จัดพอร์ตลงทุนรับปี 2564

29 ธันวาคม 2563WEEKLY DIGEST

สัปดาห์สุดท้ายของปีหนูแล้วนะครับ

ช่วงเวลาที่ทุกคนต่างเฝ้ารอ เตรียมเฉลิมฉลองส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่...

แต่กลายเป็นว่า ไทยต้องเจอ Covid-19 ระบาดรอบใหม่ ขณะที่ทั่วโลก สถานการณ์ก็ยังไม่ได้ดีขึ้น แม้วัคซีนหลายล้านโดส กำลังกระจายไปทั่วทุกมุมโลกแล้วก็ตาม

เช้านี้เราจะมาติดตามความคืบหน้าของ Covid-19 ในไทยและทั่วโลก ท่ามกลางวิกฤตที่ดูแล้วยังไม่คลี่คลาย อัปเดตการเจรจา Brexit และ 3 ประเทศที่จะขึ้นมาครองโลกในอีกไม่ถึง 10 ปี คุณจะปรับตัวอย่างไร ยังมีโอกาสในการลงทุนตรงไหน มาดูกันครับ

จำนวนผู้ติดเชื้อ Covid-19 รอบใหม่ระบาดทั่วไทย

คลัสเตอร์ระบาดใหญ่ไม่ได้มาจากจังหวัดสมุทรสาครที่เดียวแล้วนะครับ สุดสัปดาห์ที่ผ่านมามีการแพร่ระบาดกลุ่มใหญ่มาจากจังหวัดระยองด้วย มีทั้งมีความเชื่อมโยงกับจังหวัดสมุทรสาคร และมาจากบ่อนการพนัน

รายงานล่าสุดจากเพจไทยรู้สู้โควิด นับถึงวันที่ 27 ธ.ค. มีรายงานพบติดเชื้อแล้ว 43 จังหวัด เพิ่มมาอีก 6 จังหวัด

5 จังหวัดติดเชื้อสูงสุด คือ สมุทรสาคร กรุงเทพฯ ระยอง สมุทรปราการ และนนทบุรี

ส่วนผู้ติดเชื้อสะสม Covid-19 ระลอกใหม่อยู่ที่ 1,702 ราย

ไม่เว้นแม้แต่ผู้ว่าฯ จ.สมุทรสาคร มีรายงานว่าตรวจพบเชื้อแล้ว จากการลงพื้นที่ ทำให้รมว. กระทรวงสาธารณสุขที่ลงพื้นที่ร่วมกับผู้ว่าฯ จำเป็นต้องกักตัว 14 วัน แม้จะยังไม่พบเชื้อก็ตาม

มาตรการภาครัฐสำหรับ Covid-19 รอบนี้คือ กำหนดพื้นที่ 4 โซน ได้แก่ พื้นที่ควบคุมสูงสุด (แดง) พื้นที่ควบคุม (ส้ม) พื้นที่เฝ้าระวังสูง (เหลือง) และพื้นที่เฝ้าระวัง (เขียว)

โดยยังไม่ล็อกดาวน์ทั่วประเทศ และใช้มาตรการเคอร์ฟิวในจังหวัดที่มีจำนวนผู้ติดเชื้อสูงเท่านั้น

บรรยากาศการเฉลิมฉลองเทศกาลปีใหม่เลยสะดุด บางพื้นที่งดจัดงานเคาท์ดาวน์ กิจกรรมทางเศรษฐกิจลดฮวบ ทั้งๆ ที่เป็นช่วงเวลาทองที่ทุกภาคธุรกิจจะสามารถลืมตาอ้าปากได้

ศูนย์วิจัยกสิกรไทย มองว่า การแพร่ระบาดระลอกใหม่จะสูญเสียโอกาสในการสร้างรายได้จากคนไทยเดินทางท่องเที่ยวในช่วงวันหยุดยาว 4 วัน (31 ธ.ค. 63 – 3 ม.ค. 64) คิดเป็นมูลค่าประมาณ 5,850 ล้านบาท

Covid-19 กลายพันธุ์ในอังกฤษ กับ Brexit

แม้ว่าสหราชอาณาจักรเป็นประเทศแรกของโลกที่ได้รับวัคซีนป้องกัน Covid-19 เมื่อต้นเดือนธ.ค. แต่ใครจะคาดคิดว่า ในอีก 2 สัปดาห์ต่อมา กลับพบ ไวรัส Covid-19 กลายพันธุ์ ชื่อว่า B.1.1.7

ความร้ายแรงของ Covid-19 กลายพันธุ์ คือ ติดเชื้อระหว่างกันได้ง่ายขึ้น แพร่กระจายได้วงกว้างขึ้น รุนแรงขึ้นกว่า 70%

ทำให้สหราชอาณาจักรต้องกำหนดโซนล็อกดาวน์ทั่วประเทศ เป็น 4 ระดับ เช่นเดียวกัน

ขณะที่หลายประเทศทั่วโลกระงับเที่ยวบินที่มาจากสหราชอาณาจักร เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดด้วย

แต่ก็ยับยั้งไม่ได้ เพราะสิงคโปร์ ญี่ปุ่น และฝรั่งเศสยืนยันแล้วว่า มีการติดเชื้อกลายพันธุ์จากอังกฤษ

สำหรับอังกฤษ ไม่ได้มีประเด็น Covid-19 กลายพันธุ์เท่านั้น แต่การเจรจาข้อตกลงทางการค้า การเคลื่อนย้ายประชากร และแรงงาน หลังแยกตัวจากสหภาพ EU หรือ Brexit กำลังใกล้เส้นตายในวันที่ 31 ธ.ค.นี้

ประเด็น Brexit มีการพูดถึงผลกระทบต่อการค้าทั่วโลกมาตลอด 4 ปี และสหราชอาณาจักรก็ได้ออกจากสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 31 ม.ค. ผ่านมา

ขั้นตอนการเจรจาข้อตกลงต่างๆ ทั้ง 2 ฝ่ายมีเวลา 11 เดือน หลายฝ่ายคาดการณ์ว่า จะเกิด No Deal Brexit หรือเจรจากันไม่ได้นั่นเอง

แต่ในที่สุดก็เจรจาสำเร็จช่วงโค้งสุดท้ายของปี 2563 โดยดีลครอบคลุมทั้งด้านการค้า การท่องเที่ยว การประมง ความมั่นคง กระบวนการยุติธรรม และการศึกษาต่อ

ดีลนี้จะกระทบต่อประชาชนและภาคธุรกิจทั้งใน EU และสหราชอาณาจักร ในด้านการค้าระหว่างกัน คือ ไม่มีกำแพงภาษี และไม่มีกำหนดโควต้านำเข้าสินค้า

แต่ภายหลังจากการเจรจาข้อตกลงสำเร็จแล้ว ทั้ง 2 ฝ่ายต้องไปออกเป็นร่างกฎหมายและผ่านอนุมัติจากรัฐสภา

คงต้องจับตาดูต่อไปว่า ประชาชน ภาคธุรกิจ และเศรษฐกิจของ EU และอังกฤษจะเป็นอย่างไรต่อไปในปี 2564 ท่ามกลางสถานการณ์การแพร่ระบาดของ Covid-19 ที่ยังไม่คลี่คลาย

เอาชนะวิกฤต Covid-19 ด้วยหุ้นเมกะเทรนด์

ในทุกวิกฤตที่เกิดขึ้น มักจะมีบางธุรกิจที่ยังไปได้ดี สำหรับ Covid-19 นั้น ธุรกิจที่โตสวนทาง ก็ยังเป็นธุรกิจที่ยังมีความผูกพันกับการใช้เทคโนโลยี และการใช้อินเทอร์เน็ต

เพราะวิถีชีวิต New Normal ทำให้เราต้องใช้เทคโนโลยีมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการทำงานจากที่บ้าน การช็อปปิ้งออนไลน์ สื่อความบันเทิงออนไลน์ เกมออนไลน์ หรือจ่ายเงินด้วย QR Code

ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับเมกะเทรนด์เหล่านี้จึงเติบโตมากในปีนี้ Jitta Wealth สรุป 10 เมกะเทรนด์ที่มีผลตอบแทนสูงสุดในปี 2563 จาก 12 เมกะเทรนด์ที่เราเปิดให้คนไทยได้ลงทุนผ่าน ETF โดยธีม Cloud Computing มีผลตอบแทนสูงสุดครับ

เศรษฐกิจจีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ ในอีก 8 ปีข้างหน้

ศูนย์วิจัยเศรษฐกิจและธุรกิจ (CEBR ของอังกฤษ) คาดว่า จีนจะแซงหน้าสหรัฐฯ ขึ้นเป็นประเทศที่มีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในโลก ปี 2571 เร็วขึ้นจากที่คาดการณ์ไว้เดิม 5 ปี เพราะการจัดการวิกฤต Covid-19 ที่แตกต่างกัน

จีนจัดการได้รวดเร็วกว่า แม้ว่าจะเป็นประเทศต้นกำเนิดของโรคระบาดนี้ นั่นหมายความว่า ในอนาคตนั้น จีนจะเป็นเบอร์ 1 และสหรัฐฯ จะเป็นเบอร์ 2

ในรายงานของ CEBR บอกอีกว่า อินเดียจะเข้ามาเป็นอันดับ 3 แทนที่ญี่ปุ่น ทำให้ในอีกไม่ถึง 10 ปี ญี่ปุ่น เยอรมณี และสหราชอาณาจักร จะตกมาอยู่ที่อันดับ 4 5 และ 6 ตามลำดับ

สะท้อนว่าตลาดหุ้นอนาคตไกลในอีก 10-20 ปีข้างหน้า ก็หนีไม่พ้นจีน สหรัฐฯ และอินเดีย

Jitta Wealth Thematic มีลงทุนกองทุน ETF ใน 3 ตลาดหุ้นของประเทศแห่งอนาคตทั้ง 3 ได้แก่ สหรัฐฯ จีน และอินเดีย ด้วยครับ

เริ่มต้นลงทุนไม่ยากครับ เงินลงทุน 100,000 บาท ให้คุณเลือกจัดพอร์ตได้ตั้งแต่ 1-5 ธีม จากนั้น Jitta Wealth จะดูแลและปรับพอร์ตลงทุนให้อัตโนมัติ

ถ้าคุณสนใจลงทุนในธีมธุรกิจที่คุณสนใจและตลาดหุ้นที่คุณเชื่อมั่น ลองดูข้อมูลได้บนเว็บไซต์ หรือสอบถามทีมงานของเราเพิ่มเติมได้ที่ Line: @JittaWealth หรือ Facebook: Jitta Wealth

แจ้งวันปิดทำการ

ในช่วงเทศกาลปีใหม่ ทาง Jitta Wealth จะปิดทำการในช่วงวันที่ 31 ธ.ค. 2563 ถึง 3 ม.ค. 2564 โดยวันทำการสุดท้ายของปี 2563 คือ 30 ธ.ค. และเปิดทำการอีกครั้งในวันที่ 4 ม.ค. 2564 ครับ

ในช่วงปิดทำการ คุณยังสามารถดำเนินการต่างๆ ผ่านแอปพลิเคชัน Jitta Wealth เช่น ดูข้อมูลพอร์ตการลงทุนของคุณ เพิ่มนโยบายการลงทุน

การโอนเงินลงทุนและเพิ่มทุนจะต้องรอตรวจสอบโดยเจ้าหน้าที่ในวันเปิดทำการ 4 ม.ค. 2564 เป็นต้นไป

เนื่องจากกระบวนการลงทุนจะใช้เวลาประมาณ 15 วันทำการ หากโอนเงินหลังจากวันที่ 23 ธ.ค. คุณจะได้เริ่มซื้อหลักทรัพย์ในปี 2564

นี่คือ Weekly Digest ฉบับสุดท้ายของปี 2563 แล้วครับ เรากำลังจะต้อนรับปี 2564 ผมขอสวัสดีปีใหม่ล่วงหน้านะครับ

ขอให้เป็นปีวัวทอง พอร์ตลงทุนได้ผลตอบแทนดี วิกฤต Covid-19 คลี่คลาย มีวัคซีนใช้กันถ้วนหน้า และสุขภาพร่างกายแข็งแรงกันนะครับ

ในช่วงเทศกาลที่เราอาจจะสามารถจัดเฉลิมฉลองเล็กๆ ได้ในบางพื้นที่ อย่าลืมใส่แมสก์ พกเจลแอลกอฮอล์ หลีกเลี่ยงอยู่ในที่แออัดกันด้วยนะครับ

แล้วพบกันในปี 2564 ครับ

ตราวุทธิ์ และทีมงาน Jitta Wealth

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด