สรุป Live: ลงทุน ETF ระดับโลก เริ่มต้นแค่ 100,000 บาท [Jitta Wealth x Wealth Me Up]

7 พฤษภาคม 2564Global ETFJitta RankingJitta WealthThematic

ไฮไลท์

  1. ‘หุ้น’ และ ‘ETF’ ต่างประเทศ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีได้ แต่สินทรัพย์ทั้ง 2 ตัวมีคาแรกเตอร์แตกต่างกัน ETF ลูกผสมระหว่างหุ้นกับกองทุนรวม ลงทุนในสินทรัพย์ตามนโยบายที่กำหนดไว้ ส่วนใหญ่ลงทุนแบบ Passive เน้นให้ผลตอบแทนไปตามดัชนีอ้างอิง ความเสี่ยงน้อยกว่าหุ้น ขณะที่หุ้นเป็นตัวแทนของกิจการ ตัวชี้วัด คือ งบการเงิน ผลประกอบการ มีความซับซ้อน ต้องหาข้อมูลเยอะ ถ้ามีทักษะในการเลือกหุ้น สามารถไปลงทุนเองได้ 
  2. Global ETF มีหลักการลงทุน คือ กระจายความเสี่ยงได้ทั่วโลก ในความเสี่ยงที่คุณเลือกได้ มีผลตอบแทนชัดเจน เหมาะกับนักลงทุนทุกกลุ่ม รับความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ ปานกลาง และสูง เป็นพอร์ตสำหรับวางแผนการเงินระยะยาว 
  3. Thematic พอร์ตลงทุนมาแรง ‘ธีมการลงทุน’ ในธุรกิจเมกะเทรนด์ อุตสาหกรรมที่ยังเติบโต หรือตลาดหุ้นอนาคตไกล ลงทุนใน ETF หุ้นที่มีความเสี่ยงมากขึ้น ผลตอบแทนตามทิศทางตลาด แต่ละปีจะมีธีมที่โตโดดเด่นแตกต่างกัน จัดพอร์ตตั้งแต่ 1-5 ธีม จาก 14 ธีม สามารถลงทุนระยะยาวได้
  4. Jitta Ranking ลงทุน ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ตามสไตล์ Warren Buffett นำหลักการวิเคราะห์งบการเงินมาออกแบบแพลตฟอร์ม Jitta คัดสรรหุ้นดี 30 อันดับแรกด้วย AI มาจัดพอร์ตลงทุน กระจายความเสี่ยงให้ครบ เน้นให้ผลตอบแทนชนะดัชนีตลาด มีให้ลงทุน 3 ประเทศ ไทย เวียดนาม และสหรัฐฯ รวมทั้งหุ้นรายตัวอย่างเทคโนโลยีสหรัฐฯ

ดูวิดีโอย้อนหลัง

สรุปเนื้อหา Live

คุณเผ่า ตราวุทธิ์ เหลืองสมบูรณ์ CEO จาก Jitta Wealth ได้มีโอกาส Live สดร่วมกับ Wealth Me Up ในรายการลงทุนนิยม EP.85 เป็น Special Series ลงทุนหุ้นต่างประเทศ ในหัวข้อ ‘ลงทุน ETF ระดับโลก เริ่มต้นแค่ 100,000 บาท’ ดำเนินรายการโดยคุณเฟิร์น ศิรัถยา อิศรภักดี

Jitta Wealth ขอขอบคุณการรับชม จากทั้ง Live สด และดูวิดีโอย้อนหลัง จากช่องทางของ Jitta Wealth และ Wealth Me Up ด้วย 

คุณเผ่า บอกว่า การลงทุนต่างประเทศไม่ใช่เรื่องใหม่ของนักลงทุนไทย เพราะหลายคนเริ่มเห็นโอกาสเติบโตจากตลาดต่างประเทศ ที่สร้างผลตอบแทนได้ดี และมีสินทรัพย์ทางการเงินที่หลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นหุ้นและ ETF (Exchange Traded Fund) นักลงทุนไทยจึงให้ความสนใจสินทรัพย์เหล่านี้มาก

“หุ้นรายตัวต่างประเทศ มีความเสี่ยงสูง ถ้าศึกษาหาข้อมูลดี เลือกลงทุนหุ้นถูกตัว ก็ได้ผลตอบแทนสูงกว่า แต่ถ้าไม่อยากรับความเสี่ยงอะไรมาก ก็กองทุนรวมต่างประเทศ แต่ก็มีค่าธรรมเนียมสูง ซึ่งส่วนใหญ่กองทุนรวมต่างประเทศ ก็เอาเงินไปลงทุนใน ETF ต่างประเทศอีกที”

“ETF คือลูกผสมระหว่างกองทุนรวมกับหุ้น ความเสี่ยงลดลง ยิ่งในสหรัฐฯ มี ETF เยอะมาก ซื้อง่าย ขายคล่อง แต่ถ้าจะไปลงทุนต่างประเทศเอง ก็มีข้อจำกัดเรื่องเวลาซื้อขาย เวลาต่างกัน โบรกเกอร์มีค่าธรรมเนียมขั้นต่ำ อาจจะไม่คุ้ม ถ้ามีเงินลงทุนไม่มาก” 

คุณเผ่าได้พูดถึงบริการกองทุนส่วนบุคคลจาก Jitta Wealth ที่ปัจจุบันมีให้เลือกจัดพอร์ตลงทุนได้ 3 แบบ ที่มีให้เลือกตามระดับความเสี่ยงของแต่ละสินทรัพย์ ทั้ง ETF และหุ้นต่างประเทศ ได้แก่ Global ETF Thematic และ Jitta Ranking

Global ETF ลงทุนสินทรัพย์ทั่วโลก ผลตอบแทนยั่งยืน 

ภายใต้คอนเซ็ปต์ที่ว่า มีเงินลงทุนเริ่มต้น 100,000 บาท ลงทุนสินทรัพย์ได้ทั้งโลก มีผลตอบแทนที่แน่นอน Global ETF จึงมาในรูปแบบการจัดพอร์ตลงทุนโดยใช้หลักการ Modern Portfolio Theory นำ 2 ตัวแปรสำคัญ คือ การจัดสรรสินทรัพย์ (Asset Allocation) และการกระจายความเสี่ยง (Diversification) มาเป็นเงื่อนไขในการจัดพอร์ตลงทุน 

จุดเด่นของหลักการ Modern Portfolio Theory คือ ยังไม่มีกองทุนไหนในไทย นำทฤษฎีนี้มาใช้ โดย Jitta Wealth เลือกสินทรัพย์ที่มีคาแรกเตอร์แตกต่างกันระหว่าง ‘ตราสารหนี้’ กับ ‘หุ้น’ ซึ่งมีความเสี่ยงและผลตอบแทนที่แตกต่างกัน และจัดพอร์ตลงทุนผ่าน ETF พันธบัตรและหุ้นกู้คุณภาพดีในสหรัฐฯ หุ้นในประเทศที่พัฒนาแล้ว และหุ้นในประเทศเกิดใหม่ที่มีโอกาสเติบโต โดยเลือกลงทุนตามความเสี่ยงที่รับได้และผลตอบแทนที่คาดหวัง จาก 3 แผน ได้แก่

  • พอเพียง ผลตอบแทนคาดหวัง 4% ต่อปี ความผันผวนขาลงที่รับได้ -5% จัดพอร์ตลงทุน ตราสารหนี้ 80% และหุ้น 20%
  • สมดุล ผลตอบแทนคาดหวัง 6% ต่อปี ความผันผวนขาลงที่รับได้ -10% จัดพอร์ตลงทุน ตราสารหนี้ 50% และหุ้น 50%
  • เติบโต ผลตอบแทนคาดหวัง 8% ต่อปี ความผันผวนขาลงที่รับได้ -15% จัดพอร์ตลงทุน ตราสารหนี้ 20% และหุ้น 80%

ตราสารหนี้จะเป็นสินทรัพย์ที่มาลดความเสี่ยงของพอร์ตลงทุน เช่น ช่วงเวลาที่หุ้นตก หลายคนกลัว รีบขายหุ้นไปก่อน ทั้งๆ ที่เป็นจังหวะที่ควรซื้อ เพราะฟากของตราสารหนี้ยังคงมีผลตอบแทนที่ดี สวนทางช่วงที่หุ้นขาลง

แนวคิดการปรับพอร์ตลงทุนของ Global ETF อย่างแผนเติบโต เมื่อสัดส่วนของหุ้นลดลงอย่างน้อย 5% ระบบจะขายตราสารหนี้อัตโนมัติ นำเงินมาซื้อหุ้นเพิ่ม เพื่อให้สัดส่วนของพอร์ตกลับมาที่จุดเดิมคือ ตราสารหนี้ 20% และหุ้น 80%

คุณเผ่า บอกว่า จุดอ่อนของ Global ETF คือ มีผลตอบแทนคาดหวังไว้แล้ว ไม่ได้เน้นผลตอบแทนที่หวือหวา แต่ลงทุนได้ในระยะยาว 

สำหรับ ETF ที่ Jitta Wealth เลือกมาจัดพอร์ตลงทุนใน Global ETF มีอยู่ 5 กอง โดยต้องเป็น ETF ที่ลงทุนตามดัชนีอ้างอิง เน้นให้ผลตอบแทนอยู่ในทิศทางเดียวกับดัชนี หรือที่เรียกว่า Passive Fund เพราะมีข้อดีคือ คาดหวังผลตอบแทนระยะยาวอย่างแม่นยำ ลงทุนตามดัชนีหุ้นอย่าง S&P500 ยาวๆ 10 ปี คาดหวังผลตอบแทนได้แล้ว 8-10% ต่อปี เพราะกูรูอย่าง Warren Buffett หรือดร. นิเวศน์ เหมวชิรวรากร ก็บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า ให้ลงทุน ETF อ้างอิงดัชนีไว้ในพอร์ตลงทุน

“เพราะโอกาสที่กองทุนที่เน้นผลตอบแทนชนะตลาดอย่าง Active Fund จะสามารถทำผลตอบแทนได้ดีในระยะยาวและชนะดัชนีตลาดมีเพียง 10% เท่านั้น ดังนั้นถ้าเราไม่มั่นใจว่า เลือก ETF ได้ถูก เลือก Passive Fund น่าจะเป็นทางเลือกที่ปลอดภัย”

นอกจากนี้ ETF ใน Global ETF ควรเป็นมีมูลค่า AUM สูง หลักแสนล้านหรือล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อสะท้อนความมั่นคงและขยายการลงทุนตามดัชนีอ้างอิงได้ในอนาคต Jitta Wealth จึงเลือกของ iShares และ ​Vanguard 

ที่สำคัญ คือ ค่า Tracking Error ต่ำ แสดงว่า ผลตอบแทนของ ETF ไม่สวิงมาก เมื่อเทียบกับดัชนีอ้างอิง และมีค่าธรรมเนียม Expense Ratio ที่ต่ำ นักลงทุนได้ผลตอบแทนเต็มเม็ดเต็มหน่วย

“อย่างกองทุนรวมต่างประเทศ คิดค่าธรรมเนียมอีกต่อที่ 1% ต่อปี ขณะที่ ETF ค่าธรรมเนียมต่ำที่สุดอยู่ที่ 0.03% ต่อปี ต้นทุนค่าธรรมเนียม พอทบไปนานๆ จะกลายเป็นมูลค่าเยอะมาก กัดกินผลตอบแทนในระยะยาว นี่คือ ข้อได้เปรียบของการลงทุน ETF ต่างประเทศโดยตรง สินทรัพย์อย่างเดียวกัน แต่ใช้เงินน้อยกว่า

คุณเผ่าบอกว่า คุณสามารถลงทุน Global ETF หลายแผน หรือกดเปลี่ยนแผนการลงทุนได้ หากจะลงทุนเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่คาดหวัง ตามแผนการลงทุน ควรลงทุนนานกว่า 3 ปี  

Thematic ลงทุนธุรกิจเมกะเทรนด์อนาคตไกล

‘ธีมการลงทุน’ หรือ ‘Investment Theme’ ที่กำลังได้รับความนิยมจากนักลงทุน แต่มีความเสี่ยงสูงขึ้น เพื่อให้ได้รับผลตอบแทนจากการลงทุนจากธุรกิจที่น่าสนใจ หรือตลาดหุ้นอนาคตไกล เพราะเป็นการลงทุนใน ETF หุ้นทั้งหมด ไม่มี ETF ตราสารหนี้มาช่วยพยุงความผันผวนของพอร์ตลงทุน

ตอนนี้ Thematic มี 14 ธีมให้เลือกจัดพอร์ตลงทุน ได้ 1-5 ธีม ใช้เงินลงทุนเริ่มต้น 100,000 บาท ได้แก่ หุ้นสหรัฐฯ หุ้นจีน หุ้นอินเดีย หุ้นเวียดนาม หุ้นเทคโนโลยี หุ้นคลาวด์ หุ้นเทคโนโลยีการเงิน หุ้นเกมและอีสปอร์ต หุ้นขายของออนไลน์ หุ้น AI และหุ่นยนต์ หุ้นสุขภาพ หุ้นเทคโนโลยีจีน หุ้นกัญชา และหุ้นเทคโนโลยีท่องเที่ยว

Jitta Wealth จะมีการเพิ่มธีมการลงทุนที่น่าสนใจอีกในอนาคต เพราะยังมีธุรกิจและอุตสาหกรรมที่มีโอกาสเติบโตอีกมากมายทั่วโลก เช่น ยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานสะอาด ผลิตชิป เป็นต้น

คุณเผ่า บอกว่า การจัดพอร์ตลงทุนสำหรับ Thematic นั้น ควรเลือกจัดแบบ 4 ธีมผสมกัน เพื่อให้พอร์ตลงทุนมีการกระจายความเสี่ยง เพราะบางปี ธีมนั้นดี แต่ไม่ได้หมายความว่า จะเป็นขาขึ้นได้ตลอด ต้องมีบางปีที่เป็นขาลง หรือเติบโตได้ไม่มากนัก 

พอร์ตลงทุนแบบตลาดหุ้นรายประเทศ กระจายความเสี่ยงได้ดี เพราะลงทุนหลายอุตสาหกรรม แต่ถ้าจัดพอร์ตลงทุนกลุ่มรายอุตสาหกรรม เช่น เทคโนโลยี สุขภาพ ความเสี่ยงจะมากขึ้น ตามการขึ้นลงของอุตสาหกรรม แต่ถ้าจัดพอร์ตลงทุนรายธุรกิจแยกย่อย เช่น คลาวด์ ฟินเทค เกมและอีสปอร์ต AI และหุ่นยนต์ ความเสี่ยงสูงขึ้น บางปีธุรกิจนั้นดี บางปีธุรกิจนี้ดี”

คุณเผ่า บอกว่า ถ้าธีมที่เลือกไว้เติบโตช้าลง แต่สามารถเปลี่ยนใจได้ Jitta Wealth ให้เปลี่ยนธีมได้ไตรมาสละ 1 ครั้ง แต่หากเปลี่ยนธีมบ่อยๆ จะทำให้ผลตอบแทนรวมน้อยลง เพราะต้องขาย ETF บ่อยๆ และมีค่าธรรมเนียมด้วย 

หลักการปรับพอร์ตลงทุนของ Thematic จะเหมือนกับ Global ETF ถ้าธีมใดธีมหนึ่งมีสัดส่วนเปลี่ยนแปลงอย่างน้อย 5% ระบบจะทำการขายธีมที่มีสัดส่วนสูง แล้วมาเฉลี่ยซื้อธีมที่มีสัดส่วนน้อยกว่า จะทำให้แต่ละธีมมีสัดส่วนที่เท่าๆ กัน เพื่อรักษาวินัยการลงทุน 

คุณเผ่า บอกว่า โดยหลักการลงทุน เราไม่มีทางรู้จุดสูงสุดของราคาได้เลย การที่เราทยอยขายระหว่างทาง เป็นการทำกำไรในช่วงขาขึ้น เมื่อถึงจุดที่ราคาร่วงแรงๆ พอร์ตลงทุนจะไม่ตกมาก เพราะเราได้ทยอยซื้อธีมอื่นๆ ที่ไม่ได้เป็นขาขึ้นไว้แล้ว ระยะยาวผลตอบแทนของพอร์ตก็ไม่ต่างจากเดิม แต่ความเสี่ยงลดลงมาก 

“การเลือกสินทรัพย์ที่ดี เป็นแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น สิ่งที่จะทำให้ได้ผลตอบแทน คือ การกระจายความเสี่ยงของพอร์ต (Well Balance) จัดพอร์ตลงทุนแล้ว ต้องมีการปรับพอร์ตอย่างเป็นระบบ และมีการเพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอ (Money Management) ซึ่งจะทำให้ลงทุนได้ยาวๆ”

“แต่มันยากสำหรับนักลงทุน เพราะใช้วินัยสูง มีอารมณ์เข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เรามี Bias Decision ซึ่งต้องตัดตรงนี้ให้ได้ Jitta Wealth จึงใช้เทคโนโลยีมาช่วยปรับพอร์ตลงทุน สุดท้ายแล้ว เหตุผลถูก ผลลัพธ์ก็ถูก

Global ETF กับ Thematic ต่างกันอย่างไร

คุณเผ่าบอกว่า ต่างกันที่การรับความเสี่ยง ถ้ารับได้น้อย ไม่ชอบความผันผวน Global ETF จะตอบโจทย์ เพราะสามารถเป็นพอร์ตลงทุนสำหรับวางแผนทางการเงินระยะยาว 3-5 ปี หรือนานกว่านั้นได้

แต่ถ้ารับเสี่ยงได้มากกว่าต้อง ต้องการเห็นผลตอบแทนหวือหวา มีเวลาลงทุนในช่วง 3-5 ปี ก็สามารถลงทุน Thematic ได้ Jitta Wealth เลือกธีมการลงทุนมาให้แล้ว อนาคตมีศักยภาพเติบโตอยู่ อย่างผลตอบแทน Year-to-Date ช่วงที่ผ่านมาอาจจะเจอความผันผวนในตลาดหุ้นบ้าง แต่ยังมีการเติบโตอยู่ 

“Thematic ยังเป็นการลงทุนใน ETF ซึ่งเสี่ยงน้อยกว่าหุ้นรายตัว เพราะลงทุนทั้งธุรกิจ อุตสาหกรรม หรือตลาดหุ้น ถ้าหุ้นตัวไหนไม่ดี ETF ปรับสัดส่วนการลงทุนไปเอง

“ถ้าจัดพอร์ตลงทุนแบบ 4 ธีม มีทั้งธีมที่ขึ้นและลง แต่โดยรวมพอร์ตยังบวกได้ บางธีม บางปีอาจจะลดลง 30-50% เพราะเราเดาไม่ออกว่าปีไหน ธีมนี้ดี ราคาขึ้นเยอะ

Jitta Ranking ลงทุน ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ตามสไตล์ Buffett

กองทุนส่วนบุคคลที่ลงทุนหุ้นรายตัว มีให้ลงทุนตลาดหุ้น 3 ประเทศ คือ ไทย เวียดนาม และสหรัฐฯ ยังมีการลงทุนเฉพาะหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ความเสี่ยงมากกว่าลงทุนใน ETF ลงทุนเริ่มต้น 500,000 บาท สำหรับหุ้นไทย และ 1 ล้านบาทสำหรับหุ้นต่างประเทศ

Jitta Wealth นำหลักการวิเคราะห์ธุรกิจของ Buffett นำมาออกแบบแพลตฟอร์มที่ใช้ AI และอัลกอริทึม เพื่อมาดูงบการเงินของบริษัทย้อนหลัง 10 ปี และวิเคราะห์ว่า หุ้นนั้นเป็น ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ตามหลักการของ Buffett หรือไม่

นอกจากนี้จะจัดอับดับ ‘หุ้นดี ราคาถูก’ 30 ตัวแรก ซึ่ง Jitta Ranking จะจัดพอร์ตลงทุนตามอันดับ และมีการปรับพอร์ตลงทุนทุก 3 เดือน เพราะงบการเงินออกทุกๆ ไตรมาส อันดับหุ้นใน Jitta Ranking จะเปลี่ยนตามไปด้วย ถ้าผลประกอบการไม่ดี ก็หุ้นจากอันดับได้

“ถ้าคุณมีทักษะ มีเวลาศึกษา อ่านงบการเงิน สามารถลงทุนและจัดพอร์ตด้วยตัวเองได้ แต่ถ้าไม่มีเวลา แต่อยากได้ผลตอบแทนมากกว่าดัชนีตลาด การลงทุนแบบ VI (Value Investing) มีคนมาจัดพอร์ต Asset Allocation และ Money Management ก็จะตอบโจทย์มากกว่า”

Jitta Ranking จะมีหลักการลงทุนซับซ้อนกว่าการเลือก ETF เพราะต้องเข้าใจทฤษฎีการเลือกหุ้น เรามีหลักการคือ หวังผลตอบแทนระยะยาว 5-10 ปี เหมือนกับการวิ่งมาราธอน”

คุณเผ่า บอกว่า ถ้าหลักการลงทุนถูกต้อง ตรงตามความต้องการของนักลงทุน ก็จะลงทุนได้อย่างสบายใจ ดูได้จากผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี นับถึง 25 เม.ย. ของ Jitta Ranking ทั้ง 3 ประเทศ ก็ชนะดัชนีตลาดประเทศนั้นด้วย

  • ผลตอบแทน Jitta Ranking หุ้นไทย อยู่ที่ +69% เทียบกับดัชนี SET ที่ +22%
  • ผลตอบแทน Jitta Ranking หุ้นเวียดนาม อยู่ที่ +112% เทียบกับดัชนี VNI ที่ +61%
  • ผลตอบแทน Jitta Ranking หุ้นสหรัฐฯ อยู่ที่ +90% เทียบกับดัชนี S&P500 ที่ +47%  

“ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี เป็นช่วงหลังจากที่ตลาดหุ้นกำลังฟื้นตัวจาก Covid-19 มันมีการพิสูจน์มาแล้วว่า ผลตอบแทนจากการลงทุนหุ้นรายตัวช่วงหลังวิกฤตสักประมาณ 3-5 ปี จะดีกว่าดัชนีตลาด เพราะเป็นช่วงที่คนยังไม่กล้าลงทุน เม็ดเงินยังไม่เข้าในตลาดหุ้นมากนัก”

คุณเผ่า บอกว่า ในอนาคตก็อาจจะเปิดบริการ Jitta Ranking ในตลาดหุ้นประเทศอื่น เช่น จีนหรืออินเดีย ปัจจุบันแพลตฟอร์มวิเคราะห์หุ้นของ Jitta ก็สามารถเข้าถึงได้ 16 ประเทศ

นอกจากนี้ยังมีคำถามจากผู้ชม Live สดอีกว่า ตลาดหุ้นเวียดนามตอนนี้ทำนิวไฮแล้ว แพงไปหรือยัง จะย่อตัวอีกหรือไม่ คุณเผ่า ตอบว่า ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า ดัชนีหุ้นเวียดนามจะย่อตัวเมื่อไร ถ้ามองเกมยาวๆ เหมือนกับที่ดร. นิเวศน์ พูดว่า เวียดนามกำลังจะโตด้วยปัจจัยพื้นฐาน นักลงทุนรายย่อยมีสัดส่วนสูง นิวไฮรอบนี้ อาจจะเป็นจุดเริ่มต้นของขาขึ้นรอบใหญ่ก็ได้ 

คุณเผ่า บอกอีกว่า การลงทุนแบบ DCA (Dollar Cost Average) เป็นแนวทางที่ดี หากคุณไม่เก่งพอที่จะจับจังหวะเข้าลงทุน เพราะเป็นการลงทุนประจำ ไม่มีเงื่อนไข ไม่มี Bias เพราะมีสถิติวัดมากแล้ว โอกาสที่หุ้นขึ้น 60-70% ตลอดทั้งปี ซึ่งมากกว่าช่วงขาลง 

“ถ้าลงทุนทุกเดือน โอกาสขึ้นมากกว่าลง ถ้าค่อยเก็งหรือจับจังหวะตลอด นักลงทุนจะหงุดหงิดเอง เข้าลงทุนไปแล้ว ก็ไม่ได้วัดว่า จับจังหวะถูกหรือไม่ ดังนั้น DCA คือการลงทุนโดยไม่คิดมาก เป็นวิธีการที่สบายใจ และง่ายที่สุด

คุณเผ่า กล่าวทิ้งท้ายไว้ด่วยว่า การลงทุนในปี 2564 นี้เพิ่งผ่านช่วงวิกฤต Covid-19 กันมา ซึ่งสามารถแบ่งนักลงทุนได้ 3 กลุ่ม คือ 

  1. ลงทุนหลัง Covid-19 แล้วได้ผลตอบแทนขาขึ้นทันที อันนี้จังหวะดี แต่อย่าคิดว่า เราจะโชคดีได้ทุกครั้ง อย่าประมาท ควรหมั่นศึกษาหาความรู้เพิ่มเติม ทำความเข้าใจโลกการลงทุน
  2. ลงทุนก่อน Covid-19 แล้วพอร์ตลงทุนติดลบนาน ถ้าคุณรู้สึกไม่สบายใจกับการขาดทุนหนักๆ มันสะท้อนว่า คุณรับความเสี่ยงช่วงขาลงได้ยาก ในทางกลับกัน หากคุณเข้าใจ หมั่นเพิ่มทุนเข้ามาในช่วงวิกฤต พอร์ตลงทุนจะกลับมาเป็นบวกได้เร็ว
  3. ลงทุนมานาน ผ่านวิกฤตมาเยอะ Covid-19 ที่ผ่านมา คุณจะสตรองมากและหมั่นเพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอ เพราะมั่นใจแล้วว่า หลังวิกฤต ผลตอบแทนจะกลับมาที่ค่าเฉลี่ย 

การลงทุน ‘ผลตอบแทน’ กับ ‘ความเสี่ยง’ มาคู่กัน บางคนอาจจะเลือกมองผลลัพธ์ คือ ผลตอบแทน เพียงอย่างเดียว ในความเป็นจริง มันมีเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้นได้ ต้องคิดถึง Worst Case Scenario ไว้ด้วย 

“เราจะรู้ว่า ใครแก้ผ้าว่ายน้ำ ก็ต้องรอน้ำลด การลงทุนก็เช่นกัน ช่วงเวลาหุ้นตก มีวิกฤต เราจะรู้ว่า ใครที่จะอยู่รอดได้ อย่าให้ความกลัวมาทำให้คุณเสียโอกาสลงทุน ถ้าคิดได้ว่า หุ้นขึ้นก็ดีใจ หุ้นลงก็ดีใจ คุณจะไม่เครียด

อ่านบทความที่เกี่ยวข้อง

วิธีลงทุน Thematic ให้ผันผวนน้อยลง (ตอนที่ 3)

Jitta Ranking ตอนที่ 2 - ลงทุน ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ที่ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ ดีอย่างไร

Global ETF ทางเลือกลงทุนสบายใจ รับมือความผันผวน

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด