Jitta Wealth Journal - รวม 7 ETF ฟินเทคที่ควรมีติดพอร์ต

31 สิงหาคม 2564Jitta WealthJitta Wealth Journal

ทำไมผลตอบแทนพอร์ต Thematic ลดลง

Jitta Wealth Journal ฉบับที่ 40 ประจำวันที่ 31 สิงหาคม 2564 มีประเด็นข่าวสารการลงทุนจากทุกมุมโลกที่น่าสนใจ ดังนี้

  • Fed จะลดวงเงิน QE ภายในปี 2564
  • ตลาดหุ้นอินเดียเติบโตสวนทาง Covid-19
  • 7 ETF ธีมฟินเทคที่ควรลงทุน
  • Pfizer และ BioNTech ราคาพุ่งหลัง FDA รับรอง
  • Johnson & Johnson เข็มกระตุ้นให้ ประสิทธิภาพสูง
  • จีนเตรียมสั่งห้ามบริษัทเทคระดมทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ
  • Google และ Microsoft เตรียมลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์
  • 7 มหาเศรษฐีจีนร่วมบริจาค หนุนแผนสร้างความเจริญรุ่งเรืองร่วมกัน
  • หุ้นกัญชาราคาลง แต่รายได้โต
  • ทางการจีนยังคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยี

ไปติดตามกันได้เลย


Jitta Wealth

Exclusive Q&A with CEO ประจำเดือนสิงหาคม 2564

กลับมาอีกครั้ง…กับโอกาสที่จะได้ถามมุมมองของคุณตราวุทธิ์ ทั้งการลงทุนของ Jitta Wealth และข่าวสารการลงทุนทั่วโลก ขอบคุณทุกคนที่เข้าร่วม Webinar หากคุณอยากดูย้อนหลังหรืออ่านสรุป กดลิงก์ข้างล่างได้เลย

ดู Webinar ย้อนหลัง

อ่านสรุป Q&A เดือนสิงหาคม


Jitta Wealth

อัปเดต 30 หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ ปี 2564

Jitta Ranking หุ้นเทคโนโลยีสหรัฐฯ (U.S. Tech) เปิดให้บริการมานานกว่า 1 ปีแล้ว ทีมงาน Jitta Wealth ใช้แพลตฟอร์ม Jitta คัดเลือก ‘หุ้นดีราคาถูก’ จัดอันดับ 30 หุ้น สำหรับการลงทุนปี 2564-2565 มาดูกันว่า หุ้นเทคไหนมีงบการเงินแข็งแกร่งบ้าง

อ่านต่อ


Fed จะลดวงเงิน QE ภายในปี 2564

Jerome Powell ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) ประกาศว่า Fed จะเริ่มลดวงเงินโครงการซื้อพันธบัตรรายเดือนภายในปีนี้ ภายใต้มาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) และยืนยันว่า จะไม่รีบขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายเร็วๆ นี้ 

จากการประชุม Fed ที่รัฐไวโอมิง Powell กล่าวว่า เศรษฐกิจสหรัฐฯ ได้ฟื้นตัวมาถึงจุดที่ไม่ต้องใช้นโยบายการเงินมาพยุง แต่เจ้าหน้าที่ Fed ยังคงหารือกันว่า จะขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในปี 2565 หรือปี 2566

นอกจากนี้ ต้องพิจารณาตัวเลขเศรษฐกิจหลายๆ ด้าน เช่น การจ้างงานในปัจจุบันที่ยังต่ำกว่า 6 ล้านคนซึ่งเป็นตัวเลขก่อนเกิด Covid-19 โดยเฉพาะตำแหน่งภาคบริการ

แต่ Fed ไม่ได้กังวลอัตราเงินเฟ้อเร่งตัว แม้ว่าจะใกล้กับเป้าหมายของ Fed ที่ 2% เพราะเป็นปัจจัยระยะสั้น และไม่จำเป็นต้องออกนโยบายชะลอการเร่งตัว ความสำคัญอยู่ที่ตัวเลขการจ้างงานควรฟื้นตัวเต็มศักยภาพก่อน

Powell ยังไม่ได้ประกาศเวลาที่ชัดเจนในการลดวงเงินเข้าซื้อพันธบัตรรายเดือนแต่นักวิเคราะห์คาดว่า Fed จะประกาศแนวทางและเวลาที่ชัดเจนในการประชุมประจำเดือนกันยายน และจะเริ่มใช้มาตรการในเดือนพฤศจิกายน

ในภาพตลาดหุ้นสหรัฐฯ ขานรับแนวทางของ Fed ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ทั้ง 3 ดัชนีหลักเพิ่มขึ้นทุกตัว ทั้ง S&P500 Nasdaq และ DJIA ขณะที่ผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ปรับตัวลดลงจาก 1.34% มาที่ 1.30%

แม้ว่าไทม์ไลน์จะยังไม่แน่ชัด ทั้งการลดวงเงินการเข้าซื้อพันธบัตรและการปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย แต่ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า การตัดสินใจของ Fed จะเกิดขึ้นเมื่อไร ผลกระทบในตลาดหุ้นและบอนด์เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้


Jitta Wealth

4 ทางเลือกจัดพอร์ตในตลาดหุ้นสหรัฐฯ กับ Jitta Wealth

ตลาดหุ้นสหรัฐฯ เป็นหมุดหมายแรกที่นักลงทุนทั่วโลกอยากไปลงทุน ในช่วงเวลาที่ดัชนีตลาดหุ้นกำลังฟื้นตัวหลัง Covid-19 เศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังเติบโตสูงสุดในรอบ 3 ทศวรรษ นี่อาจจะเป็นโอกาสจัดพอร์ตลงทุนต่างประเทศของคุณก็ได้

อ่านต่อ


ตลาดหุ้นอินเดียเติบโตสวนทาง Covid-19  

ท่ามกลางสถานการณ์ Covid-19 ในอินเดียที่กำลังคลี่คลาย ดัชนี SENSEX ของตลาดหุ้นบอมเบย์ (BSE) แตะเหนือ 56,000 จุดเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ รวมไปถึงดัชนี NIFTY50 ของตลาดหุ้นหลัก (NSE) ทำสถิติใหม่ทะลุ 16,000 จุดเช่นเดียวกัน

หุ้นที่ดันดัชนีเป็นบริษัทมาร์เก็ตแคปใหญ่ๆ เช่น บริษัท Larsen & Toubro บริษัท UltraTech Cement และกลุ่ม ICICI Lombard 

ด้าน Infosys ยักษ์ใหญ่ด้านระบบ IT ของอินเดีย ทำสัญญากับ Manitoba Public Insurance ผ่านบริษัทย่อย Infosys Public Services ในการทำระบบจดทะเบียนยานพาหนะ ใบขับขี่ในประเทศ และใบขับขี่สากลกว่า 900,000 รายการ 

อย่างไรก็ตาม Reuters ได้มีการทำผลสำรวจในกลุ่มนักวิเคราะห์พบว่า สภาพคล่องในตลาดหุ้นอินเดียในปี 2565 จะเติบโตไม่สูงมากเท่าปี 2564 โดยประเมินจากมาตรการการเงินแบบรัดกุมที่มาจากธนาคารกลางของอินเดียและทั่วโลก

เนื่องจากช่วง Covid-19 จนถึงปัจจุบัน ธนาคารกลางแต่ละประเทศใช้มาตรการการเงินแบบผ่อนคลาย เช่น การลดดอกเบี้ยนโยบาย และมาตรการ QE เพื่อพยุงเศรษฐกิจ แต่สถานการณ์ตอนนี้…เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว

ที่ผ่านมาตลาดหุ้นอินเดียยังมีความแข็งแกร่ง ดัชนี SENSEX และ NIFTY50 พุ่งขึ้นแม้ว่าจะเผชิญการระบาดทั้ง 2 รอบ โพลจาก Reuters บอกว่า กำไรของบริษัทจดทะเบียนจะยังเติบโตได้ดี ตามเศรษฐกิจอินเดียที่กำลังฟื้นตัว

รัฐบาลอินเดียจะยังคงใช้มาตรการการคลังกระตุ้นเศรษฐกิจในช่วงที่เหลือของปี จากโพล นักวิเคราะห์คาดว่า ดัชนี SENSEX จะโต 19% ในปี 2564 เป็นอัตราการเติบโตสูงที่สุดนับจากปี 2560 แต่ปี 2565 ดัชนีจะเติบโตเพียง 4.6%

ในช่วง Covid-19 ระบาดในอินเดีย ธนาคารกลางหั่นดอกเบี้ยนโยบายรวมๆ 1.15% มาอยู่ที่ 4.00% โพลคาดว่า จะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอินเดียในอีก 2 ปีงบประมาณข้างหน้าเป็น 4.50% 

ด้วยมาตรการการเงินที่รัดกุมมากขึ้น ผ่านการขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย นักวิเคราะห์มองว่า สภาพคล่องในตลาดหุ้นอินเดียจะยังเติบโตในอัตราน้อยลงปี 2565 ต้องวัดกันที่ความสามารถทำกำไรของบริษัทจดทะเบียนในอนาคตแล้ว

สำหรับการแก้ปัญหา Covid-19 รัฐบาลอินเดียกำลังเร่งฉีดวัคซีน กระทรวงสาธารณสุขอินเดีย บอกว่า ฉีดวัคซีนวันเดียวทะลุ 10 ล้านโดสเป็นครั้งแรก เมื่อวันที่ 27 สิงหาคม ทุบสถิติเดิมที่เคยทำไว้ที่ 9.2 ล้านโดสต่อวัน 

อินเดียมีประชากรเกือบ 1,400 ล้านคน รัฐบาลมีเป้าหมายจะฉีดวัคซีนให้กับผู้ใหญ่ราว 1,100 ล้านคนภายในสิ้นปี 2564 ตั้งแต่เริ่มฉีดในเดือนมกราคม ประชากรอินเดียได้รับวัคซีนครบ 2 โดสไปเพียง 15% ของประชากร 


Jitta Wealth

4 เหตุผลที่ควรมี ‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ติดพอร์ต

‘ตลาดหุ้นอินเดีย’ ปี 2564 น่าลงทุนแค่ไหน เจอ Covid-19 ระบาดหนักไป 2 ครั้ง กระทบดัชนีหรือไม่ อ่าน 4 เหตุผลที่ควรมี ‘ETF ตลาดหุ้นอินเดีย’ ในพอร์ตลงทุนของคุณ

อ่านต่อ


Jitta Wealth

ส่อง 10 บริษัทที่ดัน ‘ETF ตลาดหุ้นอินเดีย’ โต 50% ใน 1 ปี

ผ่าไส้ใน ‘ETF ตลาดหุ้นอินเดีย’ WisdomTree India Earnings Fund (EPI) เราคัดมา 10 บริษัทที่ครองสัดส่วนเกือบ 40% ของ NAV มาดูกันว่า แต่ละบริษัททำธุรกิจอะไร และผลประกอบการเป็นอย่างไรบ้าง

อ่านต่อ


Jitta Wealth

Investyle Ep. 3 อะตอม จาก Money Diaries

สำหรับตอนที่ 3 เราจะพาคุณไปทำความรู้จัก Content Creator ชื่อดังจากเพจไดอารี่การเงิน – Money Diaries คุณอะตอม พลชา โรจน์เลิศจรรยา เขายังเป็นที่ปรึกษาทางการเงิน ผู้มีแนวคิดการลงทุนที่น่าสนใจมาก

ดู Investyle Ep. 3


7 ETF ธีมฟินเทคที่ควรลงทุน 

เราได้เห็นแล้วว่า เทคโนโลยีทางการเงิน (Fintech) กำลังจะมาปฏิวัติธุรกิจการเงินการลงทุน ไม่ว่าจะเป็นธนาคาร บริษัทประกัน บริษัทหลักทรัพย์ บริษัทจัดการลงทุน รวมไปถึงธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ตื่นตัวกับการถูกดิสรัปครั้งสำคัญ

แน่นอนว่า ฟินเทคกำลังเปลี่ยนวิถีชีวิตและพฤติกรรมของผู้คนทั่วโลก ที่พวกเราอยู่กับมันไปแล้ว คือ Digital Payment ผ่านสมาร์ตโฟน รวมไปถึงการจ่ายเงินออนไลน์ เมื่อสั่งสินค้าจากแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ

นอกจากนี้บทบาทของคริปโทเคอร์เรนซี ปัญญาประดิษฐ์ที่มาช่วยบริหารความเสี่ยงภาคการเงิน และเทรนด์ Crowdfunding ระดมทุนก่อตั้งสตาร์ตอัป ล้วนแล้วแต่มาจากการใช้ฟินเทคทั้งสิ้น

U.S. News & World Report ได้จัดอันดับ 7 ETF ธีมฟินเทคที่ควรลงทุน เป็นอีก 1 ทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่สนใจการลงทุนในธุรกิจการเงิน ที่ผันตัวหรือแตกธุรกิจมาพัฒนาฟินเทค

  1. Global X FinTech ETF (FINX)
  2. Ark Fintech Innovation ETF (ARKF)
  3. ETFMG Prime Mobile Payments ETF (IPAY)
  4. Ecofin Digital Payments Infrastructure Fund (TPAY)
  5. Industrial Select Sector SPDR ETF (XLI)
  6. Vanguard Growth ETF (VUG)
  7. iShares U.S. Financial Services ETF (IYG)   

สำหรับกองทุนส่วนบุคคล Thematic ทีมงานเราเลือก FINX มาเป็นตัวแทนของธีมฟินเทค เพราะเป็น ETF ที่อยู่มานานและมั่นคงที่สุด มูลค่า AUM (Assets Under Management) ราวๆ 1,340 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

FINX เป็น Passive Fund ลงทุนให้ผลตอบแทนตามดัชนีอ้างอิง Indxx Global FinTech Thematic Index ผลตอบแทนของ 1 ปีย้อนหลัง นับถึงสิ้นเดือนกรกฎาคม อยู่ที่ 31.33%

หากคุณมองเห็นโอกาสของธุรกิจฟินเทค จากการปรับตัวของสถาบันการเงินใหญ่ๆ และการแจ้งเกิดของสตาร์ตอัปรายใหม่ๆ รวมไปถึงการทำธุรกรรมการเงินบนระบบดิจิทัล นี่คือเมกะเทรนด์ที่กำลังเติบโตในระยะ 5-10 ปีข้างหน้า


Jitta Wealth

หาหุ้นลงทุนภาวะวิกฤต จาก Jitta Ranking

Stock Vitamins – วิตามินหุ้น คัดเลือกหุ้นไทย 4 บริษัทที่ยังมีงบการเงินแข็งแกร่ง หลังประกาศผลประกอบการไตรมาสที่ 2 แล้ว โดยวัดจาก Jitta Score คะแนนมากกว่า 5 และ Jitta Line ราคาหุ้นยังต่ำกว่าพื้นฐาน

อ่านต่อ 


สรุปข่าวสารการลงทุนจากทุกมุมโลก

📌 หุ้น Pfizer และ BioNTech มีราคาพุ่งขึ้นในรอบสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาสหรัฐฯ (FDA) อนุมัติให้วัคซีน Covid-19 ที่ 2 บริษัทพัฒนาร่วมกัน ได้รับการรับรองอย่างเต็มรูปแบบ

นอกจากนี้ Pfizer ประกาศข้อตกลงในการเข้าซื้อหุ้น Trillium Therapeutics มูลค่า 2,260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยเป็นบริษัทจีโนมิกส์ใช้ศาสตร์ภูมิคุ้มกันด้านมะเร็ง เป็นบริษัทที่ออกแบบวิธีการรักษาในขั้นตอนทดลองทางคลินิก 

📌 Johnson & Johnson เผยประสิทธิภาพวัคซีน Covid-19 ชนิดเข็มกระตุ้น ต้านสายพันธุ์เดลตา และเพิ่มแอนติบอดี 9 เท่า โดยหวังว่า จะได้เป็นส่วนหนึ่งของวัคซีนเข็มกระตุ้นในสหรัฐฯ ที่จะเริ่มฉีดในเดือนกันยายนนี้ 

แม้ว่าตอนนี้วัคซีนของ Johnson & Johnson ยังไม่ได้อยู่ในแผนฉีดเข็มกระตุ้น แต่มีผลการศึกษาว่า วัคซีนสามารถป้องกันการเสียชีวิตจากสายพันธุ์เดลตาได้ถึง 95% และลดความเสี่ยงอาการป่วยรุนแรงถึงขั้นรักษาในโรงพยาบาลได้ถึง 71% 

📌 จีนมีแผนห้ามบริษัทเทคโนโลยีจีน เข้า IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ โดยสำนักงานกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) จะเสนอกฎใหม่ ห้ามบริษัทจีนที่ถือข้อมูลผู้ใช้งานในแพลตฟอร์มดิจิทัลเข้าระดมทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ

การเข้มงวดนี้ มีสาเหตุมาจากหุ้น DiDi เข้า IPO ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ และทางการจีนสั่งถอดแอปเรียกรถแท็กซี่ของ DiDi ออกจากแอปสโตร์ จากกรณีละเมิดข้อมูลผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน 

อย่างไรก็ตามนักวิเคราะห์มองว่า กฎใหม่นี้จะขัดขวางการเติบโตของบริษัทเทคโนโลยีจีน และโอกาสการระดุมทุนในตลาดหุ้นต่างประเทศ 

📌 Google และ Microsoft เตรียมลงทุนด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์รวม 30,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หลังคุยกับ Joe Biden ด้าน Apple เตรียมสร้างโปรแกรมพัฒนาความปลอดภัยให้ห่วงโซ่อุปทานของบริษัท

Biden ประชุมร่วมกับบริษัทยักษ์ใหญ่ในสหรัฐฯ รวมไปถึงบริษัทจากกลุ่มธุรกิจอื่นๆ  โดยมีข้อกังวลการโจมตีทางไซเบอร์ในบริษัทใหญ่ๆ ช่วงที่ผ่านมา 

รัฐบาลอยากให้แต่ละบริษัทเทคโนโลยีสร้างระบบที่ได้มาตรฐาน และสนับสนุนเครื่องมือ รวมไปถึงทักษะด้านความปลอดภัยทางไซเบอร์ให้กับบริษัทอื่นๆ ด้วย 

บริษัทอื่นๆ ที่เข้าร่วม เช่น บริษัท IBM บริษัท Amazon บริษัท TIAA บริษัท JPMorgan Chase บริษัท SolarWinds และบริษัท Colonial Pipeline

📌 Xi Jinping ยังคงมุ่งมั่นนโยบาย Common Prosperity (เจริญรุ่งเรืองร่วมกัน) ล่าสุด 7 มหาเศรษฐีชาวจีนร่วมสนับสนุน บริจาครวม 5,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ สูงกว่ายอดเงินปี 2563 ถึง 20%

7 มหาเศรษฐี มาจากองค์กรการกุศล Starry Night บริษัท Offcn Education Technology บริษัท Lenovo บริษัท Meituan บริษัท ByteDance บริษัท Xiaomi และบริษัท Taikang Life Insurance

นอกจากนี้มี Tencent เตรียมบริจาค 15,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในโครงการรับผิดชอบต่อสังคม Pinduoduo บริจาค 10,000 ล้านหยวน พัฒนาเกษตรกรรมในจีน

ทางการจีนต้องการลดช่องว่างความเหลื่อมล้ำรายได้ ส่งเสริมความมั่นคั่งของประเทศเน้นที่การให้รายบุคคลและการบริจาคขององค์กร ควบคู่ไปกับการตรวจสอบของรัฐบาลและตลาด เพื่อกระตุ้นให้ผู้มีรายได้สูง คืนสังคมมากขึ้น


หุ้นกัญชาราคาลง แต่รายได้โต

ภาพใหญ่ของธุรกิจกัญชา คือ ความพยายามที่จะผ่านร่างกฎหมาย ให้ปลดล็อกให้ประชาชนอายุ 21 ปีขึ้นไปสามารถใช้กัญชาในเชิงสันทนาการได้ในระดับประเทศครับ

แต่ยังมีความคลุมเครือและไม่มีสัญญาณว่า วุฒิสภาและสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ จะผ่านร่างกฎหมายในเร็วๆ นี้ได้ และยังมีเสียงต่อต้าน เช่น การพิจารณาโทษย้อนหลังกับนักโทษคดีครอบครองกัญชา และการเข้าถึงกัญชาของเยาวชนในรัฐที่ปลดล็อกกัญชาแล้ว

ธุรกิจกัญชาระดับโลกยังอยู่ในสหรัฐฯ และแคนาดา เนื่องจากมีแหล่งเพาะปลูกและมีห่วงโซ่อุปทานขนาดใหญ่ มีอุตสาหกรรมต้นน้ำ กลางน้ำ และปลายน้ำ ดังนั้นหุ้นธุรกิจกัญชาส่วนใหญ่จึงอยู่ในตลาดหุ้นทั้ง 2 ประเทศเป็นหลัก

สำหรับแคนาดา รัฐบาลปลดล็อกกฎหมายใช้กัญชาเชิงสันทนาการระดับประเทศไปแล้วเมื่อปลายปี 2561 ส่วนสหรัฐฯ ปลดล็อกไปแล้ว 18 รัฐ แต่ใช้ได้ในทางการแพทย์ 37 รัฐ

เมื่อการผ่านร่างกฎหมายกัญชาในสหรัฐฯ ยังไม่มีสัญญาณบวกใดๆ ราคาหุ้นกัญชาจึงปรับฐานลงมา ส่งผลต่อราคา ETF ต้นทาง คือ ETFMG Alternative Harvest ETF (MJ) ด้วย แต่รายได้ของแต่ละบริษัทในธุรกิจนี้ยังเติบโตดีอยู่

ทีมงาน Jitta Wealth ได้สำรวจดูหุ้นกัญชา 30 บริษัทใน MJ แล้ว พบว่า 23 บริษัทมีรายได้เติบโตดี ส่วนอีก 5 บริษัทมีรายได้ลดลง และ 2 บริษัท รายได้ยังไม่ดีนัก เมื่อนำมาคำนวณรวมกัน รายได้ย้อนหลัง 1 ปี ณ สิ้นเดือนมิถุนายน 2564 เติบโต 33%

นักวิเคราะห์มองว่า ปี 2563 ยอดขายของกัญชาที่ถูกกฎหมายจะเติบโต 23% มีมูลค่าประมาณ 22,800 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ส่วนปี 2564 ยอดขายจะโตไปอีก 24% อยู่ที่ 28,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

Jitta Wealth มองว่า ธุรกิจกัญชายังอยู่ในช่วงเริ่มต้น และมีศักยภาพเติบโตสูงในอนาคต และหุ้นกัญชามูลค่าต่ำกว่าพื้นฐาน (Undervalued) แต่การลงทุนในธุรกิจกัญชายังมีความเสี่ยงด้านการเมือง กฎหมาย และคุณภาพหุ้นบริษัทกัญชา


ทางการจีนยังคุมเข้มบริษัทเทคโนโลยี

ประเด็นเรื่องทางการจีนเข้มงวดบริษัทเทคโนโลยีของตัวเอง มีมาตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน ปี 2563 แล้วครับ

เริ่มตั้งแต่เพ่งเล็ง Alibaba จากการเข้า IPO ของ Ant Group บริษัทลูกที่ทำธุรกิจด้านฟินเทค สุดท้ายก็เบรกการระดมทุนเข้าตลาดหุ้นฮ่องกงไปเป็นที่เรียบร้อย

หลังจากนั้นก็มีข่าวลบๆ กับหุ้นเทคโนโลยีจีนมาโดยตลอด เช่น กลุ่มธุรกิจ Tencent แอปส่งอาหาร Meituan แอปเรียกรถแท็กซี่ DiDi และล่าสุดกำลังจะออกกฎคุมสถาบันกวดวิชา รวมไปถึง Tech Education ที่อยู่ในตลาดหุ้นจีน 

เป้าหมายที่ทางการจีนต้องการตรวจสอบ มี 2 เรื่อง คือ ประเด็นแรก อำนาจเหนือตลาดของบริษัทเทคโนโลยีขนาดใหญ่ อย่าง Alibaba Tencent Meituan และบริษัทอื่นๆ 

ประเด็นที่สอง ข้อมูลผู้ใช้งานแพลตฟอร์มอินเทอร์เน็ต เมื่อแต่ละบริษัทครอบครอง Big Data เหล่านี้ และรัฐบาลไม่ได้มีมาตรการเฝ้าระวังและคุ้มครองไว้ หากมีประเด็นข้อมูลรั่วไหลออกไป เมื่อถึงเวลานั้น ทั้งรัฐบาลและบริษัทเทคโนโลยีอาจจะแก้ไขและป้องกันไม่ทันท่วงที

ดังนั้นทางการจีนกำลังจัดทำร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอำนาจเหนือตลาดและการละเมิดข้อมูลผู้ใช้งานและของบริษัทเทคโนโลยี คาดการณ์จะบังคับใช้ภายในปี 2564 

ล่าสุดหน่วยงานกำกับดูแลตลาดหุ้นได้เปิดเผยร่างกฎเกณฑ์ที่ปรับปรุงการแข่งขันที่เป็นธรรม และสั่งห้ามรีวิวปลอม รวมไปถึงการรีวิวแอป สินค้า และบริการบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่ดูดีเกินจริง

ส่วนความคืบหน้าในการตรวจสอบแพลตฟอร์มดิจิทัลที่กุมข้อมูลผู้ใช้งานจีน กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีสารสนเทศ (MIIT) ของจีน ระบุว่า แอปพลิเคชัน 43 ราย รวมถึง WeChat ของ Tencent ถูกพบว่า มีการถ่ายโอนข้อมูลผู้ใช้งานแอปอย่างผิดกฎหมาย และสั่งให้บริษัทแม่ดำเนินการแก้ไขแล้ว 

แอปอื่นๆ เช่น E-reading ของ Alibaba จองตั๋วและที่พักออนไลน์ Trip.com และทีวีสตรีมมิง iQiyi ทางการจีนสั่งให้ตรวจสอบภายใน ดูแลการจัดเก็บข้อมูลไม่ให้ละเมิดสิทธิผู้บริโภค

ก่อนหน้านี้สำนักงานกำกับดูแลด้านไซเบอร์สเปซ (CAC) ได้แจ้งและตักเตือน 351 แอปพลิเคชันที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้งาน และมีอีก 25 รายที่โดนสั่งลบออกจากแอปสโตร์ เพราะละเมิดสิทธิการเก็บข้อมูลส่วนบุคคล เหมือนที่ DiDi เจอก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม Tencent ที่โดนเพ่งเล็งมาโดยตลอด ทั้งประเด็นการละเมิดข้อมูลผู้ใช้งานและอำนาจเหนือตลาด กลับแสดงความเห็นว่า บริษัทเทคโนโลยีควรเตรียมความพร้อมสำหรับกฎระเบียบและความไม่แน่นอนที่กำลังเกิดขึ้น เชื่อว่าในที่สุดทางการจีนต้องการสร้างเส้นทางการดำเนินธุรกิจที่ยั่งยืนสำหรับทุกฝ่าย 

และแม้จะเจอการปราบปรามจากรัฐบาล แต่ Tencent มีกำไรในไตรมาสที่ 2 เติบโต 29% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ 

Jitta Wealth มองว่า เราคงต้องรอความชัดเจนจากทางการจีน เมื่อร่างกฎหมายบังคับใช้แล้ว แต่ละบริษัทเทคโนโลยีก็ต้องปฏิบัติตาม เพื่อให้สามารถทำธุรกิจต่อไปได้ ซึ่งเป็นการปรับตัวจากทั้งภาครัฐและเอกชน เพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่ายในระยะยาว


นี่คือ สรุปข่าวสารการลงทุนทั่วโลกที่ทีมงาน Jitta Wealth ได้รวบรวมมาให้คุณได้อัปเดต มีทั้งข่าวที่ทำให้พอร์ตเติบโตได้ดี และข่าวที่ทำให้พอร์ตมีความผันผวน

อยู่ที่ความเข้าใจต่อสินทรัพย์ที่คุณลงทุนอยู่ รวมไปถึงความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ ยิ่งถ้าคุณเผชิญวิกฤตหนักๆ มาแล้ว ไม่ว่าจะเป็น Covid-19 หรือนานกว่านั้นอย่างซับไพรม์ในสหรัฐฯ ปี 2551 

คุณจะรู้ว่า หากมีวินัยลงทุนและรีวิวพอร์ตอยู่เสมอ เพิ่มทุนและกระจายความเสี่ยงได้ดี พอร์ตของคุณจะแข็งแกร่งมากพอที่จะผ่านวิกฤตที่เกิดขึ้นได้

แล้วพบกันสัปดาห์หน้า


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – ปรับพอร์ตลงทุนรับมาตรการ Fed

Jitta Wealth Journal – 3 หุ้นวัคซีน ส้มหล่นรับ Covid-19 กลายพันธุ์

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด