Jitta Wealth Journal - ขึ้นภาษี Capital Gain สหรัฐฯ จะส่งผลอย่างไร

27 เมษายน 2564Jitta Wealth Journal

กรุงเทพฯ ล็อกดาวน์ เศรษฐกิจไทยเอาไงต่อ

Jitta Wealth Journal ฉบับที่ 23 ประจำวันที่ 27 เม.ย. มีประเด็นข่าวที่น่าติดตามและมีผลกระทบต่อการลงทุนทั้งไทยและต่างประเทศ ดังนี้

  • ไทยเร่งอัดฉีดเม็ดเงิน ระบาดรอบ 3 เศรษฐกิจทรุดหนัก
  • จับตาร่างเก็บภาษี Capital Gain สหรัฐฯ 
  • สหรัฐฯ ฉีดวัคซีน Covid-19 ครบ 222 ล้านโดสภายใน 100 วันแรก

นอกจากนี้ Jitta Wealth ได้ลดเงินลงทุนเริ่มต้นเหลือ 1 ล้านบาท สำหรับกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking เวียดนาม จากเดิมที่ 3 ล้านบาท เพื่อให้คุณเข้าถึง ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ ได้ง่ายขึ้น ลงทุน ‘หุ้นดีราคาถูก’ ตามสไตล์ Warren Buffett

หากใครอยากสร้างความมั่นใจต่อตลาดหุ้นเวียดนามมากขึ้น สงสัยว่า ดัชนี VNI ทำนิวไฮไปแล้ว ราคาหุ้นแพงหรือยัง ลองอ่าน นานาเหตุผลที่ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ น่าลงทุน ได้

วันอาทิตย์ที่ผ่านมา เราได้มีโอกาสจัด Exclusive Q&A with CEO ผ่าน Zoom เปิดโอกาสให้ผู้ที่สนใจลงทุนกับ Jitta Wealth ได้เข้ามาสอบถามบริการกองทุนส่วนบุคคล และมุมมองการลงทุนในช่วงนี้ ลองดูวิดีโอหรืออ่านสรุปได้  

นอกจากนี้เพจ ‘Stock Vitamins - วิตามินหุ้น’ ได้เขียนบทความ วิธีจัดพอร์ตรับมือความไม่แน่นอน รีวิวหลักการ ‘จัดสรรสินทรัพย์’ และ ‘กระจายความเสี่ยง’ จากสินทรัพย์ทางการเงินทั่วโลก กว่าจะมาเป็นกองทุนส่วนบุคคล Global ETF

ไปติดตามกันได้เลย


ไทยเร่งอัดฉีดเม็ดเงิน ระบาดรอบ 3 เศรษฐกิจทรุดหนัก

เศรษฐกิจไทยกำลังจะลืมตาอ้าปากได้อีกครั้ง ด้วยความหวังที่ภาคการท่องเที่ยวจะกลับมา เตรียมแผนเปิดประเทศอย่างเป็นรูปธรรม แต่ยังไม่ทันได้ฉลองสงกรานต์ เรากลับต้องเผชิญการระบาดรอบที่ 3 เสียแล้ว

ล็อกดาวน์ครั้งนี้ มีผลเฉพาะในกรุงเทพฯ เท่านั้น โดยจะปิดสถานที่เสี่ยง หลีกเลี่ยงการรวมตัวกันเป็นหมู่คณะ เริ่ม 26 เม.ย. เป็นต้นไป คาดว่า ใช้เวลา 14 วัน ช่วงเวลาที่ควรงดออกจากบ้าน คือ 5 ทุ่มถึงตี 4

นอกจากมาตรการล็อกดาวน์ของกรุงเทพฯ แล้ว อีกหลายจังหวัดทั่วประเทศ ก็ออกโทษปรับ 20,000 บาท หากไม่สวมหน้ากากผ้าหรือหน้ากากอนามัยด้วย เรียกได้ว่า คุมเข้มกันเลยทีเดียว  

สำหรับ Covid-19 ระบาดรอบที่ 3 ในไทย ส่งผลกระทบไปทุกหย่อมหญ้า โดยเฉพาะตัวเลขผู้ป่วยรายวัน ทะลุหลักพันมาร่วม 2 สัปดาห์แล้ว และยังไม่มีทีท่าว่ากราฟที่พุ่งขึ้นจะหักหัวลงในเร็ววันนี้

ม.หอการค้าไทย คาดว่า วิกฤตระบาดครั้งนี้ส่งผลให้เม็ดเงินทางเศรษฐกิจหายไปราวๆ 300,000 ล้านบาท หากรัฐบาลไม่มีมาตรการเยียวยาใดๆ หรือเพิ่มเงินในกระเป๋าให้ประชาชน อาจจะทำให้เศรษฐกิจไทยโตเบาบางเพียง 1.2% เท่านั้น

รัฐบาลยังมีเงินกู้เหลือราวๆ 200,000 ล้านบาท จำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำเงินส่วนนี้มาอัดฉีดและเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบในช่วงไตรมาสที่ 2 เพื่อให้ไตรมาสที่ 3 เศรษฐกิจไทยกลับมาฟื้นตัวได้

ตอนนี้ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากรายได้ที่ลดลง 15% ทั้งจากการต้องหยุดงานหรือลดเงินเดือน ยิ่งถ้าแผนจัดการวัคซีนยังไม่ครอบคลุม 70-80% จนเกิดภูมิคุ้มกันหมู่ การระบาดรอบที่ 4 ก็มีโอกาสเกิดขึ้นได้ในปีนี้ และเศรษฐกิจไทยอาจจะหดตัวต่อเนื่อง 

ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นเครื่องยนต์สำคัญของเศรษฐกิจไทย ท่ามกลางความหวาดหวั่นต่อการระบาดรอบที่ 3 แต่รัฐบาลไทยยังยืนยันไทม์ไลน์เดิมในการเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว โดยภูเก็ตยังเป็นจังหวัดนำร่อง เปิดให้ชาวต่างชาติเข้าได้ 1 ก.ค. นี้ 


Exclusive Q&A with CEO

วันอาทิตย์ที่ 25 เม.ย. ที่ผ่านมา คุณตราวุทธิ์ได้มีโอกาสเปิดห้อง Zoom เพื่อตอบคำถามนักลงทุนเกี่ยวกับบริการของ Jitta Wealth และการรับมือทุกความเสี่ยงจากสถานการณ์การลงทุนทั่วโลก อ่านสรุปคำถาม-ตอบและดู Webinar ย้อนหลังได้ที่ลิงก์ด้านล่างนี้เลย

ดูวิดีโอ

อ่านสรุป


Jitta Ranking ตอนที่ 1 - นานาเหตุผลที่ ‘ตลาดหุ้นเวียดนาม’ น่าลงทุน

3 เหตุผลที่จะบอกว่า ทำไมตลาดหุ้นเวียดนามยังทำนิวไฮได้อีก และอีก 6 เหตุผลที่เศรษฐกิจเวียดนามยังโตแรงได้อีก ดัชนีทะลุ 1,200 จุดไปแล้ว แพงไปหรือยัง รับมืออย่างไรดี บทความนี้...มีคำตอบ

อ่านต่อ


จัดพอร์ตลงทุนหุ้นเวียดนามกับ Jitta Wealth พร้อมรับเศรษฐกิจขาขึ้น

ลงทุน 'หุ้นดีราคาถูก' ในตลาดหุ้นเวียดนาม ไปกับกองทุนส่วนบุคคล Jitta Ranking ที่มาพร้อมกับระบบ AI คัดเลือกหุ้นตามแนวทาง Warren Buffett พร้อมปรับพอร์ตอัตโนมัติ ด้วยเงินเริ่มต้น 1 ล้านบาท

 ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปีของ Jitta Ranking เวียดนาม เฉลี่ยอยู่ที่ 141.77%*

แม้จะเพิ่งประเดิมนิวไฮใหม่ แต่เศรษฐกิจยังมีแนวโน้มขยายตัวได้อีกเยอะมาก ด้วยปัจจัยพื้นฐานอันแข็งแกร่ง เศรษฐกิจที่เติบโตถึงเป็นอันดับต้นๆ ของโลก การส่งออกที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง เงินทุนต่างชาติที่ไหลเข้าไม่หยุด และการควบคุมโรคระบาด Covid-19 อย่างมีประสิทธิภาพ

นี่คือโอกาสสำคัญที่จะร่วมเป็นส่วนหนึ่งของการเติบโตของตลาดหุ้นเวียดนาม ผ่านการลงทุนใน 'หุ้นพื้นฐานดี ราคาเหมาะสม' ใน Ho Chi Minh City Stock Exchange (HOSE) และ Hanoi Stock Exchange (HNX)

อ่านข้อมูลเพิ่มเติม

*ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี ณ วันที่ 1 เม.ย. 64 ของพอร์ตนักลงทุน Jitta Ranking เวียดนาม ที่ลงทุนมานานกว่า 1 ปี ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจลักษณะสินค้า เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน


จับตาร่างเก็บภาษี Capital Gain สหรัฐฯ 

ประธานาธิบดี Joe Biden กำลังวางแผนขึ้นภาษี Capital Gain (กำไรส่วนทุนจากการขายสินทรัพย์) จากการลงทุนในหุ้นสูงถึง 39.6% สำหรับผู้ที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ จากอัตราเดิมที่ 28% 

แผนการขึ้นภาษีนี้อาจจะกระทบต่อความเคลื่อนไหว 3 ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ แต่ยังต้องรอให้ผ่านสภาคองเกรส ซึ่งก็ยังไม่แน่นอน เพราะสมาชิกจากพรรค Democrat ยังไม่เห็นด้วย ไม่ต้องพูดถึงฝั่ง Republican ที่จะต่อต้านแผนนี้

แม้จะยังไม่มีความแน่ชัดว่า แผนการขึ้นภาษี Capital Gain จะมีผลเมื่อไร แต่ก็ทำให้นักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีความระมัดระวังในการลงทุนมากขึ้น

รอบสัปดาห์ที่ผ่านมา DJIA ลดลง 0.46% S&P500 ลดลง 0.13% และ Nasdaq ลดลง 0.25% นับเป็นตัวเลขติดลบที่เบาบาง เพราะเป็นช่วงที่บริษัทจดทะเบียนกำลังส่งรายงานผลประกอบการไตรมาสแรก ที่มีงบการเงินที่แข็งแกร่ง

ภาพรวมของเศรษฐกิจสหรัฐฯ กำลังฟื้นตัวได้ดี สะท้อนจากตัวเลขชี้วัดหลายตัว เช่น ดัชนีภาคการผลิต ดัชนีภาคบริการ ตัวเลขการว่างงานลดลง

เศรษฐกิจที่ไปในทิศทางที่ดีขึ้น 3 ดัชนีตลาดหุ้นสหรัฐฯ มีแนวโน้มเป็นตลาดกระทิง (Bull Market) แต่การเคลื่อนไหวของ 3 ดัชนีในช่วงระยะสั้นยังคงอยู่ในกรอบแคบ

เรามองว่า การขึ้นภาษี Capital Gain ตั้งใจเก็บเฉพาะคนที่มีรายได้สูงเท่านั้น ส่วนใหญ่นักลงทุนรายย่อยมีรายได้ประจำปีไม่ถึง 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ดังนั้นไม่น่าจะเกิดผลกระทบเป็นวงกว้าง ถ้าเป็นการขึ้นภาษีทุกฐานรายได้ น่ากังวลมากกว่า

นอกจากนี้นักลงทุนที่มีรายได้มากกว่า 1 ล้านดอลลาร์สหรัฐ พวกเขาจะมีการวางแผนภาษีเป็นอย่างดี บางคนตั้งเป็นนิติบุคคลหรือทรัสต์ส่วนตัว เพื่อกระจายฐานภาษีของตัวเอง ซึ่งก็เป็นอีกช่องทางที่ทำได้อย่างถูกต้อง 

ส่วนที่น่าจะกระทบต่อบริษัทจดทะเบียนในตลาดหุ้นสหรัฐฯ คือการขึ้นภาษีนิติบุคคลเป็น 28% จากเดิมที่ลดตอนสมัย Donald Trump เหลือ 21% เพราะอัตราภาษีใหม่ จะส่งผลต่อรายจ่ายที่เพิ่มขึ้น และกำไรสุทธิลดลง

อย่างไรก็ตามบริษัทจดทะเบียนในสหรัฐฯ ไม่ได้แหล่งที่มารายได้จากในประเทศเท่านั้น แต่ยังมีสำนักงานอื่นๆ ทั่วโลกที่มีอัตราภาษีนิติบุคคลน้อยกว่า จึงทำให้งบการเงินรวมและต้นทุนภาษีที่ต้องจ่ายให้รัฐบาลสหรัฐฯ ไม่สูงมากนัก


 วิธีจัดพอร์ตรับมือความไม่แน่นอน

หลักการ ‘จัดสรรสินทรัพย์’ และ ‘กระจายความเสี่ยง’ เป็นกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้พอร์ตลงทุนผันผวนน้อยลง ซึ่ง Global ETF คือกองทุนส่วนบุคคลที่ตอบโจทย์หลักการนี้ ลองทำความเข้าใจจากบทความเพจ Stock Vitamins - วิตามินหุ้น

อ่านต่อ


สหรัฐฯ ฉีดวัคซีน Covid-19 ครบ 222 ล้านโดสภายใน 100 วันแรก

แก้ไขภาวะโรคระบาด ‘Covid-19’ ที่สหรัฐฯ มีผู้ติดเชื้อมากที่สุดในโลก นับเป็นภารกิจสำคัญของ Biden นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งอย่างเป็นทางการเมื่อช่วงต้นปี 2564

สัปดาห์ที่แล้ว Biden ฉลองความสำเร็จการฉีดวัคซีนต้าน Covid-19 ครบ 222 ล้านโดสภายใน 100 วันแรก เกินจากเป้าหมายเดิมที่เคยประกาศไว้คือ 100 ล้านโดส ภายใน 100 วัน

Biden ให้ความสำคัญกับการช่วยเหลือประชาชนและบุคลากรทางการแพทย์ในการต่อสู้กับวิกฤต Covid-19 ที่ส่งผลต่อระบบสาธารณสุขและเศรษฐกิจของสหรัฐฯ รวมทั้งรับฟังข้อมูลทางการแพทย์อย่างละเอียด เพื่อจัดการกับปัญหาใหญ่นี้

Biden เคยพูดในช่วงหาเสียง เมื่อเดือนก.ย. 2563 ว่า วิกฤต Covid-19 ไม่ใช่เรื่องการเมือง แต่เป็นชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน เขาจึงทำแผนลงทุน 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐในการจัดทำแผนแจกจ่ายวัคซีนฟรี

ตอนนี้ทุกคนในสหรัฐฯ ที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป สามารถรับวัคซีน Covid-19 ได้ฟรี และ 50% ของชาวอเมริกันวัยผู้ใหญ่ ได้รับวัคซีนแล้ว 1 โดส และคนอายุ 65 ปีขึ้นไปได้รับวัคซีนต้าน Covid-19 ไปแล้ว 80% 

นอกจากการบริหารจัดการวัคซีนภายในประเทศที่ทำได้อย่างรวดเร็วแล้ว สหรัฐฯ ยังได้เข้าร่วมอยู่ในโครงการ Covax ที่ผลิตวัคซีนต้าน Covid-19 ให้กับประเทศยากจนอีกด้วย


ไม่มีใครคาดคิดว่า วิกฤต Covid-19 จะระบาดอีกครั้งเป็นรอบที่ 3

ตัวเลขผู้ป่วยรายวันทะลุหลักพันอาจจะดูน่ากลัว มาตรการล็อกดาวน์อาจจะส่งผลให้เศรษฐกิจไทยชะลอตัว แต่เรามีบทเรียนกันมาแล้ว ตลาดหุ้นไทยก็ไม่ได้ตกรุนแรงมาก เหมือนตอนที่ระบาดรอบแรก

นั่นหมายความว่า นักลงทุนหลายคนเข้าใจภาวะวิกฤต บางคนกลับมองว่า เวลานี้แหละต้องเพิ่มทุนอีก ยิ่งถ้าคุณมั่นใจในสินทรัพย์ว่า จะเติบโตในระยะยาว คุณจะไม่กังวล ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น

สำหรับสัปดาห์หน้าเป็นวันหยุดยาววันแรงงานและวันฉัตรมงคล ขอให้ทุกคนระมัดระวัง หลีกเลี่ยงเดินทาง ล้างมือ และสวมหน้ากากตลอดเวลา 

เราจะผ่าน Covid-19 รอบที่ 3 ไปด้วยกัน

อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

12 เหตุผลที่เวียดนามโตก้าวกระโดด

ได้เวลาเวียดนามเปิดประเทศ

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด