โอกาสลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ อยู่ที่ไหนบ้าง

16 กันยายน 2564Jitta WealthThematic

หากใครเริ่มต้นลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ในช่วง 1-3 ปีที่ผ่านมา จะเห็นพอร์ตเติบโตเป็นตัวเลข 2 หลักต่อปี

ยิ่งในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา ผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นอินเดียผ่านกองทุนและ ETF (Exchange Traded Fund) เติบโตมากกว่า 30-50% เลยทีเดียว

ก่อนหน้านี้ Jitta Wealth ได้ส่ง 2 บทความ คือ 4 เหตุผลที่ควรมี ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ติดพอร์ต

และ ส่อง 10 บริษัทที่ดัน ‘ETF ตลาดหุ้นอินเดีย’ โต 50% ใน 1 ปี ซึ่งได้ฉายภาพความน่าสนใจของเศรษฐกิจอินเดียในระดับมหภาคและโอกาสเติบโตของหุ้นอินเดียในระดับจุลภาค

แม้ว่า อินเดียจะเผชิญวิกฤต Covid-19 อย่างหนัก 2 รอบในช่วง 1 ปีที่ผ่านมา แต่กลายเป็นว่า เศรษฐกิจของอินเดียไม่ได้ทรุดหนักมากนัก ขณะที่ดัชนีตลาดหุ้นยังพุ่งขึ้น สวนทางการแพร่ระบาด

หากคุณเริ่มสนใจลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ Jitta Wealth จะพาคุณไปส่องโอกาสการลงทุนผ่าน ETF โดยตรง และผ่านกองทุนรวมประเภท Feeder Fund  ผ่าไส้ในดูเลยว่า แต่ละกองทุนนั้นลงทุนในหุ้นกลุ่มอุตสาหกรรมใดบ้าง และผลตอบแทนเป็นอย่างไรในช่วงที่ผ่านมา 

Jitta Wealth

ลงทุน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ผ่าน ETF โดยตรง

Jitta Wealth มีกองทุนส่วนบุคคล Thematic มีให้เลือกลงทุนธีมตลาดหุ้นอินเดียผ่าน WisdomTree India Earnings Fund (EPI) โดยตรง เป็น ETF แบบ Passive Fund ลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ให้ผลตอบแทนไปในทิศทางเดียวกับดัชนี WisdomTree India Earnings Index

EPI ลงทุนในบริษัททุกขนาดกว่า 300 บริษัทอยู่ในตลาดหุ้นอินเดีย โดยจะคัดหุ้นจากผลประกอบการวัดจากความสามารถในการทำกำไร และเป็นที่พื้นฐานดี วัดจากมูลค่าหุ้น โดย EPI ลงทุนไปตามกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้

  • การเงิน (Financials) 26%
  • เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) 20%
  • วัตถุดิบ (Materials) 15%
  • พลังงาน (Energy) 10%
  • สาธารณูปโภค (Utilities) 9%

EPI มีผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ +76.71% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ +40.80% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ +55.50% และผลตอบแทน 8 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ +24.93% ณ 31 สิงหาคม 2564 

EPI มีมูลค่า AUM (Assets Under Management) อยู่ที่ 1,130 ล้านดอลลาร์สหรัฐ และค่าธรรมเนียม Expense Ratio อยู่ที่ 0.84% 

คุณสามารถจัดพอร์ต Thematic ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 100,000 บาท เป็นการลงทุนในสินทรัพย์ต่างประเทศโดยตรง เลือกธีมที่สนใจได้สูงสุดถึง 5 ธีมในพอร์ตเดียว เช่น ธีมตลาดหุ้นสหรัฐฯ (SCHX) ธีมตลาดหุ้นจีน (MCHI) ธีมตลาดหุ้นอินเดีย (EPI) และธีมตลาดหุ้นเวียดนาม (VNM) เพื่อกระจายความเสี่ยงในตลาดหุ้นทุกกลุ่ม หรือจัดพอร์ตตามความชื่นชอบในธุรกิจเมกะเทรนด์ เช่น ฟินเทค คลาวด์ อีคอมเมิร์ซ จีโนมิกส์ หรือเทคโนโลยีท่องเที่ยว

คุณสามารถศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่  https://jittawealth.com/thematic/MARKET-INDIA หรือสอบถามเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ที่ Line ID: @JittaWealth

ลงทุน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ผ่านกองทุนรวมแบบ Feeder Fund

โอกาสลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ มีมากมาย ทั้งทางตรงแบบกองทุนส่วนบุคคล Thematic และทางอ้อมผ่านกองทุนรวมต่างประเทศ (Foreign Investment Fund – FIF) ที่เป็น Feeder Fund ลงทุนในกองทุนหรือ ETF ในต่างประเทศเพียงกองเดียว เป็นอีกทางเลือกที่ง่ายและใช้เงินลงทุนไม่มากนัก

ทีมงาน Jitta Wealth ได้ไปสำรวจ FIF ที่ลงทุนในตลาดหุ้นอินเดีย พบว่ามีประมาณ 20 กองทุน โดยเราได้คัดเลือกมา 5 กองทุนที่มีมูลค่า AUM สูงที่สุด และเจาะลึกลงในแต่ละกองทุน ดังนี้

กองทุนรวม K-INDIA 

กองทุนรวมที่ลงทุนใน BGF India Fund D2 USD เป็นกองทุนหลัก โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี MSCI India TR Net 10/40 Index เป็น Active Fund โดยลงทุนกระจายตามกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้ 

  • การเงิน (Financials) 36%
  • เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) 18%
  • อุตสาหกรรม (Industrials) 10%
  • สินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) 7%
  • พลังงาน (Energy) 7%

K-INDIA มีผลตอบแทนย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ +17.54% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ +15.63% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ +36.72% และผลตอบแทน 8 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ +14.69% ณ 31 สิงหาคม 2564 

K-INDIA มีมูลค่า AUM อยู่ที่ 1,487 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม Expense Ratio อยู่ที่ 1.24%

กองทุนรวม B-BHARATA 

กองทุนรวมที่ลงทุนใน RAMS Equities Portfolio Fund – India Equities Portfolio Fund เป็นกองทุนหลัก โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี MSCI India Index เป็น Active Fund โดยลงทุนกระจายตามกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้

  • การเงิน (Financials) 29%
  • เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) 18%
  • วัตถุดิบ (Materials) 12%
  • อุตสาหกรรม (Industrials) 10%
  • สินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) 7%

B-BHARATA ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ +50.87% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ +57.67% และผลตอบแทน 8 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ +36.16% ณ 31 สิงหาคม 2564 

B-BHARATA มีมูลค่า AUM อยู่ที่ 910 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม Expense Ratio อยู่ที่ 1.18%

กองทุนรวม KT-INDIA-A

กองทุนรวมที่เน้นลงทุนใน Invesco India Equity Fund เป็นกองหลัก โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี MSCI India 10-40 Index เป็น Active Fund โดยลงทุนกระจายตามกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้

  • การเงิน (Financials) 34%
  • เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) 22%
  • สินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) 10%
  • บริการสุขภาพ (Healthcare) 9%
  • สินค้าจำเป็น (Consumer Staples) 9%

KT-INDIA-A ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ +32.04% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ +49.28% และผลตอบแทน 8 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ +22.62% ณ 31 สิงหาคม 2564 

KT-INDIA-A มีมูลค่า AUM อยู่ที่ 682 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม Expense Ratio อยู่ที่ 1.13%

กองทุนรวม KF-INDIA

กองทุนรวมที่เน้นลงทุนใน FSSA Indian Subcontinent Fund เป็นกองทุนหลัก โดยให้ผลตอบแทนสูงกว่าดัชนี MSCI India Index เป็น Active Fund โดยลงทุนกระจายตามกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้

  • การเงิน (Financials) 22%
  • สินค้าจำเป็น (Consumer Staples) 21%
  • อุตสาหรรม (Industrials) 11%
  • สินค้าฟุ่มเฟือย (Consumer Discretionary) 10%
  • เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) 9%

KF-INDIA ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ +25.57% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ +43.05% และผลตอบแทน 8 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ +23.35% ณ 31 สิงหาคม 2564 

KF-INDIA มีมูลค่า AUM อยู่ที่ 442 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม Expense Ratio อยู่ที่ 1.01%

กองทุนรวม SCBINDIA

กองทุนรวมที่เน้นลงทุนใน iShares India 50 ETF เป็นกองทุนหลัก โดยให้ผลตอบแทนไปเป็นตามดัชนี NIFTY50 เป็น Passive Fund โดยลงทุนกระจายตามกลุ่มอุตสาหกรรม ดังนี้

  • การเงิน (Financials) 37%
  • เทคโนโลยีสารสนเทศ (Information Technology) 17%
  • พลังงาน (Energy) 12%
  • วัตถุดิบ (Materials) 8%
  • สินค้าจำเป็น (Consumer Staples) 8%

SCBINDIA มีผลตอบแทบย้อนหลัง 5 ปี อยู่ที่ +45.04% ผลตอบแทนย้อนหลัง 3 ปี อยู่ที่ +28.78% ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี อยู่ที่ +41.85% และผลตอบแทน 8 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ +20.53% ณ 31 สิงหาคม 2564 

SCBINDIA มีมูลค่า AUM อยู่ที่ 402 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม Expense Ratio อยู่ที่ 1.14%

นี่คือ 1 ETF 5 กองทุนรวมที่ลงทุนใน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ที่ทีมงาน Jitta Wealth ได้รวบรวมมาเป็นข้อมูลให้คุณไว้พิจารณา เพื่อคว้าโอกาสในช่วงที่ดัชนีตลาดหุ้นอินเดียกำลังเป็นขาขึ้นไปตามวัฏจักรเศรษฐกิจและการฟื้นตัวหลัง Covid-19 คลี่คลาย

อย่างไรก็ตาม การลงทุนใน ETF โดยตรงผ่าน Jitta Wealth หรือลงทุนหุ้นอินเดียผ่านกองทุนรวมแบบ Feeder Fund ล้วนมีจุดเด่นจุดด้อยที่ต่างกัน โดยเฉพาะเรื่องค่าธรรมเนียมอื่นๆ นอกเหนือจาก Expense Ratio

สำหรับกองทุนส่วนบุคคล Thematic มีค่าธรรมเนียมการจัดการ (Management Fee) 0.5% ต่อปี ค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ (Trading Commission) 0.2% และค่าธรรมเนียมรับฝากทรัพย์สิน (Custodian Fee) 0.1% ต่อปี หรือขั้นต่ำ 80 บาทต่อเดือน นอกจากนี้ยังมีค่าธรรมเนียมโอนเงินไปต่างประเทศ 500 บาทครั้งเดียว และค่าธรรมเนียมโอนเงินลงทุนกลับไทย 1,000 บาทต่อครั้งต่อพอร์ต  

หากคุณลงทุนกับกองทุนรวม จะมีค่าธรรมเนียมจากการขายหน่วยลงทุน (Front-end Fee) โดยจะถูกบวกเข้าไปกับมูลค่าหน่วยลงทุนเมื่อซื้อ และค่าธรรมเนียมการรับซื้อคืนหน่วยลงทุน (Back-end Fee) โดยจะถูกหักจากเงินที่ได้รับจากการขาย รวมไปถึงค่าธรรมเนียมซื้อขายหลักทรัพย์ ซึ่งคุณควรศึกษาหนังสือชี้ชวนของกองทุนรวมก่อนจะเริ่มลงทุน

ทีมงาน Jitta Wealth หวังว่า บทความนี้จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกลงทุน ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ได้ง่ายขึ้นกว่า คุณจะมีคำตอบในใจแล้วว่า สินทรัพย์แบบไหนถูกจริตของคุณมากที่สุด ลงทุนเพื่อรอรับผลตอบแทนที่งอกเงยในระยะยาว


กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ผู้บุกเบิกสตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01

ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน


อ้างอิง

  1. K-INDIA กองทุนเปิดเค อินเดีย หุ้นทุน https://www.kasikornasset.com/th/mutual-fund/fund-template/Pages/K-INDIA.aspx
  2. กองทุนเปิดบัวหลวงภารตะ โอกาสลงทุนที่มาพร้อมกับการปฏิรูปเศรษฐกิจครั้งใหม่ https://www.bangkokbank.com/th-TH/Personal/Save-And-Invest/Mutual-Funds/Foreign-Investment-Funds/B-BHARATA
  3. กองทุนเปิดเคแทม อินเดีย อิควิตี้ ฟันด์ (ชนิดสะสมมูลค่า) (KT-INDIA-A) https://www.ktam.co.th/fif-fund-detail.aspx?IdF=30
  4. กรุงศรีอินเดียอิควิตี้ (KF-INDIA) https://www.krungsriasset.com/TH/FundDetail.aspx?fund=KF-INDIA
  5. กองทุนเปิดไทยพาณิชย์ หุ้นอินเดีย (ชนิดจ่ายเงินปันผล) https://www.scbam.com/th/fund/morningstar/fund-information/scbindia
  6. WisdomTree India Earnings Fund (EPI) https://www.wisdomtree.com/etfs/equity/epi
  7. WisdomTree India Earnings Index (WTIND) https://www.wisdomtree.com/index/wtind
  8. Passive Way ETF มีอะไรบ้าง พร้อมชี้เป้า ETF น่าสนใจ https://passiveway.com/types-of-etf/

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

4 เหตุผลที่ควรมี ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ติดพอร์ต

ส่อง 10 บริษัทที่ดัน ‘ETF ตลาดหุ้นอินเดีย’ โต 50% ใน 1 ปี


บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด