ทางเลือกในการวางแผนการเงินของคนไทย ที่ถูกพูดถึงทุกๆ ปี นั่นก็คือ การลงทุนเพื่อสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา
ด้วยวัตถุประสงค์ของรัฐบาลที่ต้องการส่งเสริมให้คนไทยเก็บออมเงิน สร้างความมั่งคั่งในระยะยาว จึงให้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ผ่านการลงทุนในรูปแบบต่างๆ ซึ่งมีเงื่อนไขแตกต่างกันออกไป ได้แก่
ก่อนหน้านี้ เคยมีการลงทุนผ่านกองทุนรวมหุ้นระยะยาว (LTF – Long Term Equity Fund) คนไทยได้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดามานานถึง 15 ปี
และปี 2565 เป็นปีที่เงินลงทุนใน LTF จะครบกำหนดเงื่อนไขระยะเวลาถือครอง 7 ปีปฏิทินเป็นปีแรก หากคุณกำลังตัดสินใจว่า เงินก้อนที่ลงทุนใน ‘LTF ครบกำหนด’ แล้วจะทำอย่างไรดี ถือต่อ ขายออก หรือหาทางเลือกการลงทุนใหม่ๆ ลองอ่านบทความนี้…ก่อนตัดสินใจ
หากคุณซื้อหน่วยลงทุน LTF ในปี 2562 ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา คุณสามารถขายหน่วยลงทุนในช่วงเวลาไหนก็ได้ในปี 2568
มันคือการนับระยะเวลาการถือครอง 7 ปีปฏิทิน เป็นเงื่อนไขที่เริ่มใช้เมื่อปี 2559 ดังนั้นหากคุณลงทุนในปีนั้น เงินก้อนแรกจะครบเงื่อนไขในปี 2565 นั่นเอง
โดยที่ก่อนหน้านี้ เงื่อนไขการถือครองหน่วยลงทุน LTF อยู่ที่ 5 ปีปฏิทิน
LTF หรือกองทุนรวมหุ้นระยะยาว เป็นสินทรัพย์การเงินที่กระทรวงการคลัง มีนโยบายส่งเสริมการลงทุนผ่านกองทุนรวม และเพื่อสร้างเสถียรภาพให้ตลาดหุ้นไทย โดยเริ่มให้สิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา ตั้งแต่ปี 2547 เป็นต้นมา
นโยบายการลงทุนของ LTF คือ ลงทุนในหุ้นไทยไม่น้อยกว่า 65% ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิ (NAV) และตั้งแต่ปี 2563 เป็นต้นมา รัฐบาลยกเลิกสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา สำหรับการลงทุน LTF แต่เงื่อนไขการถือครองให้ครบ 7 ปีปฏิทินยังเหมือนเดิม
นั่นหมายความว่า หากคุณมีเงินลงทุนใน LTF อยู่ เมื่อครบกำหนดแล้ว คุณจะมีทางเลือก ดังนี้
นอกจากนี้คุณสามารถเลือกลงทุนในหุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนรวม หรือกองทุนส่วนบุคคล เพื่อเพิ่มโอกาสสร้างความมั่งคั่ง ตามความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้
หากคุณต้องการขายคืน เพื่อนำเงินก้อนจากการลงทุนมานาน 7 ปี มาใช้จ่าย หรือไปจ่ายหนี้สินต่างๆ เช่น เงินกู้ซื้อบ้าน เพื่อลดต้นลดดอกเบี้ย ปลดภาระทางการเงินได้เร็วขึ้น ก็ทำได้เช่นกัน
ดังนั้น เงินลงทุนใน LTF ตั้งแต่ปี 2559-2562 คุณอาจจะเริ่มวางแผนตั้งแต่ช่วงปี 2565-2568 ว่าจะทำอย่างไรกับเงินก้อนนี้ดี
Jitta Wealth จะพาคุณไปหาคำตอบและวางแผนการเงิน รวมไปถึงเปรียบเทียบจุดเด่นและข้อจำกัดในรูปแบบการลงทุนอื่นๆ เพื่อช่วยให้คุณตัดสินใจได้ง่ายขึ้น
คุณมีทางเลือกในการลงทุนเสมอ สิ่งที่สำคัญที่สุด คือ การเลือกแผนการลงทุนที่ตรงกับความต้องการของคุณ ความเสี่ยงที่คุณยอมรับได้ และผลตอบแทนตามที่คุณคาดหวัง
LTF ถือเป็นสินทรัพย์การเงินในรูปแบบของกองทุนรวมประหยัดภาษี ตามหลักการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว คือ การทำให้เงินลงทุนงอกเงยต่อ สร้างผลตอบแทนทบต้น
หากคุณยังมั่นใจในสินทรัพย์เดิม คือ LTF คุณลงทุนต่อได้ แต่ถ้าคุณต้องการหาสินทรัพย์ใหม่ๆ ที่มองว่า จะเพิ่มโอกาสบริหารความมั่งคั่งได้ดีขึ้น ขาย LTF ครบกำหนด แล้วหาสินทรัพย์อื่นๆ ลงทุนต่อ ซึ่งก็คือ กลยุทธ์ Reinvestment (ลงทุนต่อ) นั่นเอง
ทีมงาน Jitta Wealth รวบรวม 5 ทางเลือก หากคุณต้องการขายเงินลงทุน LTF ครบกำหนด คุณมีทางเลือกมากมาย ดังนี้
Jitta Wealth หวังว่า เราจะเป็นทางเลือกของคุณ หากคุณต้องการสร้างความมั่งคั่งระยะยาว ไปกับสินทรัพย์ที่ดี มีคุณภาพ คัดสรรและวิเคราะห์ด้วยเทคโนโลยี AI (Artificial Intelligence ปัญญาประดิษฐ์) และพัฒนาระบบลงทุนอัตโนมัติ (Automated Investing) เพื่อมาช่วยในการจัดพอร์ตลงทุนให้มีประสิทธิภาพ ด้วยค่าธรรมเนียมที่ต่ำที่สุด
เงินลงทุนใน LTF ของคุณแต่ละปี มีเกณฑ์อยู่ว่า ลงทุนได้ไม่เกิน 15% ของรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท ดังนั้นไม่ว่าคุณจะมีฐานภาษีเท่าใด เงินก้อนแต่ละปีที่คุณจะขาย ‘LTF ครบกำหนด’ ได้ จะไม่สูงกว่า 500,000 บาท
หากคุณมีพอร์ตลงทุนกับ Jitta Wealth อยู่แล้ว และไม่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกองทุนรวม คุณมีทางเลือก ดังนี้
หากต้องการเริ่มต้นลงทุนกับ Jitta Wealth และไม่ต้องการใช้สิทธิประโยชน์ทางภาษีจากกองทุนรวม คุณมีทางเลือก ดังนี้
ความน่าสนใจหากคุณนำเงินลงทุน LTF มาลงทุนต่อในกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth มีมากมาย เช่น
3 ทางเลือกกับกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ได้แก่
เมื่อ LTF เป็นกองทุนรวมประหยัดภาษี หากคุณต้องการจะลงทุนต่อ เพื่อให้เงินงอกเงยระยะยาว พร้อมทั้งลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาได้อีกต่อ คุณมี 2 ทางเลือก ดังนี้
SSF หรือ กองทุนรวมเพื่อส่งเสริมการออมระยะยาว
เป็นสินทรัพย์การเงินที่รัฐบาลอนุมัติให้จัดตั้งขึ้นมาใหม่แทนที่ LTF เริ่มตั้งแต่ปี 2563-2567 โดยเปลี่ยนนโยบายการลงทุนให้กระจายความเสี่ยงในสินทรัพย์ที่หลากหลาย เช่น ตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนต่างประเทศ และ ETF ต่างประเทศ
เงื่อนไขการลงทุนใน SSF คือ ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 200,000 บาท (ปรับลดลงจาก LTF) มีเป้าหมายให้คนที่มีรายได้น้อยเข้าถึงการลดหย่อนภาษีได้มากขึ้น
นอกจากนี้ หากคุณลงทุนใน SSF คุณต้องถือครอง SSF นานถึง 10 ปี นับจากวันที่ลงทุน นั่นหมายความว่า ต้องเป็นเงินเย็น ไม่รีบใช้ เป็นการลงทุนระยะยาว ถ้าคุณตัดสินใจขายคืนก่อนกำหนด คุณต้องคืนภาษีที่คุณได้รับลดหย่อนย้อนหลังทุกปี และจ่ายภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาของกำไรจากการขาย (Capital Gains Tax) ด้วย
RMF หรือ กองทุนรวมเพื่อการเลี้ยงชีพ
เป็นสินทรัพย์การเงินที่จัดตั้งขึ้น เพื่อสนับสนุนให้คนไทยออมเงินเพื่อการเกษียณ นโยบายการลงทุนมีหลากหลายสินทรัพย์ เช่นเดียวกับ SSF ไม่ว่าจะเป็นตราสารหนี้ หุ้นไทย หุ้นต่างประเทศ กองทุนต่างประเทศ และ ETF ต่างประเทศ สามารถเลือกลงทุนได้ตามระดับความเสี่ยงที่คุณต้องการ
เงื่อนไขการลงทุนใน RMF คือ ลงทุนได้ไม่เกิน 30% ของรายได้พึงประเมินที่ต้องเสียภาษี แต่ไม่เกิน 500,000 บาท เมื่อนับรวมกับ SSF ประกันบำนาญ และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ
นอกจากนี้ คุณต้องลงทุนอย่างน้อย 5 ปีต่อเนื่อง และต้องมีอายุครบ 55 ปี ถึงจะสามารถขายคืนได้ และต้องลงทุนทุกปี หรือปีเว้นปี ดังนั้นจึงเป็นการลงทุนระยะยาว หากไม่ทำตามเงื่อนไข มีดังนี้
ข้อดีของการลงทุนต่อใน SSF และ RMF หลังจากขาย ‘LTF ครบกำหนด’ คือ คุณได้ลดหย่อนภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาอย่างต่อเนื่อง สร้างความมั่งคั่งจากการลงทุน แต่มีข้อจำกัด คือ ต้องลงทุนระยะยาว มีเงื่อนไขด้านเวลาและอายุเมื่อขายคืน
หากคุณไม่อยากผิดเงื่อนไขและเสียภาษีย้อนหลัง คุณต้องถือครอง SSF และ RMF ให้ครบกำหนดเช่นเดียวกัน อาจจะทำให้คุณพลาดโอกาสในวันที่คุณเจอสินทรัพย์การเงินที่ดีกว่า นอกจากนี้ ค่าธรรมเนียมบริหารจัดการของ SSF และ RMF อาจจะสูงกว่ากองทุนรวมทั่วไป
ทั้งนี้เมื่อเงินลงทุน ‘LTF ครบกำหนด’ คุณมีทางเลือกอีกมากมาย นอกเหนือจาก 5 ทางเลือกที่ทีมงาน Jitta Wealth รวบรวมมา เช่น ขายเพื่อมาลงทุนต่อในกองทุนรวมทั่วไป อสังหาริมทรัพย์ หรือทองคำ ขายเพื่อนำเงินต้นและกำไรมาใช้จ่าย หรือขายเพื่อนำเงินก้อนมาจ่ายเงินกู้ ฯลฯ ขึ้นอยู่กับการวางแผนการเงินส่วนบุคคลของคุณ
นี่คือ 5 ทางเลือกการลงทุน เมื่อ LTF ครบกำหนด คุณสามารถเปรียบเทียบตามความเสี่ยงที่ยอมรับได้ และเลือกวิธีที่จะทำให้เงินของคุณได้เติบโตไปในแนวทางที่คุณต้องการมากที่สุด
หากคุณต้องการจะลงทุนต่อในกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ไม่ว่าจะเป็นพอร์ต Global ETF Thematic และ Jitta Ranking สามารถเข้าไปอ่านบทความอื่นๆ ที่น่าสนใจได้ที่ https://blog.jittawealth.com/ หรือสอบถามเจ้าหน้าที่แนะนำการลงทุนได้ที่ Line ID: @JittaWealth
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ผู้บุกเบิกสตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01
ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
รวบตึง 3 พอร์ตลงทุน Jitta Wealth เลือกแบบไหน…ที่ตรงใจ
ส่องพอร์ตปังๆ ของ Jitta Wealth ปี 2564 กำไรเกือบ 70%
กองทุนส่วนบุคคลคืออะไร ทำไม Jitta Wealth ถึงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจ