Jitta Wealth Journal - บทเรียนในช่วงที่หุ้นเวียดนามขาขึ้น

8 มิถุนายน 2564Jitta WealthJitta Wealth Journal

S&P 500 จะโต 362% อีก 17 ปีข้างหน้า

Jitta Wealth Journal ฉบับที่ 28 ประจำวันที่ 8 มิถุนายน 2564 มีประเด็นข่าวและสถานการณ์การลงทุนทั่วโลกที่น่าสนใจ ดังนี้ 

  • ดัชนี VNI ปิดแดนลบในรอบ 7 วันทำการ
  • S&P 500 จะพุ่งได้อีก 362% ในอีก 17 ปีข้างหน้า
  • Foxconn จับมือกับ PTT ลงทุนผลิต EV ในไทย
  • เงินเฟ้อไทยเดือน พ.ค. พุ่งขึ้น 2.44%
  • Yellen มองเงินเฟ้อเร่งตัว ดอกเบี้ยขาขึ้นเป็นผลดีต่อสหรัฐฯ
  • ราคาหุ้นสุขภาพและสินค้าเด็กในจีนพุ่ง ขานรับนโยบายลูก 3 คน
  • ดัชนี PMI ของจีน เดือน พ.ค. สูงสุดในรอบ 6 เดือน
  • ยอดส่งออกจีนโต 27.9% นำเข้าโต 51.1%
  • 7 ประเทศ EU ออกใบรับรองฉีดวัคซีน เปิดรับนักท่องเที่ยว
  • Alibaba Google และอีก 300 บริษัทขอไลเซนส์เหรียญดิจิทัล

ไปติดตามกันได้เลย


Jitta Wealth

Jitta Ranking Vietnam

โอกาสลงทุน ‘หุ้นดี ราคาถูก’ ที่วิเคราะห์คัดเลือกด้วย AI ตามหลักการลงทุนของ Warren Buffett 

ศึกษาหลักการลงทุนเพิ่มเติม


ดัชนี VNI ปิดแดนลบในรอบ 7 วันทำการ

เปิดทำการต้นสัปดาห์ 7 มิ.ย. ดัชนี VNI ปิดลบ 1.11% ที่ 1,358.78 จุด ขาลงครั้งแรกในรอบ 7 วันทำการ แต่ยังยืนเหนือ 1,300 จุดมาตลอดนับตั้งแต่ 25 พ.ค.

นิวไฮสูงสุดของดัชนี VNI แห่งตลาดหลักทรัพย์โฮจิมินห์ตอนนี้อยู่ที่ 1,374.05 จุด เมื่อวันที่ 4 มิ.ย. ที่ผ่านมา

รู้หรือไม่ว่า ช่วงที่ดัชนี VNI ทะลุ 1,200 จุด เดือน เม.ย. มีวันที่ร่วงแรง 2-3% เลย หายไปที 30-40 จุด ถึงจะไม่หลุด 1,200 จุด แต่ก็ทำให้นักลงทุนอกสั่นขวัญแขวนได้

ใครจะคาดการณ์ได้ว่า พอย่อตัวเพียงไม่กี่วัน ผ่านไปเพียง 1 เดือน ดัชนี VNI ก็ทะลุ 1,300 จุดได้อย่างสบายๆ ความเคลื่อนไหวของดัชนีตลาดหุ้นเวียดนามกำลังให้บทเรียนหลายอย่างเลย

  1. ตลาดหุ้นเวียดนามโตตามเศรษฐกิจของประเทศ มีตัวเลขจากสำนักวิจัยทั่วโลก ล่าสุด Standard Chartered คาดว่า GDP เวียดนามจะโต 6.7% ในปี 2564 และ 7.3% ในปี 2565
  2. บริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นเวียดนามมีแนวโน้มเติบโตตามเศรษฐกิจ จากการลงทุนภาครัฐและเอกชน การบริโภคของประชาชน และการส่งออก ส่งผลให้งบการเงินของแต่ละบริษัทก็แข็งแกร่ง 
  3. ตลาดหุ้นเวียดนามพุ่งขึ้นทั้งดัชนีและเม็ดเงินไหลเข้า สะท้อนความเชื่อมั่นมากขึ้นจากนักลงทุน ส่วนใหญ่ยังขับเคลื่อนจากกลุ่มรายย่อยและสถาบันในประเทศ จากบัญชีซื้อขายรวมมากกว่า 3.14 ล้านบัญชี 
  4. ตลาดหุ้นเวียดนามมี Mass Participation จากนักลงทุนในประเทศ ด้วยรายได้ที่มากขึ้น มาตรการ Social Distancing ทำให้ประชาชนให้ความสนใจลงทุนในตลาดหุ้น ดังนั้นมีความเป็นไปได้ที่จะมีแรงขายทำกำไรออกมาบ้าง

ยังมีอีกหลายปัจจัยที่มีส่วนช่วยหนุนตลาดหุ้นเวียดนาม ไม่ว่าจะเป็นดอกเบี้ยต่ำ หนุนให้เอกชนเร่งลงทุน ประชากรส่วนใหญ่อยู่ในวัยทำงาน เป็นตลาดแรงงานใหญ่ดึงดูดเม็ดเงินลงทุนทั่วโลก

ขณะที่ความกังวลการระบาดรอบใหม่ของ Covid-19 ยังไม่สะเทือนตลาดหุ้นเวียดนามมากนัก ส่วนรัฐบาลเวียดนามเอง ก็มีความพยายามสร้างฐานการผลิตวัคซีน Sputnik V จากรัสเซียด้วย หลังจากที่สั่งซื้อวัคซีนมาแล้ว 20 ล้านโดส

Jitta Wealth มองว่า ด้วยปัจจัยพื้นฐานเชิงบวกต่างๆ มีส่วนช่วยดันให้ตลาดหุ้นเวียดนามเป็นขาขึ้น เพราะช่วงนี้เป็นวัฏจักรการฟื้นตัว ขณะที่หุ้นแต่ละบริษัทมีศักยภาพเติบโตด้วยงบการเงินที่แข็งแกร่ง

แต่โอกาสที่ดัชนีปิดในแดนลบก็เกิดขึ้นได้ตลอดเวลา อยู่ที่ว่า นักลงทุนแต่ละคนจะรับมือในวันที่ดัชนีขาลงอย่างไร จะมองเป็นโอกาสลงทุนเพิ่มหรือไม่ ดัชนีลดลงมันอาจจะเกิดขึ้นแค่ไม่กี่วันก็ได้

ถ้าคุณลงทุนระยะยาว อาจจะไม่มีประโยชน์ที่จะหาเหตุผลว่า ทำไมดัชนีหุ้นถึงลง ขอเพียงเชื่อมั่นในหุ้นเวียดนาม กระจายความเสี่ยงอย่างเหมาะสม และเพิ่มทุนอย่างสม่ำเสมอ คุณจะเห็นผลได้ชัดเจนมากขึ้น เมื่อเวลาผ่านไป 5-10 ปี


Jitta Wealth

Jitta Ranking – บันทึกพอร์ตลงทุนของหนูไอวี่อายุ 4 ขวบ

ครบขวบปีที่ 4 ที่คุณตราวุทธิ์ได้เริ่มลงทุนให้น้องไอวี่ พอร์ตลงทุน Jitta Ranking หุ้นไทย ผ่านช่วงที่ตลาดหุ้นดิ่งลงอย่างหนัก จนพลิกกลับมาเป็นบวกเกือบ 40% ในรอบ 1 ปี มาดูกันว่า พอร์ตของน้องไอวี่เอาชนะดัชนีตลาดได้อย่างไร

อ่านต่อ


S&P 500 จะพุ่งได้อีก 362% ในอีก 17 ปีข้างหน้า

Tom Lee ผู้ก่อตั้ง Fundstrat ประเมินว่า ดัชนี S&P 500 จะวิ่งขึ้นไปได้สูงถึง 19,350 จุด ภายในปี 2581 เพิ่มขึ้นกว่า 362% จากดัชนีตอนปิดตลาดวันที่ 3 มิ.ย. 4,192.85 จุด

เขามองว่า เจนเนอเรชันมิลเลนเนียล (เกิดช่วงปี 2523 – 2539) จะมีส่วนดันให้เศรษฐกิจสหรัฐฯ โตขึ้นในอีก 2 ทศวรรษข้างหน้า เพราะพวกเขาเป็นประชากรกลุ่มใหญ่ของประเทศ และจะต้องการที่อยู่อาศัยและรถยนต์ในอนาคต

คนกลุ่มมิลเลนเนียลจะเริ่มสร้างครอบครัว โดย Lee คาดว่า บ้านใหม่จะเพิ่มขึ้น 2.5 ล้านยูนิตต่อปี ในอีก 10 ปีข้างหน้า ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2513 ตัวเลขจดทะเบียนที่อยู่อาศัยของสหรัฐฯ ยังไม่เคยแตะระดับนี้เลย

Lee ประเมินว่า ตลาดหุ้นสหรัฐฯ จะยังอยู่ในภาวะกระทิง (Bull) ไปถึงจุดพีคในช่วง 2 ทศวรรษข้างหน้าเช่นเดียวกัน ดังนั้นนักลงทุนยังควรเพิ่มน้ำหนักลงทุนในหุ้นดัชนี S&P 500 ด้วย 4 เหตุผล ดังนี้

  1. ธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) จะใช้นโยบายการเงินผ่อนปรน เช่น ลดเม็ดเงิน QE หรือขึ้นดอกเบี้ยนโยบายในอนาคต 
  2. นักลงทุนสถาบันในสหรัฐฯ มีเงินสดในมือ 3.2 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ พร้อมเข้าลงทุนในตลาดเงินตลาดทุน
  3. เศรษฐกิจทั่วโลกพร้อมออกจากภาวะหดตัว (Depression) หลัง Covid-19
  4. คนกลุ่มมิลเลนเนียลทั่วโลกกำลังอยู่ในช่วงเวลาสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ 

Jitta Wealth

จัดพอร์ตลงทุน Global ETF เอาชนะ ‘เงินเฟ้อ’ ด้วย Modern Portfolio Theory

ก่อนจะมาเป็น Global ETF ได้นั้น Jitta Wealth ได้ค้นคว้าจนมาเจอทฤษฎีที่น่าสนใจอย่าง MPT โดยมีจุดยืนที่ว่า พอร์ตลงทุนที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่สุด บนความเสี่ยงที่ยอมรับได้ แล้วทฤษฎีนี้จะช่วยคุณเอาชนะเงินเฟ้ออย่างไร มาดูกัน

อ่านต่อ


สรุปสถานการณ์ทั่วโลกที่น่าสนใจ

📌 Foxconn ผู้ผลิตชิ้นส่วนและประกอบ iPhone ประกาศเมื่อสัปดาห์ที่แล้วว่า ได้ร่วมมือกับบมจ. ปตท. (PTT) เพื่อที่จะกระโดดเข้าสู่อุตสาหกรรมผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (EV) อย่างเต็มตัว ทั้งไลน์การประกอบรถและผลิตชิ้นส่วนที่เกี่ยวข้อง 

Foxconn ได้เตรียมการเข้าสู่อุตสาหกรรม EV มานานแล้ว ก่อนหน้านี้ได้ทำข้อตกลงร่วมกับผู้ผลิต EV จากจีนอย่าง Byton และ Geely รวมทั้ง Stellantis จากอิตาลี

Foxconn วางแผนว่า แพลตฟอร์ม EV จะผลิตที่บริษัทพันธมิตร MIH ในไทยและจะผลิตชิ้นส่วนรถ EV ให้มีสัดส่วน 10% ของยอดขาย EV ทั่วโลก ในปี 2568-2570

📌 ตัวเลขเงินเฟ้อไทยยังมีการเร่งตัวขึ้น โดยในเดือน พ.ค. พุ่ง 2.44% หลังจากที่เดือน เม.ย. พุ่ง 3.41% 

กระทรวงพาณิชย์ยังประเมินว่า เงินเฟ้อพื้นฐานเดือนที่แล้ว เกิดจากราคาน้ำมันที่เพิ่มขึ้น 36.5% เทียบจากปีที่แล้ว ส่งผลให้ต้นทุนราคาอาหารสดเพิ่มขึ้น ส่วนหนึ่งมาจากความต้องการจากทั้งตลาดในประเทศและส่งออก

กระทรวงพาณิชย์ คาดว่า ตัวเลขเงินเฟ้อจะยังเร่งตัวขึ้นในเดือน มิ.ย. แต่จะชะลอตัวลงในช่วงที่เหลือของปี เนื่องจากราคาน้ำมันครึ่งปีหลัง 2563 เริ่มทรงตัวแล้ว

ขณะที่ตัวเลขเงินเฟ้อ 5 เดือนแรกของปี 2564 อยู่ที่ 0.83% คาดว่า ทั้งปี 2564 เงินเฟ้อจะอยู่ในกรอบ 0.7-1.7%  

📌 Janet Yellen รัฐมนตรีคลังสหรัฐฯ มั่นใจว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจกว่า 4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ภายใต้การนำของ Joe Biden จะส่งผลดีต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ แม้ว่าจะทำให้เงินเฟ้อเร่งตัวและดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น

Yellen มองว่า 2 ปัจจัยนี้ต้องเกิดขึ้นตามมาจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอยู่แล้ว และสหรัฐฯ เองก็ต่อสู้กับตัวเลขเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยขาลงมานานกว่าทศวรรษ นับจากวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ก็ว่าได้

สหรัฐฯ ต้องการให้ทั้งตัวเลขเงินเฟ้อและอัตราดอกเบี้ยกลับเข้าสู่ภาวะปกติ มันไม่ใช่ภาวะแย่ลง แต่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น 

📌 ราคาหุ้นสุขภาพและสินค้าเด็กอ่อนในจีนพุ่งสูงสุดถึง 10% ตั้งแต่วันที่ 1 มิ.ย. ขานรับนโยบายลูก 3 คนของรัฐบาล โดยนโยบายนี้หวังจะเพิ่มอัตราการเกิดใหม่ในระยะยาว 

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ประชากรจีนมีอัตราการขยายตัวช้าที่สุดนับตั้งแต่ปี 2493 คนเกิดใหม่น้อยลง สัดส่วนผู้สูงอายุก็เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง รัฐบาลจีนจึงต้องออกนโยบายใหม่ ปรับโครงสร้างประชากร 

หลังจากประกาศนโยบายลูก 3 คน ราคาหุ้น Beingmate Baby & Child Food ผู้ผลิตนมผงทารกรายใหญ่เพิ่มขึ้นกว่า 8% ส่วน Yihua Healthcare Co ธุรกิจโรงพยาบาล ผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ และบ้านพักคนชรา ราคาพุ่งกว่า 10% 

อย่างไรก็ตาม ชาวเน็ตจีนกลับมองว่า นโยบายจะไม่ช่วยเพิ่มอัตราการเกิด แม้ว่ารัฐบาลจะลดค่าเล่าเรียน ลดหย่อนภาษี และอุดหนุนราคาที่อยู่อาศัย เพราะพ่อแม่ยุคใหม่มีต้นทุนการเลี้ยงดูบุตรสูงขึ้น

📌 ดัชนี PMI (Purchasing Managers Index) ภาคการผลิตของจีน พุ่งถึง 52 ในเดือน พ.ค. สูงสุดในรอบ 6 เดือน มากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดไว้ ได้แรงส่งจากการฟื้นตัวของอุปสงค์ในประเทศและการส่งออก

หากดัชนีมีค่าเกิน 50 หมายถึง ภาคการผลิตของจีนยังคงมีการขยายตัว น้อยกว่า 50 คือ ภาคการผลิตหดตัว

แต่นักเศรษฐศาสตร์ของไฉซิน อินไซด์ กรุ๊ป กลับมองว่า ราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่เร่งตัวขึ้น เริ่มส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ บางบริษัทเริ่มกักตุนสินค้า และมีปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบ

📌 สำนักงานศุลกากรของจีน (GAC) รายงานยอดส่งออกเดือน พ.ค. เพิ่มขึ้น 27.9% โตลดลงจากเดือน เม.ย. เพราะการระบาด Covid-19 ในมณฑลกวางตุ้ง ทำให้ปริมาณการส่งออกจากเมืองท่าอย่างเซินเจิ้นและกวางโจวลดลง

ขณะที่ยอดนำเข้าโต 51.1% ในเดือนเดียวกัน เป็นตัวเลขขยายตัวรวดเร็วที่สุดในรอบ 10 ปี เนื่องจากราคาสินค้าโภคภัณฑ์ที่พุ่งขึ้น ทำให้จีนยังคงมียอดเกินดุลการค้าในเดือน พ.ค. 45,530 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

📌 7 ประเทศสหภาพยุโรป (EU) เปิดตัวใบรับรองดิจิทัล Covid-19 เร็วกว่ากำหนด หวังเปิดพรมแดนรับการท่องเที่ยวในช่วงซัมเมอร์นี้ 

ประกอบด้วย บัลแกเรีย สาธารณรัฐเช็ก เดนมาร์ก เยอรมนี กรีซ โครเอเชีย และโปแลนด์ ที่เปิดตัวใบรับรองดิจิทัล เร็วกว่ากำหนดเดิม 1 เดือน เพื่อรับรองการฉีดวัคซีนป้องกัน Covid-19 หรือการตรวจว่าไม่ติดเชื้อ หายจากการป่วยแล้ว

📌 Alibaba และ Google รวมอีกกว่า 300 บริษัททั่วโลก ตบเท้าขอไลเซนส์เพื่อให้บริการคริปโทเคอร์เรนซีในสิงคโปร์ หลังจากธนาคารกลางประกาศใช้กฎหมายการให้บริการชำระเงินฉบับใหม่ ครอบคลุมไปถึงธุรกรรมของสินทรัพย์ดิจิทัล

ปัจจุบันทาง The Monetary Authority of Singapore (MAS) กำลังเร่งพิจารณา ตรวจสอบ และดำเนินการคำร้องจากหลายร้อยบริษัท โดยจะให้ใบอนุญาตกับบริษัทที่มีคุณสมบัติเหมาะสม


ในช่วงครึ่งหลังของปี 2564 แนวโน้มเศรษฐกิจฟื้นตัวจะชัดเจนมากขึ้น เพราะวัคซีน Covid-19 กำลังกระจายไปทั่วโลก หลายประเทศเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ สามารถเปิดพรมแดนกระตุ้นการท่องเที่ยวได้

Jitta Wealth ยังมีมุมมองเชิงบวกในสถานการณ์ช่วงนี้ เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัวไปในทิศทางที่ดี ดัชนีตลาดหุ้นหลายประเทศ รวมทั้งไทยจะเป็นขาขึ้น

แม้ว่า ยังมีข่าวการระบาด Covid-19 รอบใหม่อยู่บ้าง แต่ทุกประเทศผ่านบทเรียนมามากมายแล้ว ดังนั้นจะสามารถจัดการและควบคุมไม่ให้เกิดผลกระทบต่อเศรษฐกิจโดยรวมได้

แล้วพบกันสัปดาห์หน้า


อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

Jitta Wealth Journal – วิธีรับมือดัชนี VNI ทะลุ 1,300 จุด

Jitta Wealth Journal – Travel Tech เตรียมทะยาน เกาะกระแสเปิดประเทศ

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด