จับตาความระหองระแหงของ 2 มหาอำนาจ

23 มีนาคม 2564Jitta Wealth Journal

Jitta Wealth Journal ฉบับที่ 18 ประจำวันที่ 23 มี.ค. มีประเด็นข่าวที่น่าติดตามและมีผลกระทบต่อการลงทุนทั้งในหุ้นไทยและต่างประเทศ ดังนี้

  • สหรัฐอเมริกายังคงแข็งกร้าวกับจีน
  • รัฐบาลจีนพยายามลดบทบาทบิ๊กเทคจีน
  • เซ็ตมาตรฐานใหม่ ท่องเที่ยวปลอด Covid-19
  • คนไทยเน้นท่องเที่ยวกับครอบครัวและเพื่อนฝูง
  • ETF พลังงานสะอาด กัญชา และสินค้าโภคภัณฑ์มาแรง

Jitta Wealth มีธีมใหม่ของ Thematic ธีมที่ 14 Travel Tech ทางเลือกสำหรับนักลงทุนที่สนใจโอกาสเติบโตในธุรกิจท่องเที่ยว หลังจากที่วัคซีนกระจายไปทั่วโลก ผู้ป่วยใหม่ลดลง ทุกประเทศเตรียมเปิดพรมแดน

นอกจากนี้ยังมีบทความเกี่ยวกับหุ้น Travel Tech จาก Billionaire VI และ Stock Vitamins - วิตามินหุ้น ที่จะฉายภาพว่า ธุรกิจท่องเที่ยวทั่วโลกมีโอกาสเติบโตและฟื้นตัวได้อย่างไร และลงทุนหุ้น Travel Tech ตอนนี้จะรับกระแสเชิงบวกได้ไหม

สำหรับใครที่สนใจลงทุนในตลาดหุ้นเวียดนาม ลองอ่านบทความ 5 เหตุผลที่ใคร ๆ ก็อยากไปลงทุนที่เวียดนาม ของ Money Buffalo ได้

แต่ถ้าใครรับความเสี่ยงไม่ได้มาก ตลาดหุ้นผันผวนทีนึง พอร์ตลงทุนลดลงก็เครียดแล้ว ลองศึกษา Global ETF ดู เพราะมีการจัดสรรสินทรัพย์ตามหลัก Modern Portfolio Theory ลงทุนตามความเสี่ยงที่เหมาะสม แล้วคุณจะสบายใจ

ไปติดตามกันได้เลย

สหรัฐอเมริกายังคงแข็งกร้าวกับจีน

แนวโน้มความสัมพันธ์ทางการค้าระหว่างสหรัฐฯ-จีนยังเผชิญความท้าทาย เพราะผลการเจรจาทางการทูตระดับสูงในสัปดาห์ที่ผ่านมา ที่รัฐอะแลสกา สหรัฐฯ ยังมีท่าทีปฏิปักษ์กับจีน และมองว่า จีนยังเป็นคู่แข่งทางเศรษฐกิจ

ก่อนหน้านี้ความสัมพันธ์ทางการค้าของทั้ง 2 มหาอำนาจยังไม่ได้ทวีความรุนแรง ส่วนหนึ่งเป็นเพราะการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ และการยุติข้อบาดหมางกันชั่วคราว

สุดท้ายแล้วทั้งสหรัฐฯ และจีนยังไม่สามารถยุติสงครามการค้ากันได้ เพราะการเจรจารอบที่ผ่านมาเหมือนเป็นการใช้อำนาจทางการฑูตมากกว่าการแลกเปลี่ยนความเห็นทางเศรษฐกิจ

ปัจจุบันจีนเป็นคู่ค้ารายใหญ่อันดับที่ 3 ของสหรัฐฯ โดยมีมูลค่าการค้ารวม 558,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2562 และจีนยังเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 สำหรับสินค้าเกษตรจากสหรัฐฯ มูลค่ารวม 14,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปีเดียวกัน

แต่สหรัฐฯ นำเข้าสินค้าจากจีนมากที่สุด จนทำให้ขาดดุลการค้าระหว่างกัน นี่คือชนวนที่เกิดข้อขัดแย้งทางการค้ามานานนับตั้งแต่ Donald Trump เข้าดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีเมื่อปี 2560

นับว่า เป็นการพบปะกันแบบตัวต่อตัวครั้งแรก หลังจากตำแหน่งประธานาธิบดีเปลี่ยนมือมาอยู่ที่ Joe Biden ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า เขาได้ต่อสายตรงถึงประธานาธิบดี Xi Jinping เพื่อคุยประเด็นละเมิดสิทธิมนุษยชนและข้อพิพาทการค้ามาแล้ว

หลังจากนี้ต้องจับตาดูความสัมพันธ์ของ 2 ชาติมหาอำนาจว่า จะส่งสัญญาณเป็นบวกหรือลบต่อการค้าโลก แต่ตอนนี้ทั้ง 2 ฝ่าย ไม่มีใครลดราวาศอกกันเลย

รัฐบาลจีนพยายามลดบทบาทบิ๊กเทคจีน

บิ๊กเทคจีนอย่าง Alibaba JD.com และ Tencent กำลังตกที่นั่งลำบาก จากกฎระเบียบดำเนินธุรกิจที่เข้มงวดมากขึ้น ลดการผูกขาดตลาด ส่งผลให้มูลค่าหุ้นที่เติบโตในรอบปีที่ผ่านมาลดลง

ต้นเหตุมาจากการปล่อยสินเชื่อออนไลน์ที่วุ่นวาย และบริษัทเทคเหล่านี้ยังมีอำนาจผูกขาดตลาด กดดันผู้ประกอบการรายเล็ก และนำเอาข้อมูลผู้บริโภคไปใช้ในทางมิชอบ

กรณีนี้ก็ไม่ต่างจากบิ๊กเทคฝั่งสหรัฐฯ อย่าง Facebook Google และบริษัทอื่นๆ ที่กำลังเผชิญการถูกตรวจสอบอย่างเข้มข้นจากประเทศของตัวเองและต่างประเทศ เรื่องการผูกขาดเช่นเดียวกัน

ความพยายามของรัฐบาลจีนในการเบรกพลังของบิ๊กเทคเคยเกิดขึ้นมาแล้ว เมื่อต้นเดือนพ.ย. เมื่อ Jack Ma ผู้ร่วมก่อตั้ง Alibaba ได้วิพากษ์วิจารณ์หน่วยงานกำกับตรวจสอบของจีนต่อหน้าสาธารณชน

ส่งผลให้แผนการ IPO ของฟินเทคอย่าง Ant Group บริษัทลูกของ Alibaba ต้องถูกเบรกทันที ทั้งๆ ที่บริการ Alipay ของ Ant Group นั้นมีอิทธพลต่อผู้บริโภคจีนมาก

Ant Group ยังมีบริการปล่อยเงินกู้ บริหารจัดการความมั่นคั่ง และการประกันภัย รวมทั้งยังมีฟินเทคของค่าย Tencent ที่มีบทบาทต่อผู้บริโภคจีนด้วย แต่กฎระเบียบของทางการจีนออกมากำกับดูแลฟินเทคยังตามไม่ทัน

นี่คือ ประเด็นที่รัฐบาลจีนกำลังสะสางระบบการเงินที่ยังยุ่งเหยิง ผ่านการออกกฎหมายควบคุมบิ๊กเทคที่มีอำนาจตลาด และขนาดธุรกิจของบิ๊กเทคจีนเองที่ใหญ่เกินไปกำลังเป็นปัญหาด้วยเช่นกัน

ปริมาณหนี้สินในระบบการเงินของจีนพุ่งสูงขึ้นเรื่อยๆ จนมาอยู่ในระดับ 335% ของจีดีพีปี 2563 ก่อนหน้านี้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ออกมาเตือนแล้ว

ดูเหมือนว่า กฎหมายของแต่ละประเทศยังตามไม่ทันการเติบโตของบริษัทเทค อย่างไรก็ตามคงต้องจับตาดูว่า รัฐบาลจีนจะควบคุมบิ๊กเทคจีนได้แค่ไหน

เซ็ตมาตรฐานใหม่ ท่องเที่ยวปลอด Covid-19

หลายเมืองในสหรัฐฯ ไม่ว่าจะเป็นฮุสตัน แนชวิลล์ ปาล์มบีช และซานตา บาบารา พยายามพัฒนาและสร้างมาตรฐานด้านความปลอดภัย Covid-19 เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว

มาตรการล็อกดาวน์ทำให้ผู้คนไปไหนไม่ได้ แต่ความต้องการท่องเที่ยวยังคงอยู่ ยิ่งวัคซีน Covid-19 กำลังกระจายไปทั่วสหรัฐฯ และหลายพื้นที่ก็คลายล็อกดาวน์แล้วผู้คนจึงกระตือรือร้นที่จะออกเดินทางอีกครั้ง

แม้ว่าจะเป็นแค่การท่องเที่ยวในประเทศ เมืองเหล่านี้กำลังพัฒนามาตรฐานรับรองความปลอดภัย Covid-19 ให้เป็นแบรนด์ของตัวเอง เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวและสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ ต้อนรับฤดูกาลท่องเที่ยวของสหรัฐฯ ที่ใกล้จะถึงนี้

ยิ่งพฤติกรรมการท่องเที่ยวใหม่ๆ กำลังมา ไม่ว่าจะเป็นทำงานนอกสถานที่ (Remote Work) หรือการเรียนออนไลน์ ผู้คนจึงกล้าเดินทางไปพักผ่อนหย่อนใจมากขึ้น ไม่ต้องใช้วันลา เพราะยังสามารถทำงานได้

ธุรกิจโรงแรม สถานที่จัดงานในเมืองเหล่านี้ คาดหวังว่า มาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยจาก Covid-19 จะประสบความสำเร็จ และเพิ่มความต้องการจากนักท่องเที่ยวสหรัฐฯ หลังการแพร่ระบาดลดลง

รีบลงทุน ก่อนนักท่องเที่ยวกลับมา กับ Jitta Wealth Thematic ธีมเทคโนโลยีการท่องเที่ยว

คว้าโอกาสก่อนหุ้นท่องเที่ยววิ่งไกล ลงทุนหุ้นเทคโนโลยีท่องเที่ยววันนี้ ต้อนรับการฟื้นตัวของกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวหลังทั่วโลกเปิดประเทศ นักท่องเที่ยวกรูกันเดินทางระบายความอัดอั้น และอุตสาหกรรมท่องเที่ยวกลับมาผงาดเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกครั้ง

Thematic เป็นกองทุนหนึ่งเดียวในไทย ที่ให้คุณลงทุนในธุรกิจเทคโนโลยีการท่องเที่ยวทั่วโลก เช่น Airbnb Booking Uber และ Expedia ผ่าน ETFMG Travel Tech ETF (AWAY)

ผลตอบแทนย้อนหลัง 1 ปี 60.2%* (ณ 1 มี.ค. 2564)

ถ้าคุณอยากลงทุนตั้งแต่ต้นเทรนด์ นี่คือโอกาสที่พลาดไม่ได้เลย!

ดูข้อมูลเพิ่มเติม

หรือแมสเสจหาเราเพื่อสอบถามทางเฟสบุ๊ก และไลน์ @JittaWealth

มุมมองลงทุนหุ้นท่องเที่ยวก่อนจบ Covid-19

Billionaire VI ได้ให้มุมมองว่า หากจะลงทุนในหุ้นที่เกี่ยวข้องกับการท่องเที่ยว ต้องรีบตัดสินใจ เพราะวัคซีนกำลังกระจายไปทั่วโลก ราคาหุ้นกลุ่มนี้ รวมทั้ง Travel Tech จะยิ่งสะท้อนในเชิงบวกในระยะ 2-3 ปีข้างหน้า

อ่านต่อ

หุ้นเทคท่องเที่ยว ธีมน่าลงทุนก่อนจบ Covid-19

วัคซีนกว่า 410 ล้านโดส ได้ฉีดไปแล้ว 132 ประเทศทั่วโลก หลายรัฐบาลกำลังจะเปิดพรมแดน เมื่อผู้คนต่างโหยหาการท่องเที่ยว Stock Vitamins - วิตามินหุ้น บอกว่า ลงทุนหุ้น Travel Tech ก่อนที่ธุรกิจท่องเที่ยวจะกลับมาบูมอีกครั้ง

อ่านต่อ

คนไทยเน้นท่องเที่ยวกับครอบครัวและเพื่อนฝูง

Airbnb บอกว่า คนไทยเตรียมเที่ยวทริประยะสั้นเพียง 1-3 วันและต้องการใกล้ชิดธรรมชาติ เน้นราคาย่อมเยา การบริการเฉพาะบุคคล สุขอนามัย และความปลอดภัย

Airbnb ทำสำรวจร่วมกับ YouGov บริษัทวิจัยและวิเคราะห์ข้อมูล เกี่ยวกับแนวโน้มการท่องเที่ยวของคนไทยปี 2564 (Meaningful Travel Trends Survey 2021) พบว่า คนไทยต้องการกระชับความสัมพันธ์ภายในครอบครัวและกลุ่มเพื่อนฝูงมากขึ้น

Covid-19 ทำให้ผู้คนไม่สามารถท่องเที่ยวได้เหมือนเดิม เทรนด์นักท่องเที่ยวไทยปี 2564 จะเห็นผู้คนออกเดินทางอย่างมีความหมายและมีวัตถุประสงค์มากขึ้น

ยิ่งวันหยุดยาวอย่างสงกรานต์กำลังจะมาถึงเร็วๆ นี้ จุดหมายปลายทาง ที่พักมีราคาย่อมเยา ปลอดภัย และสถานที่ท่องเที่ยวเหมาะกับทุกเพศทุกวัยจะเป็นหัวใจหลักของการท่องเที่ยวในประเทศของคนไทย

นักท่องเที่ยวไทย ยินดีที่จะจ่าย 5,000 – 15,000 บาท ในการท่องเที่ยวปีนี้ ขณะที่กลุ่มอายุมากกว่า 55 ปีจะใช้จ่ายมากกว่า 50,000 บาทต่อทริปเลยทีเดียว

สถาบันวิจัยอ็อกซ์ฟอร์ด อีโคโนมิกส์ เปิดเผยว่า Airbnb มีส่วนในภาคการท่องเที่ยวไทยในปี 2562 โดยสร้างเม็ดเงินมูลค่า 43,700 ล้านบาทให้จีดีพี และทำให้เกิดการจ้างงานกว่า 113,300 ตำแหน่งในประเทศ

ETF พลังงานสะอาด กัญชา และสินค้าโภคภัณฑ์มาแรง

แม้ว่าตลาดหุ้นสหรัฐฯ ยังมีความไม่แน่นอน สำหรับไตรมาสที่ 1 นี้ ETF (Exchange Traded Fund) ธีมการลงทุน อย่างพลังงานสะอาด (Clean Energy) และกัญชา (Cannabis) ยังได้รับความนิยมจากนักลงทุน

อุตสาหกรรม ETF ของสหรัฐฯ ปัจจุบันมีมูลค่า AUM (Asset Under Management) สูงถึง 6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ สะท้อนว่า ETF เป็นสินทรัพย์ที่ได้รับความนิยมจากนักลงทุนทั่วโลก

ปี 2563 ETF ธีมพลังงานสะอาด อย่าง Invesco Solar ETF (TAN) และ iShares Global Clean Energy ETF (ICLN) ยังมีผลตอบแทนเป็นลบ 13% และ 17% ตามลำดับ แต่คาดว่า ไตรมาสแรกของปี 2564 จะพลิกกลับมาเป็นบวก

ส่วน ETF กัญชาสามารถสร้างผลตอบแทนได้สูงระหว่าง 48-78% ในปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะผลตอบแทนในกลุ่ม ETF เจ้าใหญ่ๆ ETFMG Alternative Harvest ETF (MJ) ที่ลงทุนผ่านนโยบาย Thematic เป็น ETF ที่มีมูลค่า AUM ใหญ่ที่สุดในโลก

ETF พลังงานสะอาดและกัญชา มีปริมาณการซื้อขายสูงในช่วงที่ผ่าน ขณะที่ ETF สินค้าโภคภัณฑ์ (Commodity Index) ก็เริ่มมีการซื้อขายและได้รับความสนใจจากนักลงทุนเช่นเดียวกัน

แต่ ETF ทองคำในช่วงที่ผ่านมาให้ผลตอบแทนสูงมาแล้ว อาจจะไม่ได้รับความสนใจจากนักลงทุน ส่งผลให้เม็ดเงินไหลออก รวมไปถึงพันธบัตรตลาดเกิดใหม่ เมื่อนักลงทุนเห็นว่า ทิศทางดอกเบี้ยเป็นขาขึ้น

5 เหตุผลที่ใคร ๆ ก็อยากไปลงทุนที่เวียดนาม

แม้ว่าจะเป็นตลาดหุ้นชายขอบ แต่ปัจจัยพื้นฐานของเวียดนาม กลับสามารถดึงสปอตไลต์บริษัทยักษ์ใหญ่ ให้ทุ่มเม็ดเงินเข้าไปลงทุนฐานการผลิตระดับโลก Money Buffalo ได้สรุป 5 เหตุผลที่เวียดนามน่าลงทุนมาแล้ว

อ่านต่อ

Exclusive Q&A with CEO

คุณตราวุทธิ์ได้มีโอกาสได้จัด Webinar ผ่าน Zoom เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอบคำถามนักลงทุนที่สนใจกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth และมุมมองของผมต่อการลงทุนท่ามกลางความผันผวนในตลาดการเงินที่เกิดขึ้น

ดูวิดีโอ

Global ETF ทางเลือกลงทุนสบายใจ รับมือความผันผวน

เมื่อผลตอบแทนพอร์ตลงทุนลดลง ทำให้คุณเครียดและกังวล บางทีสินทรัพย์ที่คุณลงทุนอยู่มีความเสี่ยงสูงกว่าที่คุณรับได้ Asset Allocation ตามแบบ Global ETF จะเป็นอีกทางเลือก ตอบโจทย์นักลงทุนที่ไม่ชอบความผันผวน

อ่านต่อ

ตอนที่ Biden ชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีคนที่ 46 หลายฝ่ายก็คาดเดาว่า สงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีน มีแนวโน้มเป็นไปในทิศทางที่ดี

แต่จนถึงตอนนี้...สหรัฐฯ ยังแสดงมีท่าทีแข็งกร้าว และมองว่าจีนเป็นคู่แข่งทางการค้า

ภาพนี้ก็สะท้อนว่า ไม่มีใครคาดการณ์เหตุการณ์ในอนาคตได้ รวมไปถึงตลาดหุ้น ตลาดพันธบัตร และภาวะการลงทุนอื่นๆ Warren Buffett นักลงทุนที่สายตาเฉียบแหลม ยังตัดสินใจและประเมินผิดพลาดได้เลย

หากเราเลือกลงทุนในสินทรัพย์ที่ดี ที่จะเป็นเรือลำใหญ่พาไปหาผลตอบแทนยั่งยืนในระยะยาวได้ เพราะไม่ว่าเรือลำนี้จะเจอพายุลมฝนหนักแค่ไหน เมื่อเป็นเรือที่แข็งแกร่งพอ ฟ้าหลังฝนมักจะงดงามเสมอ

แล้วพบกันสัปดาห์หน้า

อ่าน Jitta Wealth Journal ย้อนหลัง

ลุ้นทั่วโลกเปิดประเทศรับนักท่องเที่ยว

ลุ้นตลาดหุ้น ขานรับแผน Biden

บริษัท หลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
1111/9-10 ถนนลาดพร้าว แขวงจันทรเกษม เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร 10900



สงวนลิขสิทธิ์ © 2024 บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด
เนื้อหาทั้งหมดบนเว็บไซต์นี้จัดทำขึ้นโดยบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด (“Jitta Wealth”) ผู้บริหารจัดการบัญชีกองทุนส่วนบุคคล Jitta Wealth ที่ได้รับใบอนุญาตบริหารจัดการกองทุนประเภท ค เลขที่ ลค-0105-01 และดำเนินการภายใต้การกำกับ ดูแลของ สำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) Jitta Wealth ให้บริการกองทุนส่วนบุคคลสำหรับผู้ลงทุนรายย่อย ที่ต้องการนำเงินมาลงทุนในตลาดทุน โดยใช้เทคโนโลยี AI วิเคราะห์หุ้นและกลยุทธ์การลงทุนที่จัดทำโดยบริษัทจิตตะ ดอท คอม จำกัด (“Jitta.com”) บริหารจัดการให้แบบอัตโนมัติ เพื่อผลตอบแทนระยะยาวที่สูงกว่าดัชนีตลาด การลงทุนมีความเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นการสูญเสียกำไรหรือเงินต้น กลยุทธ์การลงทุนของ Jitta Wealth ใช้ข้อมูลวิเคราะห์หุ้นของ Jitta.com ซึ่งคิดคำนวณจากข้อมูลในอดีต อัตราผลตอบแทน การเปรียบเทียบหรือการจัดอันดับการดำเนินงานที่เกี่ยวข้องกับการลงทุนบนเว็บไซต์นี้เป็นสมมุติฐานทางสถิติจากข้อมูลที่มี เพื่อใช้ประกอบการอธิบายรายละเอียดบริการเท่านั้น ไม่สามารถใช้รับประกันผลตอบแทนในอนาคตได้ สถานการณ์ในโลกที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะแง่บวกหรือแง่ลบ สามารถส่งผลกระทบ ต่อทั้งอุตสาหกรรมหรือกลุ่มธุรกิจ และอาจทำให้พอร์ตหุ้นที่มีการกระจายความเสี่ยงค่อนข้างมากแล้ว ประสบความผันผวนด้านราคาได้ Jitta Wealth ได้รับอนุญาตให้บริหารจัดการกองทุนเพื่อช่วยผู้ลงทุนบรรลุเป้าหมายด้านการเงินผ่านการ ลงทุนในสินทรัพย์ประเภท หุ้นโดยไม่มีเจตนาแนะนำความเหมาะสมของกลยุทธ์การลงทุนใดๆ แก่ผู้ลงทุน ผู้ลงทุนควรคำนึงถึงเป้าหมายการลงทุนส่วนตัว และค่าธรรมเนียมต่างๆ ของ Jitta Wealth ก่อนลงทุน
“Jitta Wealth” เป็นเครื่องหมายการค้าของบริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุนจิตตะ เวลธ์ จำกัด