คุณรู้สึกสบายใจหรือไม่ เมื่อลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซี…
เป็นไปได้ไหม ที่คุณจะได้ผลตอบแทนงอกเงยระยะยาว จากพอร์ตลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล…
คริปโทเคอร์เรนซีจะเป็นสินทรัพย์ที่เป็นโอกาสลงทุนแห่งอนาคตจริงหรือไม่…
นี่คือ ความกังวลของนักลงทุนส่วนหนึ่งต่อสินทรัพย์ดิจิทัล แต่อีกด้าน นักลงทุนอีกส่วนหนึ่งก็พร้อมจะเข้าซื้อขายในคริปโทเคอร์เรนซี (Cryptocurrency) มองเห็นโอกาสในการสร้างผลกำไรให้เงินลงทุนเติบโตแบบก้าวกระโดด
เทรนด์การซื้อขายคริปโทเคอร์เรนซี หรือสกุลเงินดิจิทัล กำลังเป็นกระแสสำหรับนักลงทุนยุคใหม่ โดยเฉพาะในช่วง 2-3 ปีมานี้ ที่มูลค่าของสกุลเงินดิจิทัลเติบโตสูงมาก ขณะเดียวกันก็มีความผันผวน ราคาขึ้นลงไปเหมือนรถไฟเหาะให้นักลงทุนหวาดเสียวเล่น
ปัจจุบันสกุลเงินดิจิทัลมีมากกว่า 7,330 สกุลทั่วโลก มาร์เก็ตแคปรวมกว่า 2.62 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ และ Bitcoin ที่มีมาร์เก็ตแคปสูงสุดที่ 1.16 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามมาด้วย Ethereum มีมาร์เก็ตแคปรวม 515,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ 28 ตุลาคม)
ก่อนหน้านี้ คริปโทเคอร์เรนซีถูกมองว่าเป็นเพียง ‘แชร์ลูกโซ่’ และเรื่องหลอกลวงให้คนแห่แหนมาลงทุน เพื่อเก็งกำไร ขณะที่นักลงทุนส่วนหนึ่งก็มองว่า ยังไม่สามารถประเมินพื้นฐานของสินทรัพย์เหล่านี้ได้ ราคาผันผวนสูง หรือไม่เหมาะกับการลงทุนระยะยาว
แต่มาร์เก็ตแคปที่ใหญ่ขึ้น สะท้อนว่า นักลงทุนทั่วโลกเริ่มให้การยอมรับ รวมไปถึงบริษัทต่างๆ อย่าง Tesla เห็นโอกาสในการกระจายความเสี่ยง ถือครองคริปโทเคอร์เรนซีในพอร์ตลงทุน
ไม่เพียงเท่านั้น สถาบันการเงินยักษ์ใหญ่ของโลก เช่น JPMorgan Goldman Sachs Morgan Stanley และ Standard Chartered ที่เห็นศักยภาพของสกุลเงินดิจิทัลเช่นเดียวกัน
สถาบันการเงินหลายรายที่บริหารกองทุนส่วนบุคคลให้มหาเศรษฐี จัดพอร์ตให้ถือครองคริปโทเคอร์เรนซีเอาไว้ด้วย
สะท้อนว่า คริปโตเคอร์เรนซีกำลังเข้ามามีบทบาทในโลกการลงทุน…ที่มีทั้งโอกาสและความเสี่ยง บทความนี้ เราจะฉายภาพอิทธิพลของสกุลเงินดิจิทัลที่มีต่อการลงทุนใน ETF (Exchange Traded Fund) รวมไปถึงโอกาสและความเสี่ยงของคริปโทเคอร์เรนซี
จุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของคริปโทเคอร์เรนซี คือ ได้รับการยอมรับจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (สำนักงาน ก.ล.ต.) ให้ออก ETF ลงทุนในสกุลเงินดิจิทัล
แน่นอนว่า สกุลเงินดิจิทัลมูลค่าสูงสุดอย่าง Bitcoin และ Ethereum ได้รับเลือกให้เป็นสินทรัพย์สำหรับจัดตั้ง ETF
เริ่มจากตลาดหุ้นแคนาดาที่สำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติให้ Purpose Bitcoin ETF (BTCC) สามารถซื้อขายได้อย่างเป็นทางการ เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ 2564 นับเป็น Cryptocurrency ETF กองแรกของโลก ที่มีนโยบายลงทุนใน Bitcoin โดยตรง ปัจจุบันมูลค่า AUM (Assets Under Management) ประมาณ 1,470 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ข้อมูล ณ 28 ตุลาคม)
ที่ร้อนแรงไม่แพ้กันในตลาดหุ้นแคนาดา คือ Evolve Cryptocurrencies ETF (ETC) ที่ลงทุนใน ETF สกุลเงินดิจิทัล ทั้ง Bitcoin ETF (EBIT) และ Ether ETF (ETHR) เริ่มซื้อขายเมื่อปลายเดือนกันยายนที่ผ่านมา ปัจจุบันมูลค่า AUM ประมาณ 25.32 ล้านดอลลาร์แคนาดา (ข้อมูล ณ 28 ตุลาคม)
ทั้ง Bitcoin ETF (EBIT) and Ether ETF (ETHR) เข้าไปลงทุนในคริปโตเคอร์เรนซีโดยตรง โดยใช้ที่เก็บสินทรัพย์ของ Cold Storage เปรียบเสมือน Offline Wallet บนแพลตฟอร์มที่ไม่เชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ต เพื่อป้องกันการโจรกรรมทางไซเบอร์
ล่าสุดในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ที่สำนักงาน ก.ล.ต. อนุมัติให้ ProShares Bitcoin Strategy ETF (BITO) ซื้อขายในตลาดหุ้น NYSE เมื่อวันที่ 19 ตุลาคม เป็น Cryptocurrency ETF แรกในสหรัฐฯ ตามมาติดๆ กับ Valkyrie Bitcoin Strategy ETF (BTF) ซื้อขายในตลาดหุ้น Nasdaq เมื่อวันที่ 22 ตุลาคม
แต่ทั้ง BITO และ BTF จะลงทุนผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฟิวเจอร์ส (Futures) จาก Chicago Mercantile Exchange (CME) Bitcoin futures ที่ใช้ Bitcoin เป็นราคาอ้างอิงจากตลาดการซื้อขายทั่วโลก ไม่ได้ลงทุนผ่าน Bitcoin โดยตรง แต่ยังไม่มีรายงานมูลค่า AUM เนื่องจากเพิ่งเข้าตลาดหุ้นสหรัฐฯ
ภาพเหล่านี้ สะท้อนถึงการยอมรับคริปโทเคอร์เรนซีที่เป็นสินทรัพย์เพื่อการลงทุน จากหน่วยงานกำกับดูแลด้านการลงทุนโดยตรงอย่างสำนักงานก.ล.ต. หลังจากที่แบ่งรับแบ่งสู้พิจารณาข้อดีข้อเสียมานานหลายปี
ผลที่ตามมาของการเข้าซื้อขาย BITO รวมไปถึง ETF กองอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลุ่มคริปโทเคอร์เรนซีในตลาดหุ้นสหรัฐ ทำให้ราคา Bitcoin พุ่งสูงขึ้นจนทะลุ 60,000 ดอลลาร์สหรัฐ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่เดือนเมษายนที่ผ่านมา
แต่ก็มีจุดสังเกตว่า บริษัทบริหารสินทรัพย์ที่ออก Cryptocurrency ETF จะเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่มั่นใจว่า มีความปลอดภัยในการถือครอง ไม่ถูกโจรกรรมบนไซเบอร์ เพราะสินทรัพย์ดิจิทัลอยู่บนโลกออนไลน์ ไม่มีเอกสารเป็นลายลักษณ์อักษร มีโอกาสที่คริปโทเคอร์เรนซีที่ถือครองอยู่ถูกแฮ็ก ถ้าระบบตลาดซื้อขายไม่มีระบบด้านความปลอดภัยที่มากพอ
สำหรับ Cryptocurrency ETF ในตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปัจจุบัน ยังเลือกลงทุนทางอ้อมผ่านสัญญาซื้อขายล่วงหน้าฟิวเจอร์ส โดยใช้ราคาอ้างอิงสกุลเงินดิจิทัล ไม่ได้ลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีโดยตรง
นักลงทุนประเมินว่า Bitcoin Futures ในตลาด CME มีข้อกำหนดทางกฎหมายและมาตรการที่ชัดเจนกว่าการซื้อขายเหรียญโดยตรงนั่นเอง สะท้อนว่า ในอีกมุมหนึ่งของสินทรัพย์ดิจิทัล ยังมีความเสี่ยงที่คาดการณ์ไม่ได้ และมีช่องโหว่เพื่อรอให้มีการกำกับดูแล รวมไปถึงกฎเกณฑ์ที่รัดกุมมากขึ้น
แต่ภาพที่เห็นได้ชัด คือ คริปโทเคอร์เรนซีมีบทบาทในโลกการลงทุนมากขึ้น การออก Cryptocurrency ETF นี้มีนัยสำคัญต่อ Bitcoin Ethereum และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ เพราะเป็นการเปิดโอกาสให้สินทรัพย์ดิจิทัลเข้าถึงนักลงทุนมากขึ้น ได้รับการยอมรับจากหน่วยงานกำกับดูแลตลาดเงินตลาดทุน
ดังนั้นการลงทุนผ่าน Cryptocurrency ETF เป็นอีกทางเลือก สำหรับนักลงทุนหลายๆ คน ที่ยังมีข้อกังวลในสินทรัพย์ดิจิทัลเกี่ยวกับกฎหมายและความปลอดภัย เพราะ ETF มีส่วนช่วยให้ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเติบโตมากขึ้น เป็นโอกาสให้นักลงทุนเข้าถึงสกุลเงินดิจิทัลผ่านเครื่องมือทางการเงินที่ถูกกฎหมาย
แม้ว่าจะเพิ่งเปิด ETF ใหม่ ภาพผลตอบแทนและขนาด AUM เมื่อมีเม็ดเงินไหลเข้า Cryptocurrency ETF จะทำให้เกิดการแข่งขันใน ETF กลุ่มเดียวกันมากขึ้น และจะมีเครื่องมือการลงทุนอื่นๆ ที่เข้าไปลงทุนโดยตรงในตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเพิ่มขึ้นในอนาคต
เมื่อนึกถึงเส้นโค้งแห่งการเรียนรู้ (Learning Curve) ของคริปโทเคอร์เรนซี ภาพอาจจะยังไม่ชัดมากนัก เนื่องจากเริ่มถูกใช้เป็นเครื่องมือการลงทุนเมื่อไม่กี่ปีที่ผ่านมา
อย่าง Bitcoin ถือกำเนิดในปี 2552 แต่ราคาเริ่มพุ่งแรงเมื่อปี 2560 จนถึงปัจจุบัน ราคา Ethereum เริ่มเป็นทิศทางขาขึ้นในช่วงเวลาเดียว ดังนั้น Learning Curve ของตลาดคริปโทเคอร์เรนซียังต้องผ่านการเรียนรู้จากนักลงทุน หน่วยงานกำกับดูแลของแต่ละประเทศ และผู้พัฒนาสินทรัพย์ดิจิทัล
แน่นอนว่า การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีเหมือนกับการลงทุนในสินทรัพย์อื่นๆ ที่มาพร้อมกับความเสี่ยงที่คาดการณ์ไม่ได้
นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่ง มองว่า Cryptocurrency ETF เป็นอีกก้าวสำคัญที่สะท้อนให้เห็นถึงการเติบโตของตลาดคริปโทเคอร์เรนซี และอาจจะส่งผลต่อราคา Bitcoin ให้ผันผวนมากขึ้น เหมือนกับการซื้อขายตราสารอนุพันธ์ของสินค้าโภคภัณฑ์ผ่านตลาด Comex อย่าง Gold Futures และ Silver Futures
CoinShares บริษัทด้านการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิทัล คาดว่า สินทรัพย์ภายใต้การจัดการ (AUM) ของ Cryptocurrency ETF มีแนวโน้มเติบโตขึ้นในอนาคต เพราะเทรนด์การลงทุนผ่าน ETF จะเพิ่มสูงขึ้น
นอกจากนี้ยังมีมุมมองเชิงบวกและลบจากนักการเมือง ผู้บริหารสถาบันการเงิน และบริษัทยักษ์ใหญ่ที่ให้ความสนใจในสินทรัพย์ดิจิทัล เช่น
จากมุมมองทั้งบวกและลบ สะท้อนว่า ราคา Bitcoin อาจจะเป็นขาขึ้นได้อีก ขณะเดียวกันก็มาพร้อมกับความผันผวนที่สูงขึ้น จากการเก็งกำไรจากนักลงทุนทั่วโลกและมีการซื้อขายตลอดเวลา
สิ่งที่คุณจะต้องมีก่อนลงทุนใน Bitcoin และสกุลเงินดิจิทัลอื่นๆ โดยตรง คือ ความเข้าใจในสินทรัพย์มากพอ รับความเสี่ยงได้สูง และรับมือได้ดีเมื่อราคาสินทรัพย์ดิจิทัลลดลงแรง เพราะกราฟราคาจะขึ้นลงเป็นรูปตัว V ขึ้นได้สูงสุดและลงได้ต่ำสุดด้วยเช่นกัน
ปัจจัยราคาคริปโทเคอร์เรนซีผันผวน ได้แก่ แรงซื้อเก็งกำไรและแรงขายทำกำไรจากนักลงทุนทั่วโลก ความเชื่อมั่นของสกุลเงินดิจิทัลที่มีมาร์เก็ตแคปใหญ่ๆ อย่าง Bitcoin Ethereum Tether หรือ Dogecoin ปริมาณการค้นหาสกุลเงินดิจิทัลในอินเทอร์เน็ต และปริมาณการทำธุรกรรมของคริปโทเคอร์เรนซี
แต่ในอีกมุม ต้องยอมรับว่า ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีแข็งแกร่งขึ้นเรื่อยๆ นักลงทุนสามารถเข้าถึงตลาดซื้อขาย (Exchange) ได้หลากหลายแหล่ง เกิดสตาร์ตอัปพัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล รวมทั้งนักลงทุนสถาบันและรายย่อยเริ่มมองเห็นความสำคัญในการถือครองของสินทรัพย์ดิจิทัลด้วยเช่นกัน
บริษัทฟินเทค อย่าง Square และ Paypal เริ่มขยายบริการสู่คริปโทเคอร์เรนซี ทำให้คุณสามารถซื้อ ขาย และโอนสกุลเงินดิจิทัลบนแพลตฟอร์มออนไลน์ได้ง่ายขึ้น
หากคุณมองว่า การถือครองสกุลเงินดิจิทัลจะเพิ่มความหลากหลายให้พอร์ตของคุณได้ กระจายความเสี่ยงจากสินทรัพย์ทางการเงินที่ลงทุนอยู่ รวมทั้งรับความเสี่ยงด้านราคาที่ผันผวนได้ การลงทุนในคริปโทเคอร์เรนซีก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่ง เพราะความเคลื่อนไหวของราคาสกุลเงินดิจิทัลแทบไม่มีความสัมพันธ์พันธบัตร ตราสารหนี้ และหุ้น
หากคุณเชื่อว่า สกุลเงินดิจิทัลจะเติบโตขึ้นในอนาคต…ยังไม่สายที่จะเริ่มจัดพอร์ตลงทุนในช่วงที่คริปโทเคอร์เรนซีกำลังมีบทบาทในโลกการลงทุน และยังอยู่ในช่วง Early Adoption ที่นักลงทุนทั่วโลกเริ่มใช้ประโยชน์จากการถือครองสกุลเงินดิจิทัลนั่นเอง
กว่าจะไปถึง Early Majority ที่ผู้คนสามารถใช้สกุลเงินดิจิทัลแลกเปลี่ยนเสมือนเงินตราที่ออกจากธนาคารกลางของแต่ละประเทศ ยังต้องใช้เวลาและมี Learning Curve อีกมาก
จากบทความ ‘ฟินเทค’ เมกะเทรนด์เปลี่ยนโลกการเงิน คริปโทเคอร์เรนซีเป็นส่วนหนึ่งของเมกะเทรนด์ฟินเทค (เทคโนโลยีการเงิน) และที่มารองรับการทำธุรกรรม คือ เทคโนโลยีบล็อกเชน (Blockchain) ที่ซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลโดยไม่ผ่านตัวกลาง
หากคุณมองว่า การซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลยังดูมีความเสี่ยงสูงไป หรือคุณเองก็ยังไม่มั่นใจในสินทรัพย์ดิจิทัลมากพอ คุณสามารถลงทุนผ่านหุ้นบริษัทฟินเทค ที่มีธุรกิจเกี่ยวข้องกับคริปโทเคอร์เรนซีได้ เช่น Coinbase Square และ Paypal
หรืออีกทางเลือก คือ การลงทุนใน Fintech ETF ที่เปิดโอกาสให้คุณลงทุนเมกะเทรนด์ฟินเทค ที่กำลังมีอิทธิพลต่อวิถีชีวิตมนุษย์ และกำลังแทรกแซงเข้าไปอยู่ในทุกอุตสาหกรรมด้วยเช่นกัน ดังนั้นโลกของฟินเทคกว้างกว่าที่คุณคิดหรือคาดการณ์ไว้อย่างแน่นอน
นอกจากนี้ การลงทุนใน Fintech ETF เป็นการกระจายความเสี่ยงให้คุณได้ลงทุนในทั้งอุตสาหกรรม หากคุณอยากมีมือข้างหนึ่งลงทุนในหุ้นบริษัทคริปโทเคอร์เรนซีเอาไว้ แต่ก็ไม่อยากใจเต้นแรงทุกวินาทีในช่วงที่ราคาหุ้นนั้นผันผวน มืออีกข้างจะกระจายความเสี่ยงให้คุณ หยิบจับธุรกิจอื่นๆ ในฟินเทค เช่น ธุรกรรมการเงินผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ (Mobile Banking) การระดมทุนในแพลตฟอร์มออนไลน์ (Crowdfunding) เทคโนโลยีการลงทุน (WealthTech) และเทคโนโลยีการประกันชีวิต (InsurTech)
Jitta Wealth มีกองทุนส่วนบุคคล Thematic ธีมฟินเทค โดยเลือก Global X FinTech ETF (FINX) ลงทุนในหุ้นของบริษัทผู้นำนวัตกรรมและเทคโนโลยีการเงินทั่วโลกผ่าน ครอบคลุมมากว่า 50 บริษัท
FINX ถือเป็น Fintech ETF ที่ก่อตั้งมายาวนานที่สุดและมีการเติบโตที่น่าสนใจ ถูกจัดอยู่ใน 7 ETF ธีมฟินเทคที่ควรลงทุนที่ควรลงทุน โดย U.S.News & World Report มีผลตอบแทนรวมตั้งแต่จัดตั้ง ETF อยู่ที่ 219.78% ณ 30 กันยายน
คุณสามารถเข้าไปศึกษาเพิ่มเติมได้ที่ 10 บริษัทชั้นนำจาก Thematic ETF ธีมฟินเทค โดยลงทุนใน Coinbase สตาร์ตอัปผู้พัฒนาแพลตฟอร์มซื้อขายสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ด้วย
ด้วยเงินลงทุนเริ่มต้น 100,000 บาท คุณสามารถเลือกจัดพอร์ตเองผ่าน Thematic DIY ได้สูงสุด 5 ธีม หรือเลือกให้ AI เลือกธีมให้ผ่าน Thematic Optimize ในช่วงเวลาที่ธีมฟินเทคมีผลตอบแทนดีและมีโอกาสเติบโต
เข้ามาศึกษาวิธีจัดพอร์ตและการทำงานของ AI ของกองทุนส่วนบุคคล Thematic ได้ทางเว็บไซต์ หรือสอบถามเจ้าหน้าที่ Line ID: @JittaWealth
กองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth บริหารจัดการโดย บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน จิตตะ เวลธ์ จำกัด ผู้บุกเบิกสตาร์ตอัป WealthTech สัญชาติไทยรายแรก ที่ได้รับใบอนุญาตจากกระทรวงการคลัง กำกับโดยสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ ใบอนุญาตเลขที่ ลค-0105-01
ผลตอบแทนในอดีต ไม่สามารถการันตีผลตอบแทนในอนาคต การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรทำความเข้าใจนโยบายการลงทุน เงื่อนไขผลตอบแทน และความเสี่ยงก่อนตัดสินใจลงทุน การลงทุนต่างประเทศอาจมีความเสี่ยงจากอัตราแลกเปลี่ยน
ผ่าไส้ใน AI ของ Thematic Optimize คิดจากอะไร แม่นยำแค่ไหน
AI ของ Thematic Optimize จัดพอร์ตอย่างไร ทำผลตอบแทนได้ 25% ต่อปี
Thematic DIY กับ Thematic Optimize แบบไหนที่ใช่คุณ