Jitta Wealth Journal - หุ้นวัคซีนดิ่งลง กระทบธีมเฮลท์แคร์หรือไม่

5 ตุลาคม 2564Jitta WealthJitta Wealth Journal

บัตรเครดิตหนาว เมื่อแอปซื้อก่อนจ่ายทีหลังฮิตติดลม

Jitta Wealth Journal ฉบับที่ 45 ประจำวันที่ 5 ตุลาคม 2564 ทีมงานได้สรุปสถานการณ์รอบสัปดาห์ มาอัปเดตให้คุณแล้ว ดังนี้

  • หุ้น Merck พุ่งรับข่าวยาต้าน Covid-19
  • ‘Buy Now Pay Later’ เตรียมดิสรัปบัตรเครดิต
  • China Evergrande เริ่มผิดนัดชำระหนี้
  • จีนเตรียมใช้กฎหมายคุมอัลกอริทึมในอีก 3 ปีข้างหน้า
  • Xpeng X2 รถยนต์ไฟฟ้าบินได้ เตรียมทดสอบบินจริง
  • Amazon เตรียมขาย ‘Astro’ หุ่นยนต์อเนกประสงค์สิ้นปี 2564
  • รัฐบาลเวียดนามหั่นเป้า GDP เหลือ 3-3.5% ปี 2564
  • คาดเศรษฐกิจอินเดียโต 7.2% ปี 2564 ฟื้นตัวแข็งแกร่ง
  • รัฐเพนซิลเวเนียเตรียมให้ใช้กัญชาเพื่อสันทนาการ

ไปติดตามกันได้เลย


Jitta Wealth

Thematic Optimize พร้อมให้ลงทุนแล้ววันนี้

อยากลงทุนแบบ Thematic แต่ธีมเมกะเทรนด์มีให้เลือกมากมาย…ไม่รู้จะเลือกอะไรดี

#เลือกให้ถูก Thematic Optimize เลือกให้

ครั้งแรกในประเทศไทย AI ช่วยจัดพอร์ตธีมเมกะเทรนด์ให้คุณ
พิสูจน์จากทดสอบผลตอบแทนย้อนหลังสูงถึง 25%* ต่อปี

เปิดพอร์ต Thematic Optimize

*ผลตอบแทนทบต้นจากการทดสอบผลตอบแทนย้อนหลังตั้งแต่ 1 มกราคม 2561 – 31 สิงหาคม 2564


หุ้น Merck พุ่งรับข่าวยาต้าน Covid-19

ยา ‘Molnupiravir’ (โมลนูพิราเวียร์) คือ ความคืบหน้าล่าสุดของแวดวงการแพทย์ในการต่อสู้กับโรคอุบัติใหม่อย่าง Covid-19 โดย Merck พัฒนายาต้านเชื้อ Covid-19 ที่ลดอัตราการป่วยหนักและเสียชีวิตลงได้ถึง 50% และสามารถใช้ได้กับทุกสายพันธุ์ 

หากยา Molnupiravir ที่พัฒนาโดย Merck จะยื่นขอใช้เป็นการฉุกเฉิน (Emergency Use) จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาแห่งสหรัฐฯ (FDA) จะถือว่าเป็นยารับประทานชนิดแรกที่ใช้รักษาการติดเชื้อ Covid-19

Robert Davis ผู้บริหารของ Merck ให้สัมภาษณ์ว่า ยา Molnupiravir จะเป็นตัวเปลี่ยนวิธีการจัดการกับ Covid-19 และทำให้ผู้คนทั่วโลกสามารถเข้าถึงได้อย่างง่ายดาย ซึ่งสามารถใช้ยารักษาตัวเองได้ โดยไม่ต้องสร้างความยุ่งยากให้บุคลากรทางการแพทย์

ผลการทดลองในระยะที่ 3 พบว่า มีผู้ป่วย Covid-19 ที่ได้รับยา Molnupiravir มีเพียง 7.3% ที่ต้องเข้ารับการรักษาตัวในโรงพยาบาลในช่วง 29 วัน และไม่มีผู้เสียชีวิต ในขณะที่ผู้ป่วยที่ได้รับยาหลอกจำนวน 14.1% มีผู้เสียชีวิตจำนวน 8 ราย

ความคืบหน้านี้เอง ทำให้หุ้น Merck พุ่งขึ้นไป 10% ในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งสวนทางกับหุ้นบริษัทผลิตวัคซีนต้าน Covid-19 อย่าง Moderna BioNTech และ Novavax ที่ดิ่งลงไปมากกว่า 20%

อย่างไรก็ตาม โลกยังคงต้องเผชิญวิกฤต Covid-19 กันไปอีกสักระยะ ความสำเร็จของยา Molnupiravir ไม่ได้หมายว่า วัคซีนจะไม่เป็นที่ต้องการอีกแล้วในอนาคต ดังนั้นราคาหุ้นขึ้นๆ ลงๆ ที่ตอบสนองต่อข่าวสาร เป็นเพียงความเคลื่อนไหวระยะสั้นเท่านั้น

ลองมองภาพที่ผ่านมาก็ได้ว่า ทั้งโลกต้องต่อสู้กับวิกฤต Covid-19 กันมานาน ความหวังคือ ยาที่ดีและวัคซีนที่มีประสิทธิภาพ เพื่อจะทำให้ผู้คนทั่วโลกกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติอีกครั้ง

ดังนั้นความต้องการยาและวัคซีนยังไม่หายไปไหน เรายังต้องอยู่กับโรคนี้ไปอีกนาน แต่ละบริษัทจำเป็นต้องพัฒนายาและวัคซีนให้มีประสิทธิภาพสูงสุด เพื่อให้สามารถใช้ป้องกันและต่อสู้กับ Covid-19 ในระยะยาว 

ภาพใหญ่ในระยะยาวๆ จะมองเห็นว่า ระบบสาธารณสุขยังมีความจำเป็นสำหรับทุกคนบนโลกใบนี้ ทั้งในปัจจุบันหรืออนาคต ดังนั้นโอกาสการลงทุนในธีมเฮลท์แคร์ รวมไปถึงธีมธุรกิจต่อยอดอย่าง จีโนมิกส์ ยังคงมีอนาคตไกล

ตราบใดที่ยังมีภาวะเกิด แก่ เจ็บ และตาย ใครๆ ก็ต้องการระบบสาธารณสุขดีๆ ยิ่งเมกะเทรนด์สังคมคนสูงอายุกำลังจะสร้างความต้องการในระบบการแพทย์ดีๆ ที่มีคุณภาพกันไปยาวๆ อีกเป็น 10-20 ปี หรือนานกว่านั้นอีก


Jitta Wealth

ถอดรหัสลงทุน 2 ธุรกิจดาวรุ่ง ‘เฮลท์แคร์-จีโนมิกส์’

คุณตราวุทธิ์ได้เขียนบทความเกี่ยวกับโอกาสลงทุนในธีมเฮลท์แคร์และจีโนมิกส์ ผ่าน ETF ที่ Jitta Wealth เปิดให้ลงทุนผ่าน Thematic DIY และได้ไฮไลต์ถึงความเสี่ยงหากสนใจลงทุนหุ้นในกลุ่มจีโนมิกส์ อยากรู้ว่า มีอะไรบ้างนั้น

อ่านต่อ


‘Buy Now Pay Later’ เตรียมดิสรัปบัตรเครดิต 

เทรนด์ ‘ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง’ หรือ Buy Now Pay Later (BNPL) กำลังมีอิทธิพลมาก ทั้งจากผู้ใช้งานทั่วโลกและผู้พัฒนาฟินเทค ความจริงเทรนด์นี้ มาพร้อมกับบทบาทของอีคอมเมิร์ซที่ผู้คนทั่วโลกใช้กันจนขาดไม่ได้ไปแล้ว 

BNPL ตัวเลือกการจ่ายเงินผ่านแอปพลิเคชัน รวมไปถึงผ่อนชำระสินค้า โดยไม่ต้องมีบัตรเครดิต มีอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมาก และมีตัวเลือกการผ่อนชำระที่หลากหลาย ทั้งรายสัปดาห์และรายเดือน 

ธุรกิจนี้เติบโตอย่างรวดเร็วจนกลายเป็นอุตสาหกรรมมูลค่ากว่า 100,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา โดยมี Covid-19 เป็นตัวเร่งที่ทำให้อีคอมเมิร์ซและ BNPL ส่งเสริมกันอย่างมาก

อิทธิพลของ BNPL กำลังเป็นเทรนด์ที่จะดิสรัปธุรกิจสินเชื่อบัตรเครดิต เพราะการขยายตัวของนวัตกรรมการเงินใหม่ ‘BNPL’ นี้ กำลังจะแย่งมาร์เก็ตแชร์กับการใช้งานบัตรเครดิต

สถาบันการเงินทั่วโลก รวมไปถึงสตาร์ตอัป เริ่มให้ความสนใจในเทรนด์ BNPL มากขึ้น นักวิจัยของ TransUnion ให้เหตุผลว่า BNPL ทำให้ผู้ใช้งานจัดการชำระเงินได้ เลือกระยะเวลาที่สะดวกในการผ่อนชำระ มีความสะดวกสบายมากขึ้น

นอกจากนี้ การอนุมัติสินเชื่อทำได้เกือบทันทีซึ่งแตกต่างกับบัตรเครดิต และจากการวิจัยนี้ทำให้เทรนด์ BNPL จะยิ่งช่วยส่งเสริมให้ผู้ใช้บริการมีความต้องการใช้เงินมากขึ้น รวมไปถึงมีความต้องการซื้อสินค้ามากขึ้น 

รายงานของ IBISWorld บอกว่า ลูกค้าที่ใช้บริการ BNPL มักซื้อสินค้าซ้ำเฉลี่ยมากกว่า 20 ครั้งต่อปี ลูกค้าจะยอมจ่ายเงินมากกว่าปกติ ดังนั้นหากร้านค้าให้บริการนี้ จะดึงดูดลูกค้าใหม่ๆ ได้มากขึ้น ฐานลูกค้าจะใหญ่ขึ้น รวมไปถึงร้านค้าจะได้รับเงินเต็มจำนวนล่วงหน้า เพราะผู้ให้บริการ BNPL จะเป็นคนแบกรับความเสี่ยงเอง

จะเห็นได้ว่า BNPL เป็นบริการที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ เช่น Gen Y (มิลเลนเนียล) และ Gen Z โดยเฉพาะในสหรัฐฯ จากข้อเสนอและสิทธิพิเศษต่างๆ โดย Worldpay ระบุว่า BNPL มีมูลค่าคิดเป็น 2.1% ของธุรกรรมทั่วโลก 

รายงานจากธนาคารกลางออสเตรเลีย พบว่า ชาวออสเตรเลียเลิกใช้บัตรเครดิตมากขึ้น เพราะจำนวนบัตรเครดิตที่ใช้แล้วลดลง 6.6% ในปี 2563 และในเดือนพฤษภาคม ชาวออสเตรเลียทิ้งบัตรเครดิตมากกว่า 100,000 ใบ 

ข้อมูลจาก Allied Market Research คาดการณ์ว่า ตลาด BNPL จะขึ้นไปแตะ 3.98 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายในปี 2573 ด้วยอัตราการเติบโตเฉลี่ยสะสม 45.7% ในช่วง 2564-2573

ปัจจุบันมีผู้ให้บริการในตลาด BNPL ที่ได้รับความนิยม ได้แก่ Afterpay Square Klarna Fast และ Pay in 4 เป็นต้น 

อย่าง PayPal ฟินเทคยักษ์ใหญ่ ก็พึ่งเปิดบริการ Pay in 4 เมื่อปี 2563 ในขณะเดียวกัน Square ธุรกิจฟินเทคของซีอีโอ Twitter อย่าง Jack Dorsey ก็บรรลุข้อตกลงการซื้อ Afterpay ของออสเตรเลีย เป็นมูลค่ากว่า 29,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ Mastercard ก็กระโดดเข้าสู่เทรนด์นี้ด้วยโปรแกรมการผ่อนชำระเช่นเดียวกัน 

ในความสะดวกสบายนี้เอง ที่ทำให้เทรนด์ต่างๆ ในธีมฟินเทคถูกพัฒนาขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง สถาบันการเงินแบบเดิมๆ ยังต้องกระโดดเข้ามาเป็นผู้เล่นในฟินเทค ขณะเดียวกันก็สร้างสตาร์ตอัปหน้าใหม่ที่พัฒนาแพลตฟอร์มตอบโจทย์ผู้ใช้งานทั่วโลก

ยิ่งเทรนด์สังคมไร้เงินสด (Cashless Society) กำลังทำให้คนรุ่นใหม่ๆ พกเงินสดน้อยลง ใช้แอปพลิเคชันมากขึ้น ยิ่งส่งเสริมธุรกิจฟินเทคให้เติบโตได้อย่างรวดเร็วมากขึ้นไปอีก 

นี่คือ อิทธิพลของ Technology Breakthrough ที่เปลี่ยนพฤติกรรมมนุษย์ หากคุณสนใจกระแสดิสรัปที่กำลังเกิดขึ้นในโลกของฟินเทค การลงทุนในช่วงที่เป็น Early Adoption คนทั่วโลกเริ่มหันมาใช้งาน ก้าวต่อไปคือ การใช้งานอย่างแพร่หลายแบบ Mass Adoption จะช่วยให้พอร์ตของคุณเติบโตได้สูงมาก

เมื่อถึงเวลานั้น ต้นทุนการทำธุรกรรมของฟินเทคต่างๆ ก็จะลดลงมา มีผู้เล่นมากขึ้น ธุรกรรมการเงินแบบเดิมก็จะลดบทบาทลงไป นี่คือเมกะเทรนด์ที่จะอยู่กับเราในอนาคต

นี่คือเหตุผลที่กองทุนส่วนบุคคล Thematic มีธีมฟินเทค เพื่อเป็นทางเลือกการลงทุนระยะยาว เติบโตไปพร้อมกับเมกะเทรนด์แห่งอนาคต 


Jitta Wealth

สรุป Live: ทำความรู้จักกับ Thematic Optimize

จบกันไปแล้วสำหรับ Live เปิดตัว Thematic Optimize ที่ Jitta Wealth ต่อยอดพัฒนา AI มาช่วยคุณเลือกธีมจัดพอร์ตลงทุนในเมกะเทรนด์แห่งอนาคต สำหรับใครที่พลาด Live สามารถดูย้อนหลังหรืออ่านสรุปได้เลย

ดูวิดีโอย้อนหลัง

อ่านสรุป Live


Jitta Wealth

Thematic DIY กับ Thematic Optimize แบบไหนที่ใช่คุณ

หากคุณยังลังเลว่าจะลงทุนแบบไหนดี จัดพอร์ตเองแบบ Thematic DIY หรือให้ AI จัดพอร์ตให้แบบ Thematic Optimize บทความนี้จะมาไขข้อข้องใจของคุณ

อ่านต่อ


China Evergrande เริ่มผิดนัดชำระหนี้

เป็นไปตามคาด เมื่อ China Evergrande บริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ยักษ์ใหญ่อันดับ 2 ของจีน ผิดนัดการชำระหนี้เป็นครั้งที่ 2 ในรอบ 2 สัปดาห์ มีรายงานว่า Evergrande ต้องชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้วงเงิน 47,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

แต่ China Evergrande ยังมีระยะเวลาผ่อนผันอีก 30 วัน เพื่อหาทางระดมทุนก่อนจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการว่า บริษัทผิดนัดชำระหนี้ จากมูลหนี้รวมกันสูงถึง 300,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเทียบเท่า 2%  ของมูลค่า GDP จีน

ทางด้านผู้บริหารของ China Evergrande ยังไม่มีความเคลื่อนไหวใดๆ ไม่มีการออกมาแถลง แม้แต่ต่อผู้ถือหุ้นของบริษัท รวมไปถึงไม่มีการยื่นหนังสือชี้แจงต่อสำนักงาน ก.ล.ต. ของฮ่องกง 

Shengjing Bank เจ้าหนี้รายใหญ่ของ China Evergrande ได้ทำข้อตกลงกับทางบริษัทที่จะต้องนำเงินที่ได้รับจากการขายหุ้นมูลค่า 1,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เพื่อการชำระหนี้ที่บริษัทติดค้างการจ่ายกับทางธนาคารเท่านั้น ดังนั้น China Evergrande จะไม่สามารถนำเงินดังกล่าวไปชำระหนี้หุ้นกู้ของเจ้าหนี้รายอื่นๆ ได้ ยิ่งทำให้หลายฝ่ายต่างวิตกกังวล 

แม้ว่าธนาคารกลางจีน (PBOC) ออกมาให้ความมั่นใจว่า จีนจะช่วยเหลือ ปกป้องผลประโยชน์ของผู้บริโภคชาวจีน รวมไปถึงการผลักดันให้หน่วยงานรัฐวิสาหกิจของจีนระดมกำลังเข้าซื้อสินทรัพย์ของ China Evergrande เพื่อช่วยให้บริษัทสามารถระดมทุนได้ เพราะมีกำหนดชำระดอกเบี้ยหุ้นกู้ทุกเดือน

เรื่องราวของ China Evergrande ยังคงส่งผลให้หุ้นเอเชียมีความผันผวน เนื่องจากความกังวลเกี่ยวกับภาคอสังหาริมทรัพย์ของจีน เพราะปัญหาใหญ่ที่สุดไม่ใช่การผิดนัดชำระหนี้ของ China Evergrande เท่านั้น แต่เป็นสภาพแวดล้อมที่นำไปสู่การล่มสลายของภาคอสังหาริมทรัพย์ เพราะเจ้าหน้าที่จะเริ่มควบคุมสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัย รวมไปถึงความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อให้กับบริษัทอสังหาริมทรัพย์มากขึ้น

ตลาดหลักทรัพย์ฮ่องกงประกาศระงับการซื้อขายหุ้น China Evergrande  และ Evergrande Property Services ชั่วคราว หลังมีข่าวว่า ไม่สามารถจ่ายดอกเบี้ยหุ้นกู้ได้ครบตามกำหนดในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา 

กรณี China Evergrande ยังคงมีผลกระทบทางอ้อมต่อการลงทุนใน Jitta Ranking จีน เพราะหุ้นในกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ การเงิน และการก่อสร้างที่อยู่ในตลาดหุ้นจีน อาจจะเผชิญกับความไม่แน่นอนได้ ทีมงาน Jitta Wealth จะติดตามอย่างใกล้ชิด

อย่างไรก็ตาม หลักการคัดเลือก ‘หุ้นดีราคาถูก’ โดยใช้ AI จะประมวลผลอยู่ตลอดเวลา เมื่อหุ้นที่คุณลงทุนอยู่มีงบการเงินไม่ดีในแง่ใดแง่หนึ่ง ระบบจะปรับพอร์ตอัตโนมัติไปซื้อหุ้นคุณค่าที่มีโอกาสเติบโตให้แทน 


สรุปสถานการณ์รอบโลก

📌หน่วยงานไซเบอร์สเปซของจีน (CAC) รวมไปถึงหน่วยงานอื่นๆ เปิดเผยกำลังร่างกฎหมายควบคุมอัลกอริทึม บริษัทเทคโนโลยีในจีนหวังเพิ่มความโปร่งใส คาดว่าประกาศใช้ภายใน 3 ปี 

ทางการจีนต้องการให้อัลกอริทึมที่พัฒนาโดยบริษัทเทคโนโลยีของจีนควรรักษาค่านิยมหลักของลัทธิสังคมนิยมของจีนเอาไว้ และผู้ประกอบการควรกำหนดอัลกอริทึม ให้มีความปลอดภัยและมีความรับผิดชอบต่อผู้ใช้งาน มีการจัดตั้งทีมตรวจสอบระดับมืออาชีพในด้านนี้โดยเฉพาะ 

เห็นได้ว่า จีนเริ่มเข้าควบคุมอุตสาหกรรมต่างๆ มากขึ้น ซึ่งอาจจะกระทบกับการลงทุนในธีมตลาดหุ้นจีนและเทคโนโลยีจีนในระยะหนึ่งก่อนที่กฎหมายใหม่จะมีผลบังคับใช้ เมื่อถึงเวลานั้นแต่ละบริษัทจะปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้ดำเนินธุรกิจได้อย่างยั่งยืน 

📌 Xpeng Motors บริษัทรถยนต์ไฟฟ้าของจีน ได้เปิดตัวโมเดลต้นแบบ ‘Xpeng X2’ รถยนต์ไฟฟ้าบินได้ รุ่นที่ 5 รุ่นล่าสุดและจะเป็นรุ่นสุดท้ายในการพัฒนาพร้อมขึ้นทดสอบบินจริง 

Xpeng X2 ถูกพัฒนาขึ้นโดย Xpeng Heitech หน่วยงานด้านเทคโนโลยีร่วมกับ HT AeroTech บริษัทด้านวิศวกรรมการบินระดับโลก เป็นโครงการวิจัยและพัฒนาระยะยาว มองว่า อนาคตรถไฟฟ้าจะไม่ได้อยู่ที่การขับเคลื่อนอัตโนมัติ แต่สามารถพัฒนาได้อีกหลายมิติ 

นี่เป็นอีกด้านของบริษัทจีน คือ พยายามมีเทคโนโลยีเป็นของตัวเอง เพื่อก้าวเป็นผู้นำโลก หากมองระยะยาว ช่องว่างการเติบโตของหุ้นจีนยังมีอีกมาก อยู่ที่ว่าคุณจะรอให้โอกาสมาถึง หรือเริ่มลงทุนไว้ก่อน รอการเติบโต

📌 Amazon เปิดตัว ‘Astro’ หุ่นยนต์อเนกประสงค์ สำหรับใช้ในบ้านตัวแรก โดย Astro จะช่วยทำให้เราสามารถตรวจดูสัตว์เลี้ยง คนในบ้าน ความเรียบร้อยต่างๆ ได้สะดวกมากขึ้น สามารถควบคุมจากระยะไกลได้ แม้ไม่ได้อยู่บ้าน 

โดยจะพร้อมจัดส่งในสหรัฐฯ ปลายปีนี้ สนนราคาอยู่ที่ 999.99 ดอลลาร์สหรัฐ ทาง Amazon เชื่อว่าจะขายหมดภายในไม่กี่นาที หลังเปิดตัว และในอีก 10 ปีข้างหน้า ทุกบ้านจะมี Astro อัตราส่วน 1 ตัวต่อบ้าน 5 หลัง 

นี่คืออีกก้าวของ Amazon จากอีคอมเมิร์ซ โดดเข้าสู่ธุรกิจคลาวด์ และล่าสุดคือพัฒนาหุ่นยนต์ แสดงให้เห็นถึง การพัฒนาอย่างไม่หยุดยั้งของหุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ที่เป็นโอกาสลงทุนทั้ง Jitta Ranking และ Thematic 

📌 กระทรวงวางแผนและการลงทุนของเวียดนามคาดว่า GDP ปี 2564 จะเติบโต 3-3.5% ภายในปีนี้ ซึ่งลดลง 0.5% กรอบเดิมที่คาดไว้เมื่อเดือนกันยายน  

รัฐบาลเวียดนามคาดว่า หากไตรมาสที่ 4 GDP สามารถเติบโต 7.06-8.84% ภายหลังจากคลายล็อกดาวน์จาก Covid-19 ระบาดรอบใหม่ เศรษฐกิจทั้งปีก็เติบโตได้ตามเป้า

สำหรับไตรมาสที่ 3 GDP เวียดนามหดตัว 6.17% จากมาตรการล็อกดาวน์กว่า 3 เดือน ทำให้ 9 เดือนแรกเศรษฐกิจเติบโต 1.42% น้อยกว่า 2.12% ในช่วงเดียวกันของปี 2563

ก่อนหน้า Covid-19 ระบาด เวียดนามคาดหวังการเติบโตสูงในระดับ 6-7% แต่เหตุการณ์หลังจากนี้ ถ้าปัจจัยพื้นฐานเศรษฐกิจเวียดนามยังแข็งแกร่งอยู่ การรักษาอัตราการเติบโตที่ 3-3.5% ก็เป็นไปได้

ส่วนตลาดหุ้นเวียดนามนั้น ดัชนี VNI ยังเคลื่อนไหวในช่วง 1,300 จุด หลังจากที่ทำนิวไฮในช่วงไตรมาสที่ 2 แล้วปรับฐานในเดือนกรกฎาคม ความเคลื่อนไหวช่วงไตรมาสสุดท้าย ไม่มีอะไรน่ากังวล และต้องพิจารณางบการเงินของแต่ละบริษัทประกอบกันด้วย

📌 เศรษฐกิจอินเดียคาดการณ์ว่า จะเติบโตขึ้น 7.2% ปี 2564 แต่อาจจะเกิดการชะลอตัวลงในปีหน้า ตามรายงานขององค์การสหประชาชาติ บอกว่า เมื่อเศรษฐกิจเติบโตอาจทำให้ราคาสินค้าภายในประเทศสูงขึ้น จนเกิดภาวะเงินเฟ้อ 

Covid-19 ในปี 2563 ทำให้ GDP อินเดียหดตัวลงไป 7% แต่ก็ฟื้นตัวกลับมาได้อย่างแข็งแกร่งภายในปี 2564 ถึง 7.2% ซึ่งหากสถานการณ์ยังคงดีต่อไปแบบนี้อยู่เศรษฐกิจของอินเดียสามารถเติบโตอีก 6.7% ในปี 2565

แต่ภายใต้การคาดการณ์นี้ ยังคงทำให้อินเดียเป็นตลาดหุ้นเกิดใหม่ที่อยู่ในสายตาของนักลงทุนทั่วโลก หากคุณมองเห็นโอกาสการลงทุนในหุ้นอินเดียระยะยาว แต่ยังรับความเสี่ยงแบบหุ้นรายตัวไม่ได้ ลงทุนเป็นธีมตลาดหุ้นอินเดียได้

📌 รัฐเพนซิลเวเนียของสหรัฐฯ กำลังพิจารณาร่างกฎหมายสำหรับกัญชาเพื่อการสันทนาการ โดยมีเงื่อนไขว่า ผู้ปลูกและผู้แปรรูปกัญชาต้องทำสัญญา และทดสอบตัวกัญชาก่อนวางขาย

รัฐเพนซิลเวเนียจะปลดล็อกให้ใช้กัญชาเชิงสันทนาการได้ หากการร่างกฎหมายฉบับนี้ผ่าน รัฐเพนซิลเวเนียจะเข้าร่วมอีก 16 รัฐที่ทำให้การใช้กัญชาเป็นสิ่งที่ถูกกฎหมาย

เราจะได้เห็นความเคลื่อนไหวใหม่ๆ ของธุรกิจกัญชาในสหรัฐฯ ซึ่งต่อไปเมื่อปลดล็อกในระดับประเทศ จะเป็นตัวเร่งที่ทำให้ราคาหุ้นกัญชาที่ส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐฯ และแคนาดามีโอกาสเติบโต เพราะอุตสาหกรรมยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นเอง


นี่คือ สรุปข่าวสารความเคลื่อนไหวรอบโลกที่ทีมงาน Jitta Wealth รวบรวมมาให้ มีทั้งข่าวดีๆ ที่มีผลต่อในธีมธุรกิจต่างๆ และข่าวไม่ค่อยจะดีนัก ที่ยังต้องดูกันยาวๆ ว่า ทางการจีนจะออกกฎหมายคุมเทคโนโลยีเร็วแค่ไหน หรือเศรษฐกิจเวียดนามจะโตตามเป้าหรือไม่

หากคุณยังมั่นใจโอกาสการลงทุนทั้ง 2 ประเทศนี้ และเข้าใจในสินทรัพย์ที่คุณเลือกลงทุน กระแสข่าวในระยะสั้นๆ ที่เกิดขึ้นมีผลเพียงระยะหนึ่งเท่านั้น

ยิ่งเข้าสู่ไตรมาสที่ 4 ช่วงเวลาที่แต่ละบริษัทกำลังจัดทำงบการเงิน รออีกสักนิด เมื่อ 3 ไตรมาสที่ผ่านมา หลายบริษัทเติบโตได้ดี เหลืออีก 1 ไตรมาสก็น่าจะเป็นในทิศทางบวกเช่นเดียวกัน 

แล้วพบกันสัปดาห์หน้า


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – เทรนด์บาทอ่อน หลัง Fed เตรียมจบ QE

Jitta Wealth Journal – China Evergrande กระทบพอร์ตหรือไม่?

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด