือบ 2 ปี ทำให้ราคาและผลตอบแทนของ AWAY เจอความผันผวน
คุณอาจจะกลับมาคิดในทางกลับกันได้ว่า AWAY ลงทุนในบริษัทที่พัฒนาและใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ในธุรกิจท่องเที่ยว ซึ่งเป็นพฤติกรรมของผู้คนทั่วโลก และมีแนวโน้มที่สัดส่วนผู้ใช้งานออนไลน์จะเติบโตมากขึ้นในอนาคต เมื่อการท่องเที่ยวทั่วโลกฟื้นตัว ผู้คนเริ่มออกเดินทางได้ ธีม Travel Tech จะยังมีบทบาทต่อนักท่องเที่ยวทั่วโลกอยู่หรือไม่…คุณน่าจะได้คำตอบแล้ว
คุณสามารถเข้าศึกษาเพิ่มเติมในเว็บไซต์หรือสอบถามเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ที่ Line ID: @JittaWealth
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ผู้บุกเบิกสตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01
ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
Covid-19 ไม่จบ ‘ธีม Travel Tech’ เอาไงต่อดี